วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมในอดีต แก้ได้หรือไม่ได้?


กรรมในอดีต คือ วิบาก ยืนยันว่าแก้ไม่ได้แน่นอน....จริงหรือ?

ในทัศนะของผม ผมมั่นใจและยืนยันว่า เราสามารถแก้กรรมในอดีตของเราเองได้ หรือคนอื่นก็สามารถช่วยแก้กรรมให้เราได้ด้วย

เพราะ(บาป)กรรมคือ การกระทำอกุศลต่อสิ่งมีชีวิตอื่น หรือจิตดวงอื่น เขาจึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้เรา วิบากกรรมนั้นก็ต้องกลายเป็นเศษกรรมไป เหมือนคุณเป็นหนี้เขา 100 บาท พอคุณทำกรรมฐาน แผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวรในเรื่องนั้น ซึ่งมีผลบุญ 500 บาท เจ้ากรรมนายเวรในเรื่องนั้นส่วนใหญ่ก็คงต้องรับ และให้อภัย อโหสิกรรมให้ แต่ถึงแม้เขายังไม่ให้อภัย แลไม่อโหสิกรรมให้คุณในตอนนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ต้องยอมลดวิบากกรรมคุณลงมาแน่นอน

ในกรณีเดียวกัน คุณเป็นหนี้เขาในเรื่องนั้น 100 บาท แต่มีพระอรหันต์แผ่เมตตามีพลังบุญ 1 ล้านบาท ใช้หนี้กรรมแทนเรา เจ้ากรรมนายเวรเขาพอใจ วิบากกรรมนั้น แม้จะไม่สลายไปเป็น 0 แต่มันก็ให้ผลเบาบางลงมาก กรรมที่ต้องให้ผลอยู่บ้าง เพราะเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม คุณทำกับขันธ์ของเขา คุณย่อมต้องรับผลของกรรมกับขันธ์ของคุณด้วย

ถ้าพ่อหรือลูกเราป่วย เราก็สามารถช่วยแก้กรรมหรือลดวิบากกรรมให้เขาได้ โดยทำบุญหรือถวายสังฆทาน อุทิศกุศลผลบุญนั้นให้เจ้ากรรมนายเวรของคนป่วย ส่วนใหญถ้ากรรมนั้นไม่หนักมาก เจ้ากรรมนายเวรเขาย่อมพอใจในผลบุญที่เราอุทิศให้เขา คนป่วยก็จะหายป่วยได้ง่ายมาก

สมมุติสงฆ์ของเราจำนวนมาก สอนไม่ถูก โดยบอกว่า เราทำกรรมมามากมายนับภพชาติไม่ถ้วน บาปกรรมจึงแก้ไม่ได้ บาปเหมือนกับน้ำทะเลในมหาสมุทร จะแก้ได้อย่างไร?....นั่นคือบาปรวมยอด แก้ไม่ได้หรอก แต่บาปเฉพาะเรื่อง ที่ให้ผลกับเราในชาตินี้ เช่น เป็นไส้ติ่ง เราสามารถทำบุญอุทิศกุศลไปให้เจ้ากรรมนายเวรไส้ติ่งของเราได้

จากประสพการณ์ส่วนตัวของผม ถ้าเจ้ากรรมนายเวรรับผลบุญที่เราทำให้เขา กฎสวรรค์จะหักหนี้บาปออกจากผลบุญที่เราทำให้เขาไปเลย ถ้าเราใช้หนี้เขาไปครบ 100 แล้ว และเจ้ากรรมนายเวรเต็มใจรับผลบุญที่เราทำให้เขาครบ 100 หรือเกิน 100 แล้ว เขาไม่มีสิทธิ์ลงโทษเราในบาปเรื่องนั้นอีก เพราะเราใช้หนี้กรรมครบแล้ว


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 13 ก.พ. 2010, 23:05, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เพราะ(บาป)กรรมคือ การกระทำอกุศลต่อสิ่งมีชีวิตอื่น หรือจิตดวงอื่น เขาจึงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาให้อภัยหรืออโหสิกรรมให้เรา วิบากกรรมนั้นก็ต้องกลายเป็นเศษกรรมไป

กรรม ในที่นี่ของคุณ มีความหมายถึงแค่ เจ้ากรรมนายเวรน่ะ แต่ความจริงแล้วมีกรรมอีกตัวหนึ่งนะ ที่ให้ผลไม่แพ้เจ้ากรรมนายเวรเลยทีเดียว

เคยได้ยินอะเปล่า จิตเป็นผู้บันทึกกรรม

นั้นแหละ นอกจากจะได้รับกรรมจากเจ้ากรรมนายเวรแล้ว ก็ยังได้รับกรรมจากผลของการกระทำตัวเองอีกด้วย

เรื่องจิตบันทึกกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ละเอียด มันเป็นสิ่งที่อยู่ลึกมากจนมองแบบผิวเผินไม่มีทางเห็นเลย นอกจากจะเจริญสติเท่านั้นจึงจะมองเห็น

อีกอย่าง

เจ้ากรรมนายเวรบางคนเขาไม่ได้ให้อโหสิกรรมง่ายๆนะ
เพราะเหตุที่ว่าจองเวรจองกรรมมาหลายภพชาติแล้ว แค่คำพูดหรือการทำดีบางทีมันก็ไม่พอหรอก ต้องใช้ทำความอดทนและความพยายาม

อย่างที่คิดได้ว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม

จริงๆน๊า....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
แต่ความจริงแล้วมีกรรมอีกตัวหนึ่งนะ ที่ให้ผลไม่แพ้เจ้ากรรมนายเวรเลยทีเดียว

เคยได้ยินอะเปล่า จิตเป็นผู้บันทึกกรรม


งง...และมึนมากเลย พูดไม่เคลียร์เลย การทำกรรม มันต้องมีโจทย์และจำเลย เมื่อไม่มีโจทย์(เจ้ากรรมนายเวร) จะมีจำเลยได้อย่างไรหว่า เมื่อเราไม่ใช่จำเลย เราก็ไม่ต้องเกิดมาใช้กรรมสิ กรุณาเอาตัวอย่างมาแสดงด้วยครับ

kanalove เขียน:
อีกอย่าง

เจ้ากรรมนายเวรบางคนเขาไม่ได้ให้อโหสิกรรมง่ายๆนะ
เพราะเหตุที่ว่าจองเวรจองกรรมมาหลายภพชาติแล้ว แค่คำพูดหรือการทำดีบางทีมันก็ไม่พอหรอก ต้องใช้ทำความอดทนและความพยายาม

อย่างที่คิดได้ว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม



เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ให้อโหสิกรรม เขาก็ไม่มีสิทธิรับบุญกุศลของเรา ถ้าเขารับแล้ว เท่ากับเราใช้หนี้กรรมไปส่วนหนึ่งแล้ว(ขึ้นอยู่กับขนาดของบุญกุศลและขนาดของบาป)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
kanalove เขียน:
แต่ความจริงแล้วมีกรรมอีกตัวหนึ่งนะ ที่ให้ผลไม่แพ้เจ้ากรรมนายเวรเลยทีเดียว

เคยได้ยินอะเปล่า จิตเป็นผู้บันทึกกรรม


งง...และมึนมากเลย พูดไม่เคลียร์เลย การทำกรรม มันต้องมีโจทย์และจำเลย เมื่อไม่มีโจทย์(เจ้ากรรมนายเวร) จะมีจำเลยได้อย่างไรหว่า เมื่อเราไม่ใช่จำเลย เราก็ไม่ต้องเกิดมาใช้กรรมสิ กรุณาเอาตัวอย่างมาแสดงด้วยครับ


โจทย์และจำเลย ก็คือ ตัวเราเอง เป็นจิตนั้นเป็นผู้บันทึกกรรม

ยกตัวอย่าง

สมมุติเราจะไปตีหัวใครสักคน ก่อนที่จะตีได้ เราต้องมีอะไรบ้าง
1. จิตที่อยากทำ 2. กิเลสที่อยากทำ 3. ความชั่วของจิตใจ 4. ......

แล้วพอตีลงไป จิตก็หม่นหมอง กลายเป็นความเศร้าหมองของจิตใจ นั้นแหละที่จิตใจจะบันทึกไว้และตัวเราจะต้องเป็นผุ้ได้รับผลของการกระทำนั้นในภายหลัง เพราะความเศร้าหมองของจิตใจเมื่อได้กระทำกรรมลงไป


คนดีที่โลกลืม เขียน:
kanalove เขียน:
อีกอย่าง

เจ้ากรรมนายเวรบางคนเขาไม่ได้ให้อโหสิกรรมง่ายๆนะ
เพราะเหตุที่ว่าจองเวรจองกรรมมาหลายภพชาติแล้ว แค่คำพูดหรือการทำดีบางทีมันก็ไม่พอหรอก ต้องใช้ทำความอดทนและความพยายาม

อย่างที่คิดได้ว่า เกิดมาเพื่อใช้กรรม



เจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ให้อโหสิกรรม เขาก็ไม่มีสิทธิรับบุญกุศลของเรา ถ้าเขารับแล้ว เท่ากับเราใช้หนี้กรรมไปส่วนหนึ่งแล้ว(ขึ้นอยู่กับขนาดของบุญกุศลและขนาดของบาป)


สมมุติมีคนมาตีหัวคุณ คุณโกรธแค้นเขามากกกกกกก
แล้วต่อมาเขาเสนอจะให้เงินคุณ คุณยังแค้นเขามากอยู่ คุณก็เลยไม่รับ และก็ยังพยาบาทเขาอยู่...

หรืออีกกรณีหนึ่ง

คุณยอมรับเงินที่คู่กรณีให้เป็นบางส่วน แต่ว่าความแค้นของคุณยังไม่หายไป ต้องให้คู่กรณีออกมาขอโทษออกมาชดใช้ค่าเสียหายให้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะหายโกรธ อาจใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีก็ได้นะ การจะหายอาฆาตใครสักคน....

พอมองเห็นภาพชัดขึ้นไหม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:


โจทย์และจำเลย ก็คือ ตัวเราเอง เป็นจิตนั้นเป็นผู้บันทึกกรรม

ยกตัวอย่าง

สมมุติเราจะไปตีหัวใครสักคน ก่อนที่จะตีได้ เราต้องมีอะไรบ้าง
1. จิตที่อยากทำ 2. กิเลสที่อยากทำ 3. ความชั่วของจิตใจ 4. ......

แล้วพอตีลงไป จิตก็หม่นหมอง กลายเป็นความเศร้าหมองของจิตใจ นั้นแหละที่จิตใจจะบันทึกไว้และตัวเราจะต้องเป็นผุ้ได้รับผลของการกระทำนั้นในภายหลัง เพราะความเศร้าหมองของจิตใจเมื่อได้กระทำกรรมลงไป


เมื่อเราคิดอกุศลต่อใครในโลกนี้ เขาก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของเรา พระพุทธเจ้าเคยเกิดเป็นชาวประมงไปคิดอกุศลสะใจที่เห็นชาวประมงคนอื่นฆ่าปลา ปลานั้นก็กลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรของพระองค์ พระพุทธเจ้าต้องมาปวดหัวในบางครั้งเมื่อท่านเป็นพระพุทธเจ้า

หลวงพ่อฤาษีลิงดำได้อธิบายไว้ว่า

"..เจ้ากรรมนายเวรหมายถึงบาปที่เป็นอกุศลที่เราได้ทำไว้กับคนและสัตว์ในอดีตชาติก็ดีในชาติปัจจุบันก็ดี อย่างบางคนที่เราฆ่าเขาบ้าง เราทำร้ายเขาบ้างเขาอาจจะไปเกิดเป็นเทวดาหรือพรหมแล้ว ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่สนใจแล้วแต่ไอ้ตัวบาปที่เราทำไว้ อย่างคนที่ไปขโมยของเขาเจ้าของเขาไม่ติดใจแต่ตำรวจมีหน้าที่ตามไม่ใช่อยากตาม แต่กฎหมายให้ตาม

ฉะนั้น กรรมหรือเวรตัวนี้คือกฎหมาย ถ้าหากปฏิบัติในขั้น สุกขวิปัสสโก ก็จะบอกว่าไม่มีตัวตนเพราะไม่เคยเห็น แต่ว่าตั้งแต่ เตวิชโช (วิชา๓) ขึ้นไปเขาเห็น

ด้วยเหตุนี้ คุณมองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะคุณไม่ได้ฝึกสมถะและวิปัสสนาจนได้อภิญญาเท่านั้น คุณจึงเข้าใจเหมือนพวกเน้นวิปัสสนา

จิตเป็นผู้บันทึกกรรม แต่กรรมนี้จะมีไม่ได้ถ้าไม่มีโจทย์และจำเลย พระพุทธเจ้าจึงเรียกว่ากฎแห่งกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2007, 15:22
โพสต์: 603

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ด้วยเหตุนี้ คุณมองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะคุณไม่ได้ฝึกสมถะและวิปัสสนาจนได้อภิญญาเท่านั้น คุณจึงเข้าใจเหมือนพวกเน้นวิปัสสนา


เราไม่ได้บอกเพียงแค่ว่า กรรมมาจากจิตอย่างเดียวสักหน่อย...

เห็นที่เราพูดก่อนหน้านี้ไหม?

อ้างคำพูด:
กรรม ในที่นี่ของคุณ มีความหมายถึงแค่ เจ้ากรรมนายเวรน่ะ แต่ความจริงแล้วมีกรรมอีกตัวหนึ่งนะ ที่ให้ผลไม่แพ้เจ้ากรรมนายเวรเลยทีเดียว


อ้างคำพูด:
ด้วยเหตุนี้ คุณมองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะคุณไม่ได้ฝึกสมถะและวิปัสสนาจนได้อภิญญาเท่านั้น คุณจึงเข้าใจเหมือนพวกเน้นวิปัสสนา


อย่ามากล่าวหากันมั่วๆน่า ถ้าคุณอ่านดูไม่รอบคอบเอง...

ที่เราจะบอกก็คือ กรรมน่ะ มีได้ทั้งสองอย่าง
คือ จิตของเราที่บันทึกกรรมนั้นไว้
กับผู้ที่ถูกเรากระทำ นั้นก็คือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 12:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:


1. สมมุติมีคนมาตีหัวคุณ คุณโกรธแค้นเขามากกกกกกก
แล้วต่อมาเขาเสนอจะให้เงินคุณ คุณยังแค้นเขามากอยู่ คุณก็เลยไม่รับ และก็ยังพยาบาทเขาอยู่...

หรืออีกกรณีหนึ่ง

2. คุณยอมรับเงินที่คู่กรณีให้เป็นบางส่วน แต่ว่าความแค้นของคุณยังไม่หายไป ต้องให้คู่กรณีออกมาขอโทษออกมาชดใช้ค่าเสียหายให้ไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะหายโกรธ อาจใช้เวลาเป็นเดือนเป็นปีก็ได้นะ การจะหายอาฆาตใครสักคน....

พอมองเห็นภาพชัดขึ้นไหม


1. นั่นแหละที่ผมบอกว่า เจ้ากรรมนายเวรมีสิทธิไม่รับบุญกุศลที่เขาส่งมาได้ วิบากกรรมของคนที่ส่งบุญมา ก็ยังต้องดำเนินต่อไป

2. ก็ใช่อีกเหมือนกัน เจ้ากรรมนายเวรตีราคาค่าเสียหายเขาไว้สูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การตีราคาค่าเสียหายก็เปลี่ยนไปด้วย ทุกอย่างมีราคาของมัน ถ้าเจ้ากรรมนายเวรตีราคาค่าเสียหายไว้ 100 แต่โจทย์ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขา 10 ครั้ง ครั้งละ 20 รวม 200 เจ้ากรรมนายเวรก็ต้องรับเพราะเขาตีราคาค่าเสียหายไว้ 100


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


kanalove เขียน:
อ้างคำพูด:
ด้วยเหตุนี้ คุณมองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะคุณไม่ได้ฝึกสมถะและวิปัสสนาจนได้อภิญญาเท่านั้น คุณจึงเข้าใจเหมือนพวกเน้นวิปัสสนา


เราไม่ได้บอกเพียงแค่ว่า กรรมมาจากจิตอย่างเดียวสักหน่อย...

เห็นที่เราพูดก่อนหน้านี้ไหม?

อ้างคำพูด:
กรรม ในที่นี่ของคุณ มีความหมายถึงแค่ เจ้ากรรมนายเวรน่ะ แต่ความจริงแล้วมีกรรมอีกตัวหนึ่งนะ ที่ให้ผลไม่แพ้เจ้ากรรมนายเวรเลยทีเดียว


อ้างคำพูด:
ด้วยเหตุนี้ คุณมองไม่เห็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะคุณไม่ได้ฝึกสมถะและวิปัสสนาจนได้อภิญญาเท่านั้น คุณจึงเข้าใจเหมือนพวกเน้นวิปัสสนา


อย่ามากล่าวหากันมั่วๆน่า ถ้าคุณอ่านดูไม่รอบคอบเอง...

ที่เราจะบอกก็คือ กรรมน่ะ มีได้ทั้งสองอย่าง
คือ จิตของเราที่บันทึกกรรมนั้นไว้
กับผู้ที่ถูกเรากระทำ นั้นก็คือเจ้ากรรมนายเวรนั้นเอง


ตกลงเรากำลังพูดถึงพุทธศาสนาหรือเปล่าครับ ถ้าใช่.... (บาป)กรรมมาจากจิต(อุกศล)อย่างเดียว
จิตของโจทย์บันทึกกรรม จิตของจำเลยก็บันทึกกรรมครับ แต่ถ้าโจทย์(เจ้ากรรมนายเวร)ไม่อยู่แล้ว กฎแห่งกรรมหรือกฎหมายที่ยุติธรรมที่สุด ก็ต้องดำเนินการต่อ


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 14 ก.พ. 2010, 12:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาทำกรรม มันจะเก็บเป็นรหัสกรรม ใช่มั้ยครับ
อย่างเช่น เวลาตักบาตรมันก็อาจจะบันทึกเป็นรหัสนี้ #@$%

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.พ. 2010, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b12:
...กรรมที่ทำแล้วสร้างทุกข์แสนสาหัสให้กับคนและสัตว์จะให้ผลเร็ว...
...กรรมจะเป็นอดีตได้ก็มาจากกรรมที่กระทำในปัจจุบันขณะ...
...การทำกรรมจะสมบูรณ์ด้วยเจตนาทั้งทางกายวาจาใจ...
...อย่าเห็นว่าเป็นกรรมเพียงเล็กน้อยจะไม่ให้ผลแก่ผู้สร้าง...
...ผลของกรรมจะคอยติดตามผู้สร้างเหมือนเงาติดตามตัว...
...และหาโอกาสให้ผลเสมอ...อาจจะเป็นวันนี้...พรุ่งนี้...
...อีกสิบปีข้างหน้า...หรือให้ผลชาติหน้าไปเลย...
:b17:
...วิบากกรรมก็คือผลของกรรมในอดีตที่เราเผชิญหน้าในปัจจุบัน...
...วิธีแก้วิบากกรรมที่รุนแรงทำได้โดยให้คิดดี...ไม่คิดอกุศล...
...ขณะทำให้วางจิตกลางๆไม่สร้างทุกข์ให้ตนเองและผู้อื่น...
...วางแนวทางเพื่อให้การคิดดี...พูดดี...ทำดี...
...เป็นการลดวิบากกรรมที่ไม่ดีในอนาคตได้...
...เจ้ากรรมนายเวรไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน...
...ก็มันคือสิ่งที่เราคิด/พูด/ทำเอาไว้แล้ว...
:b3:
...กรรมเมื่อกระทำไปแล้วย่อมรอเวลาให้ผลกับผู้ทำเสมอ...
...ฉะนั้นก่อนทำอะไรจงคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนพูดก่อนทำ...
...ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะแก้วิบากกรรม...ทำได้เอง...
...ไม่ต้องไปรอดอกที่จะให้คนหรือสัตว์นั้นมาอโหสิกรรม...
...เพราะเขาไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้วและไม่รับรู้เรื่องที่เราทำ...
...ที่อยู่ในวิสัยและเราทำได้คือหมั่นสร้างคุณงามความดี...
...เพื่อให้กรรมดีละลายกรรมที่ไม่ดีให้เจือจางลง...
:b16:
...ดังเช่นพระอรหันต์ท่านทำดีจนได้บรรลุธรรม...เพราะกรรมต่างๆที่ทำไม่มีการสืบต่อของขันธ์5...
...การสืบต่อของกรรมสิ้นสุดลงจึงกลายเป็นอโหสิกรรม...ทุกคนจึงควรรีบทำดีละลายความไม่ดี...
:b15:
:b44: :b44: :b44: :b44: :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร