วันเวลาปัจจุบัน 21 ก.ค. 2025, 02:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 11:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 16:32
โพสต์: 323

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.:b12: :b12: :b12: .

ตักบาตร ไม่มีพระให้ถาม ไม่มีพระให้ใส่ ทำยังไงดี อยากทำ ๆ แต่ไม่อำนวย

กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว หลวงจีนงมงาย นั่ง อยู่ข้าง ๆ พระอาจารย์

มีคนมาถาม “ตั้งใจ อยากใส่บาตรทุกวัน ก็ไม่ได้ใส่ บางทีพระก็ไม่เดินมา บางทีตัวเองก็ไม่สะดวก จะทำยังไง”

พระอาจารย์ท่านแนะ งมงายก็ครูพักลักจำได้ ว่า

“เมื่อตั้งใจจะใส่บาตรทุกวัน ก็ให้ทำทุกวัน บุญที่ทำเป็นประจำจะมีอานิสงส์มาก”

เมื่อใส่ตรง ๆ กับพระสงฆ์ไม่ได้ ก็ให้ใส่กับพระพุทธ

ทำยังไง ท่านแนะต่อว่า

เงินมูลค่าเท่ากับส่วนที่ตั้งใจจะใส่บาตร ให้อธิษฐานจิต
“เงินส่วนนี้ ข้าพเจ้า ขอถวายทำบุญไว้ในบวรพุทธศาสนา”
แล้ววางไว้บนพานหน้าพระ พอวันสะดวก วันว่าง ก็นำเงินเหล่านั้นไปซื้อของใส่บาตร
หรือทำบุญ ก็เหมือนกับใส่บาตรทุกวัน


หากินง่ายดี เสร็จหลวงจีนงมงาย ก็แอบจำมา หัดทำเองเริ่มทำวันละ ๑๐ บาท ๒๐ บาท
ขาดบ้าง แต่ก็เริ่มต้นใหม่เรื่อย ๆ


อานิสงส์ที่เห็น อาจจะใช่หรือไม่ใช่แล้วแต่จะเชื่อ ก็คือ แม้ไม่ร่ำรวย แต่ไม่เคยขลาดแคลน
ถึงคราวจะขาด จะมีคนเอามาให้แบบงง ๆ บางครั้งก็มีคนเอาลาภลอยมายัดให้
แล้วมีรายได้พิเศษ แบบแทบไม่ต้องทำอะไรเดือนหนึ่งพอสมควร


ฝนตกทีละน้อย น้ำย้อยทีละหยด ตุ่มน้ำก็เต็มหมด เหลือกินเหลือใช้
ทำดีถึงนิดหน่อย ทำบ่อย ๆ ก็มากหลาย ได้พึ่งได้อาศัย พกพาติดตัว
เอทีเอ็มยังมีหมด ไม่มีที่กดก็อดใช้ พกบุญกุศลไว้ พึ่งได้ทุกเวลา
ถึงทำแบบงมงาย ก็ยังได้พึ่งพา เกิดมาชาติหน้า จะได้ชื่อ
“หลวงจีนเหลือเฟือ”

:b53:

โอมฺ มณีปทฺเม หุมฺ

หลวงจีนงมงาย

:b42: :b42: :b42:


แก้ไขล่าสุดโดย หลวงจีนงมงาย เมื่อ 18 ม.ค. 2010, 11:30, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 29

สิ่งที่ชื่นชอบ: ท่าน ว.วชิรเมธี
ชื่อเล่น: หมวย
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


หมวยจะทำตามหลวงจีนงมงาย อย่างงี้หมวยก็กลายเป็นหมวยงมงาย อิอิ :b4:

.....................................................
ขอบุญจากธรรมทานนี้จงถึงแก่นายเวรและผู้ปกปักรักษาดูแลช่วยเหลือข้าพเจ้าและครอบครัว ที่มาถึงตัวทุกภพภูมิ ขอบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบัน หากไม่ถึงเพียงใดให้ขอให้คำว่าไม่มี ไม่รู้ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้ปรากฏแก่ข้าพเจ้า ขอให้เกิดในภพภูมิ เขต ประเทศที่มีพระพุทธศาสนาประดิษฐานอย่างมั่นคง และได้ศึกษาพระธรรมได้อย่างเข้าใจถ่องแท้ ลึกซึ้ง ตลอดจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเทอญ.

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องลงมือทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงครับ

ผลบุญนั้นวิเศษณ์
จะตกทุกข์ได้ยากอะไรติดขัดก็ไม่นานนัก
มักจะทะลุทะลวงสะดวกขึ้นมาได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 21:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชื่อนี้สำคัญไฉน เอาชื่ออื่นไม่ได้หรือไง พระงมงาย 5555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2009, 22:46
โพสต์: 167

แนวปฏิบัติ: buddhism
อายุ: 0
ที่อยู่: nontaburi

 ข้อมูลส่วนตัว


ทานของสัตบุรุษ

ตามธรรมเนียไทย ๆ ผู้คนที่นำของที่เอามาตักบาตรจะยืนรออยู่ตรงทางที่พระภิกษุเดินผ่าน ส่วนมากของที่ผู้คนใช้นิยมตักบาตรเป็นหลักคือข้าวถุงแกงถุง

โดยก่อนที่พระภิกษุเดินทางมาถึงจะมีการนำถ้วยข้าวจบที่ศีรษะแล้วอธิษฐาน
เมื่อพระภิกษุเดินทางมาถึงพระภิกษุจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนที่จะตักบาตรแล้วเปิดฝาบาตร

ก่อนที่จะตักบาตรคนที่ตักบาตรจะต้องถอดรองเท้าก่อน จากนั้นคนที่ตักบาตรจะนำทานที่ตนมีถวายพระ เมื่อให้เสร็จแล้วพระจะให้พร คนที่ตักบาตรประนมมือรับพร

(โดยปกติแล้วจะนิยมคุกเข่าหรือนั่งยองๆ ประนมมือ)
ขณะที่ให้พรคนที่ตักบาตรอาจจะมีการกรวดน้ำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับ

เป็นภาพที่เราเห็นกันมานานจนชินตา

เหตุผลที่ถอดรองเท้า.....

ชาวพุทธผู้ศรัทธานิยมถอดรองเท้าและนั่งกับพื้นเวลาตักบาตรเพื่อเป็นการแสดงความเคารพในทาน

ขอขยายเรื่องการให้ทานของสัตตบุรุษ

๑. ให้ทานโดยเคารพ คือให้โดยความเต็มใจ ไม่ได้ให้ด้วยความเกรงกลัวหรือจำใจให้ เวลาให้
ก็ให้ด้วยกิริยาที่นอบน้อมยิ้มแย้มแจ่มใส

๒. ให้ทานโดยยำเกรง คือเคารพในทานของตนและเคารพในผู้รับ การเลือกให้แต่ของดี
ของมีประโยชน์ ของสะอาดมีรสดี เป็นต้น ชื่อว่าเคารพทานของตน

อีกประการหนึ่งผู้ที่ให้ของที่พอใจ ย่อมได้ของที่พอใจ

ผู้ที่ให้ของที่เลิศ ย่อมได้ของที่เลิศ

ผู้ที่ให้ของที่ดี ย่อมได้ของดี

ผู้ที่ให้ของที่ประเสริฐย่อมเข้าถึงสถานที่ประเสริฐ

นรชนใดให้ของที่เลิศ ให้ของที่ดี ให้ของที่ประเสริฐ

นรชนนั้นจะบังเกิดในที่ใดๆ ย่อมมีอายุยืน มียศ

นี้เป็นพระดำรัสของพระพุทธเจ้า


การเลือกผู้รับที่สมควรแก่ของ และเลือกผู้รับที่เป็นผู้มีศีล มีคุณธรรม ชื่อว่า เคารพในผู้รับ

ข้อนี้มิได้หมายความว่าถ้าผู้รับเป็นสัตว์ดิรัจฉาน หรือเป็นผู้ไม่มีศีลแล้ว ไม่ต้องให้
ควรให้ทั้งสิ้น

แต่ของที่ดี ของที่ประณีต ของที่สะอาด มีรสเลิศ ย่อมสมควรแก่ผู้รับที่เลิศ
คือผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ผู้มีศีลยิ่งกว่าผู้อื่น ยิ่งให้แก่ผู้มีศีลจำนวนมากเป็นประโยชน์สุข
แก่ผู้มีศีลจำนวนมาก ที่เรียกว่า สังฆทาน ยิ่งมีผลมากจนประมาณไม่ได้ว่าเท่านั้นเท่านี้ชาติ



๓. ให้ด้วยมือของตน ข้อนี้หมายความว่า เวลานี้เราเป็นมนุษย์ มีมือ มีเท้า มีอวัยวะครบบริบูรณ์
เราจึงควรทำทานนั้นด้วยมือตนเอง ไม่ควรใช้ผู้อื่นทำแทนอยู่เสมอๆ

ถ้าจะใช้ก็ควรใช้เป็นบางครั้งบางคราวในเวลาจำเป็น นอกจากนั้นแล้วควรทำทานด้วยมือของตนเอง เพราะนอกจากจะทำให้เกิดเจตนาที่เป็นบุญในขณะที่กำลังให้แล้ว

ในวัฏฏะอันยาวนานนี้ เราไม่อาจทราบได้ว่าเราจะเกิดเป็นคนมือขาดเท้าขาดเมื่อใด
ถ้าเราเกิดเป็นคนมือขาดแล้ว แม้ของมีอยู่และเราอยากให้ทานด้วยมือของเราเอง เราจะให้ได้อย่างไร นอกจากจะอาศัยผู้อื่นทำแทนเท่านั้น

๔. ให้โดยไม่ทิ้งขว้าง ข้อนี้หมายถึงไม่ทิ้งขว้างการให้ คือให้โดยอาการเคารพ ให้อยู่เป็นประจำ

๕. เห็นผลในอนาคตจึงให้ หมายความว่า ให้เพราะเชื่อว่า ทานมีจริง ผลของทานมีจริง
ทานทำให้เกิดในสวรรค์ได้จริง แม้เกิดเป็นมนุษย์ก็เป็นผู้มั่งคั่งบริบูรณ์ด้วยทรัพย์สิน

หรือเชื่อว่าทานเป็นการขัดเกลาความตระหนี่ เป็นบันไดก้าวไปสู่สวรรค์และมรรคผล นิพพานได้
สัตบุรุษท่านเชื่ออย่างนี้จึงให้ทาน

เรื่องการให้วัตถุทาน10อย่าง..ข้าว น้ำ ผ้า
ยาน (พาหนะ) ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่อยู่ ที่อาศัย และประทีปดวงไฟ


กินททสูตร สัง. สคาถ. ข้อ ๑๓๘ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

การให้ข้าวและน้ำ ชื่อว่า ให้กำลัง

การให้ผ้า เครื่องนุ่งห่ม ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ

การให้ยานพาหนะ ชื่อว่า ให้ความสุขทั้งกายและใจ

การให้ประทีบดวงไฟ ชื่อว่าให้ดวงตา

การให้ที่อยู่อาศัย ชื่อว่า ให้ทุกอย่าง คือให้กำลัง ให้ผิวพรรณ ให้ความสุข และให้ดวงตา

แต่การพร่ำสอนธรรม คือการให้ธรรมะ ชื่อว่าให้สิ่งที่ไม่ตาย เพราะบุคคลจะพ้นจากความตาย
ไม่ต้องเกิดอีกได้ ก็เพราะอาศัยการได้สดับตรับฟังธรรม ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
การให้ธรรมะชนะการให้ (สิ่งอื่น) ทั้งปวง



สาธุ สาธุ สาธุ


แก้ไขล่าสุดโดย ไวโรจนมุเนนทระ เมื่อ 19 ม.ค. 2010, 23:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร