วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 00:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีผู้สงสัยว่าการตามดูจิต เป้นการดูเงาของจิต ไม่มีผลในการละกิเลสสังโยชน์

วันนี้พบพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระสังฆราช
(ตัดมาบางส่วน)
จึงนำมาให้ดูว่า การดุจิตของหลวงพ่อปราโมทย์
ลงรอยกันพอดีกับสมเด็จพระสังฆราชอย่างไร

ความจริงสมเด้จท่านก็แสดงพระธรรมเทศนาโดยยืนพื้นมาจากพระไตรปิฏก
เรื่องจิตตานุปัสนา หากสงสัย คุณผู้อ่านสามารถเทียบเคียงเอาเองได้

บทความนี้ เจ้าประคุณสมเด้นอธิบายไว้ละเอียด
ทั้งการปฏิบัติ และการเชื่อมโยงให้เห็นว่า การปฏิบัติอย่างนี้ ละสังโยชน์ได้อย่างไร

ขอเชิญพิจารณาด้วยใจเป็นกลาง



หลักปฏิบัติในจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
สมเด็จพระ สังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

http://www.mahayana.in.th/tsavok/tape/0 ... B9%89.html


.....เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสอนให้ทำจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน

ตั้งสติกำหนดดูจิต
จิตเป็นอย่างไรก็ให้รู้อย่างนั้น

จิตมีราคะหรือปราศจากราคะก็ให้รู้
จิตมีโทสะหรือปราศจากโทสะก็ให้รู้
จิตมีโมหะหรือปราศจากโมหะก็ให้รู้
จิตหดหู่หรือจิตฟุ้งซ่านก็ให้รู้
จิตแผ่ไปใหญ่หรือจิตที่ไม่แผ่ไปใหญ่คือคับแคบก็ให้รู้
จิตที่ยิ่งหรือไม่ยิ่งก็ให้รู้
จิตที่มีสมาธิตั้งมั่นหรือไม่มีสมาธิคือไม่ตั้งมั่นก็ให้รู้
จิตที่พ้นหรือไม่พ้นก็ให้รู้

ให้ตั้งสติกำหนดทำความรู้เข้ามา

และเมื่อตั้งสติกำหนดทำความรู้เข้ามาดั่งนี้
ความกำหนดดูจิตก็คือดูที่ความรู้ของจิต

อีกอย่างหนึ่งเรียกว่าความคิดของจิต ดูที่ความรู้ความคิดของจิต


เพราะว่าคิดก็คือรู้ รู้ก็คือคิดนั้นเอง

ดูที่ความรู้ความคิด และเมื่อดูที่ความรู้ความคิด
ก็ย่อมจะรู้ว่าจิตเป็นอย่างไร

และย่อมจะรู้ว่าจิตมีอารมณ์คือเรื่องที่คิดที่รู้อยู่อย่างไรด้วย

ยกตัวอย่างเช่น จิตมีราคะความติดใจยินดี ก็ให้รู้ว่าจิตมีราคะคือความติดใจยินดี

เมื่อตั้งสติกำหนดดูก็ย่อมจะรู้ว่าจิตคิดหรือรู้เรื่องอะไร
ราคะคือความติดใจยินดีนั้น จิตติดใจยินดีอยู่ซึ่งอะไร ในอะไร

เช่นในรูปในเสียงที่น่ารักใคร่ปรารถนาพอใจ ที่กำลังคิดถึงอยู่ ที่กำลังรู้อยู่
และเมื่อจิตมีอารมณ์อยู่ดั่งนี้ ก็ติดใจยินดีเป็นตัวราคะขึ้นมา

โทสะก็เหมือนกัน จิตโกรธก็ให้รู้ว่าจิตโกรธ
แล้วเมื่อดูเข้ามาที่จิตโกรธก็ย่อมจะรู้ว่าโกรธอะไร โกรธใคร เรื่องอะไร
ย่อมจะรู้อารมณ์อันเป็นที่ตั้งของความโกรธนั้นด้วย

และนอกจากนี้ย่อมจะรู้พลังด้วย
เช่นราคะติดใจยินดีมากหรือน้อย โทสะโกรธแค้นขัดเคืองมากหรือน้อย รู้พลังด้วย
เพราะฉะนั้นเมื่อกำหนดดูอย่างนี้ จิตกับอารมณ์ที่ผูกกันอยู่กับกิเลสที่บังเกิดขึ้นอยู่
ก็ย่อมปรากฏอยู่ในความรู้ ซึ่งเป็นตัวสติที่กำหนดดู ตัวสติที่กำหนดดูนี้จึงเป็นผู้ดู
ส่วนจิตกับอารมณ์และกิเลสที่กำลังประกอบกันอยู่ ปรุงกันอยู่ เป็นฝ่ายถูกดู

เพราะฉะนั้นฝ่ายที่ถูกดูนี้จึงเป็นเหมือนอย่างการละเล่น
สติที่เป็นผู้ดูก็เหมือนอย่างเป็นผู้ดูการละเล่น

การปฏิบัติแยกจิตออกเป็น ๒ ส่วน

การปฏิบัติดั่งนี้จึงเท่ากับเป็นการปฏิบัติแยกจิตนี้เองออกเป็น ๒ ส่วน
คือส่วนที่เป็นผู้ดู กับส่วนที่ถูกดู
และเมื่อแยกกันออกมาได้ดั่งนี้แล้ว ก็เป็นผลของการปฏิบัติขั้นหนึ่ง


และเมื่อได้การปฏิบัติขั้นหนึ่ง คือแยกออกมาเป็นผู้ดู
และเป็นผู้ถูกดูดั่งนี้ ก็จะได้ผลของการปฏิบัติขั้น ๒ ต่อไป

คือฝ่ายที่ถูกดูนั้นจะอ่อนกำลังลงจนสงบไปหายไป

ผู้ดูนั้นก็จะเป็นผู้รู้เป็นผู้เห็นในสิ่งที่ดู
ตั้งต้นแต่จะมองเห็นจิตของตัวเองที่เป็นฝ่ายถูกดู
เช่นกำลังรัก กำลังโกรธ จะเห็นอารมณ์อันเป็นที่ตั้งของความรักความโกรธ
จะเห็นจิตผูกอยู่ในอารมณ์อันเป็นที่ตั้งของความรักความโกรธนั้นไม่หลุดไปจากจิต
สัญโญชน์ แล้วก็จะรู้จักว่า ตัวที่ผูกอยู่นั้นคือตัวสัญโญชน์
ที่แปลว่าผูกก็ตรงนี้เอง คืออารมณ์อันเป็นที่ตั้งของรักของชังนั้นผูกอยู่กับจิต
จิตผูกอยู่กับอารมณ์นั้น จึงรักจึงชัง ก็เป็นความที่ปรุงแต่งกันไป

เมื่ออารมณ์อันเป็นที่ตั้งของความรักมาผูกอยู่ที่จิต
จิตผูกอยู่ที่อารมณ์ อันเป็นที่ตั้งของความรักนั้น
ก็ปรุงแต่งไป ว่าน่ารักอย่างนั้น น่ารักอย่างนี้ เป็นยังโง้นเป็นยังงี้
ถ้าเป็นอารมณ์อันเป็นที่ตั้งของโทสะผูกอยู่ จิตก็จะปรุงแต่งว่าน่าชังน่าโกรธยังงั้นๆ
จะมองเห็น จะมองเห็นว่านั่นเป็นตัวผูก เพราะผูกนี้เองจึงทำให้ปรุง ปรุงรักปรุงโกรธขึ้นมา
และเมื่อเป็นผู้รู้ผู้เห็นดั่งนี้ชัดขึ้น
ความผูกนั้นก็จะหย่อนคลายไป
กำลังของความปรุงแต่งของจิตก็จะหย่อนคลายไป
จนเมื่อจิตกับอารมณ์ที่ผูกกันอยู่นั้น ตัวผูกหลุดไป
จิตกับอารมณ์ก็แยกออกจากกัน

เมื่อจิตกับอารมณ์แยกออกจากกันความปรุงแต่งก็หยุด
หยุดปรุงแต่งรัก หยุดปรุงแต่งชัง
หยุดปรุงแต่งเสียเมื่อใดแล้วความรักความชังก็สงบ
หลุดกันแค่นั้น


สติซึ่งเป็นผู้กำหนด กำหนดดู กำหนดรู้ กำหนดเห็นอยู่นั้น ก็รู้ก็เห็น
และก็เป็นรู้เห็นตั้งแต่ยังปรุงแต่งอยู่ จนถึงความผูกหลุดออกจากกัน
หยุดปรุงแต่ง สงบ ก็รู้อยู่กับความสงบ

ดั่งนี้เป็นการปฏิบัติทางจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
ต่อไปนี้ก็ขอให้ตั้งใจฟังสวดและตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป

.............


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 16:48
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เงาของจิต
ถ้าไม่เห็นเงา คงจะเห็นตัวแบบชัดๆไม่ได้หรอก
พุ่งแต่จะเห็นตัวชัด มุ่งเท่าไรๆก้อเห็นตัวอย่างแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 มี.ค. 2010, 16:58
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยทุกประการ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เศษธุลีดิน เขียน:
เงาของจิต
ถ้าไม่เห็นเงา คงจะเห็นตัวแบบชัดๆไม่ได้หรอก
พุ่งแต่จะเห็นตัวชัด มุ่งเท่าไรๆก้อเห็นตัวอย่างแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก


ตรงกับสมเด็จท่านที่เทศน์ไว้ข้างยนครับ

ตรงนี้

สมเด็จพระญานสังวร เขียน:
ความกำหนดดูจิตก็คือดูที่ความรู้ของจิต

อีกอย่างหนึ่งเรียกว่าความคิดของจิต ดูที่ความรู้ความคิดของจิต

เพราะว่าคิดก็คือรู้ รู้ก็คือคิดนั้นเอง

ดูที่ความรู้ความคิด และเมื่อดูที่ความรู้ความคิด
ก็ย่อมจะรู้ว่าจิตเป็นอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


30633.เงาของจิต ไม่มีผลจริงหรือ (สมเด็จพระสังฆราช)

เงาของจิต เป็นเงาของเหตุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:37
โพสต์: 54

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
30633.เงาของจิต ไม่มีผลจริงหรือ (สมเด็จพระสังฆราช)

เงาของจิต เป็นเงาของเหตุ


เราอาศัยอะไรในการเห็นเงาของจิต คะ :b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kamonchanok เขียน:
enlighted เขียน:
30633.เงาของจิต ไม่มีผลจริงหรือ (สมเด็จพระสังฆราช)

เงาของจิต เป็นเงาของเหตุ


เราอาศัยอะไรในการเห็นเงาของจิต คะ :b20: :b20:


การอิงอาศัย เป็นเงาของจิตเช่นกัน

รู้อยู่ที่จิต

เงาเป็นของที่ไร้สาระ
มีเงาก็รู้ ไม่มีเงาก็รู้
รู้ ไม่หลงเงา
ไม่หลงการอิงอาศัยใดๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมเด็จพระญานสังวร เขียน:
ความกำหนดดูจิตก็คือดูที่ความรู้ของจิต

อีกอย่างหนึ่งเรียกว่าความคิดของจิต ดูที่ความรู้ความคิดของจิต

เพราะว่าคิดก็คือรู้ รู้ก็คือคิดนั้นเอง

ดูที่ความรู้ความคิด และเมื่อดูที่ความรู้ความคิด
ก็ย่อมจะรู้ว่าจิตเป็นอย่างไร


อิอิ

อ่อ เอาความกำหนด นั่นเองที่ เป็นเงาของจิต
เอามาดูความรู้ของจิต ที่เป็นเงาจิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เศษธุลีดิน เขียน:
เงาของจิต
ถ้าไม่เห็นเงา คงจะเห็นตัวแบบชัดๆไม่ได้หรอก
พุ่งแต่จะเห็นตัวชัด มุ่งเท่าไรๆก้อเห็นตัวอย่างแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก


:b20: :b20: นี่ไง ฟง ฟง :b20: :b20:

ฟง ฟง ลองถามผู้ดูแลระบบ...จิ่
เรื่อง...ลืมระหัสผ่าน...หง่ะ

:b15: :b15:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เศษธุลีดิน เขียน:
เงาของจิต
ถ้าไม่เห็นเงา คงจะเห็นตัวแบบชัดๆไม่ได้หรอก
พุ่งแต่จะเห็นตัวชัด มุ่งเท่าไรๆก้อเห็นตัวอย่างแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก


:b20: :b20: นี่ไง ฟง ฟง :b20: :b20:

ฟง ฟง ลองถามผู้ดูแลระบบ...จิ่
เรื่อง...ลืมระหัสผ่าน...หง่ะ

:b15: :b15:





จ้า ๆๆๆๆๆๆๆๆ เอกอน :b16:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 12:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
เศษธุลีดิน เขียน:
เงาของจิต
ถ้าไม่เห็นเงา คงจะเห็นตัวแบบชัดๆไม่ได้หรอก
พุ่งแต่จะเห็นตัวชัด มุ่งเท่าไรๆก้อเห็นตัวอย่างแจ่มแจ้งไม่ได้หรอก


:b20: :b20: นี่ไง ฟง ฟง :b20: :b20:

ฟง ฟง ลองถามผู้ดูแลระบบ...จิ่
เรื่อง...ลืมระหัสผ่าน...หง่ะ

:b15: :b15:


อิอิ

พวกไปดูเงา ก็เพราะไม่รู้ตัว อ่ะคร๊าบบ

เรียกว่า สัมปชัญญะน้อยอยู่ นะคร๊าบบ

รู้ตัว ก็ไม่ไปดูเงาหรอกคร๊าบบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
อิอิ

พวกไปดูเงา ก็เพราะไม่รู้ตัว อ่ะคร๊าบบ

เรียกว่า สัมปชัญญะน้อยอยู่ นะคร๊าบบ

รู้ตัว ก็ไม่ไปดูเงาหรอกคร๊าบบ


เงาของจิต เงา ในที่นี้ คือ อะไร ยกตัวอย่างให้พอมองเห็นภาพชัดๆดิขอรับท่าน อะไรคือเงาของจิต :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 15:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:
อิอิ

พวกไปดูเงา ก็เพราะไม่รู้ตัว อ่ะคร๊าบบ

เรียกว่า สัมปชัญญะน้อยอยู่ นะคร๊าบบ

รู้ตัว ก็ไม่ไปดูเงาหรอกคร๊าบบ


เงาของจิต เงา ในที่นี้ คือ อะไร ยกตัวอย่างให้พอมองเห็นภาพชัดๆดิขอรับท่าน อะไรคือเงาของจิต :b1:


ตั้งกำหนด เป็นเงา
เอาเงา มาดูเงา คิอดูความคิด
เงาซ้อนเงา

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
กรัชกาย เขียน:
enlighted เขียน:
อิอิ

พวกไปดูเงา ก็เพราะไม่รู้ตัว อ่ะคร๊าบบ

เรียกว่า สัมปชัญญะน้อยอยู่ นะคร๊าบบ

รู้ตัว ก็ไม่ไปดูเงาหรอกคร๊าบบ


เงาของจิต เงา ในที่นี้ คือ อะไร ยกตัวอย่างให้พอมองเห็นภาพชัดๆดิขอรับท่าน อะไรคือเงาของจิต :b1:


ตั้งกำหนด เป็นเงา
เอาเงา มาดูเงา คิอดูความคิด
เงาซ้อนเงา

อิอิ


ไม่ดูความคิดแล้วจะให้ดูอะไรล่ะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร