วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 02:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2009, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 11:31
โพสต์: 149


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่ และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร

ข้อ 2 เรามีเพื่อนคนหนึ่ง อยู่ชมรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา ชมรมนี้จะมีการนั่งสมาธิทุกเย็นวันอังคาร จะมีพระสงฆ์มาเทศและสอนธรรมมะ ตัวเราเองเคยเข้าไปครั้งหนึ่งและไม่ได้ไปอีกเลย เนื่องด้วยชมรมนี้อยู่ในสังกัดของวัดวัดหนึ่ง (ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม)

กิจกรรมของชมรมมักจะมีค่ายไปปฏิบัติธรรมที่วัดนั้น หลังจากที่เพื่อนของเราไปปฏิบัติธรรมกลับมา
เพื่อนก็มีความเลื่อมใสในวัดนี้มาก และพูดว่าถ้ามีโอกาส (หรือถ้ามีเงิน) อยากจะสร้างพระพุทธรูปให้กับตนเองหรือวัดอะไรประมาณนี้ โดยพระพุทธรูปองค์หนึ่งนั้นตามที่วัดบอกมาจะใช้เงินเป็นหมื่นเลยทีเดียว

ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

.....................................................
ธรรมมะนี้คือการมีชีวิตเพื่อที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ไม่ได้
หากยังยึดติด ไม่ปล่อยวาง ย่อมยังเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2009, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่ และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร

วิธีทำบุญที่ถูกต้องมี ๑๐ อย่างเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ ๑๐ ได้แก่

๑. ทานมัย การให้สิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ผู้รับ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- เป็นที่มาของทรัพย์สมบัติทั้งหลาย
๒- เป็นที่ตั้งของโภคทรัพย์ทั้งปวง
๓- ผู้ให้ย่อมได้รับความสุข
๔- ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักของคนหมู่มาก
๕- ผู้ให้ย่อมผูกไมตรีผู้อื่นไว้ได้
๖- ทำให้เป็นผู้มีเสน่ห์น่านับถือ
๗- ทำให้เป็นที่น่าคบหาของคนดี
๘- ทำให้เข้ากับสังคมอื่นได้คล่องแคล่ว
๙- มีบุคลิกองอาจ สง่าผ่าเผย
๑๐- ทำให้มีชื่อเสียงเกียรติคุณดี
๑๑- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ

๒. สีลมัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการรักษาศีล ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- ทำให้มีความสุขกาย สุขใจ
๒- ทำให้เกิดโภคทรัพย์ได้
๓- ทำให้สามารถใช้สอยทรัพย์นั้นได้เต็มอิ่ม โดยไม่หวาดระแวง
๔-ทำให้ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครมาทวงทรัพย์คืน
๕- ทำให้เกียรติคุณฟุ้งขจรไป ทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือ
๖- ทำให้ชีวิตนั้นแกล้วกล้าองอาจท่ามกลางชุมชน
๗- ทำให้ไม่เป็นคนหลงลืมสติ
๘- ตายแล้วไปเกิดในสุคตภูมิ

๓. ภาวนามัย บุญที่สำเร็จได้ด้วยการเจริญสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ย่อมต้องได้รับอานิสงส์
๑- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม
๒- มีผิวพรรณผ่องใส
๓- มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
๔- มีความจำดี และกำลังปัญญาว่องไว
๕- เป็นคนใจคอเยือกเย็น
๖- เป็นที่ชื่นชอบของผู้พบเห็น
๗- มีบุคลิกอันน่าศรัทธา
๘- เกิดในตระกูลดี
๙- มีบุคลิกสง่างาม
๑๐- มีมิตรสหายมาก
๑๑- เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไป
๑๒- เป็นที่ชื่นชอบของบัณฑิต
๑๓- สมบูรณ์ด้วยปัจจัย ๔
๑๔- ปราศจากอกุศลทั้งปวง
๑๕- ปลอดภัยจากศาสตราวุธ
๑๖- มีอายุยืน
๑๗- ตายแล้วเกิดในสุคติภูมิ

๔. อปจายนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อผู้ที่ควรเคารพนบนอบ (คุณวุฒิ วัยวุฒิ ชาติวุฒิ) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- เกิดในตระกูลสูง
๒- มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
๓- มีมิตรสหายดี
๔- ได้รับคำชมเชยอยู่เสมอ
๕- มีความสมบูรณ์ในทรัพย์
๖- ได้พบเห็นแต่สิ่งที่ตนปรารถนา

๕. เวยยาวัจจะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการช่วยเหลือกิจการงานที่ชอบ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- มีความเป็นอยู่ดี สุขกายสุขใจ
๒- มีมิตรสหายมาก
๓- มีไหวพริบความจำดี
๔- มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง

๖. ปัตติทานะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้อื่น (การแผ่เมตตา) ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- ไม่มีความอดอยาก ยากจน
๒- ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน
๓- มีบริวารดี
๔- เป็นที่รักของผู้พบเห็น
๕- มีรูปร่างหน้าตาสวยงาม
๖- มีอายุยืน

๗. ปัตตานุโมทนา บุญที่สำเร็จได้ด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- มีสุขภาพสมบูรณ์
๒- มีฐานะดี
๓- มากไปด้วยลาภสักการะ
๔- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ

๘. ธัมมสวนะ บุญที่สำเร็จได้ด้วยการฟังธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- เกิดในตระกูลสูง
๒- มีสติปัญญาดี
๓- มีมิตรสหายดี
๔- มีความเชื่อมั่นในตนเอง

๙. ธัมมเทสนา บูญที่สำเร็จได้ด้วยการแสดงธรรม ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- ไม่มีกลิ่นปาก
๒- มีฟันขาวเรียบ
๓- บุตรบริวารมีความเชื่อฟัง
๔- มีบุคลิกสง่างาม
๕- มีความจำดี
๖- เป็นที่ไว้วางใจแก่ผุ้พบเห็น

๑๐.ทิฏฐุชุกรรม บุญที่สำเร็จได้ด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ย่อมต้องได้รับอานิสงส์ ดังนี้
๑- มีปัญญาดี
๒- ไม่อดอยาก
๓- ไม่ยากจน
๔- มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง
๕- มีบุคลิกสง่างาม
๖- พบเห็นแต่สิ่งที่ทำให้เกิดความสบายใจ
๗- มีฐานะความเป็นอยู่ดี
๘- มีบริวารมาก
๙- มีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่มีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น


บุญกริยาวัตถุ ๑๐ เมื่อสงเคราะห์ลงในทาน ศีล ภาวนา ได้ดังนี้คือ ทาน ปัตติทานะ ปัตตานุโมทนา สงเคราะห์ใน ทาน
ศีล อปจายะ เวยยาวัจจะ สงเคราะห์ใน ศีล
ภาวนา ธัมมสวนะ ธัมมเทสนา ทิฏฐุชุกรรม สงเคราะห์ใน ภาวนา

อ้างคำพูด:
ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


สาธุๆ มีบุญแท้ๆ ที่ป้องกันไม่ให้เข้าไปส้องเสพกับลัทธิค้าบุญที่อิงพระศาสนาประดุจเหลือบเช่นนี้ ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อการสะสม เพิ่มพูนด้วยตัณหาราคะมานะและทิฏฐิ (มิจฉา) นั่นไม่ใช่ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน ผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับอธรรมทั้งหลายคือการคบพาลมิตร เป็นอันตรายแก่ตนทั้งในโลกนี้แลโลกหน้า ดีแล้วที่มีโยนิโสมนัสสิการไตร่ตรองแล้วจึงตัดสินใจได้ว่าสิ่งใดเป็นประโยชน์ สิ่งใดเป็นโทษควรทำหรือไม่ควร..

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2009, 18:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกแค่นี้ก็ทราบแล้วว่าวัดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่เค้าเชื่อและศรัทธา ทุกคนมีสิทธิเลือก การสร้างพระพุทธรูปนั้น ที่เขาว่า เห็นว่าจะได้กุศลแรงมาก ถึงขนาดปิดอบายเลยมั้ง ไม่แน่ใจ คนเราก็อยากมีที่พึ่งเมื่อไปสู่สัมปรายภพ เพราะวัฏสงสารมีภัยรอบด้าน ถึงแนวทางปฏิบัติจะต่างกัน แต่เมื่อถึงนิพพานก็บริสุทธิ์เหมือนกันหมด

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2009, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่มา: ประหารความหลงตรงสู่นิพพาน

เมื่อคิดจะทำลายกิเลสตัณหาล่ะก็ วิธีการละกิเลสคือสิ่งที่

บุคคลผู้ที่เรียกตัวเองว่า พุทธบริษัท นั้นควรศึกษาให้รู้ให้เข้าใจ

เพื่อที่จะน้อมนำมาใส่ตัวและปฏิบัติเพื่อให้เห็นแจ้ง อย่าปล่อย

ให้การศึกษาธรรมมะไปไกลจงออกห่างจากแก่นของพุทธศาสนาเลย

ขอจงพิจารณาไตร่ตรองด้วยปัญญา

ถ้าผู้ปฏิบัติเอาแต่ทึกทัก เอาแต่หลง เอาระเริงไปกับความเอร็ดอร่อยที่ได้เข้ามาอยู่ทางธรรม

ที่กูได้มาร่ายคาถาสรรเสริญคุณพระคุณเจ้าโดยไม่ได้เพราะปัญญาให้ประหารกิเลส

เอาแต่ปล่อยให้กิเลสนำหน้าปัญญา ตกลงแล้วจะมาปฎิบัติกันไปเพื่ออะไร

ถ้ายังหลงอยู่อย่างนี้ก็จงปล่อยไปเถิด นี่คนหลงทางก็ย่อมเสียเวลาอย่างนี้

มันมีกันให้เห็นมากมายในทุกยุคทุกสมัย และในอนาคตก็จะมีให้เห็นอีกเยอะ

จงให้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่หมู่สัตว์ทั้งหลายควรที่จะทำลายนั่นก็คือ

จงพยายามริดรอนกิเลส ทำลายกิเลสที่มีอยู่ให้สิ้น และในขณะเดียวกัน

จงอย่าพอกพูนกิเลสรุ่นใหม่ๆ ของเก่ายังไม่ยอมทำลาย แต่นี่จะพอกของใหม่เข้าอีก

สุดท้ายไปไหนก็ไปไหนไม่ได้ เพราะสาหร่ายมันเกี่ยวพันเอาไว้หมด

เอาล่ะเธอผู้ถามก็อนุโมทนา ขอเธอจงปฏิบัติต่อไปเถิด ประหารกิเลสเสีย

และจงอย่าพอกพูนกิเลสรุ่นใหม่ จงประหารความหลง ประหารเหตุอันรทำให้ปรุงแต่ง

อะไรคือเเก่นแท้ของพระพุทธศาสนา จงพิจารณาและยืนยันคำกล่าวนั้น

ด้วยความคิดเห็นทีถูกต้องที่มันแจ้งประจักษ์แก่จิตใจเป้นสัณทิฎฐิโก

พระพุทธศาสนาสอนอะไร?
สอนให้รู้ทุกข์และการดับทุกข์ใช่มั้ย
หรือสอนให้ทำบุญเพื่อวิมานชั้นฟ้า?
หรือว่าสอนให้ทำบุญเพื่อแลกกับแดนนิพพาน?
หรือว่าสอนให้สร้างรูปเคารพแล้วเข้าไปกราบไหว้เยอะๆ
เพื่อได้บุญกลับไปสะสม?
หรือว่าสอนให้สร้างบารมีกันมากๆ
เพื่อหวังผลอะไรบางอย่าง

เอ้า...ตกลงแล้วสอนอะไร อะไรที่ไม่เกี่ยวกับทุกข์และการดับทุกข์นั้น

ขอจงล้างโคลนออกจากล้อเสียเดี่ยวนี้ อย่าปล่อยให้มันเป็นมะเร็ง

ตามคุกคามจนความเบิกบานของดอกบัวมันเปรอะเปื้อนโคลนตม

จนมิอาจจะเงยขึ้นมาจากตมได้ เวลาดอกบัวมันบานน่ะ

มันบานเพราะถึงเวลาที่จะต้องบาน แต่ถ้ามันยังไม่บานแสดงว่า

มันมีเหตุปัจจัยส่งผลไม่ให้มันบานออก จงทำลายสิงเหนี่ยวรั้ง

เหล่านั้นเสีย กิเลสนั่นไงทำลายแล้วก็จงเบิกบานบัดนี้

จงนำไปพิจารณาและนำไปสั่งสอนอนุชนรุ่นหลังต่อไป

ให้รู้และเข้าใจว่าอะไรคือแก่นแท้ของการศึกษาพระพุทธศาสนาเถิด

อนาคตต่อไปจะมีความผิดเพี้ยนมากขึ้นไปกว่านี้เพราะความเห็นแก่ตัวของคน

อย่างน้อย ขอจงมีความคิดเห้นที่ถูกต้องเพื่อสร้างให้เกิดสันติสุขเถิด

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


หมูตอน เขียน:
ข้อ 1 การทำบุญที่ถูกต้องและได้กุศลแรงนั้นไม่ใช่ด้วยการใช้เงินใช่หรือไม่

ตอบว่าใช่ครับ...แต่ว่าเงินนั้นกลายเป็นปัจจัยในการทำบุญในปัจจุบัน เพราะวิถีชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญของวัตถุ
หมูตอน เขียน:
และที่ถูกต้องและได้กุศลคืออย่างไร

ที่ถูกต้องนั้นเริ่มที่จิตเจตนาในการทำบุญ...ต้องเป็นจิตเจตนาที่ไม่มีโลภ โกรธ หลง
หมูตอน เขียน:
ข้อ 2 เรามีเพื่อนคนหนึ่ง อยู่ชมรมเกี่ยวกับพุทธศาสนา ชมรมนี้จะมีการนั่งสมาธิทุกเย็นวันอังคาร จะมีพระสงฆ์มาเทศและสอนธรรมมะ ตัวเราเองเคยเข้าไปครั้งหนึ่งและไม่ได้ไปอีกเลย เนื่องด้วยชมรมนี้อยู่ในสังกัดของวัดวัดหนึ่ง (ซึ่งขอไม่เอ่ยนาม)]

วัดธรรมกาย แน่เลย... :b13:

หมูตอน เขียน:
กิจกรรมของชมรมมักจะมีค่ายไปปฏิบัติธรรมที่วัดนั้น หลังจากที่เพื่อนของเราไปปฏิบัติธรรมกลับมา
เพื่อนก็มีความเลื่อมใสในวัดนี้มาก และพูดว่าถ้ามีโอกาส (หรือถ้ามีเงิน) อยากจะสร้างพระพุทธรูปให้กับตนเองหรือวัดอะไรประมาณนี้ โดยพระพุทธรูปองค์หนึ่งนั้นตามที่วัดบอกมาจะใช้เงินเป็นหมื่นเลยทีเดียว

เพื่อนท่านไป...แต่ท่านไม่ได้ไป ท่านจึงไม่รู้ว่าทำไมเพื่อนท่านจึงมีศรัทธา...ถ้ายังไงก็ลองไปดูกะเขาซะทีก็ดีนะครับ อย่างไรเสียทางวัดคงไม่มาบีบคอบังคับเราให้สร้างพระอะไรอย่างที่ว่ามาหรอก

หมูตอน เขียน:
ตัวเราเองจึง งง กับการทำบุญแบบนี้ และไม่ค่อยอยากจะเข้าชมรมนี้ และชมรมพระพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัย เราสงสัยว่าเราคิดสิ่งไดผิดไปหรือเปล่า ขอคำแนะนำจากผู้รู้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

คิดไม่ผิดหรอกครับ เพราะเราคิดบนความไม่รู้ ก็ไม่แปลกที่มันอาจจะผิดหรือถูกก็ได้

เคยไปมาครับวันนี้...กระผมว่ากิจกรรมที่เขาจัดส่วนมากนั้นก็เป็นประโยชน์กับสังคมอยู่นะครับ แต่มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีคนที่เข้ามาแสวงหาประโยชน์ในลาภสักการะที่เกิดขึ้น(จากบารมีของหลวงปู่ สด) หากเรามีสติไม่หลงไปกับสิ่งเร้าต่างๆที่มากระทบ เรื่องที่จะทำบุญจนเดือดร้อนนั้นย่อมไม่มี

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร