วันเวลาปัจจุบัน 28 ก.ค. 2025, 02:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างอิง:
โพสดั้งเดิมโดย lnwoสูsย์ ในเว็บหนึ่ง
อัตตา นั้น ถือว่ามีตัวตน
อนัตตา นั้น ถือว่าไม่มีตัวตน
1.อัตตา นั้น เป็น สายเกิด
อนัตตา นั้น เป็น สายดับ

สายเกิด นั้น เห็นได้ง่าย
สายดับ นั้น เห็นได้ยาก
รู้ สายเกิด รู้ สายดับ รู้ แจ้งโลก

อวิชชา นั้น รู้ไม่หมด
วิชชา นั้น รู้หมดสิ้น ทั้ง สายเกิดและสายดับ

ไม่รู้แจ้งซึ่ง อัตตาและอนัตตา ก็ไม่พ้นโลก
2.อัตตา เป็นของโลก
อนัตตา เป็นของโลก
3.หมดอัตตา แจ้งอนัตตา ก็พ้นโลก
เมื่อพ้นโลก ก็พ้นทุกข์ ทุกข์ดับแล้ว(นิโรธ)

ทุกข์ดับแล้ว จะต้องการสิ่งใดมากกว่านี้
นี่ไม่ใช่หรือ คือ พระนิพพาน



คุณอสูรย์ที่เคารพรัก


ผมขออนุญาตชี้แนะนะครับ นิยามอัตตาของคุณไม่ใช่คำนิยามที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตรแม้แต่น้อย

1. อัตตาเป็นสายเกิด = อัตตานุทิฏฐิ หรืออัตตานุปาทาน สิ่งนี้เป็นอุปทานหรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ

อัตตาในคำนิยามที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร = สิ่งที่มีอยู่แล้ว ไม่มีการเกิดขึ้น และไม่มีการดับไป นอกจากนี้ ไม่มีการอาพาธ(แก่ เจ็บ ตาย) พูดง่ายๆ "อัตตา" เป็นสิ่งที่เป็น อมตะ หรือเที่ยง

2. ที่ท่านเรียกว่า อัตตาของโลก = อุปทาน หรือมิจฉาทิฏฐิ

3. หมดอัตตา แจ้งอนัตตา ก็พ้นโลก = หมดอัตตาจากอุปทาน หรือหมดอัตตาจากมิจฉาทิฏฐิ และปฏิบัติจนจิตแจ้งชัดว่า ขันธ์ 5 เป็นอนัตตา เขาก็พ้นโลก เข้าสู่นิพพานที่เป็นอัตตา

อัตตาในคำนิยามที่พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้ในอนัตตลักขณะสูตร

จากอนัตตลักขณสูตรเช่นกัน พระพุทธองค์ให้นิยามคำว่า "อัตตา" ไว้ชัดเจน

" ดูกรภิกษุทั้งหลาย....

ถ้ารูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) นี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ)ว่า รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) รูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย "

สรุป

ถ้ามีรูป (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) ใด ที่ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสิ่งนั้นว่า ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถิด อย่าเป็นอย่างนี้เลย สิ่งนั้นก็เป็น "อัตตา"

และพระพุทธองค์ยังตรัสถามพระปัญจวัคคีย์ เพื่อสอบความเข้าใจด้วยว่า :

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.


ตอนนี้เราจะถามท่านอสูรย์ ว่า:

ก็สิ่งใดเที่ยง ไม่เป็นทุกข์ ไม่มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตน(อัตตา)ของเรา?

ท่านอสูรย์ ตอบว่า : ข้อนั้น ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า

เมื่อไรที่ท่านอสูรย์ตอบดังนี้ ท่านก็พบและเข้าใจ อัตตาที่พระพุทธเจ้าให้นิยามไว้ในอนัตตลักขณะสูตร

ถ้า นิยามอัตตา อัตตานุปาทาน(อัตตานุทิฏฐิ) และอนัตตาไม่กระจ่างจะคุยกันรู้เรื่องย่อมไม่ได้


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 01 เม.ย. 2010, 23:40, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร