วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อ่านของคนอื่นมามากแล้ว

ขอวรานนท์ทำหน้าที่หามาให้อ่านบ้างครับ


สำนึกดีในมวลมนุษย์ สร้างสันติสุขโลก
เพื่อความเจริญงอกงามแห่งปัญญา
พัฒนาจิต ชีวิตพัฒนา

คนโง่ = แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ ร่วงหล่นลงสู่ดิน
คนฉลาด = ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไป
ในปฐพี
คนเจ้าปัญญา = อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ทะยานขึ้นสู่ที่สูง

อย่ามัวโง่ งมงาย
จงขวนขวายพัฒนา
และอย่าฉลาดอย่างขาดปัญญา
จงเป็นมนุษย์เลิศปัญญายิ่งๆขึ้นไป
ที่สำคัญแท้จริง
จงมีปัญญาจริงแท้ในจิตใจ
ให้ได้ก่อนอื่น

ว่าด้วยการบริหารเป้าหมาย
คนโง่ = มักใช้ชีวิตอย่างไร้เป้าหมาย จึงว่ายไป แล้ววนกลับมาที่เดิม ต้องเริ่มต้น
ใหม่ร่ำไป สู่อนาคตที่ไร้ทิศทาง
คนฉลาด = มักตั้งเป้าหมายชีวิตยิ่งใหญ่ จึงไม่พึงพอใจกับภาวะที่ตนเป็นสักที
เพราะดูทีไรก็ยังห่างไกลเป้าหมายเสมอ
คนเจ้าปัญญา = ย่อมมีเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิต และมีเป้าหมายน้อยนิดสานสู่
เป้าหมายใหญ่ จึงมีบันได ความสำเร็จให้บรรลุเป็นลำดับไป
ได้กำลังใจและหรรษาไปตลอดหนทาง

ว่าด้วยความคิด
คนโง่ = ทำก่อนแล้วถึงคิด จึงผิดพลาดอยู่เนืองๆ ต้องเปลืองเวลาและ
ความรู้สึก ตามแก้ปัญหาไม่สิ้นสุด
คนฉลาด = คิดมากก่อนแล้วจึงทำ จึงเพ้อเจ้ออยู่เป็นประจำ แม้ประสงค์จะทำดี
มากแต่ทำได้น้อย เพราะเขม่าความคิดปิดกั้นความหาญกล้า
คนเจ้าปัญญา = คิดไปทำไป จึงทำได้อย่างที่คิด และคิดพอดีที่ทำ ประหยัดพลัง
งานและบริหารเวลาได้เหมาะสม ลดความหลอนป้องกันความ
ผิดพลาดที่ขื่นขม และประสบความสำเร็จโดยไม่เหน็ดเหนื่อย


(มีต่อ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ว่าด้วยทัศนคติ
คนโง่ = ดูหมิ่นความดี มองโลกในแง่ร้ายด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งชั่วร้ายมาพา
ชีวิตตกต่ำ กลายเป็นทาสสถานการณ์ ยามพบสิ่งดีจะไม่เข้าใจ จึง
พลาดโอกาสใหญ่
คนฉลาด = ชอบทำดีและคิดดี มักมองโลกในแง่ดีด้านเดียว จึงได้รับแต่สิ่งดีโดย
มาก ครั้นพบสิ่งชั่วร้าย จะทนไม่ได้ ทำใจไม่เป็น ต้องถอยหนีสถาน
การณ์ ดวงใจแตกร้าว ชีวิตจึงมีแต่ความระคายเคืองและปฏิฆะเร้น ลึก
คนเจ้าปัญญา = ละชั่วเด็ดขาด และทำดีเป็นนิสัย โดยไม่ติดดี แล้วละความดี
เข้าสู่ความบริสุทธิ์ จึงเห็นที่สุดแห่งความเป็นจริงแท้แห่งโลกว่า
ทุกสิ่งในโลกมีทั้งคุณโทษ และความเป็นกลางอยู่ จึงบริหาร
สถานการณ์ได้ และทำใจได้ในทุกสถานการณ์

ว่าด้วยความโง่ และ ความฉลาด
คนโง่ = ชอบคิดว่าตนฉลาดแล้ว จึงดักดานอยู่กับความโง่ของตนตามที่เป็น
คนฉลาด = ชอบคิดว่าตนโง่ จึงชอบแกล้งโง่ และมักโง่ได้สมปรารถนาในที่สุด
คนเจ้าปัญญา = ย่อมเห็นความโง่และความฉลาด ที่ซ้อนกันอยู่ และรู้วิธีที่จะยก
จิตสู่ปัญญายิ่งๆขึ้นไป จึงค่อยๆหายโง่ และเลิกฉลาดโดยลำดับ

ว่าด้วยการพูดจา
คนโง่ = ชอบเถียง เขาจึงได้การทะเลาะและความบาดหมางแทนความรู้
คนฉลาด = ชอบถาม เขาจึงได้ความรู้และมิตรภาพ มากกว่าความแตกแยก
คนเจ้าปัญญา = ชอบเฉยสังเกตุลึก เข้าใจสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ่ง แล้วจึงนำเสนอ
อย่างเหมาะสม

ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารณ์
คนโง่ = มัววิพากษ์วิจารณ์นินทาคนอื่น เพราะไม่จริงใจกับใคร จึงไม่มีใครจริง
ใจด้วย เขาย่อมมีแต่มิตรเทียม
คนฉลาด = มัววิพากษ์วิจารณ์ตนอย่างที่เป็น โดยไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของ
ตนที่ต้องเป็นไป คนอื่นจึงมักไม่เข้าใจเขาที่แปรเปลี่ยนไปเสมอและ
ไม่มีคนเข้าใจเคียงข้างเขา
คนเจ้าปัญญา = ย่อมไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร ด้วยแจ่มแจ้งว่าทุกคนก็เปลี่ยนไป
เขาย่อมเลี่ยงคนที่ชอบวิจารณ์ตนและคนอื่น ทุกคนจึงสบายใจ
ที่จะอยู่ใกล้เขา เขาย่อมมีมิตรแท้และมั่นคง


(มีต่อ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ว่าด้วยการบริหารธรรม
คนโง่ = ดูหมิ่นธรรมะ ชีวิตจึงหายนะ
คนฉลาด = ศึกษาธรรมะ จึงรู้สึก และดำเนินชีวิตด้วยดี
คนเจ้าปัญญา = ใช้ธรรมะ จึงดำเนินชีวิตอย่างเหนือชั้น

ว่าด้วยการทำงาน
คนโง่ = ทำงานเพื่อเงิน จึงได้เงินมาอย่างยากเย็นและมักไม่ได้คุณค่าอื่นๆของ
งาน
คนฉลาด = ทำงานเพื่องาน จึงได้ผลงานที่ยิ่งใหญ่และได้เงินตามมาโดยง่าย
คนเจ้าปัญญา = ทำงานเพื่อหยิบยืนคุณค่าแก่สังคม เขาจึงได้ผลงานที่น่าชื่นชม
เงิน ชื่อเสียง และมิตรมหาศาลย่อมตามมาเสมอ

ว่าด้วยการดำเนินชีวิต
คนโง่ = มักโกงเขากิน กรรมจึงกระหน่ำให้เสียทรัพย์ ยากจนอยู่ร่ำไป ซ้ำมีศัตรู
คอยกัดกร่อนตลอดเวลา
คนฉลาด = แข่งขันแย่งกันกินอย่างถูกกฎหมาย จึงยุ่งยาก และพลาดไม่ได้
เพราะมีคู่แข่งพร้อมย่ำเหยียดเสมอ
คนเจ้าปัญญา= แบ่งปันกันกินตาความพอดี จึงมีคนช่วยสร้าง ช่วยรักษาและช่วย
เสพ และมีมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุขโดยมาก

ว่าด้วยการบริหารธุรกิจ
คนโง่ = ทำธุรกิจด้วยความอยากได้ ผู้คนจึงหวาดระแวง และถอยหนี
คนฉลาด = ทำธุรกิจด้วยความอยากและเปลี่ยน ผู้คนจึงพิจารณาและคบหา
ตราบที่ยังได้ประโยชน์
คนเจ้าปัญญา = ทำธุรกิจด้วยความอยากให้ ผู้คนจึงต้อนรับด้วยความยินดีแม้จะ
ต้องให้อะไรตอบบ้างก็ตาม

ว่าด้วยการบริหารทรัพย์
คนโง่ = บริโภคความมีทรัพย์ นั่งนับอย่างเป็นสุขกับการได้มี
คนฉลาด = บริโภคอำนาจของทรัพย์ เป็นสุขกับการที่ได้จับจ่ายใช้สอย
คนเจ้าปัญญา = บริโภคคุณค่าแห่งทรัพย์ เป็นสุขกับการสร้าง รักษา และการ
พัฒนาค่าของทรัพย์เป็นคุณสมบัติอื่นที่ยิ่งกว่า

ว่าด้วยคุณค่า
คนโง่ = ยึดความชอบ หรือ ความไม่ชอบ เป็นสำคัญ เขาจึงได้รัยความสุข และ
ความทุกข์อันบีบคั้นเป็นของตอบแทน
คนฉลาด = ยึดความถูก และ ความผิด เป็นสำคัญ เขาจึงได้รับศัตรูต่างความคิด
เห็นเป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา = ยึดประโยชน์สุขสำหรับทุกฝ่ายในทุกกาลเวลาเป็นสำคัญ เขาจึง
ได้รับศรัทธา และ มหามิตรเป็นกำนัล

ว่าด้วยการอวดตน
คนโง่ = ชอบอวดตัว เขาจึงได้รับความหมั่นไส้ การต่อต้าน และความเจ็บปวด
เป็นรางวัล
คนฉลาด = ชอบถ่อมตัว เขาจึงได้รับความเห็นใจ การดูหมิ่น และการช่วยเหลือ
เป็นรางวัล
คนเจ้าปัญญา = ย่อมมั่นใจตนแต่ไม่นิยมแสดงตัว ไม่ยกและไม่ถ่อมตัวแต่บริหาร
สัมพันธภาพเพียงเพื่อผล วางตนและสำแดงบทบาทตามหน้าที่
เขาจึงได้รับความเคารพ และความเชื่อถือเป็นรางวัล

ว่าด้วยความเก่งกาจ
คนโง่ = มัวอวดเก่ง จึงไม่มีใครเติมความเก่งให้กับเขาอีก
คนฉลาด = ชอบเรียนรู้เพื่อพัฒนาความเก่งให้ยิ่งขึ้น และเอาความเก่งมาใช้โดย
ไม่อวด จึงได้ผลงานดี แต่อาจไม่ทุกเรื่อง และอาจไม่ยั่งยืน
คนเจ้าปัญญา = หาความเก่งไม่เจอ แต่ทำอะไรก็ยอดเยี่ยมเสมอ เพราะมองเห็น
ทุกอย่างในตนและนอกตนเป็นธรรมดา ทุกคุณสมบัติจึงเป็น
ปกติ และยั่งยืนสำหรับเขา

ว่าด้วยจรรยามารยาท
คนโง่ = แข็งกระด้าง จึงล้มเหลว ดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่นลงสู่ดิน
คนฉลาด = ยืดหยุ่น จึงกระจายตนไปในสถานการณ์ต่างๆ ดั่งรากไม้แผ่ซ่านไปในผืนปฐพี
คนเจ้าปัญญา = อ่อนโยน จึงเจริญงอกงาม ดั่งยอดไม้ที่ทะยานขึ้นสู่ที่สูง


(มีต่อ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ว่าด้วยความรักสัมพันธ์
คนโง่ = ชอบขอความรักและความเห็นใจ แต่มักได้รับความสมเพชตอบแทน
เป็นประจำ
คนฉลาด = ชอบให้ความรักความเข้าใจ และมักได้รับความหวังพึ่งพิงตอบ
เนืองๆ
คนเจ้าปัญญา = ชอบให้ปัญญาที่จะให้ทุกคนและเข้าใจตนเอง จึงได้รับความนับ
ถือและความมีบุญคุณตอบแทนเสมอ

ว่าด้วยแหล่งมิตรภาพ
คนโง่ = ชอบหาเพื่อจากวงเหล้า หรือแหล่งอบายมุข จึงได้แต่มิตรเทียมที่นำ
ภัยมาสู่ชีวิต และต้องแตกแยกกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
คนฉลาด = ชอบหาเพื่อนจากงาน จึงได้มิตรดีร่วมอุดมการณ์ แต่เมื่องานหมด
หรือล้มเหลว มิตรดีเหล่านั้นก็อันตรธานไปและบางคนก็ผันมาเป็น
ศัตรูหรือคู่แข่ง
คนเจ้าปัญญา = ชอบหาเพื่อนจากธรรมสภาวะ จึงได้มิตรแท้ที่มีรสนิยมเหนือ
เงื่อนไขทางโลก ความสัมพันธ์จึงสะอาด และมีแนวโน้มนิรันดร

ว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์
คนโง่ = มองแต่ความชั่วร้ายในคนอื่น จึงหยิบยื่นแต่โทษให้แก่กัน และได้รับ
ความทุกข์ตรมเป็นของกำนัล
คนฉลาด = มองแต่ความดีในคนอื่น จึงหยิบยื่นคุณค่าให้แก่กัน และได้รับความ
สุขระคนทุกข์อันประณีตเป็นของกำนัล
คนเจ้าปัญญา = มองทั้งความดีและความชั่วในทุกตัวคน จึงควบคุมแม้เล็กน้อยที่
อาจเกิดระหว่างกัน แล้วหยิบยื่นคุณค่าให้เพื่อการพัฒนาร่วมกัน
ปฏิสัมพันธ์ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
และได้รับความเจริญรุ่งเรืองยั่งยืนเป็นกำนัล

ว่าด้วยการสนองตอบผู้มีพระคุณ
คนโง่ = เนรคุณผู้มีบุญคุณ จึงไม่มีใครอยากทำดีกับเขาอีก
คนฉลาด = กตัญญูผู้มีคุณ จึงมีคนอยากทำดีกับเขามากมาย ซึ่งต้องตามชดใช้
บุญคุณกันไม่รู้จบ
คนเจ้าปัญญา = ยกระดับผู้มีบุญคุณให้สูงส่งขึ้น จึงทดแทนบุญคุณกันได้หมด
และผู้มีพระคุณกลายเป็นหนี้บุญคุณ และพร้อมที่จะให้พระ
คุณที่ยิ่งกว่า เกิดวงจรการให้และการรับที่พัฒนาต่อเนื่อง ทุก
ฝ่ายจึงได้ประโยชน์อย่างยิ่ง

ว่าด้วยชาตินิยม
คนโง่ = ดูหมิ่นชนชาติของตนเอง แต่ชื่นชมชนชาติอื่น จิตใจเขาจึงขมขื่นและ
ดิ้นรนไปเป็นทาสชนชาติอื่น ซึ่งยิ่งทำให้ชีวิตขมขื่นยิ่งขึ้น
คนฉลาด = ชื่นชมชนชาติของตนเอง แต่ดูหมิ่นชนชาติอื่น จึงหลงตนเอง หลง
พวก คับแคบ ดูหมิ่นและเบียดเบียน แม้รุ่งเรือง ก็มีศัตรูต่างพวก
เสมอ
คนเจ้าปัญญา = ชื่นชมส่วนดีในชนชาติของตนเองทั้งชื่นชมส่วนดีในชนชาติอื่น
แล้วนำมาใช้ จิตใจเขาจึงเป็นสากล รุ่งเรืองในโลกกว้างอย่างไร้
ศัตรู

ว่าด้วยลักษณะความสัมพันธ์
คนโง่ = เอาแต่ได้ จึงเป็นที่รังเกียจ
คนฉลาด = เอาแต่ให้ จึงเป็นที่รักระคนทุกข์ยากแต่สุขใจ
คนเจ้าปัญญา = จัดระบบการรับและให้สมดุลกันโดยคุณค่าแห่งความแตกต่าง
จึงพอดีและเป็นที่พอใจ

ว่าด้วยความเป็นไปได้
คนโง่ = ชอบคิดว่า ทุกสิ่งที่หวังเป็นไปไม่ได้ จึงขังตนเองในความเกียจคร้าน
ชีวิตต้อยต่ำ
คนฉลาด = ชอบคิดว่า ทุกสิ่งที่หวังเป็นไปได้ จึงทะยานไปในตัณหาไม่รู้จบชีวิต
กระเจิดกระเจิง
คนเจ้าปัญญา = ย่อมเห็นว่าในบรรดาสิ่งที่หวัง บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ บางสิ่งเป็นไป
ได้ ในบรรดาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ทั้งหมดนั้น บางสิ่งเป็นไปไม่ได้
ถาวร บางสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว และในบรรดาสิ่งที่เป็นไปได้
ถาวรนั้น บางสิ่งก็ไม่มีประโยชน์ บางสิ่งมีประโยชน์ เขาจึงปรับ
ความหวังให้สอดคล้องกับความเป็นไปได้ที่มีประโยชน์ และ
ปรับสิ่งเป็นไปไม่ได้ชั่วคราว ให้เป็นไปได้มากขึ้น ชีวิตจึงอยู่กับ
ความสมหวังและการพัฒนาโดยลำดับ

ว่าด้วยการบริหารและการปกครอง
คนโง่ = พยายามบริหารคน จึงวุ่นวายสับสนตามธรรมชาติของคน
คนฉลาด = พยายามบริหารประโยชน์สัมพันธ์ จึงยุ่งยากซับซ้อนตามปรารถนา
อันไม่สิ้นสุด
คนเจ้าปัญญา = พยายามบริหารระบบธรรม จึงสงบลงตัว ณ จุดพอดี

ว่าด้วยการจัดการกับปัญหา
คนโง่ = พอพบปัญหาอะไรก็โวยวาย ก่อให้เกิดปัญหาทางอารมณ์และความสัมพันธ์อีกหลายชั้น จึงยิ่งเสียหาย
คนฉลาด = พอพบปัญหาวิเคราะห์ เป็นการใช้ความคิดแก้ปัญหา จึงมักติดบ่วงความคิด วนไปวนมา
คนเจ้าปัญญา = พอพบปัญหาอะไรก็วางก่อน พอเป็นอิสระมีอำนาจเหนือกว่าปัญหาแล้ว จึงจัดการกับปัญหานั้นอย่างเหนือชั้น

ว่าด้วยการปกครอง
คนโง่ = คิดปกครองคนอื่น ขณะที่ตนเองก็คือคนๆหนึ่ง จึงไม่อาจปกครองใคร
ได้แท้จริง การทรยศจึงเกิดขึ้นเนืองๆ
คนฉลาด = คิดประสานกิเลสและคุณธรรมของคน จึงลงตัวตราบที่กิเลสไม่
กำเริบและคุณธรรมไม่เสื่อม เมื่อกิเลสกำเริบหรือคุณธรรมเสื่อมก็
แตกร้าวเนืองๆ
คนเจ้าปัญญา = คิดยกระดับปัญญาและความบริสุทธิ์ของคน เมื่อปัญญามาก
และความบริสุทธิ์ถึงที่สุด ทุกคนจะจัดตนเข้าฐานะหน้าที่อัน
เหมาะสมเอง จึงไม่ต้องพยายามปกครองกันอีก

ว่าด้วยการความผิด
คนโง่ = เห็นแต่ความชั่วร้ายของคนอื่น และโยนความผิดให้ผู้อื่นอยู่เรื่อย เป็น
การทำมิตรให้กลายเป็นศัตรู ชีวิตจึงอยู่ในท่ามกลางอันตราย
คนฉลาด = เห็นแม้ความชั่วร้ายในตนเอง จึงกล้ายอมรับความจริง และแก้ไขตัว
ทำให้ตนดีขึ้น ทำให้แม้ศัตรูก็ยอมรับได้มากขึ้น ชีวิตจึงเจริญและ
ผาสุกโดยลำดับ
คนเจ้าปัญญา = เห็นความชั่วร้ายสากล จึงเข้าใจทุกคนในทุกสถานการณ์เห็นสัด
ส่วนการบริหารคนที่เหมาะสม โดยไม่ทำร้ายคน แต่จะทำลาย
ความชั่วสากลให้สิ้นไป จึงสนุกสนานในการบริหารเรื่อยไป


(มีต่อ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ว่าด้วยคนดีและคนชั่ว
คนโง่ = เห็นคนดีว่าชั่ว เห็นคนชั่วว่าดี ชีวิตจึงประสบภัยใหญ่หลวง
คนฉลาด = เห็นคนดีว่าดี เห็นคนชั่วว่าชั่ว ชีวิตจึงต้องระมัดระวัง หลบหลีก
เลือกเฟ้นเป็นพัลวัน
คนเจ้าปัญญา = เห็นคนดีว่าไม่ดีจริง เห็นคนชั่วว่าชั่วไม่จริง จึงไม่ยกย่องผู้ใดและ
ไม่เหยียบย่ำใคร แต่บริหารทุกคนไปสู่สภาวะที่ประเสริฐกว่าที่
เขาเป็นได้เสมอ

ว่าด้วยการบริหารชีวิต
คนโง่ = ดิ้นรนเพื่อการดำรงอยู่ จึงอยู่ต่อไปแม้โง่งมและตรมทุกข์
คนฉลาด = ดิ้นรนเพื่อการพัฒนา จึงมีชีวิตที่เจริญก้าวหน้าโดยลำดับ
คนเจ้าปัญญา = ดิ้นรนเพื่อความเป็นอิสระเหนือธรรมชาติ จึงหลุดพ้นโดยลำดับ

ว่าด้วยผู้พูด
คนโง่ = ชอบให้อารมณ์พูด จึงผิดพลาดมากล้มเหลวบ่อย
คนฉลาด = ชอบใช้เหตุผลพูด จึงถูกต้องมากแต่มักไร้ความรู้สึก และประสบแต่
ความสำเร็จอันแห้งแล้ง
คนเจ้าปัญญา = ชอบใช้ธรรมะพูด จึงบริสุทธิ์เหนือถูกเหนือผิดและเป็นหนึ่งเดียว
กับความสำเร็จโดยธรรม

ว่าด้วยระบบธุรกิจ
คนโง่ = เรียกร้องการผูกขาด เพื่อเอาเปรียบผู้อื่น สร้างความดักดานและปวง
กรรมปิดกั้นสังคม
คนฉลาด = เรียกร้องเสรี เพื่อแข่งขันกันอย่างเต็มที่ และกอดคอกันสู่หายนะ
คนเจ้าปัญญา = เรียกร้องดุลยภาพ ที่ทุกระบบสัมพันธ์กันอย่างสมดุล และรุ่ง
เรืองอย่างพอดี

ว่าด้วยพันธสัญญา
คนโง่ = ไม่กล้ารับปากใครแม้กับตนเอง จึงไม่ได้รับความเชื่อถือแม้ต่อตนเอง
คนฉลาด = รับปากเรื่อยไปในทุกเรื่อง ต้องเพียรพยายามทำตามสัญญา ด้วย
ความเหนื่อยยาก และทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ได้รับความเชื่อถือบ้าง
ไม่เชื่อถือบ้าง
คนเจ้าปัญญา = ชวนทุกคนที่เกี่ยวข้องร่วมพันธสัญญา จึงได้พลังร่วมของส่วน
รวมที่จะขับเคลื่อนภารกิจไปสู่ความสำเร็จ

ว่าด้วยปฏิสัมพันธ์
คนโง่ = ชอบเอาเปรียบคนอื่น จึงได้ประโยชน์คนสั้นๆ แต่เสียรัก และความ
ศรัทธา
คนฉลาด = ชอบยอมเสียเปรียบคนอื่น จึงได้คนรักและความศรัทธา แต่ขมขื่น
ในใจตน
คนเจ้าปัญญา = ชอบบริหารประโยชน์สุขทุกฝ่าย จึงเป็นสุขใจ ได้คนรัก ความ
ศรัทธา และสถาปนาระบบประโยชน์อันยั่งยืน

ว่าด้วยความเพียร
คนโง่ = มัวขยันในเรื่องที่ไร้สาระ จึงมักพบปะแต่เรื่องไร้ประโยชน์ แล้วมักตัด
พ้อว่า ทำไมทำดีแล้วไม่ได้ดี
คนฉลาด = มักขยันในเรื่องที่มีคุณมากมีโทษน้อย จึงได้ประโยชน์มากและมัก
โทษแทรกบ้าง แล้วมักบ่นว่าอุตส่าห์ระวังอย่างที่สุดแล้วยังพบเรื่อง
ร้ายๆอีก
คนเจ้าปัญญา = ขยันทำตนให้เหนือคุณและโทษ จึงบริหารสถานการณ์อย่าง
อิสระ ไม่ปรากฏเสียงตัดพ้อหรือบ่นว่าอีกต่อไป

ว่าด้วยความบ้า
คนโง่ = เมาคำพุด จึงประคองสติไม่อยู่พลั้งพุดพล่อยบ่อยๆ สร้างกรรมและศัตรู
มากมาย
คนฉลาด = บ้าความคิด เขม่าเต็มขมอง จึงเต็มไปด้วยจิตหลอน สร้างมายา
หลอกตนและคนอื่นมากมาย
คนเจ้าปัญญา = บ้าความสงบ จึงพบสติเต็มที่รู้อยู่เป็นหลักให้ตนและคนอื่นได้

ว่าด้วยการบริหารสิ่งเร้า
คนโง่ = มักไหลตามสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงแปรปรวนไปไม่รู้จบ
คนฉลาด = มักปฏิเสธสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงเป็นตัวของตัวเองอย่างมากแต่
คับแคบอย่างยิ่ง
คนเจ้าปัญญา = นิยมบริหารสิ่งเร้าที่เข้ามายั่วเย้า จึงสามารถกลั่นหา ประโยชน์
สูงสุดจากทุกสิ่งในทุกสถานการณ์

ว่าด้วยความรักและคู่รัก
คนโง่ = กระหายคู่ จึงอยู่คนเดียวไม่ได้ เพราะไม่เป็นสุขต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นเสมอ
คนฉลาด = ปฏิเสธคู่ จึงเป็นสุขเมื่ออยู่คนเดียวและเป็นทุกข์เมื่ออยู่กับคนอื่น
และหากยังต้องพึ่งพิงก็ยิ่งระทมและขมชื่น
คนเจ้าปัญญา = ไม่แสวงหา แต่ก็ไม่ปฏิเสธคู่ที่พึงมี หากมคู่ก็ประคับประคองกัน
ไปสู่ชีวิตที่สูงส่งยิ่งขึ้นทั้งคู่ จึงอยู่คนเดียวก็ได้เป็นสุขดี อยู่กับคู่ก็ดีเป็นสุขได้


(มีต่อ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ว่าด้วยความจริงจัง
คนโง่ = เห็นปรากฏการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องจริงจัง จึงเครียดแทบบ้า
คนฉลาด = เห็นปรากฎการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นเรื่องเล่นๆ จึงสนุกสนานจนไร้
สาระ
คนเจ้าปัญญา = เห็นปรากฏการณ์ต่างๆในชีวิตเป็นตัวเร่งวิวัฒนาการ จึงรุ่งเรือง
รวดเร็ว

ว่าด้วยการบริหารอารมณ์
คนโง่ = มักจนอยู่ในอารมณ์คือเขา เขาคืออารมณ์ เขาจึงเป็นทาสของอารมณ์
เสมอ
คนฉลาด = ชอบปฏิเสธอารมณ์ เพราะคิดว่าอารมณ์คือสิ่งรบกวน ทำตัวเป็นคน
สงบที่ไร้อารมณ์ เขาจึงเป็นเพื่อนกับผีดิบ
คนเจ้าปัญญา = ย่อมบริหารอารมณ์ สร้างอารมณ์ที่ควรสร้าง เสพอารมณ์ที่ควร
เสพ ควบคุมอารมณ์ที่ควรควบคุม รักษาอารมณ์ที่ควรรักษา
สลายอารมณ์ที่ควรสลาย เขาจึงเป็นนายของอารมณ์โดย
สมบูรณ์

ว่าด้วยสำนึกในส่วนรวม
คนโง่ = คิดแต่เรื่องส่วนตัว ทำอะไรก็เพื่อตนเอง แม้อาจทำให้คนอื่นเสียหาย จึง
เป็นที่รังเกียจ สังคมไม่ต้องการ
คนฉลาด = คิดแต่เรื่องส่วนรวม ทำอะไรก็เพื่อรวมส่วนรวม แม้อาจทำให้ตนเสีย
หาย สังคมต่างต้องการแต่ตนไม่อาจตั้งอยู่ได้
คนเจ้าปัญญา = คิดแต่เรื่องคุณธรรม ทำอะไรก็เพื่อประโยชน์สุขทุกฝ่ายในทุก
กาลเวลา จึงเป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย ในขณะที่เขาอาจจะไม่
ต้องการใครเลย

ว่าด้วยความสำเร็จ
คนโง่ = รอให้ความสำเร็จมาหา อาจต้องรอหลายชาติกว่าจะพบสักครั้ง
คนฉลาด = เดินไปหาความสำเร็จ จึงอาจมีโอกาสพบบ้างแม้เหนื่อยยาก
คนเจ้าปัญญา = ปักหลักสร้างความสำเร็จ หากสร้างเป็นย่อมสำเร็จแน่ๆและ
เหนื่อยน้อยกว่า

วิวัฒนาการทางปัญญา
เมื่อทราบลักษณะพฤติของคนโง่ คนฉลาด คนเจ้าปัญญาแล้ว จงประเมินดูว่าเราอยู่ในจำพวกไหน ทำเครื่องหมายไว้ แล้วนับจำนวนรวมแต่ละประเภท แล้วหาอัตราส่วนระหว่างพฤติแห่งความโง่ พฤติแห่งความฉลาด และพฤติแห่งความเจ้าปัญญาที่มีในตน
จากนั้นจงตั้งใจลดความโง่เพิ่มความฉลาดในตนให้มากขึ้น และพัฒนาความฉลาดสู่ความเจ้าปัญญาให้มากยิ่งขึ้นไป
แล้วประเมินใหม่ทุกเดือน
ภายในหนึ่งปี ควรขจัดความโง่ให้สิ้นไปไม่เหลือซากแล้วจะพบว่าชีวิตนี้มีคุณค่ามากขึ้นโดยลำดับ.

(คิด ดีๆ พุด ดีๆ ทำ ดีๆ ชีวิตได้ดี)


จบแล้วครับอาจยาวไปหน่อย (ขอบคุณครับ)

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




P1040552.jpg
P1040552.jpg [ 52.57 KiB | เปิดดู 2683 ครั้ง ]
ขอบคุณสำหรับข้อความดีดี อ่านแล้วมีประโยชน์มากค่ะ
มัชฌิมา คือตรงกลาง ระหว่าวการสร้างสุขให้กับกาย และสร้างสุขให้กับใจของเรานั่นเอง


แก้ไขล่าสุดโดย sangphet เมื่อ 29 ต.ค. 2009, 22:42, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร