| วันเวลาปัจจุบัน 11 พ.ย. 2025, 11:00 |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
[ 2 โพสต์ ] |
|
|
|
|
||||||
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 08:36 โพสต์: 532
แนวปฏิบัติ: ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ งานอดิเรก: อ่านหนังสือ สิ่งที่ชื่นชอบ: กรรมทีปนี , วิมุตติรัตนมาลี , ภูมิวิลาสินี ชื่อเล่น: เจ้านาง อายุ: 0 ที่อยู่: อยู่ในธรรม |
|
|||||
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
[ 2 โพสต์ ] |
|
เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
ผู้ใช้งานขณะนี้ |
่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน |
| ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้ ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้ |
|



เมื่อใส่ใจในอารมณ์ใดอยู่ อกุศลวิตกเกิดขึ้น ก็ให้ใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศลและเป็นคู่ปรับกัน เช่น เมื่อนึกคิดไปในทางราคะ ก็ให้หันมาเจริญอสุภสัญญา พิจารณาว่า ร่างกายนี้เป็นของเน่าเปื่อยไม่สะอาด มีของโสโครกไหลออกอยู่เนืองๆ จะหาสิ่งที่เป็นแก่นสาร หรือสิ่งประเสริฐในกายนี้ไม่ได้เลย เมื่อมาใส่ใจอารมณ์อื่นที่เป็นกุศล คือ อสุภสัญญา ย่อมละราคะนี้ได้ ถ้าโลภอยากได้ข้าวของเงินทองต่างๆ ก็ให้พิจารณาว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นเป็นของกลางสำหรับแผ่นดิน ไม่มีใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เป็นเพียงของยืมมาใช้ชั่วคราว ตายแล้วก็เอาไปไม่ได้ ต้องทิ้งไว้ในโลกให้คนอื่นใช้ต่อไป เมื่อมาใส่ใจเรื่องอื่นที่เป็นกุศล คือความไม่มีเจ้าของและเป็นของชั่วคราว ย่อมละความโลภในทรัพย์สมบัติได้ ถ้านึกคิดไปในทางเบียดเบียนด้วยอำนาจโทสะ ก็พึงเจริญเมตตาด้วยการระลึกถึงพุทธพจน์ ที่เป็นไปเพื่อคลายความอาฆาต เช่น พุทธพจน์ในกกจูปมสูตร (12/272) ที่ว่า

อนุโมทนาค่ะ
