วันเวลาปัจจุบัน 24 ก.ค. 2025, 04:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออนไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


อรูปพรหมไม่มีรูป ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีแต่ทวารใจ เท่านั้น

พระอริยบุคคลที่เกิดในอรูปพรหม ท่านสามารถอบรมเจริญสติปัฏฐาน

ต่อในอรูปภูมิ แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะท่านสำเร็จเป็นพระอริยะ

ในภูมิที่มีขันธ์ห้าแล้ว เมื่อจุติแล้วเกิดในภูมิที่มีขันธ์สี่ ซึ่งมีแต่นามธรรม ก็

ไม่เป็นอุปสรรค์ในการเจริญสติปัฏฐาน สำหรับพระอริยบุคคลครับ

แต่ปุถุชน จะบรรลุเป็นพระอริยบุคคลในภูมิที่มีขันธ์สี่ไม่ได้
ถ้าคนเราได้ฟังพระสัทธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดปัญญาเข้าใจถูก

ตามความเป็นจริง เขาย่อมเห็นคุณของกุศลธรรม เห็นโทษของอกุศลธรรม ย่อมเป็น

ผู้เว้นกรรมชั่ว กระทำแต่กรรมดี เป็นผู้ขวนขวายในคุณความดีอยู่เนื่องๆ จะเป็นคนดี

ยิ่งๆขึ้นไป ไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา..
มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ โดยที่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ...

จิตเห็นเกิดขึ้นแล้วดับไป... จิตได้ยินเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป... แต่ละขณะเกิดขึ้นและ

ดับไป ไม่เหลืออะไรเลย ไม่กลับมาอีก ในแต่ละวันเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส

กระทบสัมผัส และก็คิดนึก ไม่เคยรู้ความจริง จะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันในแต่ละภพ

ชาติ เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดโดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ เพียงปรากฏ

ให้ได้เห็น เพียงปรากฏให้ได้ยิน...แล้วดับไปหมด ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วตามเหต

ปัจจัย อยู่มาแล้วนานแสนนานในสังสารวัฏฏ์ก็ไม่รู้ความจริง จึงต้องเกิดขึ้นมาเห็นอีก

ได้ยินอีก..ไม่มีวันสิ้นสุด ชีวิตที่ประเสริฐคือ มีชีวิตอยู่เพื่อความรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลัง

ปรากฏ ความเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ว่าด้วยผลแห่งการต้อนรับบรรพชิต เป็นต้น



[๒๒๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ในราตรีนี้ เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว เทวดา

เป็นอันมาก มีผิวพรรณงดงาม ยังวิหารเชตวันทั้งสิ้น ให้สว่างไสว เข้ามา

หาเราถึงที่อยู่ ไหว้เราแล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะ

เราว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์

ทั้งหลายเมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ แต่ไม่กราบ

ไหว้ ข้าพระองค์เหล่านั้นมีการงานยังไม่บริบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความ

เดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้ว

ได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้า-

พระองค์ทั้งหลายเมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบ

ไหว้ แต่ไม่ให้อาสนะ ข้าพระองค์เหล่านั้นมีการงานไม่สมบูรณ์ มีความกินแหนง

ใจ มีความเดือดร้อนตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้ว

ได้กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลาย เข้ามายังเรือนของข้า-

พระองค์ทั้งหลาย เมื่อเป็นมนุษย์อยู่ในกาลก่อนข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบ

ไหว้และให้อาสนะ แต่ไม่แบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้

กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์

ทั้งหลายเมื่อยังเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้

ให้อาสนะ และแบ่งปันของให้ตามสามารถ ตามกำลัง แต่ไม่เข้าไปนั่งใกล้เพื่อ

ฟังธรรม ฯลฯ

... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตาม

สามารถ ตามกำลัง และเข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม แต่ไม่เงี่ยโสตลงสดับ

ธรรม ฯลฯ

... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตาม

สามารถ ตามกำลัง และเงี่ยโสตลงสดับธรรม แต่ฟังแล้วไม่ทรงจำธรรมไว้ ฯลฯ

... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ. แบ่งปันของให้ตาม

สามารถ ตามกำลัง เงี่ยโสตลงฟังธรรม และฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ ไม่พิจารณา

เนื้อความแห่งธรรมที่ทรงจำไว้ ฯลฯ

... ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้ ให้อาสนะ แบ่งปันของให้ตาม

สามารถ ตามกำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม และพิจารณาเนื้อความแห่ง

ธรรมที่ทรงจำไว้ แต่หารู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมไม่ ข้า-

พระองค์เหล่านั้นมีการงานไม่บริบูรณ์ มีความกินแหนงใจ มีความเดือดร้อน

ตามในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นเลว.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาอีกพวกหนึ่งเป็นอันมาก เข้ามาหาเราแล้วได้

กล่าวว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บรรพชิตทั้งหลายเข้ามายังเรือนของข้าพระองค์

ทั้งหลายเมื่อยังเป็นมนุษย์ในกาลก่อน ข้าพระองค์เหล่านั้นลุกรับ กราบไหว้

ให้อาสนะ แบ่งปันสิ่งของให้ตามสามารถ ตามกำลัง เข้าไปนั่งใกล้เพื่อฟังธรรม

เงี่ยโสตลงสดับธรรม ฟังแล้วทรงจำธรรมไว้ พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม

ที่ทรงจำไว้ และรู้อรรถรู้ธรรมแล้วปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ข้าพระองค์

เหล่านั้นมีการงานบริบูรณ์ ไม่มีความกินแหนงใจ ไม่มีความเดือดร้อนตาม

ในภายหลัง เข้าถึงหมู่เทวดาชั้นประณีต

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นโคนไม้ นั่นเรือนว่าง เธอทั้งหลายจงเพ่ง อย่า

ประมาทเลย อย่ามีความเดือดร้อนใจในภายหลัง เหมือนเทวดาพวกต้นๆ เหล่า

นั้น.



จบ เทวตาสูตรที่ ๙



เอาบุญมาฝากได้ถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน
นั่งสมาธิ เดินจงกรม กำหนดอิริยาบทย่อย สวดมนต์ อาราธานาศีล
รักษาศีล ไปไหว้หลวงพ่อโสธร สักการะสังเวชนียสถานจำลอง
สักการะพระพุทธสิหิงค์ อนุโมทนากับผู้ที่มาสักการะหลวงพ่อโสธร
ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาอาการป่วยของแม่ ศึกษาเรื่องการรักษาโรค
เมื่อวานนี้ได้รักษาผู้ป่วยฟรีโดยไม่คิดเงิน และ
วันนี้ก็ได้ฟังธรรม ได้ช่วยพระที่ชาภาพขนของลงจากรถเมลล์
อนูดมทนากับผู้ใส่บาตรตอนเช้า ศึกษาธรรม
ทำความสะอาดที่สาธารณะ มีงานบุญอีกมากมาย
ที่จำไม่ได้ เช่น ให้อภัยทาน อฐิษฐานจิต
และเพื่อนของเราได้แจกปฏิทิน จำนวน 50 แผ่น
และคุณแม่กับเราแม้จะเหนื่อยต้องใช้วิริยะเป็นหลัก
กว่าสิ่งอื่นใด และเพื่อให้ได้ได้มีบารมีทั้ง 10 ครบ
ขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญข้าราชการ ทหาร ตำรวจ

พ่อค้า ประชาชน ร่วมฟังธรรม

และทอดผ้าป่าสร้างสถานีวิทยุพระพุทธ

ศาสนาแห่งชาติ และขยายเครื่อข่าย

สถานีวิทยุสังฆทานธรรม


FM 91.00 MHz. สถานีที่ 26

ณ บริษัท นครสวรรค์ ส.ยานยนต์ จำกัด
ถ.เอเชีย อ.เมือง จ.นครสวรรค์

ในวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553

เวลา 13.00 น.

บริจาคได้ที่ สำนักงานวัดสังฆทาน


โทร.02-496-1240-42 แฟกซ์ 02-496-1243
หรือ เข้าบัญชีชื่อ วัดสังฆทาน


ธ.ไทยพาณิชย์ สาขาย่อยวิภาวดีรังสิต

ออมทรัพย์ เลขที่ 163-213051-0

สถานีวิทยุสังฆทานธรรม FM 89.25 MHz.

โทร.02-443-0341-2


ขอให้สรรพสัตว์ทั้ง 31 ภพภูมิจงบรรลุมรรคผลนิพพานเทอญ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ม.ค. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
อรูปพรหมไม่มีรูป ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีแต่ทวารใจ เท่านั้น

พระอริยบุคคลที่เกิดในอรูปพรหม ท่านสามารถอบรมเจริญสติปัฏฐาน

ต่อในอรูปภูมิ แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะท่านสำเร็จเป็นพระอริยะ

ในภูมิที่มีขันธ์ห้าแล้ว เมื่อจุติแล้วเกิดในภูมิที่มีขันธ์สี่ ซึ่งมีแต่นามธรรม ก็

ไม่เป็นอุปสรรค์ในการเจริญสติปัฏฐาน สำหรับพระอริยบุคคลครับ



Onion_L

ท่านมหาราชันย์ เขียน:
"ปฏิบัติตามพระธรรมเทศนาในจิตเป็นปัจจุบัน เจริญฌานเป็นโลกุตตระ บรรลุอนาคามีมัคคจิต ย่อมบรรลุอนาคามีผล ตายแล้วไปสู่พรหมโลกชั้นสุทธาวาส 5 ชั้น ไม่หวลกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก แล้วดับขันธ์ปรินิพพาน"

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=28912

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 26 ม.ค. 2010, 23:36, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ม.ค. 2010, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รสมน เขียน:
อรูปพรหมไม่มีรูป ไม่มี ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีแต่ทวารใจ เท่านั้น

พระอริยบุคคลที่เกิดในอรูปพรหม ท่านสามารถอบรมเจริญสติปัฏฐาน

ต่อในอรูปภูมิ แล้วบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะท่านสำเร็จเป็นพระอริยะ

ในภูมิที่มีขันธ์ห้าแล้ว เมื่อจุติแล้วเกิดในภูมิที่มีขันธ์สี่ ซึ่งมีแต่นามธรรม ก็

ไม่เป็นอุปสรรค์ในการเจริญสติปัฏฐาน สำหรับพระอริยบุคคลครับ





รสมน เขียน:
ขอเชิญข้าราชการ ทหาร ตำรวจ

พ่อค้า ประชาชน ร่วมฟังธรรม

และทอดผ้าป่าสร้างสถานีวิทยุพระพุทธ

ศาสนาแห่งชาติ และขยายเครื่อข่าย

สถานีวิทยุสังฆทานธรรม




สวัสดีครับคุณเช่นนั้น


ก็น่าหนักใจเหมือนกันครับคุณเช่นนั้น
วัดสังฆทานแสดงธรรมผิดแล้วยังคิดจะปล้นญาติโยมเสียอีก


ภพมี 3 ภพ ได้แก่กามภพ รูปภพ และอรูปภพ
ภพเป็นเรื่องของการตายการเกิดของสัตว์ จากภพหนึ่งมาสู่ภพเดิมอีกครั้งหนึ่งก็ได้ หรือเปลี่ยนภพใหม่ไปเลยก็ได้


ส่วนภูมิมี 4 ภูมิ ได้แก่กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และอริยะภูมิหรือโลกุตตระภูมิ
ภูมิเป็นเรื่องของสัตว์ที่ยังไม่ตาย คือยังไม่มีการจุติและปฏิสนธิ แต่สัตว์นั้นสามารถเป็นคุณภาพจิตด้วยสมถะและวิปัสสนาได้ในภพที่ตนเกิด เช่นเกิดเป็นมนุษย์ จิตมนุษย์เป็นกามาวจรภูมิ มนุษย์สามารถเปลี่ยนคุณภาพจิตด้วยสมถะและวิปัสสนาให้เป็นรูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ และอริยะภูมิหรือโลกุตตระภูมิ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ครับ



การแสดงธรรมของวัดสังฆทานจึงแสดงธรรมผิดไม่ตรงกับเรื่องจริง รู้มาผิด เข้าใจมาผิด กรรมของผู้ฟังครับคุณเช่นนั้น



Quote Tipitaka:
มรรคจิตดวงที่ ๑
[๑๙๖] ธรรมเป็นกุศล เป็นไฉน?

โยคาวจรบุคคล เจริญฌานเป็นโลกุตตระ อันเป็นเครื่องออกไปจากโลกนำไปสู่นิพพาน เพื่อละทิฏฐิ เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว บรรลุปฐมฌาน เป็นทุกขาปฏิปทาทันธาภิญญา ประกอบด้วยวิตก วิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก อยู่ในสมัยใด

ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา สัทธินทรีย์ วิริยินทรีย์ สตินทรีย์ สมาธินทรีย์ ปัญญินทรีย์ มนินทรีย์ โสมนัสสินทรีย์ ชีวิตินทรีย์ อนัญญตัญญัสสามีตินทรีย์ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัทธาพละ วิริยพละ สติพละ สมาธิพละ ปัญญาพละ หิริพละ โอตตัปปพละ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อนภิชฌา อัพยาปาทะ สัมมาทิฏฐิ หิริ โอตตัปปะ กายปัสสัทธิ จิตตปัสสัทธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทุตา จิตตมุทุตา กายกัมมัญญตา จิตตกัมมัญญตา กายปาคุญญตา จิตตปาคุญญตา กายุชุกตา จิตตุชุกตา สติ สัมปชัญญะ สมถะ วิปัสสนา ปัคคาหะ อวิกเขปะ มีในสมัยนั้น หรือนามธรรมที่อิงอาศัยเกิดขึ้นแม้อื่นใด มีอยู่ในสมัยนั้น


สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นกุศล


เพื่อบรรลุภูมิเบื้องต้น ภูมิเบื้อต้นคือภูมิพระโสดาบันครับ
มนุษย์สามารถเจริญสมถะและวิปัสสนา เปลี่ยนคุณภาพจิตจากกามาวจรภูมิ ไปบรรลุภูมิพระโสดาบันขณะยังมีชีวิตอยู่ครับ ยังไม่มีการจุติและปฏิสนธิครับ


เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร