วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 08:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้างล่างก็เอามาจาก website หนึ่ง

====================================

...ธรรมะจากท่าน ว. วชิรเมธี

คิดบวก ชีวิตบวก (Positive Thinking, Positive Life)
เวลาเจองานหนัก… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
เวลาเจอปัญหาซับซ้อน... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
เวลาเจอความทุกข์หนัก… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
เวลาเจอนายจอมละเมียด... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)
เวลาเจอคำตำหนิ… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
เวลาเจอคำนินทา… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
เวลาเจอความผิดหวัง… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
เวลาเจอความป่วยไข้... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
เวลาเจอความพลัดพราก… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
เวลาเจอลูกหัวดื้อ… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
เวลาเจอแฟนทิ้ง... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนันตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน… ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิต ที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
เวลาเจอคนเลว… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
เวลาเจออุบัติเหตุ... ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่า จงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบที่ว่า “มารไม่มีบารมีไม่เกิด”
เวลาเจอวิกฤต… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์ธรรม “ในวิกฤตย่อมมีโอกาส”
เวลาเจอความจน… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
เวลาเจอความตาย… ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้าย ที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

====================================


ผมอยากเรียกว่า Right Positive Thinking
คือมันเป็นแบบว่าเวลาเจอลบแล้วหัดคิดในทางบวก
อย่างนี้ซิ ถึงจะเป็น Positive Thinking ที่จะช่วยคนเรา ช่วยจิตใจเราได้
เป็นการหัดให้เห็นทั้งหมด The truth is the WHOLE truth

ส่วนประเด็นที่อยากจะเอามาแบ่งปันเพิ่มเติมจากนี้จะ Post ในกรอบต่อไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 15:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็ไม่รู้ว่าที่สอนๆ กัน ที่เห่อๆ กัน หรือจากต้นตำหรับจริงๆ ของ positive thinking ในช่วงเวลาหลายๆ ปี (เหมือนกัน) ที่ผ่านมานี้ มันเป็นอย่างไรกันแน่ คือเท่าที่เห็น เท่าที่ได้ยิน จะเป็นไปในทางที่ไม่มองความจริงทั้งหมด ไม่รับรู้ ปิดบังอีกด้านหนึ่งที่ไม่ดี ของสิ่งๆ นั้น เพื่อให้เราสบายใจ และไม่ตรงกับคำสอนที่สำคัญมากของพระพุทธเจ้าของเรา เช่น ทุกขัง หรือ อนิจจัง

แล้วผลเป็นอย่างไรหล่ะ กับชาติต้นตำหรับที่พยายามผลักดัน Positive Thinking ให้กับประชาชนทั่วโลก ต่างชาติก็เกิดวิกฤติเศรษกิจ ล่มสลายอย่างใหญ่หลวง

ที่ผ่านมาเจอประเภทลูกยุ "ไม่ต้องคิดมาก", "มีปัญญาผ่อนอยู่แล้ว", "คิดบวกเอาไว้", "ต้องเสี่ยง", "ลงทุนเลย", "ต้องคิดบวกเอาใว้", "อย่าไปกลัว", "คนเป็นหนี้นะดูดี", "ต้องเป็นหนี้เยอะๆจะดูดี", ฯลฯ มันทำให้คนประมาท

ที่ผ่านมามันเป็นเครื่องมือที่ดีมากของพวกนายทุนจริงๆ ผมว่านะกับ
WRONG positive thinking การคิดในทางบวกที่ไม่ควรที่ไม่เหมาะสม
มันถึงฮิตระบาดในโลกของเราในสมัยนายทุนนิยม วัตถุนิยมครองเมือง ไม่ใช่ซิครองโลกเลยซิ

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนา ค่ะ สำหรับข้อมูลดี ๆ บวก ๆ
อ่านแล้วสบายใจดีค่ะ

:b41: :b41: :b41:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 16:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:

ที่ผ่านมาเจอประเภทลูกยุ "ไม่ต้องคิดมาก", "มีปัญญาผ่อนอยู่แล้ว", "คิดบวกเอาไว้", "ต้องเสี่ยง", "ลงทุนเลย", "ต้องคิดบวกเอาใว้", "อย่าไปกลัว", "คนเป็นหนี้นะดูดี", "ต้องเป็นหนี้เยอะๆจะดูดี", ฯลฯ มันทำให้คนประมาท

ที่ผ่านมามันเป็นเครื่องมือที่ดีมากของพวกนายทุนจริงๆ ผมว่านะกับ
WRONG positive thinking การคิดในทางบวกที่ไม่ควรที่ไม่เหมาะสม
มันถึงฮิตระบาดในโลกของเราในสมัยนายทุนนิยม วัตถุนิยมครองเมือง ไม่ใช่ซิครองโลกเลยซิ

ก็จริงอย่างที่คุณบอกละครับ ผมเลยเอาแบบว่า ถ้าผลมันดีไม่มีโทษเจือ หรือมีโทษเจือน้อยที่สุด ผมก็
จะคิดบวกทางนั้น ก็เลยพอยังรอดตัวมาได้ทุกวันนี้ ขอบคุณนะครับข้อความของท่าน ว.วชิรเมธีที่โพสมา
ผมไม่เคยหาหนังสือท่านอ่านซักที ทั้งที่อยากอ่าน
---------------------------------------
ด้วยจิตคารวะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ในธัมจักรกัปปวัตนสูตร (พิมพ์ถูกป่าวเนียะ)

การคิดบวก ก็คือความสุดโต่ง เป็นกามสุขัลนุโยค

ใจเรานี่นะครับ ณ.เวลาหนึ่งๆ
ถ้ามันมีความทุกข์อยู่ มันจะดิ้นรนออกจากตรงนั้นโดยธรรมชาติอยู่แล้ว

แต่มันไม่ทันใจ คนเลยชอบเอาไปหาความสุขมาแทนวาระจิตเดิม
คือพยามเอาความสุขมากลบความทุกข์ เอาความสุขมาไล่ความทุกข์
เช่น เครียดเลยดูหนังฟังเพลง

สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านชี้ให้เห็นแล้วว่าไม่ใชหนทางรอด ไม่ใช่หนทางพ้นทุกข์
ชาวโลกทำกันมาอย่างนี้ไม่รู้นานเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ก้ยังไม่พ้นทุกข์

หนทางพ้นทุกข์คือทางสายกลาง
ถ้าจะพูดให้เข้าเป้าตรงประเด็นเลยในแง่ปฏิบัติก็คือการรับมือกับอารมณ์ต่างๆด้วยสติ "เจริญสติปัฏฐาน"

คือเราไม่เอาความสุขมาแก้ความทุกข์
พอเราทำนานๆเข้า เราก็จะเกิดความเคยชินในการเอาอารมณ์มาแก้อารมณ์
เท่ากับว่าเราดึงความสุขเข้ามาหาตัว(โลภะ) และอยากจะผลักความทุกข์ออกไป (โทสะ)
เอาอารมณ์ดี มาแก้อารมณ์เสีย ซึ่งเบื้องหลังสิ่งเหล่านี้คือตันหาทั้งนั้น

ทางสายกลางของพระพุทธเจ้าคือเอาสติมาจัดการกับความทุกข์
แต่พูดอย่างนี้มันไม่ครบ ถ้าจะพูดให้ถูกคือ
ใช้สติจัดการกับอารมณ์ ใช้สติดูแลจิตใจของเรา


ที่พูดนี้ไมไ่ด้ไปต่อต้านพระอาจารย์ ว. นะครับ ท่านเปรียญธรรม 9 ท่านไม่ธรรมดา
คนหมู่มากในสังคมเดี่ยวนี้เขามีอัธยาศัยอย่างนั้น มีอินทรีย์อ่อน ปัญญาน้อย
ท่านก็ต้องหาวิธีทำให้คนเอาธรรมะไปใช้ได้ง่ายๆ เห็นผลไวๆ จะได้มีศรัทธา แล้วพัฒนาขึ้นไป
ซึ่งในที่สุดแล้วอาจารย์ ว ก็ต้องสอนให้เจริญสติปัฏฐานนี่แหละ เพราะสติปัฏฐานคือทางเอก ทางตรง ทางลัด ทางสั้น ที่สุดแล้ว (เอกายนมรรค)

อย่างคนรู้จักหลายคนเป้นคนฉลาดในฝ่ายโลกนะ หน้าที่การงานก็สูงๆดีๆ
แต่พอบอกให้ปฏิบัติธรรมเจริญสติปัฏฐาน เขาไม่ยอมนะ
จริตคนสมัยนี้ต้องขอขบคิดให้แตกก่อน คนฉลาดชอบคิด

เขาไม่รู้ว่า ในทางธรรมนี้ "ความคิด"เป็นแค่ปัญญาเบื้องกลาง
ยังเอาไปใช้แก้ไขความทุกข์ไม่ได้ (จินตมัยปัญญา)

"รู้"ต่างห่างคือที่สุดของปัญญาที่เอาไปจัดการความทุกข์ได้ (ภาวนามัยปัญญา)

ปัญญาตัวรู้นี้ ถ้าไม่ลงมือภาวนา ไม่มีทางได้ ไม่มีทางเข้าใจ
แต่คนเขาเคยชินมานานว่าถ้าต้องการจะเข้าใจอะไรคือต้องคิด
เลยคิดว่าจะเข้าใจธรรมะด้วยการคิด

กะว่าคิดให้แตกก่อน แล้วถึงปฏิบัติ
เลยคารังคาซัง เป็นไก่กับไข่อยู่ น่าสงสารนะ

คิดบวกนี่เป็นทางอ้อมนะ อ้อมไปอ้อมมา
เจริญสติปัฏฐานนี่คือทางตรง

สำหรับคนส่วนหนึ่ง การคิดบวกเป้นสิ่งที่เหมาะสม
แต่ถ้าเราคิดว่าเรามีสักยภาพเพียงพอแล้ว ก็อย่าไปเสียเวลากับการคิดบวก
ชีวิตของเรามันมีเวลาน้อยเกินกว่าจะมานั่งคิดบวกนะ
คิดบวกหรือลบหรือศูนย์ ก็เฝ้ารู้เฝ้าดูไปตามความเป็นจริง
ไม่ต้องไปดัดแปลงให้มันดีขึ้น หรือเลวลง แล้วหัดถือศีลเอาไว้
ลองฟังเทสน์หลวงพ่อปราโมทย์มากๆ จะพบสรณะของชีวิตนะครับ
http://www.wimutti.net

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2009, 18:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วแต่อุบายในการสอนของแต่ละท่าน คิดว่าอย่างนั้นน่ะค่ะ :b8:

อย่าน้อยยังมีประโยชน์กับจริตของคนบางคน ..ที่เขายังจับหลัก จับจุดอะไรไม่ได้ :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2009, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


การคิดบวก หรือลบ ย่อมนำมาซึ่งความสุข ความทุกข์ ในทางโลก

ในทางธรรมนั้นต้องคิดคูณด้วยศูนย์ครับ.... :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2009, 00:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2007, 19:15
โพสต์: 96


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ :b8:
อ่านแล้วสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
^^

.....................................................
ความรื่นนมย์ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต ไม่จำเป็นต้องได้อะไรที่ยิ่งใหญ่มาครอบครอง แต่ควรเป็นชีวิตที่เกิดจากความเข้าใจ อันเป็นภาวะของความรู้สึกตัว ความตื่นจากปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างรู้เท่าทันตามความเป็นจริงด้วยปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
ที่พูดนี้ไมไ่ด้ไปต่อต้านพระอาจารย์ ว. นะครับ ท่านเปรียญธรรม 9 ท่านไม่ธรรมดา

สำหรับผมเป็นสิ่งที่ดี ที่มาแบ่งปันความคิดเห็นกัน(ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยจิตที่กอบด้วยเมตตายิ่งดีใหญ่)
ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(ถ้าไม่ทั้งหมด)ย่อมมีหลายมุมที่จะมองได้ อาจจะเหมาะกับคนใดคนหนึ่งและไม่เหมาะกับคนใดคนหนึ่ง คำสอนในพระไตรปิฏกจึงมีมหึมา พระพุทธเจ้าสอนเยอะจริงๆ ทั้งโลกมนุษย์ ขึ้นไปถึงโลกสวรรค์
ประเด็น(มุมมองหนึ่ง)ที่น่ากลัวของ Positive Thinking คือ ไม่กล้าที่จะมองลบ และกลายเป็นไม่กล้าพูดความจริง ถ้ามันพูดแล้วออกมาในแง่ลบ จะโดนหลายคนตำหนิ โดนหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งที่มันเป็นความจริงที่หลายๆคนควรจะรู้ใว้จะได้ไม่หลงผิด
คนไม่ดีก็เลย ได้เด่นได้ดัง มีหน้าตา เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมไป เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจผิดออกไป ต่อไปเรื่อยๆ ทำให้วงการนั้นที่มีคนแบบนี้เสื่อมลง เพราะไม่มีใครกล้าพูดหรือแค่พูดได้นิดหน่อยเท่านั้นเอง
และอย่างที่ผมกล่าวไว้ก่อนหน้าว่ามันเป็นเครื่องมือทีดีของพวกนายทุนกลุ่มที่ยังเต็มไปด้วยกิเลสมากและมิจฉาทิฐิ

ตัวอย่างทำนองนี้ก็เช่นที่ผมPostเรื่อง"ระงับการพิมพ์เพิ่มหนังสือไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21476
หนังสือก็ออกมานานแล้ว พิมพซำก็หลายครั้ง แต่มีหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


แก้ไขล่าสุดโดย wakeup เมื่อ 07 เม.ย. 2009, 21:16, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
คามินธรรม เขียน:
ที่พูดนี้ไมไ่ด้ไปต่อต้านพระอาจารย์ ว. นะครับ ท่านเปรียญธรรม 9 ท่านไม่ธรรมดา

สำหรับผมเป็นสิ่งที่ดี ที่มาแบ่งปันความคิดเห็นกัน(ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยจิตที่กอบด้วยเมตตายิ่งดีใหญ่)
ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง(ถ้าไม่ทั้งหมด)ย่อมมีหลายมุมที่จะมองได้ อาจจะเหมาะกับคนใดคนหนึ่งและไม่เหมาะกับคนใดคนหนึ่ง คำสอนในพระไตรปิฏกจึงมีมหึมา พระพุทธเจ้าสอนเยอะจริงๆ ทั้งโลกมนุษย์ ขึ้นไปถึงโลกสวรรค์
ประเด็น(มุมมองหนึ่ง)ที่น่ากลัวของ Positive Thinking คือ ไม่กล้าที่จะมองลบ และกลายเป็นไม่กล้าพูดความจริง ถ้ามันพูดแล้วออกมาในแง่ลบ จะโดนหลายคนตำหนิ โดนหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งที่มันเป็นความจริงที่หลายๆคนควรจะรู้ใว้จะได้ไม่หลงผิด
คนไม่ดีก็เลย ได้เด่นได้ดัง มีหน้าตา เป็นที่นับหน้าถือตาในสังคมไป เพราะไม่มีใครกล้าพูดหรือแค่พูดได้นิดหน่อย

ตัวอย่างก็เช่นที่ผมPostเรื่อง"ระงับการพิมพ์เพิ่มหนังสือไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ที่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21476
หนังสือก็ออกมานานแล้ว พิมพซำก็หลายครั้ง แต่มีหลายคนที่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย


อนุโมทนาครับ

ธรรมทั้งปวง ไม่ว่าจะฝ่ายบวก หรือฝ่ายลบ
ถ้ารู้จักวิธี ย่อมสามารถนำมาใ้ชประโยชน์กับตนได้
ไม่ว่าเรากำลังจะคิดบวกคิดลบ ถ้ามีสติกำกับอยู่ คอยตามรู้ตามดุความคิด
รู้จักใช้ประโยชน์จากธรรมชาติที่คิดไม่หยุดของจิตใจเรา
นี่ก็เรียกว่าประโยชน์ใหญ่ ประโยชน์อย่างยิ่งเลยล่ะครับ
คิกลามก คิดดี ก็คว้ามาเจริญสติได้ทั้งนั้น



อีกประเด็นคือ เรื่อง"ความจริง"

การพูดความจริงนั้น ก็มีหลักเหมือนกัน เพราะพุทธเจ้าวางหลักเอาไว้แล้วละเอียดละออมาก
ถ้าไงลองพิจารณาการวิธีการพูดในแบบพระพุทธเจ้า
อ่านควบคู่ไปกับบทความสมเด็จพระสังฆราช "วจีสุจริต"
viewtopic.php?f=1&t=18799

Quote Tipitaka:
อภัยราชกุมารสูตร

วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่มีประโยชน์
และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ตถาคตไม่กล่าววาจาเช่นนั้น


วาจาที่จริง แท้ แต่ไม่มีประโยชน์
และวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ตถาคตไม่กล่าววาจาเช่นนั้น

วาจาที่จริง แท้ มีประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ในข้อนี้ตถาคตย่อมรู้กาลที่พูด


วาจาที่ไม่จริง ไม่แท้ ไม่มีประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ตถาคตไม่กล่าววาจาเช่นนั้น

วาจาที่จริง แท้ ไม่มีประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ตถาคตไม่กล่าววาจาเช่นนั้น


วาจาที่จริง แท้ มีประโยชน์
และวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจของผู้อื่น
ในข้อนั้นตถาคต ย่อมรู้กาลที่จะพูดข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะตถาคตมีความเอ็นดูในสัตว์ทั้งหลาย



อนุโมทนาครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กุศลาธัมมา...อกุศลาธัมมา...อัพยากตาธัมมา... :b13:

แต่สัพเพธัมมาอนัตตาติ :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับทุกท่านครับ จิตที่เป็นกุศล และจิตที่เป็นอกุศล ล้วนแต่เป็นครูสอนธรรมะเราได้ครับ แล้วแต่วิถีหรือจริตของผู้ปฏิบัติแต่ละคน :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2009, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณที่เอาพระสูตร อภัยราชกุมารสูตร มาแบ่งปันกันครับ

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 เม.ย. 2009, 18:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โดยส่วนตัวผมคิดว่า ควรคิดให้มันตรง ตามที่มันเป็นน่าจะดีกว่า
ไม่ต้องหลอกลวงตัวเอง ไม่ต้องหลอกลวงคนอื่น และไม่ต้องมีมายา


มองโลกในแง่บวก ทั้งที่สิ่งนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เรามอง
เราอาจสบายใจ และอาจดูดี ในสายตาชาวโลก
แต่เรากำลังหลอกตัวเอง และหลอกผู้อื่น เพราะเราก็รู้ว่า
สิ่งนั้นแท้จริงก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น


ผมคิดว่าควรมองโลกให้ตรงตามที่เป็นจริงให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
และไม่ควรมั่นหมาย กับความเข้าใจ ทั้งในทางบวกและทางลบ

หากความเป็นจริงคือบวก และเราก็รู้เข้าใจตามจริงในทางบวก
ก็อย่ามั่นใจเต็มร้อย ว่านั่นคือบวก และสรุปทันทีว่าคือบวก
เพราะอาจจะมีอะไรอีกเล็กน้อยที่เรายังมองไม่เห็น

หากความจริงคือลบ และเราก็รู้เข้าใจตามเป็นจริงในทางลบ
ก็อย่ามั่นใจเต็มร้อย ว่านั่นคือลบ และสรุปทันทีให้เป็นลบ
เพราะก็อาจมีอะไร ที่เรายังไม่รู้ครบ

การมองบวกอย่างพร่ำเพรื่อ คืออคติชนิดหนึ่งในการมอง
คนประเภทนี้ จะพลาดจากความเป็นจริง และไม่ได้อยู่
บนความจริง

ความเป็นจริงถึงแม้จะมองโลกเห็นเป็นไปในทางลบ
ผู้มีธรรมก็ไม่ถือสา สิ่งที่เป็นลบนั้น
และก็ไม่สนใจมั่นหมายกับความเข้าใจในทางบวกด้วย

สิ่งใดร้ายก็รู้ว่าร้าย สิ่งใดดีก็รู้ว่าดี อย่างนี้จึงจะเรียกว่าไม่หลอกตัวเอง

แค่ใจเราไม่เข้าไปมั่นหมาย ไม่เข้าไปเหนียวแน่นจริงจังในความเข้าใจ
สิ่งนั้นจะบวก สิ่งนั้นจะลบ ก็เป็นเรื่องของมัน

แก้ที่ใจให้สามารถปกติได้ ต่อทุกความเป็นจริงทั้งที่บวกและลบ
น่าจะดีกว่า ไปแก้ตรง การมองเรื่องลบให้เห็นเป็นเรื่องดี



ปล.วันนี้ฟุ้งมากหน่อย เลยสาธยายมากหน่อย
ขอบคุณกระทู้ดีๆ สำหรับเป็นที่ระบาย ครับผม


:b15: :b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 เม.ย. 2009, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ปล.วันนี้ฟุ้งมากหน่อย เลยสาธยายมากหน่อย
ขอบคุณกระทู้ดีๆ สำหรับเป็นที่ระบาย ครับผม
ของคุณบัวศกล

:b13: :b13: :b13:
อะไรหน๋อ...ที่ยังทำให้คุณฟุ้ง
เราจะได้คอยช่วยกระตุ้น
เพราะเราชอบตอนที่คุณฟุ้งน่ะ ได้อ่านอะไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยดี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร