วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 19:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 20:06 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ย. 2008, 17:29
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพูดถึงความตายทุกคนก๊จะมีความรู้สึกกลัวไม่อยากตายแต่ความตายก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมี
เมื่อความตายนั้นมาถึงเรานั้นเราก็ไม่สามารถที่จะห้ามความตายได้
ความตายนั้นตายได้ง่ายมากแค่เพียงเราไม่มีลมหายใจก็ต้องตายจากโลกนี้ไป
ความตายไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ากลัวเพราะเมื่อเราตายไปแล้วเราก็จะไม่มีตัวตนมีกายเนื้อให้ต้องทุกข์
ต้องเจ็บปวดต้องอะไรอีกมากมายที่คนมีชีวิตต้องเป็น
เพราะฉะนั้นคนที่ยังไม่ตายนี้แหละที่น่ากลัวน่ากลัวที่ว่าจะอยู่อย่างไรให้ไม่มีทุกข์
การที่เรามีชีวิตมีกายเนื้อนั้นก็เป็นสิ่งที่เราโชคดีเราสามารถทำอะไรได้หลายอย่าง
หนึ่งชีวิตของคนที่เกิดมาทำได้ทั้งความดีและความชั่ว
เมื่อเราตายไปแล้วสิ่งที่เราสร้างไว้ในขณะที่มีชีวิตนี้แหละ
ที่จะทำให้คนที่อยู่ข้างหลังพูดถึงหรือระลึกถึงเราได้ในทางที่ดี
หรือไม่ก็จะไม่มีใครที่อยากจะจดจำเราเลยถ้าเราทำตัวไม่มีค่า
หรือทำแต่สิ่งที่ไม่ดี
ครั้งหนึ่งเมื่อไปงานศพของพี่ชายลูกของป้าเขาเป็นคนที่ไม่ทำอะไรเลย
ทุกวันตื่นมาก็กินแต่เหล้าทั้งวันและสุดท้ายเขาก็ถึงวันตายของเขา
เมื่อเขาตายไปไม่มีใครที่รู้สึกเสียใจไม่มีใครที่รู้สึกเศร้าโศกไม่มีแม้นแต่น้ำตาของผู้เป็นแม่
ทุกคนที่มาในงานศพของเขานั้นมากันแล้วก็ร่วมวงกันเล่นการพนันกันอย่างสนุกสนาน
ไม่มีใครที่ดูโศกเศร้าในการตายของเขาทุกคนที่มางานศพก็เหมือนกับมางานเลี้ยงที่สนุกสนานครื้นเคร่งไม่หนำซ้ำหลังจากเผาศพเขาไปแล้วพี่สาวของเขาก็พาพี่น้องไปเลี้ยงกันขอบคุณที่ไปงานศพ
สิ่งที่เห็นทำให้puyคิดว่าคนเราเมื่อยังมีชีวิตอยู่ต้องทำตัวให้มีประโยนช์และทำในสิ่งที่ดี
เมื่อถึงเวลาที่จากโลกนี้ไปจะได้เป็นคนที่มีค่าของสังคมให้คนเขาได้ระลึกถึงเราในสิ่งดีๆที่เราได้ทำไว้และอีกอย่างที่เห็นจากการได้ไปงานศพก็คือการทำบุญอุทิศให้ผู้ตาย
เมื่อเราตายไปแล้วเราก็ไม่มีกายเนื้อที่จะทำอะไรได้และผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็ทำบุญอุทิศไปให้
ท่านคิดไหมว่าทำไมเมื่อเรามีชีวิตอยู่เราไม่ทำแล้วเมื่อตายไปผู้อื่นทำให้คิดหรือไม่
ว่าเราจะได้รับในสิ่งนั้นหรือไม่แต่ถ้าเรารู้จักสร้างบุญสร้างกุศลทุกสิ่งที่เราอยู่ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือตายก็ไม่มีอะไรที่เราต้องเป็นทุกข์เมื่อเรายังมีเวลาที่เหลืออยู่ในโลกนี้เราไม่เคยรู้มาก่อนล่วงหน้าว่าเราจะตายเมื่อไร เราก็ต้องทำในสิ่งที่เราคิดว่าสิ่งนี้ทำแล้วเป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
ดังคำของท่านพุทธทาสที่ว่า
โลงศพของอาตมาก็คือความดีที่สร้างไว้ในโลก
ด้วยการเผยแผ่พระธรรม
ป่าช้าสำหรับอาตมาก็คือบรรดาประโยชน์ทั้งหลาย
ที่ทำไว้ในโลกเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์

ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ธ.ค. 2008, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าประมาทในเรื่องการเพียรทำความดีนะครับ

บางทีลองนึกให้ดีๆ ว่าการทำดีของเราหลายๆครั้งนี้มันก้มีรากมาจากตันหา
เมื่อยังไม่ปราศจากตันหาเช่นพระอรหันต์ ก้ย่อมทำความดีเพราะตันหา ยังมีตันหาเจืออยู่

ถ้ามีตันหามาก อยากทำดีมาก มันจะกลายเป้นการส่งเสริมตันหาเหมือนกัน
เพียงแต่เป้นตันหาอยากในความดี
ทำดีมากๆ ไม่ดีหรอกหรือ? จะว่าดีมันก็ดี จะว่ามีโทษไหม มันก้มีอยู่
เช่น พออยากทำดีมากๆ ศีลเอาไม่อยู่ สติเอาไม่อยู่
ก็อาจจะทำอะไรเดือดร้อนตนเองและผู้อื่นโดยไม่รู้ตัวเพราะเข้าใจผิด


เช่นคนประท้วงกันที่กรีซ เผากัน ฆ่ากันอุดตลุด
พวกเขาเข้าใจว่ากำลังทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง เลยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนอย่างไร
นี่คือตันหามันมากจนชนะศีล ชนะสมาธิ ชนะปัญญา ตันหาอยากทำดีมันแรงจัดขนาดนั้น

หรืออย่างผมชอบอวดรู้ ชอบพูดธรรม นี้ก้เป็นตันหา
มีความอยากมาก ก็พูดมาก บางทีตันหามันชนะ เราก็กล่าวคำไม่ดี วจีทุจริต เป็นต้น
ลำพังตันหามากยังไม่เท่าไหร่ แต่มีมิจฉาทิฏฐิผสมโรงอีก ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
กล่าวคือ ตันหาก็มี แถมรู้ไม่จริง มีมิจฉาทิฏฐิ แล้วไม่รู้ตัวเองว่าเข้าใจผิด
ชอบพูดธรรม แต่ตัวเองเข้าใจผิด แล้วก็ไม่รู้ตัวว่าเราเองเข้าใจผิด
ก็พูดไปให้คนอื่นเขาฟังอย่างน่าเชื่อถือ ถ้าเขามาเชื่อเรา มันก็เป้นโทษสำหรับเขาอีกด้วย ป่วยไข้สืบต่อกันไป
ทั้งนี้เพราะเรามีตันหาอยากทำดีมาก แต่ขาดปัญญารู้แจ้งในการทำความดี เป็นความดีที่ไม่ดีจริง


จึงต้องระวังความหิวในการทำความดีของเรา
ทำโดยไม่ประมาท ทำโดยพอดีๆ โดยสุจริต
จนกว่าจิตใจเรามันจะบรรลุแจ้งถึงหน้าที่เดิมแท้ของมัน ที่ปราศจากตันหา อวิชชา
เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติเดิมแท้ของจิตดังนั้น เราย่อมมีแต่ความดีีที่เป็นความดีแท้ๆ
บริสุทธิ์ บริบูรณ์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ไม่นำพาตัวเองไปสู่ความเดือดร้อนได้อีก
และยังช่วยคนอื่นให้ห่างไกลความเดือดร้อนได้อย่างแท้จริง

:b8:

(เอ..ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังแก่...แก่มากๆ)

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 14:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เช่นคนประท้วงกันที่กรีซ เผากัน ฆ่ากันอุดตลุด
พวกเขาเข้าใจว่ากำลังทำความดี ทำสิ่งที่ถูกต้อง เลยไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อนอย่างไร


นึกถึงบ้านเราเลยครับ....แล้วกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้ง

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมอุตส่าห์อ้อมไปถึงกรีซแล้วนะครับนี่
(ไปทางคลองสุเอซ)
:b13: :b13: :b13:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2008, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ย. 2008, 22:30
โพสต์: 222

ที่อยู่: เวียนว่ายในวัฏสงสาร (-_-!)

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: เห็นด้วยขอรับ :b8:

.....................................................
ขอประสบความสุขทั้งทางโลกและทางธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 00:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2008, 13:47
โพสต์: 288


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
หรืออย่างผมชอบอวดรู้ ชอบพูดธรรม นี้ก้เป็นตันหา
มีความอยากมาก ก็พูดมาก บางทีตันหามันชนะ เราก็กล่าวคำไม่ดี วจีทุจริต เป็นต้น

เป็นมรรคครับเป็นการฝักใฝ่ในทางธรรม
เป็นสัมมาวายาโม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2008, 05:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
หรืออย่างผมชอบอวดรู้ ชอบพูดธรรม นี้ก้เป็นตันหา


การสนทนาธรรมเป็นมงคล

เหมือนพระท่านสวดพระปฏิโมทย์

เพื่อทบทวนความจำ

ผมได้ธรรมะจากท่านคามินประการหนึ่งว่า

ดีแท้ ชั่วแท้ นั้นไม่มี

จึงไม่ควรแสวงหา

สิ่งที่ควรหาคื่อทางออก

ออกจากดีจากชั่วให้ได้

เพราะความดีมี ความชั่วจึงเกิดขึ้น

เราทั้งหลายจึงควร ตายก่อนตาย

เมื่อตายแล้วก็หลุดพ้นดี หลุดพ้นชั่ว ในโลกนี้

แม้กายยังอยู่ แต่จิตพ้นแล้ว

จิตจึงแจ่มใสไม่มัวหมองจากความดี และชั่ว

ว่าแต่ว่า

ความดีเป็นอย่างไร ความชั่วเป็นอย่างไร

ใครว่างๆช่วยบอกที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2008, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

...เมื่อยังมีชีวิตอยู่ จงประกอบด้วยความเพียร ทำปัญญาให้เกิด อย่าประมาทในชีวิต
เพราะชีวิตนี้ช่างน้อยนัก ...

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร