อนุโมทนาบุญนี่ แปลว่าอะไร
แล้วมันต่างกับสาธุป่ะคะ
อนุโมทนาบุญ แล้วใครได้บุญ

ฝากตอบหนูด้วยนะคะ คือสงสัยจริง
คือขอโทษจริงสำหรบท่านที่ศึกษาธรรมมะมานาน
เพราะคิดว่าเกือบจะทุกท่านคงจะทราบแล้ว
กระทู้นี้อาจจะทำให้ท่านเสียเวลานะเจ้าคะ

ผมคิดว่า

น่าจะอย่างเดียวกันน่ะครับ

"สาธุ" ก็แปลว่า ดีแล้ว

ถ้าเห็นคนอื่นทำบุญ แล้วเราก็สาธุ(ดีแล้ว)

ก็น่าจะเรียกว่า อนุโมทนา น่ะครับ

ส่วนบุญนั้นจะได้มากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่ที่ใจแล้วครับ

^^

อนุโมทนาเหรอ

ก้คือความรู้สึกเดียวกับมุทิตาจิต
กล่าวคือ เห็นใครเขามีความสุข เราก้ยินดีมีความสุข
เช่นเห็นเขาได้ดี มีเงินใช้ เราก็มีความสุข

มันตรงข้ามกับอิจฉา
เห้นเขาได้ดีกว่าฉัน เลยหมั่นไส้ อะไรทำนองนี้
เรียกว่าไม่มีมุทิตาจิต ไม่อนุโมทนา

การอนุโมทนา ไม่จำเป้นต้องพูด keyword ว่าอนุโมทนาก็ได้
สำคัญที่ว่าใจเรารู้สึกจริงๆไปตามธรรมชาติก็ใช้ได้แล้ว
เช่นเห้นคนหนุ่มสาวลุกขึ้นให้คนแก่นั่ง เราก็มีความสุข นี่เรียกว่าบุญเกิดแล้ว จิตเป้นบุญ
บุญสำเร้จได้ด้วยการอนุโมทนา

เห็นคนประกวดอะไรกัน เห็นคนได้รางวัลก็ดีใจไปกะเขา นี่ก็เรียกว่าอนุโมทนาไปแล้ว

แต่ประเภท เห็นคนอื่นได้ดี ไม่ดีใจด้วย
แต่คนใกล้ตัวได้ดี กลับยินดี นี่จัดว่ายังใช้ได้ เพียงแต่แคบไปหน่อย

สรุปแล้วคือ "ความยินดี เมื่อเห้นความดี"

ถ้าปากพูดว่าอนุโมทนา แต่ใจมันหมั่นไส้อยู่
อันนี้ก็ไม่จัดว่าได้บุญ ไม่เป้นอนุโมทนาจิต

fake อะ fake

จิตอนุโมทนา เป็นสุขเช่นเดียวกับผู้ให้

เมื่อเห็นผู้อื่นทำความดี พึงบังเกิดใจยินดีและศรัทธา
จงอย่า ได้บังเกิดจิตอิจฉาริษยา เพราะการบังเกิดใจยินดี (มุทิตาจิต)
นั้นก็คือ กุศลปัจจัยอันนำมาซึ่งวาสนา แต่การบังเกิดใจอิจฉาคือการสร้างกรรม
เมื่อเราเห็นผู้อื่นสร้างกุศล ยิ่งจะต้องเข้าช่วยเหลือตามกำลัง ตามฐานะของตน
แล้วกล่าวชมเชยยกย่องการกระทำที่ดีงามของเขา และข้อดีด้วยความจริงใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนยากจนพึงเรียนรู้พุทธวิธีเช่นนี้ เพราะคนจนขัดสนเงินทองที่จะนำมาบริจาค
ดังนั้นเมื่อเห็น ผู้อื่นบริจาคก็ควรบังเกิดใจยินดี (อนุโมทนา) ดังที่ว่า
" มีเงินออกเงิน ไม่มีเงินก็ออกแรง"
นอกเสียจากไม่มีกำลังเรี่ยวแรงที่จะช่วยได้ ขอ เพียงบังเกิดใจยินดีแล้วอนุโมทนา
เท่านี้ก็สามารถเพิ่มพูนวาสนาบารมี ได้เหลือคณานับ

เช่นเดียวกับในขณะที่เรากำลังนึกถึงเรื่องบริจาคในอดีตที่ผ่านมา
เป็นต้นว่าเคยให้ทานแก่คนยากจนขาดแคลน หรือคิดไว้ว่าจะไปทำบุญ
บริจาคที่นั่นที่นี่ ภาพเหล่านั้นก็จะถูกสร้างขึ้นในจินตนาการ เพียงแค่
เราได้ทำการบริจาคในจินตนาการนั้น ความปิติที่เราได้รับก็จะบังเกิดขึ้น
ไม่แตกต่างไปจากการได้ลงมือช่วยเหลือ เช่นนี้แล้วบุคคลที่ใช้จินตนาการ
ระลึกถึงการสร้างบุญกุศลและอนุโมทนานับได้ว่าเป็นพุทธวิธีอย่างหนึ่ง
ในการบำเพ็ญกุศลซึ่งได้ผลไม่น้อยไปกว่ากันเลย.

ขอบคุณค่า

อนุโมทนา ก็แปลว่า การบันเทิงตาม(ผู้ที่ทำความดี) หรือว่า มีใจอ่อนโยนตามในผลของความดีที่บุคคลอื่น
ได้ทำและเรารับรู้ได้ (มาจากคำว่า อนุ+มุทุ)
อนุโมทนาเป็นสภาวะที่เกิดกับจิตที่รู้สึกยินดีคล้อยตามคุณความดีของผู้อื่น

คำว่า สาธุ ที่บุคคลมักกล่าวๆกันเมื่อรับรู้บุญกุศลของคนอื่นนั้น เป็นกิริยาทางกาย ถ้าสักแต่ทำโดยใจไม่เป็น
อนุโมทนาด้วยก็ไร้ผล

แต่ถ้ายกมือไหว้แล้วกล่าวสาธุ ใจก็อนุโมทนาจริงๆตามนั้น ถือได้ว่ากรรมทั้ง ๓ คือ กาย วาจา ใจ เป็นกุศลตามนั้น
อาจมีผลที่ต่างกัน กายจะช่วยย้ำเจตนาทางใจให้หนักแน่นเมื่อใจขับอนุโมทนาจิตออกมาสั่งกายให้กระทำสาธุการ

ผมโอเว่อร์ไปป่าวเนี่ย

ความหมายของคำว่า อนุโมทนา
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=19704

ความหมายของคำว่า สาธุ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=21561

สาธุ มีความหมายกว้างกว่า อนุโมทนา

หรืออาจกล่าวว่า
อนุโมทนา เป็นส่วนนึงของ สาธุ จ้า คุณหมูตอน

การอนุโมทนาบุญ
เกิดจากการที่เราร่วมแสดงความยินดีกับผลบุญของผู้อื่น เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ
เช่น เราไปร่วมอนุโมทนาบุญกับญาติธรรม ที่ได้บรรพชาอุปสมบท หรือ เขาได้ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา โดยที่เราเพียงแค่แสดงอนุโมทนาบุญกับเขา ผลบุญนั้นก็มีผลแก่เราด้วยเช่นกัน

อนุโมทนาบุญ...พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือ เอาด้วย ร่วมด้วย คือเห็นอะไรที่เป็นบุญก็มีจิตคิดร่วมยินดีในบุญที่เห็นนั้น
อนุโมทนาแล้วใครได้บุญ...ก็คนที่อนุโมทนานั่นแหละได้บุญ
ต่างกันกับสาธุตรงที่...สาธุนั้นต่อยอดออกไปจากการอนุโมทนา
เช่นว่า...เราไปทำบุญ ตักบาตร (กุศลกรรมเกิด)....พระรับบาตร(อนุโมทนาบุญ)....พระให้พร(สาธุ)

การอนุโมทนาบุญของผู้อื่น นี้เป็นของดีมากครับ

หากเราได้ทำด้วยใจบริสุทธิแล้ว..คุณธรรมอีกหลายข้อก็เกิดตามครับ
และเพราะมีคุณธรรมหลายข้อนี้เองจึงทำให้การอนุโมทนาทำได้ด้วยใจบริสุทธิ

คุณธรรมที่ว่านี้ ยกตัวอย่างเช่น..

สัมมาทิฐิ..การโมทนาได้ทำให้ใจเป็นกุศล เพราะรู้ทางกุศลแล้ว..จึงโมทนาได้อย่างบริสุทธิ
โทสะ......การโมทนาได้ช่วยลดโทสะ เพราะโทสะน้อยลงแล้ว..จึงโมทนาได้บริสุทธิ
มานะ......การโมทนาได้ช่วยลดทิฐิมานะ เพราะทิฐิมานะน้อยลงแล้ว..จึงโมทนาได้บริสุทธิ
มุทิตา.....การโมทนาได้ช่วยเพิ่มมุทิตาจิต เพราะมุทิตาสมบูรณ์..จึงโมทนาได้บริสุทธิ

เป็นต้น

จะเห็นว่าบุญกุศลจากการอนุโมทนาไม่ได้เกิดกับใครอื่นเลย..

ขอให้กุศลของทุกท่านในธรรมทานนี้..เป็นปัจจัยให้ท่านทั้งหลายเจริญใธรรม..สาธุ