วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 19:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2009, 14:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว




049.JPG
049.JPG [ 71.93 KiB | เปิดดู 1128 ครั้ง ]
เริ่มเรือ่งว่า พระผู้มีพระภาคประทับ ณ เชตวนารามเช่นเคย แล้วเล่าถึงหญิงหม้ายคนหนึ่งผู้มีรูปร่าง พระอุทายีเข้าไปสู่สกุลนั้น สั่งสอน[จนเกิดความเลื่อมใสแล้ว เธอปวารณาที่จะถวายผ้านุ่งห่ม อาหารที่นอนที่นั่งยารักษาโรค แต่พระอุทายีกลับพูดล่อลวงหรือชักชวนหญิงนั้น ให้บำเรอตนด้วยกาม ถือว่าเป็นสิ่งหาได้ยาก นางหลงเชื่อ แสดงอาการยินยอม พระอุทายีถ่มน้ำลาย แสดงอารการรังเกียจ นางจึงติเตียนพระอุทายี ความทราบถึงพระผู้มีพระภาค จึงทรงเรียกประชุมสงฆ์ ไต่สวน ติเตียนแล้ว ทรงบัญญัติ สิกขาบท ห้ามภิกษุมีจิตกำหนัดพูดล่อลวงหญิงให้บำเรอตนด้วยกาม ทรงปรับอาบัติสังฆาทิเสสแก่ผู้ล่วงละเมิด

ต่อจากนั้น เป็นคำอธิบายข้อความสิกขาบทอย่างละเอียด พร้อมทั้งแสดงถุงการไม่ต้องอาบัติ โดยลักษณะ 3 คือ 1. พูดให้บำรุงด้วยปัจจัย 4 2. ภิกษุเป็นบ้า 3. ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ แล้วแสดงเรื่องที่เกิดขึ้น รวม 7 เรื่อง ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงต่สวนชี้ขาดว่า ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหรือไม่/size]





Viewed 3 times1 Comment
หัวข้อกระทู้: อนุบัญญัติ (ข้อบัญญัติเพิ่มเติม)โพสต์: 15 ก.ค. 2009, 16:01
[size=150] ต่อมามีภิกษุวัชชีบุตร ชาวกรุงเวสาลี เข้าใจว่าห้ามเสพเมถุนกับมนุษย์ จึงเสพเมถุนด้วยนางลิง ความทราบถึงพระพุทธเจ้า จึงทรงบัญญัติเพื่อเติมให้ชัดขึ้นว่า ห้ามแม้ในสัตว์เดรัจฉาน ภิกษุเสพเมถุนขาดจากความเป็นภิกษุแล้ว ภายหลังขอเข้าอุปสมบทอีก พระพุทธเจ้าจึงทรงบัญญัติมิให้อุปสมบทแก่ผู้เช่นนั้น ต่อจากนั้น มีคำอธิบายตัวสิกขาบทอย่างละเอียดทุกๆคำ พร้อมทั้งแสดงตัวอย่างประกอบ ภิกษุ 5 ประเภท ไม่ต้องอาบัติ คือ 1 ภิกษุผู้ไม่รู้ตัว (หรือถูกบังคับแต่ไม่ยินดี) 2 ภิกษุผู้เป็นบ้า 3 ภิกษุผู้มีจิตฟุ้งสร้าน (หมายถึงเป็นบ้าไปชั่วขณะด้วยเหตุอื่น ไม่ใช่บ้าไปชั่วขณะด้วยเหตุอื่น[ ไม่ใช่บ้าโดยปกติ อรรถกถาแก้ว่า ผีเข้า ในสมัยนี้เทียบด้วยเป็นบ้าเพราะฤทธิ์ยาบางชนิด) 4 ภิกษุผู้มีเวทนากล้า ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรลงไปบ้าง 5 ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ

ขออธิฐานกุศลนี้สนับสนุนให้ข้าพเจ้าพึงเจริญในธรรมหนอ
และท่านทั้งหลายพึงเจริญในธรรมเถิด

เทพบุตร ...

[ อ่านเพิ่มเติม ]





Viewed 1 time2 ความคิดเห็น
หัวข้อกระทู้: อย่าดีใจตื่นเต้นเมื่อใครชมเชยพระพุทธเจ้าโพสต์: 15 ก.ค. 2009, 15:37
[size=150] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวชมเชยเรา ธรรม หรือชมเชยพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงแสดงความชื่นชมโสมมนัส หรือความรู้สึกตื่นเต้นในบุคคลเหล่านั้น เพราะถ้าท่านทั้งหลายมี ความชื่นชมโสมมนัส มีความตื่นเต้นในบุคคลที่กล่าวชมเชยเรา ชมเชยพระธรรม ชมเชย พระ สงฆ์ อันตรายเพราะเหตุนั้น ก็จะพึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายพึงรับรองเรื่องที่เป็นจริงให้เห็นว่าเป็นจริง ในข้อที่คนเหล่าอื่นกล่าวชมเชย ชมเชยพระธรรม หรือ ชมเชยพระสงฆ์ ให้เขาเห็นว่าข้อนั้นจริง ข้อนั้นแท้ ข้อนั้นปรากฎในพวกเรา ดังนี้[/

พรหมชาลสูตร ...

[ อ่านเพิ่มเติม ]





Viewed 1 time1 Comment
หัวข้อกระทู้: อย่าโกรธเมื่อใครติเตียนพระพุทธเจ้าโพสต์: 15 ก.ค. 2009, 15:17
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนเหล่าอื่นอาจกล่าวติเตียนเรา ติเตียนธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ ท่านทั้งหลายไม่พึงผูกอาฆาต ขุ่นเคีอง ไม่พอใจในบุคคลเหล่านั้น เพราะถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือ ไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ อันตรายเพราะความโกรธเคืองนั้น ก็พึงเป็นของท่านทั้งหลายเอง ถ้าท่านทั้งหลายโกรธเคือง หรือไม่พอใจในบุคคลที่กล่าวติเตียนเรา ติเตียนพระธรรม หรือติเตียนพระสงฆ์ จะรู้ได้ละหรือว่า คำกล่าวของคนอื่นนั้น เป็นคำกล่าวที่ดี (สุภาษิต) หรือไม่ดี ...

[ อ่านเพิ่มเติม ]





Viewed 1 time1 Comment
หัวข้อกระทู้: ข้อความน่ารู้จากพระไตรปิฎกโพสต์: 15 ก.ค. 2009, 15:00
b8: ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทราบความคิดของพราหณ์นั้น จึงตรัสกะพราหมณ์ด้วยคาถา (คำกวี)ว่า ดูก่อนพราหมณ์ ความถือตัวมีแก่ใครในโลกนี้ ก็ไม่เป็นของดีเลย ท่านมาด้วยความต้องการอันใด ก็พึงกล่าวความต้องการนั้นเถิด ลำดับนั้น พราหมณ์ คิดว่า พระสมณโคดมย่อมรู้จิตของเรา จึงหมอบลงแทบพระบาทของ พระผู้มีพระภาคด้วยเศียรเกล้า ณ ที่นั้น แล้วจุมพิตพระบาทของพระผู้มีพระภาคด้วยปาก เอามือนวดฟั้น (พระบาท) ประกาศนามของตน ว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ข้าพระองค์คือมานถัทธะ ข้าพระองค์คือ มานถัทธะ (ผู้กระด้างเพราะถือตัว) ลำดับนั้น ที่ประชุมนั้นก็เกิดความรู้สึกอัศจรรย์ใจว่า น่าอัศจรรย์ หนอ เรื่องไม่เคยมี มามีขึ้น พราหมณ์ผู้ไม่ไหว้มาดา ไม่ไหว้บิดา ไม่ไหว้อาจารย์ ไม่ไหว้พี่ชาย ก็แต่พรามหณ์นี้กลับทำความเคารพอย่างยิ่งเห็นปานนี้ในพระสมณโคดม ลำดับนั้น พรามหณ์นั้นนั่งบนอาสนะของตนแล้ว จึงกราบทูลพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า ไม่ควรทำความถือตัวในตน ควรมีความเคารพอย่างไร ควรนอบน้อมใคร ควรบูชาอย่างดีต่อใคร พระผู้มีพระภาคได้ทรงภาษิตพระคาถาตอบว่า ควรมีความเคารพในมารดา ในบิดา ในพี่ชาย ในอาจารย์เป็นที่สี่ ท่านควรนอบน้อมและบูชาอย่างดีในพระอรหันต...

[ อ่านเพิ่มเติม ]

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร