วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 09:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 12:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 12:35
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่น ขออนุโมธนาบุญแด่ทุกท่านก่อนนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผิดพลาดก็ขออภัยครับ
คำถาม ผมมีอยู่ว่า ได้ฟังข่าว แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เกี่ยวกับวัด กับ พระ ที่ออกมาในช่วงนี้ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ การบวชพระ คือการตัดกิเลสทั้งปวง แม้แต่เส้นผม การนุ่งห่ม หรือคิ้วของตัวเอง แต่ทำไมปัจจุบันนี้ ท่านทั้งหลายจึงได้ยึดติด กับ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในโลกภายนอก และที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมพระต้องมีตำแหน่ง และ แบ่งชั้นวรรณะ ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การอยู่แบบสันโดด และ สันติ มั่นศึกษาธรรม และ ปฎิบัติธรรม ไม่ดีกว่าหรือครับ การออกมาประท้วง เดินขบวน ไม่เห็นดีเลยครับ ใครมีความเห็นต่างจากผม กรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 15:28
โพสต์: 307

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระมีสองอย่างนะครับ
1.คนที่มีฐานะเป็นพระ
2.คนที่ใจได้เป็นพระแล้ว (พระแท้)

พระที่ไม่ประพฤติตามคำสอนพระศาสดา มีมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
ดังนั้น อยากให้คิดว่า ถึงเราจะเป็นสามัญชนธรรมดา แต่ใจเราสามารถที่จะเป็นพระได้
อนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 18:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


มือใหม่หัดบุญ เขียน:
ก่อนอื่น ขออนุโมธนาบุญแด่ทุกท่านก่อนนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผิดพลาดก็ขออภัยครับ
คำถาม ผมมีอยู่ว่า ได้ฟังข่าว แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เกี่ยวกับวัด กับ พระ ที่ออกมาในช่วงนี้ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ การบวชพระ คือการตัดกิเลสทั้งปวง แม้แต่เส้นผม การนุ่งห่ม หรือคิ้วของตัวเอง แต่ทำไมปัจจุบันนี้ ท่านทั้งหลายจึงได้ยึดติด กับ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในโลกภายนอก และที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมพระต้องมีตำแหน่ง และ แบ่งชั้นวรรณะ ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การอยู่แบบสันโดด และ สันติ มั่นศึกษาธรรม และ ปฎิบัติธรรม ไม่ดีกว่าหรือครับ ใครมีความเห็นต่างจากผม กรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ


ที่ท่านไม่สบายใจเพราะยังมีความเข้าใจผิดอยู่มากเกี่ยวกับการบวช :b6: :b6:

ถ้าเพียงแค่ได้ผ่านพิธีบวช โกนหัว โกนคิ้ว ห่มผ้าเหลือง แล้วตัดกิเลสทั้งปวงได้ ก็ไม่ต้องมี พระไตรปิฏกแล้วครับ..... :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ย. 2009, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
ที่ท่านไม่สบายใจเพราะยังมีความเข้าใจผิดอยู่มากเกี่ยวกับการบวช :b6: :b6:
ถ้าเพียงแค่ได้ผ่านพิธีบวช โกนหัว โกนคิ้ว ห่มผ้าเหลือง แล้วตัดกิเลสทั้งปวงได้ ก็ไม่ต้องมี พระไตรปิฏกแล้วครับ..... :b32: :b32:

คนบวชนี่ครับ ไม่ใช่ผ้าบวช....
ตำรวจนอกเครื่องแบบก็มี คนใส่เครื่องแบบแต่ไม่ใช่ตำรวจก็มี
บวชใจครับ มิใช่บวชผ้า...
แต่กระผมขอวางอุเบกขานะครับ เพราะอาจไปก้าวล่วงพระจริงที่เดินผ่านมาพอดีได้.....
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย natdanai เมื่อ 19 พ.ย. 2009, 09:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 00:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ก่อนอื่น ขออนุโมธนาบุญแด่ทุกท่านก่อนนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผิดพลาดก็ขออภัยครับ
คำ ถาม ผมมีอยู่ว่า ได้ฟังข่าว แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เกี่ยวกับวัด กับ พระ ที่ออกมาในช่วงนี้ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ การบวชพระ คือการตัดกิเลสทั้งปวง แม้แต่เส้นผม การนุ่งห่ม หรือคิ้วของตัวเอง แต่ทำไมปัจจุบันนี้ ท่านทั้งหลายจึงได้ยึดติด กับ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในโลกภายนอก และที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมพระต้องมีตำแหน่ง และ แบ่งชั้นวรรณะ ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การอยู่แบบสันโดด และ สันติ มั่นศึกษาธรรม และ ปฎิบัติธรรม ไม่ดีกว่าหรือครับ การออกมาประท้วง เดินขบวน ไม่เห็นดีเลยครับ ใครมีความเห็นต่างจากผม กรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ


อนุโมทนาเช่นกันค่ะ ดีใจที่มีคนคิดละเอียด และสนใจอย่างจริงจัง สนใจแบบกลุ้มๆว่าทำไมหนอ คนที่บวชทำให้ศาสนามัวหมองแบบนี้

การบวชพระ เป็นแค่ธรรมเนียมไปแล้วค่ะ จุฬาภินันท์เฉยกับคำว่าพระ เพราะพระสมัยนี้มีกิเลสเยอะ และหลงไปกับกิเลส

การบวชเป็นภิกษุ ก็เพื่อทำให้ตัวเองไกลจากกิเลสทั้งปวงค่ะ เพื่อจะสามารถตัดมันได้ง่ายขึ้น แต่ปัญหาอยู่ที่ตัดไม่ได้ แถมไม่รู้ตัวด้วยว่ามีกิเลส อวดเก่งว่าข้าเป็นพระต้องดีต้องสูงกว่าคนธรรมดา

การที่พระต้องมีตำแหน่ง เพราะปัจจุบันนี้คนมากขึ้น พระมากขึ้น ความเป็นระเบียบจึงต้องมีคนดูแล ข้อนี้ไม่ผิดค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 00:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สองคำถาม
1. ทำไมต้องมีระบบยศของพระ
2. ทำไมมีพระไม่ดีได้ พระเดินขบวน

ผมจะเล่านิทานให้ฟัง

สมัยก่อน ปลายยุคอยุทธยา บรรจบรัตนโกสินทร์
บ้านเมืองมีแต่สงคราม ข้าวยากหมากแพง โงหัวกันไม่ขึ้น
ขนาดชาวบ้านยังไม่มีจะกิน เมื่อพูดถึงพระล่ะก็ จบกัน
ศาสนาเสื่อมลงไปมาก

พอรัตนโกสินทร์ต้นๆ บ้านเมืองเริ่มตั่งไข่ได้ ข้าวไม่ยาก หมากไม่แพง
ปากท้องพอมีกินอิ่ม ศาสนาถึงเจริญขึ้นมาบ้าง
แต่ด้วยความขาดช่วงเพราะสงคราม ครูบาอาจารย์มีน้อยมาก
ผู้ชายมีเท่าไหร่ ก็ death หมด
เรียกว่า คนจะสอนก็ยิ่งน้อยอยู่แล้ว คนเรียนก็หาแทยไม่ได้ พระดีๆเลยหมด
ศาสนาเกือบจะไม่รอดน่ะ คุณรู้ไหม เสื่อมมาก
พระที่เข้ามาบวชก็มาอาศัยกินอาศัยนอน
ทำให้พระมาก แต่ไม่มีคุณภาพ

จึงมีพระเถระท่านดำริจัดตั้ง สิ่งที่เรียกว่า "ธรรมยุติ"
กล่าวคือสร้างมาตรฐานของพระขึ้น

มีโจ๊กฝรั่งที่พอจะเอามาเทียบเคียงได้
กล่าวคือ คณะแพทย์ กำลังนั่งเรียนวิชาฟิสิกส์ ยากมาก
แล้วจู่ๆ มีคนอุตริถามอาจารย์ขึ้นมาว่า ทำไมต้องเรียนเรื่องพวกนี้ด้วย ไม่เห็นจะเกี่ยวกับแพทย์
อาจารย์หันขวับมาตอบว่า "เอาไว้คัดคนอย่างคุณออกจากโรงเรียนแพทย์"

ก็คล้ายๆกัน การจะเป้นธรรมยุตินี่ น้ำจิตน้ำใจไม่แน่จริง อยู่ไม่ได้
แล้วอาจารย์ธรรมยุติ ท่านก็จะไม่รับสมัคร (ญัตติ) ง่ายๆ ดูใจกันนาน

ไม่นานนัก ก็กู้มาตรฐานพระพุทธศาสนาขึ้นมาได้(บ้าง)
เป็นความอภิมหาฉลาดของครูบาอาจารย์


ส่วนเรื่องยศนี้ เป้นเพราะพระเจ้าแผ่นดินท่านต้องการให้มี"ระบบบริหารจัดการ"
เพราะปล่อยไว้ก็เละเทะอย่างที่ได้กล่าวแต่ต้น จะวิปริตหนักเข้าไปอีก
แต่ใครจะไปจัดการพระได้ล่ะ ใครจะออกกฏหมายไปคุมพระ แล้วใครล่ะไปคุม
โยมหรือ? งั้นก็จะกลายเป็น โยมสอนพระ คุมพระ ให้อยู่ในกรอบ
งานนนี้คงสนุก พระสอนโยมให้ทำดี แล้วก็โยมก็เอากฏหมายมาคุมพระอีกต่อนึง พึลึกจริง

พระเจ้าแผ่นดินท่านเลยมีพระราชดำริว่า อย่ากระนั้นเลย
ให้พระดูแลกันเองก็แล้วกัน โดยท่านออกกฏหมายให้พระดูแลพระกันเอง
จะบวชจะสึกใคร จะมีมติอะไรยังไง พระเจ้าแผ่นดินท่านยกให้พระจัดการกันเอง
พระองค์จะทรงสนับสนุน back up ให้
ว่าแล้วท่านก็ทรงแต่งตั้งระบบยศของพระขึ้นมา
แรกๆยังไม่ซับซ้อนขนาดนี้หรอก

อันนี้ถ่ายทอดจากความจำนะ เราชอบจำแบบนี้น่ะ
เพราะรายละเอียดแบบ reference นั้น
คุณไปเปิดเอาในห้องสมุดได้ ดู google ได้
ผมมันไม่ชอบจำลงละรายเอียด เลยเกรดไม่ค่อยดี อยู่ในขั้นโง่ :b32:

ถ้าจำผิดก็ขออภัยท่านผู้รู้ช่วยเสริมก็แล้วกันนะครับ


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 19 พ.ย. 2009, 00:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 20:05
โพสต์: 60

แนวปฏิบัติ: พิจารณา......
ชื่อเล่น: ดุ๊กดิ๊กๆ
อายุ: 24
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


นักฟุตบอลลงสนามทีมละสิบเอ็ดคนยังต้องมีกัปตันทีมไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ไว้คุมเกมส์สั่งการ นับประสาอะไรกับจำนวนที่มากกว่านั้นล่ะครับ นักบอลมีทั้งเล่นดีเล่นเก่งแบบใสสะอาด บางคนก็เล่นเก่งแบกตุกติก บางคนชอบยิงลูกมหัศจรรย์ บางคนก็เจ็บง่าย บางคนก็ถึกจับใจ เห็นมั้ยครับ
นั่นเลยต้องมีผู้ควบคุมยึดเหนี่ยวไว้สักคน และเดี๋ยวนี้ก็เริ่มมีบางสโมสรที่นักเตะไม่อยู่ในระเบียบวินัยบ้าง
นักเตะที่เตะอยู่คนเดียวแบบไม่รับผิดชอบทีมบ้าง นักเตะเหล่านี้พอมีมานานๆเข้ามันก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาของวงการฟุตบอลที่ไม่น่าจะธรรมดา เมื่อไม่อยู่ในระเบียบวินัยเห็นแก่ประโยชน์ของตนเองผมว่าไม่แน่อาจโดนปรับค่าเหนื่อยเป็นการทำโทษ สั่งห้ามลงสนาม หรืออนุมัติขาย หรือปล่อยตัวไปให้สโมสรอื่นใช้งานแบบฟรีๆ แต่นักเตะดีๆที่อยู่ในความทรงจำทั้งที่แขวนสตั๊ตไปแล้ว และทั้งที่รอวันแขวนสตั๊ต
เราจะมักนึกถึงลีลาอันสวยงามนั้นอยู่เสมอแม้ว่าเขาจะเลิกเล่นไปนานแล้วก็ตาม.......

ผมพูดเรื่องฟุตบอล ก็อย่าเกิดกิเลสที่จะเตะนักวิจารณ์บอลนะครับ อย่าคิดเป็นอื่น อ่านแบบฮาๆๆๆๆๆๆๆ

Onion_L Onion_L :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 06:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

sabye เขียน:
คนบวชนี่ครับ ไม่ใช่ผ้าบวช....
ตำรวจนอกเครื่องแบบก็มี คนใส่เครื่องแบบแต่ไม่ใช่ตำรวจก็มี
บวชใจครับ มิใช่บวชผ้า...
แต่กระผมขอวางอุเบกขานะครับ เพราะอาจไปก้าวล่วงพระจริงที่เดินผ่านมาพอดีได้.....


สาธุครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ท่าน พูดมาถูกทั้งหมด พระต้องนันโดด ไม่ยึดติดกับ ยศ

แต่ก็ แหละครับท่าน ปัญญา ของแต่ละคนทำมาไม่เท่ากัน

ใครคิดได้แบบไหน ก็ทำไปตาม วาระกรรม ที่ตัวเอง ชอบ เรียกว่าจริตนิสัยก็ได้

ส่วนที่ต้องมีการ มียศนั้น ก็เอาไว้ บำรุง พระพุทธศาสนาส่วนหนึ่ง

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วท่่านก็กำลังดำเินินตามทางพระนิพพาน เหมือนกัน แต่ว่า ยังไม่ถึงเวลาของท่านต่าง

หาก กล่าวคือ บารมี ยังไม่พอ ที่จะให้มาทำความเพียรหรือละ สิ่งต่าง ๆ โดยไม่ให้ยึดติดเสียเลยนั้น คงต้องรอเวลา สะสม อบรมบารมี

ดูอย่างตัวเราเอง ซิ ทำไม ถึง ไม่สามารถ สละ กายใจ แล้ว ออกบวช เสียเลย ล่ะ

ก็จะมีข้ออ้าง ขึ้นมาให้ขัดขวางเรา ในหลายเรื่อง หลายข้อ ได้

อันนี้ก็จะเห็นได้ชัดว่า อะไร เป็น อะไร ลองพิจารณาดูนะครับ

:b1:

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ย. 2009, 17:20
โพสต์: 532

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วๆไป ได้ความคิดความเห็นแบบนี้ เพราะมันก่อเกิดข้อเปรียบตามมากมาย ดีไม่ดี ไปจัดสรรพ แล้วเกิดการแบ่งแยกตามมา แค่เป็นปรากฏการณ์ช่วง สมัยเท่านั้น เกิด ดำรงอยู่ และจะเสื่อมสลายไป พอยุคหนึ่งพระสงฆ์สมัยหนึ่งก็จะมีการสังคายนาอยู่แล้ว ไม่ใช่หน้าที่เราไปจับผิดถูกเรื่องพระสงฆ์ท่าน จงสร้างพระที่ใจเองเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ย. 2009, 16:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
อ้างคำพูด:
มือใหม่หัดบุญ : เขียน
ก่อนอื่น ขออนุโมธนาบุญแด่ทุกท่านก่อนนะครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ ผิดพลาดก็ขออภัยครับ
คำถาม ผมมีอยู่ว่า ได้ฟังข่าว แล้วรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เกี่ยวกับวัด กับ พระ ที่ออกมาในช่วงนี้ ตามที่ผมเข้าใจนะครับ การบวชพระ คือการตัดกิเลสทั้งปวง แม้แต่เส้นผม การนุ่งห่ม หรือคิ้วของตัวเอง แต่ทำไมปัจจุบันนี้ ท่านทั้งหลายจึงได้ยึดติด กับ สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในโลกภายนอก และที่ผมไม่เข้าใจ ทำไมพระต้องมีตำแหน่ง และ แบ่งชั้นวรรณะ ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้า การอยู่แบบสันโดด และ สันติ มั่นศึกษาธรรม และ ปฎิบัติธรรม ไม่ดีกว่าหรือครับ การออกมาประท้วง เดินขบวน ไม่เห็นดีเลยครับ ใครมีความเห็นต่างจากผม กรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ขอบคุณครับ

:b12:
...พื้นฐานการเกิดมาเป็นมนุษย์...มีความต้องการหลายอย่างน่ะ...ตอนเกิดใหม่ก็ไม่รู้เรื่องหรอก...
...เกิดมาแล้วก็ต้องตั้งชื่อ...ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ก็มายึดติดหลงสมมุติ...พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาอย่างดี...
...ตอนตั้งท้องอะไรดีใส่ท้องให้กลัวลูกออกมาพิการ...พอโตมาก็หัดในสิ่งที่ไม่ดีเพราะเหตุใด...
...กิเลสที่มืดมิดปิดตา...สิ่งแวดล้อมที่ประสบของแต่ละบุคคลก็สอนมาต่างๆกัน...คิดดูว่าจริงเปล่า...

:b13:
...มีอุทาหรณ์เตือนท่านนักดื่มทั้งหลาย...ประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์...ขอเตือนท่านทั้งหลายว่า...
...การดื่มเหล้าก่อนดื่มเนี่ยสติสัมปชัญญะครบบริบูรณ์...บรรจงรินแล้วผสมน้ำโซดาใส่น้ำแข็งเย็นชื่นจิต...
...การลงโทษในนรกเนี่ย...น้ำทองแดงผสมกรวดเดือดๆนับแก้วกรอกเจ้าค่ะ...คอทองแดงเคยนับแก้ว?

:b5:
...จะทำอะไรอย่านิ่งนอนใจ...ตอนนี้ศาสนาของพระพุทธเจ้าโคดมผ่านมาได้2552ปีนี้...ยังมีผู้ที่รู้อยู่...
...อันว่ามนุษย์ทุกรูปทุกนามย่อมมีกิเลส...มนุษย์ก็มี 4 เหล่า...พระสงฆ์ก็มาจากมนุษย์ยังมีกิเลสอยู่...
...ธรรมของพระพุทธเจ้ามีไว้สอนมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย...ที่บัญญัติไว้แค่84000พระธรรมขันธ์...
...ยังนับว่าน้อยมาก...ท่านให้ศึกษาลงที่กายและจิตของเราเอง...ไม่ให้ไปเพ่งโทษผู้อื่นจะเป็นการดี
...เพราะกรรมสร้างได้ 3 ทาง...ด้วยกาย-วาจา-ใจ...ให้ผลคือวิบากกรรมต่างๆกันไป...ทำดีเริ่มที่ตัวเรา

:b31:
...ท่านผู้รู้ท่านว่า...การที่เราปฏิบัติได้เองนับว่าสุดยอด...ดีกว่านิมนต์พระมาทำบุญที่บ้านเสียอีก...
...การที่เราไม่สบายใจก็เป็นเรื่องปกติของคนที่คิดดีแล้ว...เอาเป็นว่าเราต้องช่วยกันจรรโลงพระศาสนา
...ยกระดับจิตใจของเราเองให้สูงขึ้น...บางครั้งคนทำไม่ดีก็ต้องปล่อยไปตามกรรม...ทำใจให้สบาย...
...ปฏิบัติธรรม...พอเราช่วยเหลือตัวเองได้...ค่อยช่วยคนอื่น...ขอเอาใจช่วยเชียรให้ทุกคนลงมือปฏิบัติ
...เกิดเป็นมนุษย์นับว่ามีค่า...แต่การมีชีวิตอยู่ของผู้ที่ทำประโยชน์แม้วินาทีเดียวกลับมีค่ามากกว่า...

:b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Rosarin และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร