ใครช่วยตอบคำถามหน่อยค่ะ ดิฉันฝันถึงชายหนุ่มแปลกหน้าหัวเกรียนใส่เสื้อยืดคอกลมสีประมาณเขียวหรือเทา ใส่กางเกงยาวประมาณเข่า ฝันว่ามีการพูดคุยกันแบบมาดีเป็นมิตรค่ะ ฝันมาแล้วประมาณ 4 ครั้งในปีนี้ อยากรู้ว่าทำไมเราถึงได้ฝันถึงคนที่เราไม่รู้จักได้ซ้ำ้ๆกันคะ เมื่อคืนก็ฝันอีกแล้วแต่มาดีนะคะคุยแบบเป็นมิตรค่ะคุยเหมือนคนปกติทั่วไป แต่เริ่มกลัวแล้วว่าเป็นวิญาณหรือเปล่าคะ(คิดมาก..)

นี่ก็เคยนะ นานทีจะฝัน แต่ก็จะเป็นเหตุการณ์เดิมใช่ป่ะ?
ไม่มีแรงใด ยิ่งใหญ่เท่าแรงศรัทธานะครับ ..
ถ้าเราไม่ยึดติดกับมัน ก็สบายครับ
เหมือนกับเราทำสมาธิเกิดนิมิต ถ้าไปหลงในนั้น เราก็จะเดินต่อไปยาก
ถ้ายังกังวลอยู่ก็ลองแผ่เมตตาครับ อุทิศส่วนกุศล (ทำหรือเปล่าอ่ะ แต่ก่อน^^)

อนุโมทนาครับ

ได้่ค่ะ แต่ฝันแบบนี้มักจะเป็นเพราะจิตคิดไปเองค่ะ เช่นเคยพบผู้ชายที่เราชอบมากๆ แต่มันเป็นไปไม่ได้ หรือแค่เคยเห็นผ่านกัน เราก็เก็บเอามาฝันค่ัะ

กรณีที่มาจากจิต จะเป็นฝันที่มักจะเป็นจริงทั้งในอดีตและอนาคต ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นเนื้อคู่ค่ะ แและแม้จะไม่เคยเห็น เราก็จะรู้เองว่า นั่นเนื้อคู่ของเรา อันนี้ต้องฝึกจิตให้แข็งแรงเท่านั้นถึงจะรู้ได้

ลองถือศีล ทำสมาธิ สิคะ แล้ววันนึงจิตจะแข็งขึ้นเองค่ะ

ฝันนั้น เกิดจากเหตุ ๔ ประการ คือ อาหารที่ทำให้ธาตุพิการ หรือจิตใจที่หมกมุ่น อาวรณ์ในเรื่องราวต่างๆ หรือเทพมาให้นิมิต ซึ่งจริงก็มี ไม่จริงก็มี..หรือ เป็นกรรมนิมิต ตรงนี้ก็มักเป็นเรื่องจริง .

แต่เพราะเราไม่ทราบได้ว่ามาแต่เหตุใด การปล่อยจิตคิดหมกมุ่นในเรื่องฝันนั้นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปกับความฟุ้งซ่านโดยถ่ายเดียว..เรื่องที่เกิดแล้วจริงๆได้แก่ใจของเราเองที่หวั่นไหวกับเรื่องนี้ไปเสียมากแล้ว...นี่เองเป็นเรื่องอันตราย .. หากจิตใจไม่สงบก็พึงสำรวมกายวาจาใจ เจริญบุญโดยรอบเข้าไว้ หมั่นระลึกถึงพระรัตนตรัย ไว้ในจิตใจ ....แล้วอุทิศบุญแผ่เมตตาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เนืองๆ เช่นนี้จิตจะเป็นไปกับกุศลครับ

ฝันก็คือฝันนะจ๊ะ ปล่อยไปเถอะ...

เห็นไหมล่ะว่า "ยึดเมื่อไหร่ก้ทุกข์ทันที"

พอเห็นฝันแล้วเราไปรู้สึกว่ามัน(อาจจะ)เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา เราน่าจะมีได้มีเสีย
นี่คือเราเข้าไปยึดแล้วว่ามันต้องมีอะไร อยากรู้ให้ได้ว่ามันมีอะไรหรือเปล่า
เลยตั้งคำถามว่า แล้วมันจริงไม่จริง
เราจะได้หรือเสียผลประโยชน์อะไรหรือเปล่า

ฟากหนึ่งเราก็คิดว่า "กันเหนียว" ไม่อยากจะตัดรอนเฉยเมย
ทั้งนี้เพราะเรา "โลภ" กลัวว่าจะเสีย"ผลประโยชน์ที่มองไม่เห็น"

ฟากหนึ่งเราก็เกรงว่าจะ"ได้รับผลร้ายที่มองไม่เห็น" ถ้าเราเฉยเมยเขา
มองว่าการได้รับผลร้ายนี้จะต้องมีจริงในอนาคต
เป็นการฟุ้งซ่านว่าอนาคตจะต้องมีได้มีเสีย

การที่ต้องมาอยู่บนทางสองแพร่งนี้
ก็เริ่มมาจากการเข้าไปยึดตั้งแต่แรก ซึ่งเป็นปมของทุกอย่าง

ไม่ยึดเรื่องนี้ ก็ไม่ทุกข์เพราะเรื่องนี้นะ

ครูอาจารย์ที่นับถือ ท่านพูดว่า
"เราคิดอยู่ทั้งวันทั้งคืนไม่เว้นแม้แต่ตอนหลับ"
"ฝันก็คือคิดนี่แหละ" "คิดตอนหลับเรียกว่าฝัน"

สงสัยจะเป็นข้าพเจ้าขอรับ เพราะข้าพเจ้าชอบใส่เสื้อผ้าแบบที่คุณกล่าวมาขอรับ เออ แล้วหล่อไหมขอรับ ถ้าหล่อ แต่โทรม แสดงว่าใช่ข้าพเจ้าจริงๆขอรับ อิ อิ อิ อิ

อาจารย์บุดฯ ขอรับ ที่พูดนี่หมายถึงว่า อดีตเคยหล่อ แต่ตอนนี้แก่เลยโทรมใช่ไหมขอรับ

หรือโทรมเพราะรัศมีแผดเผา จึงดูโทรมไปขอรับ