วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 22:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2010, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คำชี้แจงของสวนสันติธรรม ฉบับที่ ๓

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลวงพ่อมนตรีกับหลวงพ่อปราโมทย์

ในปัจจุบันมีการออกข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ระหว่างหลวงพ่อมนตรี อาภสฺสโร กับหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ในทำนองว่าหลวงพ่อปราโมทย์แอบอ้างหรือแอบอิงหลวงพ่อมนตรี ในประเด็นต่างๆ คือ

(๑) แอบอ้างว่าเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์เดียวกันคือหลวงปู่ดูลย์ อตุโล ทั้งด้วยคำพูดและข้อเขียน ซึ่งไม่เป็นความจริง

(๒) แอบอ้างว่าการจัดสร้างสวนสันติธรรมเป็นดำริเริ่มต้น ของหลวงพ่อมนตรี และต่อมาได้รับการพิสูจน์ภายหลังว่าไม่เป็นความจริง

และ (๓) หลวงพ่อปราโมทย์ มีความพยายามที่จะแสดงให้ญาติธรรมเข้าใจว่า หลวงพ่อมนตรี ได้เขียนจดหมายรับรองโสดาปัตติผลให้กับ แม่ชีอรนุช สันตยากร และได้รับการพิสูจน์ภายหลังว่า ไม่เป็นความจริง

สวนสันติธรรมขอชี้ แจงข้อเท็จจริงดังนี้


๑. กรณีแอบอ้างว่าเป็นศิษย์ครูบาอาจารย์เดียวกัน

เรื่องที่หลวงพ่อปราโมทย์เป็นศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มีพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก เฉพาะที่ยังดำรงชีวิตอยู่ก็เช่นท่านเจ้าคุณพระราชวรคุณ เจ้าอาวาสวัดบูรพาราม ท่านเจ้าคุณพระอาจารย์เยื้อน (ปัจจุบันท่านเป็นพระอาวุโสรองจากท่านเจ้าคุณพระราชวรคุณ) พระอาจารย์ทองพูน พระอาจารย์สุจินต์ พระอาจารย์ถนอม พระอาจารย์พลศรี พระอาจารย์พัฒนา ฯลฯ รวมทั้งอุบาสกอุบาสิกาทั้งในกรุงเทพและในจังหวัดสุรินทร์อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหากหลวงพ่อมนตรีท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่ดูลย์ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่า ท่านไม่ได้เป็นศิษย์สำนักเดียวกันกับหลวงพ่อปราโมทย์

หลวงพ่อปราโมทย์ไม่เคยพบหลวงพ่อมนตรีที่วัดบูรพาราม แต่ได้พบหลวงพ่อมนตรีครั้งแรกที่วัดป่าสาลวัน จ.นครราชสีมา เมื่อประมาณปลายปี ๒๕๒๖ – ๒๕๒๗ เนื่องจากได้พาพระเชือน ปิยาจาโร ซึ่งเคยอุปัฏฐากหลวงปู่ดูลย์ในช่วงท้าย ไปกราบนมัสการหลวงพ่อพุธ ฐานิโย แล้วได้พบหลวงพ่อมนตรีกำลังเดินจงกรมอยู่ใต้ต้นไม้ หลังจากนั้นก็ได้พบกันเป็นครั้งคราวแต่ไม่บ่อยนัก



๒. กรณีแอบอ้างว่าหลวงพ่อมนตรีเป็นผู้ริเริ่มให้สร้างสันติธรรม

เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่มีพยานบุคคลรู้เห็นเป็นจำนวนมาก และมีลำดับขั้นตอนของเรื่องนี้ดังนี้คือ

๒.๑ เดิมหลวงพ่อปราโมทย์จำพรรษาอยู่ที่สวนโพธิญาณอรัญวาสี อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี และได้มีญาติโยมหลายท่านพยายามเสนอที่จะสร้างวัดใหม่ที่กว้างขวางกว่าเดิม ถวายให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งได้เพียรเสนอเรื่องนี้หลายคราว แต่หลวงพ่อปราโมทย์ก็ปฏิเสธทุกคราว ต่อมาหญิงผู้นี้ได้แจ้งให้หลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่า หลวงพ่อมนตรีเร่งเร้าให้ย้ายวัดได้แล้ว เพราะการอยู่ที่เดิมเป็นการกีดขวางพระรูปหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียง (เรื่องนี้ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นคำกล่าวของหลวงพ่อมนตรีจริงตามที่หญิงผู้ นั้นอ้างหรือไม่) เมื่อหลวงพ่อปราโมทย์ทราบว่าหลวงพ่อมนตรีต้องการให้ย้ายวัด ก็คิดจะย้ายตามบัญชาด้วยความเคารพในอาวุโส แต่คิดไม่ตกว่าควรไปอยู่ที่จังหวัดใด เพราะไม่ว่าคิดจะไปอยู่ที่ใด หญิงนั้นก็มาบอกทุกคราวว่าหลวงพ่อมนตรีไม่เห็นด้วย ในที่สุดหลวงพ่อปราโมทย์และคณะจึงเดินทางไปกราบหลวงพ่อมนตรีที่สวนพุทธธรรม ป่าละอูเมื่อ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๔๘ โดยการอำนวยการของหญิงผู้นั้นและน้องสาวซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อมนตรี

๒.๒ เมื่อหลวงพ่อปราโมทย์เดินทางไปถึงสวนพุทธธรรม ก็พบว่าหลวงพ่อมนตรีมีบัญชาให้พระหลายรูปมารอต้อนรับที่ลานจอดรถ แล้วนำขึ้นไปที่ศาลาหินอ่อนบนเขา ซึ่งในขณะนั้นมีญาติโยมนั่งอยู่หลายคน (พร้อมจะเป็นพยานในเรื่องนี้ได้) และเมื่อหลวงพ่อปราโมทย์กราบถวายสักการะและเรียกท่านว่า “พระอาจารย์” ท่านก็ให้เรียกใหม่ว่า “หลวงพี่” หลวงพ่อปราโมทย์จึงกราบเรียนถามว่า “หลวงพี่จะให้ผมไปอยู่ที่ไหน” ท่านตอบทันทีว่า “ให้ไปอยู่ชลบุรี” หลวงพ่อปราโมทย์ก็รับว่าจะไปอยู่ตามนั้น ท่านก็มอบให้หญิงนั้นเป็นแกนกลางในการก่อสร้าง โดยบอกญาติโยมในที่นั้น และบอกในเวลาต่อมาอีกหลายวาระ ให้ไปช่วยกันก่อสร้าง ซึ่งเรื่องนี้มีพยานบุคคลเป็นจำนวนมาก

๒.๓ เมื่อการก่อสร้างสวนสันติธรรมแล้วเสร็จ หลวงพ่อปราโมทย์ก็เดินทางไปกราบเรียนและนิมนต์หลวงพ่อมนตรีไปร่วมงานฉลอง แต่ท่านขอตัว บอกว่าท่านไม่ชอบไปงานใดๆ

๒.๔ สำหรับการที่เวปวิมุตติถอดเรื่อง “กว่าจะเป็นสวนสันติธรรม” ออก ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกจับผิด แต่เป็นเพราะเคารพในคำสั่งของหลวงพ่อมนตรี ที่ไม่ให้มีการเอ่ยอ้างถึงชื่อของท่านอีก



๓. การแอบอ้างว่าหลวงพ่อมนตรีเขียนจดหมายรับรองโสดาปัตติผลให้กับ แม่ชีอรนุช สันตยากร

หลวงพ่อปราโมทย์ไม่เคยกล่าวอ้างเช่นนั้น เพราะเป็นเรื่องที่ผิดพระธรรมวินัยทั้งสำหรับหลวงพ่อมนตรีและหลวงพ่อ ปราโมทย์ แต่เป็นเพียงความเข้าใจผิดไปเองของผู้ฟังที่ได้ยินเรื่องที่ว่า หลวงพ่อปราโมทย์ได้เขียนจดหมายไปรายงานกิจการของสวนสันติธรรมหลายเรื่องต่อ หลวงพ่อมนตรี รวมทั้งผลการปฏิบัติของพระในสวนสันติธรรมและแม่ชีอรนุชด้วย ซึ่งหลวงพ่อปราโมทย์ก็ไม่ได้กล่าวถึงมรรคผลใดๆ ของใครทั้งสิ้น แล้วหลวงพ่อมนตรีก็เขียนจดหมายชมเชยแม่ชีอรนุชว่า “เป็นผู้เสียสละอย่างยิ่งที่ก้าวตามท่านเข้ามาสู่มรรคาธรรมสายนี้ นับเป็นยอดหญิงที่เยี่ยมยอดมากในยุคสมัยนี้ ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเช่นนี้” (จดหมายต้นฉบับยังมีอยู่ที่สวนสันติธรรม) ไม่มีส่วนใดที่ท่านพยากรณ์มรรคผลของแม่ชีอรนุช แต่ญาติโยมทั้งหลายพอได้ยินว่าครูบาอาจารย์ชมเชยใคร ก็ชอบตั้งให้ผู้นั้นเป็นพระอริยบุคคล

เวลาที่มีผู้หนึ่งผู้ใดคิดว่าตนเองเป็นพระอริยบุคคล หลวงพ่อปราโมทย์มักจะให้กลับไปคอยสังเกตจิตว่า ยังมีกิเลสที่พระอริยบุคคลชั้นนั้นต้องละได้เด็ดขาดแล้ว กลับบังเกิดขึ้นอีกหรือไม่ และกล่าวอยู่เนืองๆ ว่า “เอกสิทธิ์ในการพยากรณ์มรรคผลเป็นของพระพุทธเจ้าเท่านั้น”

อนึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างพระกับพระ เป็นเรื่องความเห็นต่างเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติธรรม ซึ่งท่านหนึ่งเน้นให้มีความเพียรไว้ก่อน ส่วนอีกท่านหนึ่งให้หัดรู้สภาวะเพื่อเจริญปัญญาไว้ก่อน เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในตนเองบ้างแล้ว ก็จะเกิดศรัทธาและความเพียรที่แก่กล้ายิ่งขึ้นต่อไป ซึ่งการจะเน้นในเรื่องใดก่อนหลังที่แตกต่างกันนั้น เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าก็ยังมีหลายประเภท เช่นวิริยาธิกะ กับปัญญาธิกะ เป็นต้น ดังนั้นใครชอบใจอย่างใด ก็ควรเลือกแนวทางปฏิบัติที่สมควรแก่ตนอย่างนั้น

หมายเหตุ ประกาศเมื่อวันที่ ๑๘ ม.ค. ๒๕๕๓


แก้ไขล่าสุดโดย ชาติสยาม เมื่อ 02 เม.ย. 2010, 19:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร