ความไม่รู้ ของบุคคล ย่อมเป็นอุปสรรค ในการติดต่อสื่อสาร เป็นอุปสรรคในการประกอบกิจกรรมใดใดก็ตาม อีกทั้งหากความไม่รู้นั้น กลับเพิ่มพูน ไม่ได้รับการแก้ไข ให้เกิดความรู้ขึ้น ก็อาจเป็นอันตราย ต่อบุคคลเหล่านั้นเป็นอันมาก

ในทางพุทธศาสนานั้น ได้มีบัญญัติไว้ ห้ามมิให้ ภิกษุ ฉันเนื้อหลายๆอย่าง หนึ่งในเนื้อที่ห้ามมิให้ภิกษุฉันนั้น ก็คือ เนื้อสุนัข
แต่ทำไม บุคคลผู้ศรัทธา หรือนับถือในศาสนาพุทธ กลับชอบรับประทานเนื้อสุนัข ด้วยความไม่รู้ คิดว่า การรับประทานเนื้อสุนัข ทำให้บรรเทาอาการหนาวได้
มันเป็นความเข้าใจผิดอย่างมากทีเดียว
ด้วยความเข้าใจของคนเหล่านั้น เห็นสุนัข ไม่ใส่เสื้อผ้า ขนก็มีไม่มากนัก แต่กลับทนหนาวได้ดีกว่ามนุษย์ ซึ่งความจริงแล้ว การที่สุนัขทนหนาวได้ดีกว่ามนุษย์ ก็เพราะระบบการทำงานของหัวใจและร่างกายของสุนัข แตกต่างจากมนุษย์อย่างมาก เนื่องเพราะเป็นธรรมชาติของสัตว์เกือบทุกชนิด ที่ระบบต่อมควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ซึ่งอยู่ที่หัวใจมีขนาด และการทำงานที่แตกต่างจากกัน
หัวใจของมนุษย์ บริเวณ ขั้วหัวใจค่อนไปด้านหลัง จะเปรียบเป็นโรงงานทั้งเป็นตัวควบคุมอุณหภูมิ และเป็นทั้งตัวควบคุมการทำงานของระบบกล้ามเนื้อเส้นเอ็น ซึ่งย่อมหมายรวมไปถึงระบบการส่งคลื่นความต้องการในการแสดงพฤติกรรมทั้งทางกาย วาจา และใจ ด้วย หากโรงงานที่ข้าพเจ้ากล่าวถึง ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเกิดอาการที่ทางไฟฟ้าเรียกว่า ลัดวงจร
ระบบการทำงานของร่างกายเรา ก็จะมีอาการผิดปกติ แต่โรงงานที่หัวใจนั้น จะทำงานร่วมกับสมอง เพราะสมองจะเป็นตัวเก็บข้อมูลความจำในด้านต่างๆ เอาไว้อย่างมากมาย แต่โรงงานที่หัวใจจะสำคัญกว่า เพราะหากตัวโรงงานชำรุดไปแล้ว แม้หัวใจจะเต้น หรือสูบฉีดโลหิตได้ แต่ระบบความรู้สึกตัว ระบบการทำงานของแขนขาและอื่นๆ จะหยุดไปตามการชำรุดของโรงงานที่หัวใจตามไปด้วย
เช่นกัน ระบบการทำงานของหัวใจสุนัข จะทำให้สุนัขมีการควบคุมอุณหภูมิ มิให้ร่างกายได้รับความหนาวเย็นได้ดีกว่ามนุษย์ ก็ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น หากสุนัขนั้น ตายลง การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายก็หายไปด้วย และไม่ได้ก่อให้เกิดความอบอุ่นต่อผู้ที่บริโภคเนื้อสุนัขแม้แต่น้อย หลายๆคนที่รับประทานเนื้อสุนัขแล้วบอกว่า ช่วยให้คลายหนาวได้นั้น เป็นเพียง ความหลอนทางความคิด ซึ่งย่อมทำให้เกิด ความคลายหนาวได้ช่วยขณะหนึ่ง เท่านั้น
ประการที่สำคัญ เนื้อของสุนัข มิได้มีส่วนช่วยทำให้โรงงานที่ขั้วหัวใจของมนุษย์ ทำงานได้เยี่ยงหัวใจของสุนัข
คือไม่สามารถสร้าง หรือกระตุ้นให้โรงงานนั้น สร้างอุณหภูมิที่ควบคุมความอบอุ่นได้ดีขึ้น หรือจะกล่าวให้เกิดความเข้าใจอย่างง่ายๆ ก็คือ
เนื้อสุนัข ไม่มีผลต่อระบบการควบคุมอุณภูมิของมนุษย์ คือไม่สามารถทำให้ร่างกายมนุษย์หายหนาว อย่างแน่นอน เพราะเนื้อสุนัขนั้น มีวิตามิน และเกลือแร่ น้อยกว่า สัตว์ที่มนุษย์บริโภคกันตามปกติ อยู่แล้ว
อาหารสำหรับ สร้างความอบอุ่น ให้กับร่างกายมนุษย์นั้น มีอยู่มากมาย แต่ไม่ใช่เนื้อสุนัข อย่างแน่นอน และ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็เป็นการสร้าง หรือกระตุ้น การทำงานของระบบควบคุมอุณหภูมิของร่างกายมนุษย์ได้เป็นอย่างดีที่สุด
ดังนั้น การรับประทานเนื้อสุนัข เพื่อคลายหนาว จึง เป็นความไม่รู้ ของเขาเหล่านั้น ที่ผู้เกี่ยวข้อง ควรได้เร่ง ให้ความรู้ความเข้าใจ ตามหลักโภชนาการ เพราะอาจมีอันตรายได้อย่างมากมาย

ข้าพเจ้าแปลกใจอยู่อย่างหนึ่ง ว่าทำไมผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่นสาธารณสุข หรือส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับหลักโภชนาการ ไม่ออกมาชึ้แจง ให้ชัดเจน แต่กลับกล่าวเป็นทำนองว่า ไม่ได้ห้ามมิให้รับประทานเนื้อสุนัข แต่ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสุนัขดิบๆ
ทำไมพวกเขาเหล่านั้น ไม่ชี้ให้ชัดลงไปเลยว่า ในเนื้อสุนัขนั้น หาประโยชน์ หรือคุณค่าทางโภชนาการไม่ได้
แปลกจริงๆ

คุณผู้ใช้ชื่อว่า "Buddha" คุณนี่ช่างไม่รู้เรื่องราวอะไรแล้วเที่ยวอวดรู้ไปทั่วเลยนะขอรับ

เนื้อสุนัขนั้น ในทางวิทยาศาสตร์ ก็ไม่ต่างจากเนื้อคน หรือเนื้อหมู แต่อย่างใด
มีชีวโมเลกุลมาจากธาตุกลุ่มเดียวกันทั้งสิ้น เช่น คาร์บอน โฮโดรเจน ฯลฯ

เนื้อสุนัขก้เป็นโปรตีน ไม่ต่างจากเนื้อคน หรือเนื้อหมู
เมื่อย่อยแล้วก็ได้สารอาหารอย่างเดียวกัน

ดังนั้นการที่คุณผู้ใช้ชื่อว่า "Buddha" กล่าวว่าเนื้อสุนัขหาประโยชน์ใดๆไม่ได้นั้น
ช่างเป็นคำกล่าวที่โง่สิ้นดีเลยนะขอรับ

เรื่องของการกินเนื้อสุนัข เป็นอาหารนั้น

สิ่งที่สำคัญนั้นประเด็นมันอยู่ที่ ความอร่อย ครับ

ถ้ามันไม่อร่อย คนก็คงจะไม่กิน

ฉะนั้น ถ้าจะแก้ไข ผมว่ามันจะยากมาก

นอกเสียจากว่า มีการแพทย์ พิสูจน์ ได้ว่า การทานเนื้อสัตว์นั้น มันมีปัญหาเกี่ยวกับร่างกาย
และประชาสัมพันธ์ แล้วประชาชนรู้ก็จะลดการบริโภคลง

เนื้อสุนัข ไม่ได้อร่อยอะไรเลย แถมยังมีกลิ่นแรงมาก เวลารับประทานเข้าไปแล้ว ขนาดเดินผ่านสุนัขซึ่งอยู่ตั้งไกลเป็นร้อยเมตร มันยังเห่า กรรโชก เหมือนเห็นสุนัขตัวหนึ่งอีกด้วย เนื้อวัว เนื้อหมู ยังอร่อยกว่า
เนื้อหมู ยังมีคุณค่าทางโภชนาการ ทำให้เกิดความอบอุ่นในร่างกายได้มากกว่าด้วยซ้ำ

มันก็เหมือนการกินขาแกะตามโรงแรมนั่นแหละครับ
กินแล้วกลิ่นตัวแรงมาก

เราเหม็นกลิ่นตัวหมา แพะ แกะ วัว แล้วคิดว่าตัวเราไม่เหม็น
แต่ทราบมาว่า เทวดาก็เหม็นกลื่นตัวมนุษย์เหมือนกัน
เพราะสิ่งที่เรากินเข้าไปนั่นแหละ


ส่วนเรื่องความอบอุ่นในร่างกายนั้น ไม่ใช่ว่ากินเนื้ออันนั้นแล้วอุ่น เนื้ออันนี้อุ่น
มันเป้นเรื่องระบบกล้ามเนื้อ ที่สลายไกลโคเจนออกมาเป้นพลังงาน
ไกลโคเจนก้คือโปรตีนที่กินเข้าไปนั่นแล ที่ย่อยแล้วเหลือเก้บเป็นไกลโคเจนในกล้ามเนื้อ

ดังนั้นเนื้ออะไรมันก็โปรตีนเหมือนกัน สิ่งที่ต่างกันนั้นเป็นส่วนประกอบอื่นที่แฝงมากับเนื้อ
กินเนื้อหมา หรือกินเนื้อหมู ก็มีผลเท่ากัน

ท่านผู้ใช้ชื่อว่า "budda" โปรดอ่านที่ข้าพเจ้าเขียนให้ดีๆ

ที่ผมบอกว่าอร่อย ได้ ก็เพราะ ผมถามคนที่เขากินมาแล้ว จึงพูดอย่างนี้

ยิ่งเขาบอกว่า เอาไปทำเนื้อแดดเดี่ยวอร่อยมาก

มีครั้งหนึ่ง ผมสนทนาเกี่ยวกับเรื่องเนื้อสุนัขมาทำอาหาร บนรถทัวร์สายอีสาน คนเบาะหน้า หันมาบอกว่า "พูดเรื่องเนื้อสุนัขมาทำอาหาร ทำให้น้ำลายไหลเลย"


แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมบอกได้ยังไงว่า คนที่เขากินกัน เพราะมันอร่อย?