วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 04:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2009, 19:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา

ต้องการค้นหาคำอธิบาย "อริยสัจ" ของพระสารีบุตร ที่แสดงเป็น ๘ อย่าง อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มไหน
หรือมีที่อธิบายไว้ที่ไหนบ้าง?

เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา
เข้าใจ เข้าถึง เผยแผ่ ปกปักษ์รักษาพระสัทธรรม
พระอาจารย์แสนปราชญ์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2009, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



มีในหลักสูตรนักธรรมโทค่ะ

ที่อ่านเจอนั้นเป็นเป็นหลักสูตรในสมัยเก่า
หนังสืออนุพุทธประวัติ ( หลักสูตรนักธรรมโท ) ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส มหามกุฏราชวิทยาลัย ๒๕๒๖

แล้วก็มีในหนังสือ วิปัสสนากรรมฐาน ของหลวงพ่อโชดก จรนาไว้ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2009, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา อุบาสิกา walaiporn
อนุโมทนากับคำตอบที่เป็นกุศล ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษ

อ้างอิงคำตอบเดิม : มีในหลักสูตรนักธรรมโทค่ะ

ที่อ่านเจอนั้นเป็นเป็นหลักสูตรในสมัยเก่า
หนังสืออนุพุทธประวัติ ( หลักสูตรนักธรรมโท ) ของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
มหามกุฏราชวิทยาลัย ๒๕๒๖

แล้วก็มีในหนังสือ วิปัสสนากรรมฐาน ของหลวงพ่อโชดก รจนาไว้ค่ะ



คำถาม : เนื้อหาที่ท่านอธิบายอริยสัจ ๔ เป็นอริยสัจ ๘ เป็นอย่างไร?
เหมือนกันหรือแตกต่างกันกับที่อาตมาเคยอ่านมาจากหนังสือ "เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก" หรือไม่ ?

เนื้อหาอริยสัจ ๔ ที่ท่านอธิบาย เป็น อริยสัจ ๘ คือ
ทุกข์ ท่านอธิบายว่า ได้แก่ นาม-รูป
สมุทัย ท่านอธิบายว่า ได้แก่ อวิชชา - ภวตัณหา
นิโรธ ท่านอธิบายว่า ได้แก่ วิชชา-วิมุตติ
มรรค ท่านอธิบายว่า ได้แก่ สมถะ-วิปัสสนา


และอุบาสิกามีความเห็นว่าอย่างไร ? (ท่านอื่นช่วยวิเคราะห์ด้วยก็ได้ ขออนุโมทนา)


เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา
เข้าใจ เข้าถึง เผยแผ่ ปกปักษ์รักษาพระสัทธรรม
พระอาจารย์แสนปราชญ์


แก้ไขล่าสุดโดย พระอาจารย์แสนปราชญ์ เมื่อ 31 ต.ค. 2009, 19:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2009, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:
รอมาหลายวันแล้ว...พระอาจารย์ไม่ขยายความโปรดผู้ที่อยากรู้หน่อยหรือครับ :b10: :b10:
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2009, 11:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ย. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื้อหาอริยสัจ ๔ ที่ท่านอธิบาย เป็น อริยสัจ ๘ คือ
ทุกข์ ท่านอธิบายว่า ได้แก่ นาม-รูป
สมุทัย ท่านอธิบายว่า ได้แก่ อวิชชา - ภวตัณหา
นิโรธ ท่านอธิบายว่า ได้แก่ วิชชา-วิมุตติ
มรรค ท่านอธิบายว่า ได้แก่ สมถะ-วิปัสสนา

tongue
ขอเสนอข้อคิดเห็นว่า...
...พระสารีบุตรท่านคงจะชี้เฉพาะเจาะจงและขยายความออกไปเนื่องด้วยสอนพระภิกษุด้วยกัน...


1) ทุกข์
เพราะยึดติดในอัตตาตัวตน หลงยึดมั่นในขันธ์5ว่าเที่ยงแท้ถาวรจึงเป็นทุกข์
เพราะมีรูป-นาม คือ กาย-จิต โดยการรับรู้ผ่านอายตนะ6 ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ได้แก่ ตา-มองเห็น หู-ได้ยินเสียง จมูก-ดมกลิ่น ลิ้น-ลิ้มรส กาย-รับสัมผัส ใจ-รู้สึกนึกคิด
เกิดการประชุมขันธ์5ได้แก่

*รูป(กาย)
*เวทนา(ความรู้สึก)
*สัญญา(ความจำได้หมายรู้)
*สังขาร(ความคิดปรุงแต่ง)
*วิญญาณ(การรับรู้ด้วยประสาทต่างๆ)


2) สมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์

เมื่อเกิดมีรูป(กายมีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น)กับนามจิต(เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)
การที่จิตส่ายไปข้างนอกผ่านกายเกิดการปรุงแต่งไปตามวัตถุสิ่งของทางการมองเห็นด้วยตา
จึงเกิดอวิชชา(ความไม่รู้ตามสภาพความเป็นจริงจึงปรุงแต่งภายใจจิตเพื่อตอบสนองอัตตาตัวตน)
เกิดความอยากในสิ่งที่ตนต้องการ(กามตัณหา) ทำให้ยึดติดในสิ่งที่ทำให้ตนเป็นสุข(ภวตัณหา)
ความอยากได้อยากมีอยากเป็น พอไม่สมหวังก็เกิดทุกข์เกิดเป็นวิภวตัณหาตามมา


3) นิโรธ-ความดับทุกข์
วิชชา
ใช้ดับอวิชชาได้โดยการอบรมจิตใจให้เห็นเป็นไปในการประชุมของธาตุ4ขันธ์5
ให้เห็นร่างกายเป็นของไม่สะอาด ตัวตนเรา-เขาไม่มีโดยใช้มรรค8ให้รู้ตามเป็นจริง
วิมุตติ
การอบรมจิตให้ถึงความหลุดพ้นเพราะดับเหตุให้เกิดทุกข์ ดับอวิชชา ตัณหาสิ้น
หลุดพ้นจากอาการ๔กครอบงำด้วยกิเลส ตัณหา อุปาทานที่ก่อสร้างภพชาติไม่สิ้นสุด


4) มรรค หนทางดับทุกข์

ในครั้งพุทธการงานของพระน่าจะมีแค่การเจริญสมถะ-วิปัสสนา ทำกิจวัตร5ประการ
พระพุทธองค์ไม่ได้มีงานก่อสร้างวัตถุให้พระทำ ให้มีหน้าที่ทำความเพียรเพื่อละกิเลสเท่านั้น
เมื่อนำมาไล่เรียงให้ครบตามมรรค8 คือ สัมมากัมมันโต สัมมาอาชีโว สัมมาวายาโม
สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปโป สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาวาครบถ้วนสมบูรณ์ทุกอย่าง


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2009, 04:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



กราบขออภัยด้วยค่ะ พอดีหนังสือนักธรรมโทเล่มนั้นได้ให้คนอื่นไปแล้ว
ไม่งั้นจะลอกข้อความให้อ่าน ที่ว่าของพระสารีบุตรน่ะค่ะ แต่เท่าที่จำได้ ท่านเรียกอริยสัจ 4 นะคะ

ส่วนที่หลวงพ่อโชดกอธิบายไว้นั้น หลายหน้ามากๆค่ะ
แต่ที่ท่านสรุปไว้ ทุกขสัจนั้น โดยองค์ธรรม ได้แก่ โลกียจิต ๘๑ เจตสิก ๕๑ ( เว้นโลภะ )
รูป ๒๘ รวมเป็น ๑๖๐ ย่อลงมาให้สั้นๆ จำง่ายๆ ได้แก่ ขันธ์ ๕ ย่อให้สั้นสุด ได้แก่ รูปกับนาม

สมุทัย ได้แก่ ตัณหา ตัณหาคือ โลภะเจตสิก แล้วก็ตัณหาท่านอธิบายไว้ละเอียดยิบ ไม่ใช่แค่ภวตัณหา

นิโรธ ได้แก่ นิพพาน แล้วชื่อนิพพานมีเรียกหลายอย่าง

มรรค ได้แก่ มรรค ๘ ย่อลงมาคือ ศิล สมาธิ ปัญญา สรุปคือ สติปัฏฐาน ๔

ต้องขออภัยด้วยนะคะที่ไม่สามารถคัดลอกให้อ่านได้ เพราะความยาวทั้งหมด ๕๐ หน้าค่ะ
ท่านหาอ่านได้ที่ร้านซีเอ็ด ชื่อ หนังสือ วิปัสสนากรรมฐาน ภาค ๑ เล่ม ๑

ส่วนคำถามที่ท่านถามมาว่า


คำถาม : เนื้อหาที่ท่านอธิบายอริยสัจ ๔ เป็นอริยสัจ ๘ เป็นอย่างไร?
เหมือนกันหรือแตกต่างกันกับที่อาตมาเคยอ่านมาจากหนังสือ "เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก" หรือไม่ ?


ตรงนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ เพราะไม่เคยอ่านหนังสือเล่มที่ท่านนำมากล่าวถึง
ส่วนข้อคิดเห็น ไม่มีข้อคิดเห็นใดๆค่ะ

:b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ย. 2009, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

...ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "สมถะกับวิปัสสนา"...
...วิเคราะห์ตามความรู้ที่อ่านจากหนังสือธรรมะ การฟังเทศน์วิทยุเสียงธรรมหลวงตามหาบัว...
...และจากประสบการณ์การปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานด้วยตนเอง...
...ส่วนคัมภร์ "เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก" ไม่ทราบรายละเอียด ไม่เคยอ่านเจ้าค่ะ...


...สมถกรรมฐานเป็นการปฏิบัติสมาธิเพื่อทำให้จิตสงบแต่ยังไม่เกิดปัญญารู้แจ้งตามความเป็นจริง...
...จะเกิดปัญญาได้ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อให้มีสติ-สัมปชัญญะพิจารณาธรรมตามเป็นจริง...
...จึงน่าจะปฏิบัติสมถกรรมฐานให้ใจสงบ...จากนั้นก็ออกทางวิปัสสนากรรมฐานไม่ทิ้งอันหนึ่งอันใด...


...ประสบการณ์ที่ตนเองประสบคือสงบระงับอารมณ์ฟุ้งซ่านต่างๆจนจิตรวมเป็นหนึ่ง...
...จิตกับกายแยกส่วนเห็นได้ชัดเจนว่า...ที่เราเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกันมันไม่ใช่...
...เพราะสิ่งที่เกิดขณะนั้นมีแต่ผู้รู้คือจิตอยู่โดดๆไม่รับรู้อาการของกาย...ลมหายใจไม่มี...
...แต่ไม่รู้สึกขาดอากาศแต่อย่างใด...เราไม่ตายและรับรู้เสียงเทศนาธรรมตลอดเวลา...


พระธรรมเทศนาของหลวงตามหาบัวที่เคยฟังมีนับไม่ถ้วน...หลวงตาชอบกระตุกกิเลสยกตัวอย่างเช่น...

...หลวงตามหาบัวท่านบอกว่า...คราวนี้ที่ได้ช่วยชาติ...จริงๆท่านวางไว้เพื่อเผยแผ่ธรรมะ...
...ท่านทำทองคำช่วยชาติ...คราวนี้เป็นโอกาสจะได้เทศน์เปิดให้อรรถธรรมเข้าสู่ใจประชาชน...
...หลวงตาเรียนมาถึงมหา...เปรียญสามประโยค...หลวงตาป.3...ไม่ได้คุยโม้โอ้อวด...


...ธรรมที่เราได้รู้แล้ว...นำธรรมนั้นออกมาสอน...คิดว่าหลวงตาอวดอุตริมนุษยธรรมเหรอ...
...ให้รีบปฏิบัตินะ...อย่าให้เกิดมาตายทิ้งเปล่าๆ...ธรรมะเป็นน้ำที่สะอาดนำมาชะล้างจิตใจ...
...ตายแล้วไม่สูญ...บาปมี...บุญมี...นรกมี...สวรรค์...พรหมโลก...นิพพานมี...ให้เชื่อนะ...


...พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์พอตรัสรู้ธรรมผางขึ้นมา...รู้แบบเดียวกัน...สอนแบบเดียวกัน
...พอหลวงตาตรัสรู้ธรรมผางขึ้นมา...พระพุทธพระธรรมพระสงฆ์มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ยังไง...
...ครูบาอาจารย์หลายท่านที่ฟังเทศน์ของหลวงตาไปด้วยขณะปฏิบัติภาวนาได้บรรลุธรรมทั้งนั้น...
...เจ้าอาวาสส่งพระลูกวัดมาปฏิบัติ...พระลูกวัดส่งเทปไปให้ท่าน...ท่านก็ปฏิบัติอยู่ที่วัดท่าน...
...เวลาท่านมรณภาพไปแล้ว...ก็อัธฐิกลายเป็นพระธาตุ...ถึงได้ทราบว่าเอาเทปหลวงตาไปฟัง...


...ลูกศิษย์หลวงตาพวกเนี๊ยะ...เป็นยังไง...มันนิพพานลงเสื่อลงหมอนเหรอ...ตายทิ้งเปล่าๆนะ...
...เรานำธรรมแบบเดียวกันมาสอน...ให้รีบปฏิบัตินะ...ใครไม่เอาก็เป็นกรรมของสัตว์...
...ให้เชื่อธรรมนะ...อย่าเชื่อแต่กิเลส...การปฏิบัติมันยากเพราะกิเลสพาให้ยาก...

:b32: :b32: :b32:
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบ อุบาสก natdanai
เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา อุบาสก natdanai

อ้างอิงคำถาม
รอมาหลายวันแล้ว...พระอาจารย์ไม่ขยายความโปรดผู้ที่อยากรู้หน่อยหรือครับ

ขออนุโมทนากับคำถาม ขอขยายความเท่าที่ได้อ่านมา ดังนี้
เนื้อหานี้เป็นบทความของท่าน เสฐียรพงษ์ วรรณปก เรื่อง "วิธีการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก" อยู่ใน
หนังสือเก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นหนังสือที่พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในวโรกาสที่
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงประกอบพิธีสมโภช
พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์
เมื่อ ๖-๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๒
เนื้อหาโดยย่อ คือ ท่านแนะนำวิธีศึกษาพระไตรปิฎก และข้อที่หนึ่งท่านแนะนำให้อ่านเพื่อหาความ
เข้าใจธรรมะ โดยยกตัวอย่าง อริยสัจ ๔ ว่า พระพุทธองค์ตรัสไว้หลายแห่ง ให้ตามอ่านให้หมด และ
ให้อ่านคำอธิบายอริยสัจ ๔ ของพระสารีบุตร ในคัมภีร์จูฬนิทเทส และมหานิทเทส ซึ่งอาตมาไปค้นดู
แล้วไม่พบ (สันนิษฐานว่า ๑.อาจจะค้นยังไม่ทั่วถึง ๒. ผู้เขียนคงสรุปมาจากคัมภีร์ทั้งสองแล้ว)

ความคิดเห็นของอาตมา คือ ท่านแสดงอริยสัจ ในส่วนที่เป็นต้นแบบของอภิธรรม ที่ว่าด้วยการแยกแยะ
วิเคราะห์ธรรม เหมือนอภิธรรมยุคหลังที่แยกแยะวิเคราะห์จิต เจตสิก รูป นิพพาน
วิเคราะห์จากลักษณะผลงานของท่านคือ "คัมภีร์ปฏิสัมภิทามรรค" จะเป็นแนวอภิธรรมยุคแรก
เป็นกัมมัฏฐานเล่มแรกของพระพุทธศาสนา อริยสัจ ๘ ที่ท่านแสดง จึงเป็นการแสดงอีกในภาคอภิธรรม
และหลักการวิธีปฏิบัติกัมมัฏฐาน

เจริญในธรรมพระพุทธศาสดาอุบาสิกา Rosarin

อาตมามีประโยคหนึ่งอยากให้อุบาสิกาแสดงความเห็น เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่หลวงตามหาบัวประกาศว่า
"ทำลายกิเลสได้" มีคนเคยถามอาจารย์ของอาตมาว่า ท่านเชื่อหรือไม่ว่า "หลวงตามหาบัวทำลายกิเลสได้"
อาจารย์อาตมาตอบว่า
"เชื่อ. . .เพราะท่านบอก ! แต่ . . . ทำไมท่านถึงพูด"





เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา
เข้าใจ เข้าถึง เผยแผ่ ปกปักษ์รักษาพระสัทธรรม
พระอาจารย์แสนปราชญ์


แก้ไขล่าสุดโดย พระอาจารย์แสนปราชญ์ เมื่อ 10 พ.ย. 2009, 20:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พระอาจารย์แสนปราชญ์ เขียน

เจริญในธรรมพระพุทธศาสดาอุบาสิกา Rosarin

อาตมามีประโยคหนึ่งอยากให้อุบาสิกาแสดงความเห็น เรื่องมีอยู่ว่า สมัยที่หลวงตามหาบัวประกาศว่า
"ทำลายกิเลสได้" มีคนเคยถามอาจารย์ของอาตมาว่า ท่านเชื่อหรือไม่ว่า "หลวงตามหาบัวทำลายกิเลสได้"
อาจารย์อาตมาตอบว่า
"เชื่อ. . .เพราะท่านบอก ! แต่ . . . ทำไมท่านถึงพูด"


tongue
กราบนมัสการพระคุณเจ้าด้วยความเคารพ

...ท่านเชื่อเรื่องญาณหยั่งรู้จิตไหมล่ะเจ้าคะ…หลวงตาตรวจวาระจิตสรรพสัตว์อยู่ทุกวันนั่นแหละเจ้าค่ะ... :b8:


...กิจวัตรประจำวัน...

...เช้าบิณฑบาตจากนั้นเทศนาธรรมโปรดญาติโยม...ท่ารชราภาพทุกวันนี้พระอาจารย์สุดใจปฏิบัติแทน
....จากนั้นแผ่เมตตาจิตตรวจดูว่าสมควรจะไปโปรดญาติโยมที่ใดในวันนี้...
...ถ้าตรงวันราชการก็ไปตามโรงพยาบาล...ถ้าวันเสาร์-อาทิตย์ก็จะไปวัดที่กันดารห่างไกล...
...ท่านสร้างแต่วัตถุนอกวัดมากที่สุด...ในวัดให้สร้างจิตใจให้เจริญมาตั้งแต่ปี2500ที่เริ่มสร้างวัด...


...ข้าพเจ้าเป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่านับถือศาสนาพุทธตามทะเบียนบ้าน...
...บอกตามตรงว่าก่อนหน้านี้ 5 ปีไม่เคยเข้าวัดปฏิบัติธรรมจริงจัง...พ่อแม่เป็นคนจีนไม่เคยพาเข้าวัด...
...หรือพาสวดมนต์ไหว้พระ...พ่อไม่นับถือพระเจ้าค่ะ...ส่วนแม่ก็ทำบุญตามประเพณีเช่นขึ้นบ้านใหม่...
...ไปทำบุญงานศพและทำบุญถวายภัตตาหารพระที่วัดตอนทำบุญให้ตา-ยาย...บ้านอยู่หน้าวัดอีกด้วย
...แม้แต่ปัจจุบันนี้แม่ก็ไม่เคยได้เข้าวัดแบบไปบวชน่งห่มขาวเลย...แม้ไปทำวัตรเช้า-เย็นก็ไม่เคย...


...ที่ตนเองทำบุญตักบาตรและสวดมนต์ไหว้พระเป็นก็เพราะเรียนในโรงเรียนรัฐบาลที่ครูสอนทำเจ้าค่ะ...
...ที่โรงเรียนทุกวันพาสวดมนต์ไหว้พระ...วันเด็กจะมีการทำบุญตักบาตร...
...วันสำคัญทางพุทธศาสนาครูพาเข้าวัด...ข้าพเจ้าเห็นยายข้างบ้านใส่บาตรตอนเช้าก็อยากทำตาม...
...ก็ได้หัดตื่นเช้าขึ้นมาหัดนึ่งข้าวใส่บาตรตั้งแต่อายุ 10 ปี...เป็นผู้ที่ชอบทำบุญโดยนิสัยตลอดมา...
...ไม่เคยทราบว่าศาสนาพุทธต่างจากศาสนาอื่นๆยังไงเพราะไม่เคยบวชชีพราหมณ์ถือศีล8ด้วย


...วัดป่าบ้านตาดมีมาก่อนข้าพเจ้าเกิด...ข้าพเจ้าเป็นคนอุดรธานีโดยกำเนิด... :b12:
...เชื่อหรือไม่เจ้าคะข้าพเจ้าไม่รู้จักวัดนี้เลย...เดชะบุญที่หลวงตามหาบัวออกวิทยุเสียงธรรม...
...เพื่อประชาชน...ขณะนั้นข้าพเจ้ากำลังคิดเปลี่ยนไปนับถือคริสต์อยู่แล้วเชียว...ดีว่ากลับลำทัน...
...เพราะตามหน้าหนังสือพิมพ์มีแต่ข่าวพระสงฆ์-สามเณรทำศาสนาให้เสื่อมลง...ความรู้สึกเสื่อม...
...มันเกาะกินใจทุกวัน...เวลาไม่สบายใจที่เคยไปวัดก็เกิดเสื่อมศรัทธาไม่อยากไปวัดซะอย่างงั้น...
:b21:

...เป็นบุญหูเหลือเกินที่ธรรมะท่าน...ทำให้ข้าพเจ้าไม่ต้องตกนรกไปเสีย...
...ธรรมะท่านสะกิดกิเลสในตัวข้าพเจ้า...และเป็นบุญตาเหลือเกินที่ข้าพเจ้ามีบุญได้ทัศนา...
...พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี...ปฏิบัติชอบ...อย่างหลวงตามหาบัว...ในวัดป่าบ้านตาดหลวงตาไม่ให้พระ...
...มีโทรศัพท์มือถือ...ดูทีวี...วิดีโอ...ท่านว่าเป็นเทวทัต...ฟังวิทยุเสียงธรรมได้กับดูสถานีธรรม...
:b13:

....มือถือมีไว้ใช่ส่วนกลาง...พระที่มีส่วนตัวไล่หนีไม่ให้อยู่เจ้าค่ะ...ท่านมีไหมล่ะเจ้าคะ....
...ให้พระมีหน้าที่ปฏิบัติเพื่อฆ่ากิเลสอย่างเดียว...และไม่ให้มีการนิมนต์พระไปฉันตามบ้าน...
...เพราะไป-กลับเสียเวลามาก...ไม่สมควรแก่ทานที่ศรัทธาประชาชามาทำบุญ...
...มันมากล้นเหลือทุกวัน...จนต้องไปแจกสงเคราะห์ที่อื่น...จะฉันให้พุงกางตายไปเลยก็ได้...

:b48: :b48: :b48: :b43: :b43: :b43: :b41: :b41: :b41: :b53: :b53: :b53:
...เมื่อได้ฟังธรรมเกิดศรัทธาก็เข้าวัดสิเจ้าคะ...เวลาฟังท่านเทศน์สดๆน่ะ....
...ท่านเทศน์สิ่งที่ข้าพเจ้ากำลังคิดทุกครั้ง...เวลาไปวัดข้าพเจ้านั่งอยู่ท้ายศาลา...
...ไม่เคยเข้าไปเรียนถามอะไรท่าน......แค่ถามในใจท่านก็ตอบให้แล้วเจ้าค่ะ...
...ตอนข้าพเจ้านั่งสมาธิจนจิตรวมก็ตอนท่านเทศนาสดๆ...5ปีที่ปฏิบัติ...
...ถ้านับเวลาที่ได้เห็นธรรมว่าจิตกับกายแยกส่วนก็ผ่านมา 3 ปีเท่านั้นเอง...
...นับแต่นั้นไม่เคยสงสัยธรรมของพระพุทธเจ้า...ท่านเรียนถึงนิพพานหรือยัวเจ้าคะ...สงสัยหรือไม่
:b10: :b18:

...โยมที่เป็นพยาบาลทำงานโรงพยาบาลศิริราชวันเสาร์-อาทิตย์นั่งเคริ่องบินเพื่อมาฟังเทศน์ท่านสดๆ...
...หรือท่านเห็นว่าเป็นของง่ายดายที่จะนั่งเครื่องบินไปกลับกรุงเทพ-อุดรธานีทุกสัปดาห์...ศรัทธาเกิด...
...แล้วยังที่เจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ทรงเสด็จวัดป่าบ้านตาดและพักค้างคืนเป็นประจำเป็นเรื่องปกติหรือเปล่า
:b7:

...สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนที่ออกกระจายเสียง24ชั่วโมงมีมากกว่า 100 สถานี...
...ล้วนแต่ศรัทธาของโยมสร้างถวาย...รักษาให้ใช้งานได้โดยไม่รบกวนหลวงตา...
...ท่านสลดสังเวทใจที่เวลาตรวจดูจิตแต่ละดวง...ไสหัวลงทางกิเลส...พระก็บ้าเห่อยศชั้นนั้นชั้นนี้...
...เป็นไก่มีหงอนติดหัวก็คิดว่าตัวดีเลิศเลอ....สร้างวัตถุก็ว่าเจริญ...จิตใจทำไมไม่สร้าง...

:b34:
...ท่านพิจารณาแล้วว่าทั้งโยมกับพระ/ท่านเหมือนเรา/เราเหมือนท่าน…
...สมควรเปิดธรรมของจริงก็ควรเปิด...หลวงตาท่านก็เรียนมาถึงมหา...เรียนเป็นไม้กันสุนัข...
...ท่านบอกว่าท่านก็เรียนถึงมหาใครจะมาค้านธรรมที่ท่านแสดงก็มาได้...เราปากอมธรรมเอามาพูด...
...หาว่าหลวงตาอวดอุตริ...มันคนที่พูดปากอมขี้...โถขี้โลภ...ขี้โกรธ...ขี้หลงเต็มหัวใจ...

:b35:
...ในครั้งพุทธกาลพระพุทธเจ้าเห็นควรเปิดท่านก็เปิด...อย่างตอนไปโปรดพระบิดาและพระญาติ
...ท่านพระอาจารย์แสนปราชญ์เรียนทางธรรม...น่าจะทราบดีกว่าโยมที่ไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก...
...พระพุทธเจ้าแสดงอิทธิฤทธิ์...ปาฏิหาริย์ต่างๆมากมายนั่นเป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าทรงแสดง
...ต่อสายตาผู้คนยุคนั้น...หรือท่านอยากให้หลวงตาเหาะไปหาท่านล่ะเจ้าคะ...
...ตอนนี้หลวงตา 97 พรรษาไม่อยากมาทัศนาท่านดอกหรือเจ้าคะ...
:b20:

...พระอาจารย์ปัญญาเป็นชาวต่างชาติอยู่ทางอินเดียตอนใต้...ท่านแสวงหาครูอาจารย์...
...ยังมามรณภาพที่วัดป่าบ้านตาด...กุฏิของโยมที่ไปอยู่ปฏิบัติในวัดใช้ผ้าล้อมเป็นฝาผนัง...
...ท่านไม่อยากมาลองอยู่ปฏิบัติที่วัดนี้ดูหรือเจ้าคะ...วัดนี้ท่านให้ประหยัด...ไฟฟ้าที่กุฏิไม่มี...
...การปฏิบัตินั้นต้องมีครู...จิตครูบาอาจารย์ดึงดูดจิตลูกศิษย์ให้รู้เห็นธรรมได้จริงหรือไม่ล่ะเจ้าคะ...
:b9:

...เขียนมายืดยาวท่านอ่านแล้ว...อาจจะแย้งไปในใจตลอด...ลองมาดูวัดป่าบ้านตาดสิเจ้าคะ...
...อัฐิที่กลายเป็นพระธาตุของครูบาอาจารย์สายพระกรรมฐานพระอาจารย์เสาร์และหลวงปู่มั่น...
...อยู่ชั้น2บนศาลาเก่าเต็มไปหมด...แล้วก็พระธาตุของพระอาจารย์ปัญญาชาวต่างประเทศก็มี... :b8:

... ลองพิจารณาข้อความนี้เจ้าค่ะ...เช่นกันคนไปสวิสเซอร์แลนด์กับมาเล่าว่าสวยมาก...
...เราไม่ได้ไปแต่ก็แค่เขาเล่าเราก็ฟัง...แต่ไม่รู้ว่าสวยยังไง...เรายังอยากไปหรือท่านไม่อยากพ้นทุกข์...
...บวชไปเพื่อสิ่งใด...ทุกวันนี้...เมื่อมีโอกาสว่างการงาน...ข้าพเจ้าไปวัดป่าบ้านตาด...
...ก็ยังคงนั่งอยู่ท้ายศาลาเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเจ้าคะ...เขียนมายาวมาก...อ่านแล้วเดี๋ยวตาลาย...
:b23:

...สงสัยก็ถามมาอีกได้เจ้าค่ะ...ฟังคนอื่นพูดจะเท่าเห็นด้วยตัวเองหรือเจ้าคะ...พอแค่นี้ก่อนเจ้าค่ะ…
...พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกาลามสูตร 10 นั่นน่ะของจริง...คำสอนมาจากของจริง...ข้าพเจ้าเขียน...
...ไม่ได้หวังให้ใครมาเชื่อโดยไม่พิสูจน์ก่อน...เพียงอธิษฐานขอให้เป็นผู้ที่ได้มีโอกาสเผยแผ่ธรรม...
...คำสอนของพระพุทธเจ้า...ผู้ที่พิสูจน์ได้เอง...ย่อมไม่เสียที่ที่เกิดเจอพระพุทธศาสนา...
...ให้ดีมาที่วัดป่าบ้านตาดสิเจ้าคะ...หลวงตายังอยู่รอท่านมาพิสูจน์?...ทุกท่านเลยนะเจ้าคะ...
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 21:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ต.ค. 2009, 18:49
โพสต์: 49

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจริญในธรรมพระพุทธศาสดาอุบาสิกา Rosarin

ที่อุบาสิกาแสดงมาทั้งหมดก็ดี และอนุโมทนาด้วย
ถ้าอุบาสิกาทบทวนคำถามแล้วจะเข้าใจในคำตอบที่ควรตอบ คำถามที่ควรถาม ไม่เบียดเบียนตนเอง
ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ควรเป็นคำตอบเพื่อประโยชน์ ไม่เป็นไปเพื่อโทษ
คำถามของอาตมาไม่ใช่เป็นการกล่าวร้ายหลวงตาอย่างที่อุบาสิกาเข้าใจและพรรณามาแม้แต่น้อย
ตรงกันข้ามเป็นการส่งเสริมจริยวัตรหนึ่งของหลวงตาที่กล้าประกาศสภาวะออกมา
อาตมานับถือครูบาอาจารย์เสมือนพ่อแม่ และหลวงปู่ดุลย์ ศิษย์หลวงปู่มั่นสายเดียวกันกับหลวงตา
ก็เป็นพระอุปัชฌาย์ของอาจารย์อาตมา ดังนั้นจึงไม่มีจิตดังที่อุบาสิกาเข้าใจ แต่ถ้าหากทำให้อุบาสิกา
ไม่สบายใจก็ขออโหสิกรรมด้วย อาตมาสนทนาในเว็ปนี้ จุดประสงค์เพื่อแสวงหาความรู้ หาสิ่งที่เป็นประโยชน์
ไม่มีโทษ เป็นไปเพื่อปัญญา ไม่เป็นไปเพื่อโต้เถียง จึงไม่มีเจตนากล่าวร้ายใคร ๆ ทั้งสิ้น
อาตมาให้อภัยเสมอกับทุกคนที่อาจจะล่วงเกินอาตมาโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
อยากให้อุบาสิกาทบทวนคำถามของอาตมาอีกครั้ง เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง


เจริญในธรรมพระพุทธศาสดา
เข้าใจ เข้าถึง เผยแผ่ ปกปักษ์รักษาพระสัทธรรม
พระอาจารย์แสนปราชญ์


แก้ไขล่าสุดโดย พระอาจารย์แสนปราชญ์ เมื่อ 13 พ.ย. 2009, 19:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue

กราบนมัสการมาด้วยความเคารพเจ้าค่ะ

...ในสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียน...เขียนด้วยความเคารพครูบาอาจารย์...และเคารพในคุณพระพุทธ...
...พระธรรม...และพระสงฆ์...ไม่มีเจตนาคิดในทางเบียดเบียนผู้ใด...ถ้อยคำที่ร้อยเรียง...
...มาจากจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมของผู้เจตนาให้ศีล5บริสุทธิ์ไม่ให้หลุดขาด... :b6:
...ในความรู้สึกของผู้ที่ไม่รู้จักหลวงตามหาบัวจะเข้าใจผิดว่าที่ข้าพเจ้าเขียนหยาบคาย...


...เพราะถ้อยคำที่เขียนล้วนจำมาจากคำเทศนาธรรมขององค์ท่านพระหลวงตามหาบัวล้วนๆ... :b8:
...ข้าพเจ้ามิได้เขียนด้วยอารมณ์เคียดแค้นต่อผู้ใด...ถ้าท่านพิจารณาให้ดี...นี่คือธรรมของหลวงตา...
...ไม่ใช่สิ่งที่ข้าพเจ้าใสสีตีไข่ให้ผู้ใดเจ็บใจ...อย่างคำที่หลวงตาท่านพูดถึงอวัยวะสอนการผิดศีลข้อ3...
...คนก็หาว่าหลวงตาหยาบคาย...หลวงตาท่านเทศน์ตรงๆเพราะกิเลสของผู้ฟังต่างหากที่หยาบ...


...ผู้ที่มองด้วยสายตาของกิเลสอาจจะรู้สึกเจ็บลึกๆในจิตใต้สำนึกที่กิเลสเห็นว่าถูกสะกิดอย่างแรง...
...หลวงตาท่านสอนว่ากิเลสชอบคำหวานระรื่นหู...ธรรมของหลวงตาเป็นน้ำสะอาดราดรดลงไป...
...ท่านลองพิจารณาข้อความนี้...เราเอาน้ำสะอาดมาราดกิเลสสลัดออกหมดเหมือนราดลงบนหลังสุนัข
...ท่านว่าหยาบหรือไม่...ที่มาก็คือมีข้าราชการอาจารย์ระดับดอกเตอร์คนหนึ่งมาด้วยใจผยองในยศตน


...เข้ามาทำบุญที่วัดป่าบ้านตาดด้วยอารมณ์ยิ่งใหญ่คับฟ้า...ธรรมมันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา...แต่พอถึง
...ประโยคสุดท้ายที่หลวงตาเทศน์ดังข้างต้นจบลง...ข้าราชการรู้เนื้อรู้ตัวขึ้น...กราบหลวงตาราบเลย...
...ถ้าท่านรู้สึกว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าเขียนเป็นการต่อว่าท่านหรือครูบาอาจารย์องค์อื่นๆ...นั่นคือท่านเข้าใจผิด
...ข้าพเจ้าฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ทุกองค์ในวิทยุเสียงธรรม...ในความคิดและหัวสมองมีแต่ข้อธรรมะ...
:b15:
:b42: :b42: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

...การฟังธรรมเปิดวิทยุ24ชั่วโมง...ไม่มีสติเฉพาะเวลาหลับเท่านั้น...ฟังแล้วจดจำ...ไม่ใช่แค่เพียง...
...ได้ยินแค่เสียงผ่านเข้าซ้ายทะลุออกขวาเท่านั้น...การฆ่ากิเลสขั้นละเอียดนี่มันทำได้ยากมากที่สุด...
...ธรรมที่ท่านนำมาเปิดให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า...แรกๆมันก็ผ่านเข้าแล้วก็ผ่านออก...จิตไม่ได้จดจำอะไร...
...ก็เมื่อเราฟังธรรมทุกวินาที...มีหรือกิเลสจะไม่สะเทือน...มันซึมอยู่ในจิตเต็มที่หรือสายเลือดก็ว่าได้
:b42: :b42: :b42: :b42: :b42:

...แล้วท่านพระอาจารย์มหาปราชญ์...จะให้ข้าพเจ้าเขียนสิ่งใดลงไป...เพราะสมองข้าพเจ้ามีอย่างนี้..
...หลวงตาท่านอบรมว่าการดูละคร...โขนหนัง...ร้องรำทำเพลงล้วนแต่ทำให้กิเลสผยองพองขนยิ่งขึ้น
...สิ่งที่ข้าพเจ้าเรียนรู้และกระทำอยู่นี้...มีท่านผู้ใดเห็นว่าเป็นของง่ายหรือไม่...การฟังธรรมของข้าพเจ้า
...ด้วยข้าพเจ้าหวังว่าอานิสงส์5อย่างมีอย่างเต็มที่...เพราะได้นำน้ำสะอาดมาล้างจิตใจอยู่ทุกวัน...
:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:

...ด้วยเจตนาก็ดี...ไม่เจตนาก็ดี...ระลึกได้ก็ดี...ระลึกไม่ได้ก็ดี...ข้าพเจ้ากายสังขารนี้และดวงจิตดวงนี้
...ขอขมากรรมต่อพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้า...พระสาวก...พระอรหันต์...พระสงฆ์
...อริยเจ้าทุกๆองค์...บิดามารดา...ครูบาอาจารย์...ทุกภพทุกชาติ...เทพพรมเทวาทุกอาสน์ทุกองค์...
...สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย...ข้าพเจ้ามิได้มีจิตคิดทำรายผู้ใดไม่ว่าจะด้วยกายวาจาจิตใจก็ดี...ขอได้โปรด
เมตตาอโหสิกรรมบาปนั้น...กรรมนั้น...เวรนั้นให้กับข้าพเจ้ากายสังขารนี้และดวงจิตดวงนี้ด้วยเถิดเจ้าค่า
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
ขอประทานอภัยที่ข้าพเจ้าเขียนชื่อท่านผิดในวรรคที่6บรรทัดแรก
...เดี๋ยวจะเข้าใจผิดว่าคิดว่าข้าพเจ้าเขียนประชดท่านอีก :b8:
...การเขียนกับการพูดแล้วมองเห็นแววตาผู้พูดนี้มันต่างกันลิบว่าไหมเจ้าคะ

แก้คำว่า...ท่านพระอาจารย์มหาปราชญ์...เป็น...พระอาจารย์แสนปราชญ์...

...ในความหมายที่ข้าพเจ้าเขียนเชิงเปรียบเทียบ...ให้เห็นภาพ...ไม่ได้คิดประชด...

...ในคำที่หลวงตาต่อว่า...บางคนที่เรียนถึงมหาแล้วว่าหลวงตาอวดอุตริ...ผู้ไม่ได้ว่าไม่เกี่ยว...

...ท่านเล็งญาณแล้วว่ามีผู้พอจะรู้ได้...ท่านจึงเห็นสมควรเปิด...

...อยากเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสร้างตึกสงฆ์อาพาธ 10 ชั้นกับหลวงตามหาบัว...
...ตอนนี้ได้เกือบ300ล้านแล้ว...จ่ายตัวตึก200ล้าน...เครื่องมือแพทย์ตกแต่งในตึก300ล้าน
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร