แท้จริง พวกเราแท้จริงเป็นใคร? เกิดมาทำไม? เพื่ออะไร?

ศาสนาพุทธเถรวาท ตอบได้เพียงแต่ว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม เราจะไปหาจุดเริ่มต้นมันไม่ได้ว่าเราเป็นใคร เกิดมาเพื่ออะไร เพราะพระพุทธองค์ตรัสบอกในนิกายนี้เพียงว่า จุดเริ่มต้น...พวกเราเป็นจิตประภัสสร และตรัสเล่าว่า เราเหมือนคนโดนลูกศรปักอก ต้องรักษาตัวเองให้หายก่อน ยังไม่ต้องถามถึงใครเป็นผู้ยังลูกศรใส่เรา

ที่สำคัญ คือ พระพุทธองค์ไม่เคยตรัสปฏิเสทว่า ไม่มีใครยิงลูกศรใส่เรานะครับ พระพุทธองค์ต้องการให้เราดับทุกข์ให้ได้ก่อน เมื่อเราเข้าถึงความเป็นอรหันต์ ดับทุกข์หมดแล้ว เราจะรู้ความจริงเองว่า ผู้ยิงลูกศรใส่เราเป็นใคร?

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนเน้นที่การรู้วิธีการดับทุกข์เท่านั้น เพื่อให้ฝ่ายเถรวาทดับทุกข์โดยเร็วที่สุด พระพุทธองค์จึงต้องสอนเริ่มต้นที่ อวิชชา และปฏิจจสมุปบาท ก่อนหน้าอวิชชา พระพุทธองค์ตรัสสอนเพียงว่า พวกเราจิตเดิมเป็นจิตประภัสสรเท่านั้น เพื่อไม่ให้จิตอยากรู้อยากเห็นและฟุ้งซ่าน

สรุป

จุดมุ่งหมายของนิกายเถรวาท = ดับทุกข์โดยเร็วที่สุด และบอกเพียงว่า เริ่มต้นเลย เราเป็นจิตปภัสสร และเราเกิดมาเพื่อใช้กรรม ที่จิตปภัสสรโดนอวิชชา(กิเลส ตัณหา)ลวงให้กระทำกรรมทั้งดีและชั่วลงไป เราจึงต้องเกิดมาชดใช้กรรมเหล่านั้น

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายศาสนาพุทธมหายาน พวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเถรวาท ถ้าไม่รู้ถึงจุดเริ่มต้นจริงๆ พวกเขาจะไม่ยอมหาทางดับทุกข์ พระพุทธองค์จึงตรัสสอนให้ฝ่ายมหายาน เริ่มต้นที่ พระพุทธเจ้าต้นธาตุ-ต้นธรรม หรืออาทิพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า พวกเราทุกจิตล้วนออกมาจากพระพุทธเจ้าต้นธาตุ-ต้นธรรมทั้งนั้น พวกเราจึงมีพุทธะอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่อวิชชามันมาปิดบังจิตเราเอาไว้ ทำให้พวกเราไม่รู้ตัวเองว่า พวกเราเป็นใคร

1. พวกเราเป็นใคร?

ตอบคำถามแรกเลยว่า พวกเราเป็นใคร --- พวกเราเป็น(อนุ)พุทธะ เพราะพุทธะคือ พระพุทธเจ้า
ต้นธาตุ-ต้นธรรม หรืออาทิพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์เป็นอวตาร
ของพระพุทธเจ้าต้นธาตุ-ต้นธรรม

2. พวกเราเกิดมาทำไม? เพื่ออะไร?

คราวนี้มาถึงคำตอบที่ว่า พวกเราเกิดมาทำไม คำตอบนี้ผมตอบออกไป บางคนอาจจะเชื่อ บางคน
อาจจะไม่เชื่อก็ได้ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง และต้องตั้งจิตอธิษฐาน
ขอรู้ความจริงจากพุทธะด้วย ซึ่งคงต้องรออีกหลายสิบ หลายร้อย หลายพันชาติ จนกว่าเราจะ
สั่งสมบุญบารมีถึงระดับ ที่ฟ้าจึงจะเปิดทางให้รู้

ผมตอบเลยดีกว่า พวกเราเกิดมาเพื่อ....

2.1 เล่นเกมค้นหาตัวเอง ถ้าเราค้นหาตัวเองไม่พบ เราก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏต่อไปไม่มีสิ้นสุด

แท้จริง พวกเราก็คือ (อนุ)พุทธะ หรือพระอรหันต์ ศาสนาคริสต์เรียกว่า พระบุตรของพระเจ้า ศาสนาอิสลามเรียกว่า อัลล่าร์ หรือ พระเจ้า เมื่อพวกเราค้นหาตัวเองพบแล้ว พวกเราทุกจิตก็จะเข้าถึงความบริสุทธิ์เหมือนเดิมก่อนออกมาเล่นเกม พูดง่ายๆ พวกเราจะกลับไปเป็น(อนุ)พุทธะ หรือ อรหันต์ หรือ พระบุตรของพระเจ้า หรือ พระเจ้าเหมือนเดิมนั่นเอง

หลวงพ่อฤาษีลิงดำเรียก นิพพานว่า “กลับบ้านเก่า”

หลวงพ่อสดเทศน์ว่า “ช้าเร็วทุกคนก็ต้องเข้านิพพานกันหมด”

นั่นเป็นเพราะอะไรล่ะครับ ก็เพราะว่า จิตเดิมของเราทุกจิตเป็นจิตประภัสสร จิตประภัสสรเป็นจิตที่ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ เมื่อไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ เราก็ต้องเคยอยู่ในนิพพานมาแล้วนั่นเอง เพียงแต่ว่า นิพพานเริ่มแรกนั้น พวกเรายังไม่รับรู้ความสุขทุกข์ในภพภูมิอื่นๆ เราจึงมีอิสระภาพในการรับรู้ภพภูมิอื่น ที่เป็นภพภูมิแห่งอวิชชาได้ จะผมอธิบายต่อไป....

ผมต้องการบอกเพียงในที่นี้ว่า พวกเราเคยอยู่ในนิพพานมาแล้วทั้งนั้น พวกเราเพียงแต่ออกมาเล่นเกมค้นหาตัวเองเท่านั้น ใครค้นหาตัวเองเจอแล้ว ก็เข้านิพพานไปก่อน ถ้ายังหาตัวเองไม่เจอ ก็ต้องเล่นเกมกันต่อไป

2.2 พวกเราเกิดมาเพื่อรับรู้สุขทุกข์ในภพภูมิต่างๆทั้ง 31-32 ภูมิ เปรียบเทียบกับความไม่ทุกข์ใน
นิพพาน และเปรียบเทียบความสุขและความทุกข์จากการใช้รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
หรือขันธ์ 5 ของเรา รับรู้ความสุขทุกข์จากอายตนะภายใน 6 และภายนอก 6 เมื่อเปรียบเทียบกับ
ความไม่ทุกข์หรือความสุขบริสุทธิ์ในนิพพานของเรา

2.3 พวกเราเกิดมาเพื่อลองใช้สิ่งที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หรือขันธ์ 5 และสังขาร ที่เป็นสิงที่ไม่
อมตะ ลองเกิด แก่ เจ็บ ตาย ในภพภูมิต่างๆดู เทียบกับการไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ และไม่ตาย หรือ
ความเป็นอมตะภาวะของเราในนิพพาน

ข้อ 2.2 และ 2.3. จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อ(อนุ)พุทธะทั้งหมดให้อิสระกับตัวเอง ยอมให้อวิชชา(กิเลส ตัณหา) เข้ามาในจิตได้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เกิดขันธ์ 5 ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาขึ้นมา และขันธ์ 5 นั้น จะได้เล่นเกมค้นหาความจริงและรับรู้ภพภูมิอื่นๆต่อไป

แต่ถ้าพวกเราอยู่แต่ในนิพพาน ไม่ยอมออกมา ทุกอณูแห่งพุทธะย่อมไม่มีประสพการณ์ในการรับรู้ว่า พระนิพพานของตนเองดีที่สุดแล้ว ดีกว่าทุกภพภูมิที่อวิชชาสร้างขึ้นมา

โปรอย่าถามว่าเราเป็นใครมาจากไหน ที่ในอดีต แล้วเกิดมาทำไม ?

ควรตั้งคำถามใหม่เพื่อเร้าเตือนตนให้ทำความเพียร ประมาณว่า มาจากไหนไม่สำคัญหรอกขวัญจิต ฯลฯ

เกิดมาแล้วทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ วิธีพ้นทุกข์นั่นได้แก่อะไร?

น่าจะเป็นปัญหาเฉพาะหน้าเป็นปัญหาเร่งด่วน กว่าถามว่า ฉันเป็นใครมาจากไหน แล้วเกิดมาทำไม ?

"จงรัก"

http://www.oknation.net/blog/panprateep ... 27/entry-1


http://www.click2member.com/viewthread. ... rdertype=1