วันเวลาปัจจุบัน 23 มิ.ย. 2025, 04:00  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2015, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
แสงแห่งพระธรรม เขียน:
เพราะความกลัวทำให้ถอยกลับมาแต่เมื่อตั่งหลักได้ก็เกิดคำถามว่ากลัวทำไม
กลัวตายหรอแค่นี้ก็กลัวแล้ว หากไม่สามารถดำเนินชีวิตเพื่อสร้างคุณงามความดี
ตามความปราถนาเพียงเพราะความกลัวแล้ว ช่างเป็นสิ่งอนาคใจเหลือเกิน ไม่ว่าจะช้า
หรือเร็วทุกคนก็ต้องพบกับความตาย แต่จะตายในแบบใหน ตายในฐานะฮีโร่ผู้ชนะ
กิเลส หรือตายแบบผู้พ้ายแพ้ต่อกิเลสตัวเอง ชีวิตเป็นสิ่งที่เลือกได้โดยเฉพราะเลือกสิ่ง
ที่ดีที่สุดให้ตัวเอง เพราะความดีมีอยู่ในตัวของทุกคน :b8: :b8:
ออกพรรษาแล้วเราจะออกเดินทางอีกครั้ง และอาจจะไม่กลับมา ไม่ว่าจะกลับมาในความหมาย
แบบใหน ดังนั้นจึงเลือกกลับมาจำพรรษาวัดในสังกัดเป็นครั้งแรกตั่งแต่บวชพระเพื่อเยื่อม
ญาติโยมเก่าๆที่ยังอยู่ ในฐานะที่เราเป็นลูกหม้อที่นี้ เพราะถ้าไม่กลับมาพรรษานี้คงไม่มีโอกาส
ได้กลับมาหรือกลับมาอีกทีญาติโยมที่คุ้นเคยตั่งสมัยมาอยู่ใหม่ๆอาจจะล้มหายตายจากไป
หมดแล้วอย่างกลับมาครั้งนี้ญาติโยมที่เคยมาถือศีลก็ตายไปหลายคนแล้ว :b14: :b14:
และก่อนไปอยากจะบูรณะห้องกุฏีที่เคยอยู่ตั่งแต่สมัยแรกมาอยู่ให้ดีเพราะอาจเป็นสิ่งสุดท้าย
ที่จะฝากไว้ในพระศาสนา ทางข้างหน้ามีแต่ความตาย จะไปก็ตายไม่ไปก็ตาย หนีไม่พ้น
ชีวิตมีแค่นี้เอง :b41: :b41: :b46: :b47:

:b8:
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทุกประการเจ้าค่ะ
ผู้ที่ได้อัตภาพเป็นบุรุษเพศแล้วละการครองเรือนได้
ลดความติดข้องได้มหาศาลเลยเจ้าค่า บำเพ็ญล้วนๆ
ชื่อว่าไม่เสียชาติเกิดที่ได้พบพระพุทธศาสนาเจ้าค่ะ
ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องมาแย่งทำมาหากินอย่างปุถุชนเลย
แค่ยุคกึ่งพุทธกาลจิตใจคนในสังคมก็ห่างจากธรรมมาก
แกร่งแย่งกันทำมาหากินมีหนี้สินรุงรังแถมโจรภัยชุกชุม
ท่านได้เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อรักษาพระธรรมและพระวินัยโดยตรง
เป็นทางเอกไม่ใช่ทางโทหรือตรอกซอกซอยเล็กซอยน้อย
ความสันโดษมักน้อยเป็นปกติที่ใช้ผ้าเพียง3ผืนได้ทุกงาน
คนทั่วไปหรือเจ้าคะหลากสีหลายชุดงานแต่ง งานศพ ชุดนอน
ไปงานไหนใส่ชุดเดิมก็กลัวน้อยหน้า ครอบครัวมากกว่า1คน
ก็กิเลสหลากหลาย เพศพระภิกษุถ้าไม่ใช่เพราะทำบุญมาดี
ก็ไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าค่ะหรือไม่บวชไม่นานก็ร้อนผ้าเหลือง
อยากจะศึกออกมาเป็นคนหาเงิน สมัยนี้ทำมาหากินลำบากมาก
เป็นบุญของท่านที่ได้บวช ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นเจ้าค่ะ
แค่บาตรเดียวที่พระพุทธเจ้ามอบให้เป็นเงินเดือนก็เหลือเฟือแล้ว
:b39:
:b44: :b44:


เจริญพร...ขอให้เจริญในธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเช่นกัน :b8: :b41: :b43: :b44:

ขอบพระคุณเจ้าค่า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 10:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1239

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ารู้ไม่ทันต้นคิด จิตก็จะเดือดร้อน ยังต้องมีการปรุงแต่ง อยู่ภายใต้ ชอบ ชัง เฉย อยู่ โทษหนัก คลายช้า ต้องดับความคิดให้ทัน จะคิดดับๆ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า จงละซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน สิ่งที่ได้ทราบ บุญ บาป อีกทั้งมงคลตื่นข่าว รวมทั้งความฝันไม่ควรติดด้วย
พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าการที่รู้ว่าใครเป็นพาลหรือบัณฑิต ดูไม่ยากหรอก แค่ดูที่ข้อความก็รู้แล้ว ถ้ารู้ทันก็เป็นบัณฑิต แต่ถ้ารู้ไม่ทันและยึดถือก็เป็นพาล ทางไปนรกก็คือความชัง ทางไปเป็นเปรตก็คือความชอบ ทางไปสัตว์เดรัชฉานก็คือความเฉย ทางพ้นทุกข์ความเดือดร้อนก็คือพระนิพพานต้องรู้ทันต้นคิด จะคิดดับๆ ดับชอบ ชัง เฉย เสียได้ ปิดประตูนรก จิตจะไม่เดือดร้อนแน่นอน

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ผู้ไม่รู้ก็รู้แค่ผิวเผิน ผู้รู้ท่านอนุเคราะเท่านั้น
น้ำหนักของคำก็จะเป็นไปเพื่อกระตุกกิเลสผู้ไม่รู้ไม่มีอกุศลจิต
ใครไม่รู้ก็เป็นกรรมของผู้นั้นเองเพราะเป็นการบอกแบบอริยชน
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 12:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1239

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แมวหรือราชสีห์ตะคุปเหยื่อทีเดียวต้องเอาให้อยู่ พระศาสดาทรงสอนไว้ว่าเธอจงเรียนให้มาก ศึกษาให้มากเพื่อปราบความรู้ไม่ทันให้คอตกซบเซา หมดปฎิภาณในการโต้ตอบถกเถียง เพื่อประกาศความสุขสงบเป็นประโยชน์ต่อชนทั้งหลาย จะคิดดับๆ
จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
ถ้ารู้ไม่ทันต้นคิด จิตก็จะเดือดร้อน ยังต้องมีการปรุงแต่ง อยู่ภายใต้ ชอบ ชัง เฉย อยู่ โทษหนัก คลายช้า ต้องดับความคิดให้ทัน จะคิดดับๆ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ว่า จงละซึ่งรูปที่ได้เห็น เสียงที่ได้ยิน สิ่งที่ได้ทราบ บุญ บาป อีกทั้งมงคลตื่นข่าว รวมทั้งความฝันไม่ควรติดด้วย
พระพุทธเจ้าสอนไว้ว่าการที่รู้ว่าใครเป็นพาลหรือบัณฑิต ดูไม่ยากหรอก แค่ดูที่ข้อความก็รู้แล้ว ถ้ารู้ทันก็เป็นบัณฑิต แต่ถ้ารู้ไม่ทันและยึดถือก็เป็นพาล ทางไปนรกก็คือความชัง ทางไปเป็นเปรตก็คือความชอบ ทางไปสัตว์เดรัชฉานก็คือความเฉย ทางพ้นทุกข์ความเดือดร้อนก็คือพระนิพพานต้องรู้ทันต้นคิด จะคิดดับๆ ดับชอบ ชัง เฉย เสียได้ ปิดประตูนรก จิตจะไม่เดือดร้อนแน่นอน

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


ยังไม่เข้าใจอีก s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 13:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1239

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นรกอยู่ไม่ไกล อยู่แค่ที่ปลายจมูกเท่านั้นเอง ถ้าลมหายใจเข้าเกิดความชัง ก็ได้ชื่อว่าเสวยอารมณ์แห่งนรกแล้ว เรียกว่านรกอายะตนะ ธรรมะของพระพุทธเจ้า 84000 พระธรรมขันธ์ ย่อมาให้สั้นเหลือแค่รู้ทันต้นจิตเพียงอย่างเดียว และการรู้ทันต้นจิตเพื่อกำจัด ชอบ ชัง เฉย เท่านั้นเอง แล้วจะได้เข้าใจ เพราะเข้าไปดูในใจ ใส่ใจสังเกตรู้ถึงขั้นสักแต่ว่ารู้ แต่ว่ารู้ เรื่องความไม่เข้าใจอะไรจะไม่มีอีก คนเราขาดอยู่อย่างเดียวคือขาดความเข้าใจ ก็เลยไม่ถึงความเข้าจริง จึงต้องขยันระลึกรู้ สังเกตให้ถึงต้นเหตุคือตัวจะ ถ้าสังเกตเข้าไปถึงตัวจะ จะคิดดับๆ ก็จะเกิดความปราโมทย์ เกิดความอิ่มอกอิ่มใจ เกิดความสุข แล้วก็เกิดความสงบ เกิดความตั้งมั่น เกิดความรู้เห็นตามความเป็นจริง เกิดความเบื่อหน่ายและคลายกำหนัด จิตก็หลุดพ้นจากชอบ ชัง เฉย ก็รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจยิ่งกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ก็เลยจึงต้องรู้ทันกันตลอดเวลาไม่ว่าง ไม่เว้น ทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งหลับ ทั้งตื่น รู้ทันแม้กระทั่ง การหลับ การตื่น การเกิด และการตาย เรียกว่าธรรมะเครื่องอยู่ของพระอริยะเจ้าทั้งหลาย จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
แมวหรือราชสีห์ตะคุปเหยื่อทีเดียวต้องเอาให้อยู่ พระศาสดาทรงสอนไว้ว่าเธอจงเรียนให้มาก ศึกษาให้มากเพื่อปราบความรู้ไม่ทันให้คอตกซบเซา หมดปฎิภาณในการโต้ตอบถกเถียง เพื่อประกาศความสุขสงบเป็นประโยชน์ต่อชนทั้งหลาย จะคิดดับๆ
จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

Kiss
ศาสดาสอนให้สงบจากอกุศลก่อน จึงจะเข้าไปสู่สภาวะที่เหนือโลก
กิเลสคืออกุศลจิตที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ตัณหาน๊า
พระธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดงเพื่อให้รู้สงบจากกิเลสอกุศลทั้งปวง
ด้วยปัญญาเฉพาะจิตที่ถึงผลแห่งการรู้แจ้งในการเกิด-ดับจริงๆ
สภาพธัมมะเกิด-ดับเป็นธรรมดาคือจิตเป็นนามธรรมล้วนๆ
ถ้าไม่ถอนตัวตนซะก่อน ก็ติดโทสะอยู่อย่างงั้นแหละ
เป็นธรรมดาของการสะสมแต่อกุศลจะให้ว่าไง
:b12:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 ส.ค. 2015, 03:10, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 13:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ผู้ไม่รู้ก็รู้แค่ผิวเผิน ผู้รู้ท่านอนุเคราะเท่านั้น
น้ำหนักของคำก็จะเป็นไปเพื่อกระตุกกิเลสผู้ไม่รู้ไม่มีอกุศลจิต
ใครไม่รู้ก็เป็นกรรมของผู้นั้นเองเพราะเป็นการบอกแบบอริยชน
:b8:


:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 14:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
muisun เขียน:
แมวหรือราชสีห์ตะคุปเหยื่อทีเดียวต้องเอาให้อยู่ พระศาสดาทรงสอนไว้ว่าเธอจงเรียนให้มาก ศึกษาให้มากเพื่อปราบความรู้ไม่ทันให้คอตกซบเซา หมดปฎิภาณในการโต้ตอบถกเถียง เพื่อประกาศความสุขสงบเป็นประโยชน์ต่อชนทั้งหลาย จะคิดดับๆ
จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

Kiss
ศาสดาสอนให้สงบจากอกุศลก่อน จึงจะเข้าไปสู่สภาวะที่เหนือโลก
กิเลสคืออกุศลจิตที่เต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ราคะ ตัณหาน๊า
พระธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดงเพื่อให้รู้สงบจากกิเลสอกุศลทั้งปวง
ด้วยปัญญาเฉพาะจิตที่ถึงผลแห่งการรู้แจ้งในการเกิด-ดับจริงๆ
สภาพธัมมะเกิด-ดับเป็นธรรมดาคือจิตเป็นนามธรรมล้วนๆ
ถ้าไม่ถอนตัวตนซะก่อน ก็ติดโทสะอยู่อย่างงั้นแหละ
เป็นธรรมดาของการสะสมแต่อกุศลจะให้ว่าไง
:b12:
:b44: :b44:

:b1:
วิชาทางโลกเรียนแล้วจดจำเพื่อสอบเอาใบปริญญาเพื่อเอามาสมัครงานทำมาหากินเลี้ยงชีพ
แต่วิชาทางธรรมท่านไม่ให้จดจำอะไรเลย แค่ให้ฝึกจิตตภาวนาของตนให้เข้าถึงความจริง
:b40:
ส่วนอันนี้เป็นข้อมูลจากการฟังทางวิทยุเสียงธรรมฯวัดป่าบ้านตาด
เทศนาธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย วันที่ 19 สิงหาคม 2558
ในหลวงทรงถามครูบาอาจารย์ว่าถ้าไม่รู้ชื่อของธรรมอันนั้นแต่จิตรู้ความเป็นไปของจิต
จะเป็นการถึงความจริงแห่งผลการปฏิบัติเหมือนกันหรือไม่ แสดงว่าพระองค์ทรงถึงแล้ว
:b8:
:b44: :b44:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 20 ส.ค. 2015, 19:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes rolleyes

:b31: :b31: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 17:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes

การปฏิบัติธรรมคือการออกรบ ฆ่าศึกคือกิเลส
นักรบในสนามมีหน้าที่ ฆ่าศรัตรู ไล่ฆ่าตั่งแต่แนวหน้า
ลูกสมุนไปจนถึงผู้บงการ โดยไม่จำเป็นต้องมาจดจำ
ชื่อคนที่ฆ่าว่าเป็นใครมาจากใหน เพราะถ้ามัวถามหาชื่อโคตร
คงถูกฆ่าศึกฆ่าตายเสียก่อน แต่หากใครจะจดจำได้
ก็เป็นความถนัดสามารถวาสนาของแต่ละบุคคล
แต่การฆ่าศรัตรูเป็นหน้าที่โดยตรงของนักรบ
นักรบที่ยิ่งใหญ่คือนักรบที่ชนะใจตัวเอง :b8: :b41: :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว




image.jpg
image.jpg [ 69.74 KiB | เปิดดู 3859 ครั้ง ]
ที่เคยเล่าว่ามีคนอิสลามมาสำรวจดูหมู่บ้านมุ้งตอนพระบิณบาตร
จริงๆแล้วมีข้อมูล คือเขามาสำรวจดูว่าบ้านใหนใส่บาตรเขาจะยื่น
ข้อเสนอเพื่อให้เลิกใส่เพื่อให้พระอยู่ไม่ได้. เช่นกับยายที่พาหลานมาใส่บาตร
เขาเห็นว่ามีเด็กด้วยกลัวเด็กจะซึมซับ เห็นแล้วสงสารยายบางวันแกยัง
อุส่ามาแอบดักใส่บาตร :b7: :b7:


ศาสนาอื่นเขามีความสามัคคีตั่งหน้าตั่งตาช่วยกันเผยแพร่ศาสนา
แต่พุทธเราเอาแต่อวดดีเข้าหากัน เอาแต่ทะเลาะกัน ถ้าเป็นนักปฏิบัติแล้ว
มีจุดหมายเดียวคือกำจัดกิเลส นักปฏิบีติย่อมรู้อยู่ที่ใจ มองหน้ากัน
ก็เข้าใจกันไม่ต้องเอาคำโน้นคำนี้มาสอนกันหรอก แต่บางคนสกิดแล้ว
ยังไม่รู้ตัวยังเอาคำโน้นคำนี้มาอ้างอีก :b5: :b41:

s002
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s006
ปกติที่โยมเคยเห็นเพราะมีญาติธรรมเป็นชาวอินเดียนับถือศาสนาพราหมณ์
ชวนไปทำบุญกับวัดในพระพุทธศาสนาเขาก็ไปนะเจ้าคะเพราะเขารู้เหตุผล
แม้ท่านท้าวมหาพรหมยังกราบพระพุทธเจ้าอาราธนาพระองค์แสดงธรรม
คนไทยแถวนั้นไม่ค่อยมีเหรอเจ้าคะ พระอาจารย์ไม่จัดอบรมปฏบัติธรรม
ดึงญาติธรรมที่เป็นชาวพุทธได้เข้าวัดทุกวันพระ บอกญาติโยมที่ใส่บาตร
ไปใส่ที่วัดเพราะงดออกบิณฑบาตร1วันเผื่อเดินไปเหยียบมดตายเจ้าค่ะ
คนนับถือคริสต์เค้าก็ยังมาทำบุญตักบาตรพระตามประเพณีไทยได้เลย
ท่านต้องดูกรณีศึกษาที่จังหวัดสกลนครเจ้าค่ะ แถบนั้นนับถือคริสต์
แต่ครูบาอาจารย์ท่านทำไงถึงทำให้เขายอมมารอตักบาตรท่านได้
:b13:
ขำมดเจ้าค่ะ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
อันว่าแผ่นดินไทยนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้มีบุคคลใดคิดบังอาจมาทำมาหากินแล้ว
มาอาศัยแผ่นดินไทยอยู่แล้วไม่รู้จักตอบแทนบุญุคุณแผ่นดินไทยแล้วไซร้
จะหาได้มีชีวิตอยู่ด้วยความสงบร่มเย็นบนแผ่นดินไทยได้ไม่
เพราะบรรพบุรุษไทยพึ่งพระรัตนตรัยมาช้านานแล้ว
พระเจ้าตากสินมหาราชทรงอธิฐานจิตยก
แผ่นดินไทยถวายเป็นพุทธบูชา
แด่พระพุทธเจ้าก่อนจาก
แผ่นดินไทย
:b8:
:b40: :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ส.ค. 2015, 15:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 310


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
s006
ปกติที่โยมเคยเห็นเพราะมีญาติธรรมเป็นชาวอินเดียนับถือศาสนาพราหมณ์
ชวนไปทำบุญกับวัดในพระพุทธศาสนาเขาก็ไปนะเจ้าคะเพราะเขารู้เหตุผล
แม้ท่านท้าวมหาพรหมยังกราบพระพุทธเจ้าอาราธนาพระองค์แสดงธรรม
คนไทยแถวนั้นไม่ค่อยมีเหรอเจ้าคะ พระอาจารย์ไม่จัดอบรมปฏบัติธรรม
ดึงญาติธรรมที่เป็นชาวพุทธได้เข้าวัดทุกวันพระ บอกญาติโยมที่ใส่บาตร
ไปใส่ที่วัดเพราะงดออกบิณฑบาตร1วันเผื่อเดินไปเหยียบมดตายเจ้าค่ะ
คนนับถือคริสต์เค้าก็ยังมาทำบุญตักบาตรพระตามประเพณีไทยได้เลย
ท่านต้องดูกรณีศึกษาที่จังหวัดสกลนครเจ้าค่ะ แถบนั้นนับถือคริสต์
แต่ครูบาอาจารย์ท่านทำไงถึงทำให้เขายอมมารอตักบาตรท่านได้
:b13:
ขำมดเจ้าค่ะ
:b32:


ชาวเขามีประพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเองทุกคนที่เกิดก็ซึมซับในประเพณีวัฒนธรรม
โดยเพราะด้านความเชื่อ ถึงบางคนนับถือพุทธก็จริง แต่ยังขาดความเข้าใจประเพณีพุทธ
เพราะไม่ได้ปลุกฝังมาแต่บรรพบุรุษซึ่งต่างจากชาวคริสในสกลนคร ถึงจะนับถือคริสก็จริงแต่พวก
เขานับถือพุทธมาก่อน คุ้นเคยกับประเพณีพุทธมาตั่งแต่บรรพบุรุษ แล้วค่อยมาเปลี่ยน
เป็นคริสต์ภายหลัง เมื่อเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็จริงสิ่งที่ถูกฝัง สิ่งที่คุ้นเคยก็ยังอยู่จึงไม่แปลก
ที่พวกเขายังมาใส่บาตร หรือบางคนที่ใส่บาตรมีญาติพี่น้องที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคริสต์มาบวชอยู่
ก็มี ที่มหาลัยสงฆ์ก็มีพระเพื่อนที่มาจากสกลนครก็เล่าให้ฟัง เขามาบวชแต่ญาติทางบ้านเปลี่ยน
ไปนับถือศริสต์แต่ก็ยังใส่บาตรอยู่ และที่สำคัญคือชาวคริสต์ในสกลนครนั้นถูกซื้อตัวไป
เรื่องการปฏิบัติจึงไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าอิสลามไม่เหมือนคริสต์นะคริสต์
ยังเข้ากันได้แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ :b5: :b1:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 176 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร