วันเวลาปัจจุบัน 16 ก.ค. 2025, 01:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2008, 22:21
โพสต์: 112

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley
เห็นคนไข้หลายคนต้องป่วยด้วยโรคหนักๆ พวกเขาคงทำกรรมไว้เยอะ
บางคนก็บอกว่าชาตินี้ไม่เคยทำบาปกรรมหนักใดๆ ใจบุญตลอด แต่คงเป็นเพราะกรรมเก่าตามติดมา
ตั้งแต่อดีตชาติ ทำให้ทุกข์ทรมานอย่างนี้
ผมไปร้านหนังสือชั้นนำ มีหลายคนเขียนเรื่องการตัดกรรม สแกนกรรม หรืออะไรทำนองนี้
คือ ผมมีความรู้ทางพระไตรปิฎกน้อยมาก ขอรบกวนถามผู้รู้ครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรื่องการตัดกรรมไว้หรือเปล่าครับ แล้วมีความว่าอย่างไรบ้าง
คนไข้ผมก็พยายามทำการตัดกรรม แบบที่หลายๆท่านแนะนำ เช่น ถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา สวดมนต์ ภาวนา แต่ทำไมอาการก็ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย อันนี้หมายความว่ายังไงครับ

มีอะไรแนะนำก็บอกได้นะครับ จะได้ให้คนไข้ผมไปทำเพื่อลดกรรมได้บ้าง

เคยถามพระปฏิบัติ ท่านว่าให้หมั่นภาวนา เมื่อถึงระดับลึกๆๆ ก็จะตัดกรรมได้
คือประมาณว่าอยู่กับผลกรรมของตนเองได้อย่างมีสติ (จะบอกว่าอย่างเป็นสุขก็ไม่ได้ เพราะมันไม่สุข
ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แบบเฉยๆมั้ง)

สงสัยเรื่องกฏแห่งกรรม มีหนังสือหรือบทไหนแนะนำไหมครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 22:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนาเชน

ปัญหา ศาสนาเชนซึ่งเกิดช่วงเวลาเดียวกันกับพระพุทธศาสนานั้น มีหลักคำสอนอย่างไรบ้าง ?

คำตอบ “.....ข้าแต่ท่านผู้เจริญ นิครนถนาฏบุตร เป็นคนรู้เห็นธรรมทุกอย่าง ย่อมปฏิญาณญาณทัสสนะไว้อย่างแจ่มแจ้งหมดเปลือกว่า สำหรับเราจะเดินจะยืน จะหลับและตื่นก็ตาม ญาณทัสสนะก็ปรากฏชั่วกาลนิรันดร เขาบัญญัติว่า กรรมเก่าหมดไปเพราะความเพียรเผากิเลส ฆ่าเหตุเสียได้ เพราไม่ทำกรรมใหม่ ด้วยประการฉะนี้ จึงเป็นอันว่า เพราะกรรมสิ้นไป ทุกข์จึงหมดไป เพราะทุกข์หมดไป เวทนาจึงสิ้นไป เพราะเวทนาสิ้นไป ทุกข์ทั้งสิ้นจึงจักเสื่อมไปโดยไม่เหลือ การล่วงทุกข์ย่อมมีได้ด้วยความหมดจด ที่ให้กิเลสเสื่อมไปโดยไม่เหลือ ซึ่งบุคคลจะพึงเห็นเองนี้ ด้วยประการฉะนี้ฯ....”

นิคัณฐสูตร ติ. อํ. (๕๑๔)
ตบ. ๒๐ : ๒๘๔ ตท. ๒๐ : ๒๔๙
ตอ. G.S. I : ๒๐๐




เรื่องกรรมเป็นเรื่องลี้ลับ เป็นอจิณไตย ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 23:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท.พิจารณาพุทธพจน์ข้อนี้ดูครับ


“เขาละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ ละมุสาวาท...ปิสุณาวาจา...ผรุสวาจา...

สัมผัปปลาปะ...อภิชฌา...พยาบาท...มิจฉาทิฐิ แล้วเป็นผู้มีสัมมาทิฐิ

เขาเป็นผู้อริยสาวก มีใจปราศจากอภิชฌา ปราศจากพยาบาท (ความคิดเบียดเบียน)

ไม่ลุ่มหลง มีสัมปชัญญะ มีสติมั่น อยู่ด้วยใจที่ประกอบด้วยเมตตาปกแผ่ไปทิศ 1...

ทิศ 2...ทิศ 3...ทิศ 4...ครบถ้วนทั้งสูง ต่ำ กว้างขวาง ทั่วทั้งโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า

ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ ไร้เวร

ไร้พยาบาท ฯลฯ เมื่อเจริญเมตตาเจโตวิมุติ ทำให้มากอย่างนี้
กรรมใดที่ทำไว้พอประมาณ

กรรมนั้น จักไม่เหลือ จะไม่คงอยู่ในเมตตาเจโตวิมุตินั้น…”



viewtopic.php?f=4&t=29672

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 15 พ.ค. 2010, 23:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 23:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2010, 10:07
โพสต์: 86

แนวปฏิบัติ: เงียบๆคนเดียว
งานอดิเรก: ฟังธรรมของหลวงพ่อพุธ ฐานิโย&หลวงพ่อปราโมทย์.
สิ่งที่ชื่นชอบ: ตามดูจิต,หลวงปู่ฝากไว้,สติปัฏฐาน ๔
ชื่อเล่น: Mulan ;)
อายุ: 0
ที่อยู่: ปัจจุบัน

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓
อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

กรรมวรรคที่ ๔
[๒๓๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้
เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้วประกาศให้ทราบ กรรม ๔ ประการเป็นไฉน
คือ กรรมดำมีวิบากดำก็มี กรรมขาวมีวิบากขาวก็มี
กรรมทั้งดำทั้งขาวมีวิบากทั้งดำทั้งขาวก็มี
กรรมไม่ดำไม่ขาวมีวิบากไม่ดำไม่ขาว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นกรรมก็มี
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กรรม ๔ ประการนี้แล
เรากระทำให้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้ทราบ ฯ
~~~~~~~~~~~~~~~
[๒๔๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ
ย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน
คือ กายกรรมอันมีความเบียดเบียน ๑ วจีกรรมอันมีความเบียดเบียน ๑
มโนกรรมอันมีความเบียดเบียน ๑ ทิฐิอันมีความเบียดเบียน ๑
บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในนรกเหมือนถูกนำมาทิ้งลง

ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ
ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้
ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน
คือ กายกรรมอันไม่มีความเบียดเบียน ๑ วจีกรรมอันไม่มีความเบียดเบียน ๑
มโนกรรมอันไม่มีความเบียดเบียน ๑ ทิฐิอันไม่มีความเบียดเบียน ๑
บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมเกิดในสวรรค์เหมือนเชิญมาประดิษฐานไว้ ฯ
~~~~~~~~~~~~~~~


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 02:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเปิดหนังสือพระสุตตันตปิฏก วัดบวรนิเวศวิหาร

สาเหตุที่ทำให้เจ็บป่วยในชาตินี้คือ ผลแห่งอกุศลกรรม ที่เห็นได้ในอัตภาพของมนุษย์

ปาณาติบาต ทำให้มีโรคภัยเบียดเบียน อายุสั้นพลันตาย

วิธีแก้ไข ทำกุศลจิตให้เกิดขึ้นในใจ ทำกุศลกรรมบท ๑๐ ประการ หนึ่งในนั้นคือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์
แต่วิธีที่ดีที่สุดคือ นั่งสมาธิทำความเพียร เป็นพุทธบริษัท๔ น้อมกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้า ผู้มีมหากรุณาธิคุณทางธรรม แล้วน้อมกายถวายชีวิตให้พ่อแม่ผู้ที่มีมหากรุณาธิคุณทางโลกผู้ที่ทำให้เราได้เกิดมา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“...เวทนาบางอย่างเกิดขึ้น มีดีเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ เกิดจากความแปรปรวนแห่งอุตุก็มี...เกิดจากการ

บริหารตนไม่สม่ำเสมอก็มี...เกิดจากถูกทำร้ายก็มี...เกิดจากผลกรรมก็มี ฯลฯ ชนเหล่าใด มีวาทะ

มีความเห็นอย่างนี้ว่า “บุคคลได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นสุขก็ดี ทุกข์ก็ดี ไม่สุขไม่ทุกข์ก็ดี

เวทนานั้นเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้ปางก่อน” ฯลฯ เรากล่าวว่าเป็นความผิดของชนเหล่านั้นเอง”

(สํ.สฬ. 18/427/284)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 16 พ.ค. 2010, 09:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผา (ดัก) ไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากกรรมนั้น
ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนู ผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา

ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้าง ได้ไสช้างให้จับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุดมมุนีแม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้าง
นาฬาคิรีอันดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอก (ท้อง) เขา (วงกต) เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ

ในกาลก่อน เราเป็นนายทหารราบ (เป็นแม่ทัพ) ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อย่างเผ็ดร้อนอยู่
ในนรก ด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทั้งสิ้น (อีก) เพราะว่ากรรมยังไม่พินาศไป

ในกาลก่อน เราเป็นเด็ก (ลูก) ของชาวประมงอยู่ในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้ว เกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรม
นั้น ความทุกข์ที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ) ได้มีแล้วแก่เราในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน พระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว

เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ว่าท่านทั้งหลาย จงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง แต่อย่ากิน
ข้าวสาลีเลย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้ว อยู่ในเมืองเวรัญชา บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน

ในกาลนั้น เมื่อนักมวยกำลังชกกัน เราได้ห้ามบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) ได้มีแล้วแก่เรา
เมื่อก่อนเราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้เศรษฐีบุตร (ตาย) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา


อิอิ

ท่านผู้นี้ยังตัดกรรมให้ตนเองไม่ได้เลย
ใครก็ไม่รุ ไม่ได้ไม่บอกชื่อ



อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผา (ดัก) ไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากกรรมนั้น
ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนู ผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา

ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้าง ได้ไสช้างให้จับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุดมมุนีแม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้าง
นาฬาคิรีอันดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอก (ท้อง) เขา (วงกต) เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ

ในกาลก่อน เราเป็นนายทหารราบ (เป็นแม่ทัพ) ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อย่างเผ็ดร้อนอยู่
ในนรก ด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทั้งสิ้น (อีก) เพราะว่ากรรมยังไม่พินาศไป

ในกาลก่อน เราเป็นเด็ก (ลูก) ของชาวประมงอยู่ในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้ว เกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรม
นั้น ความทุกข์ที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ) ได้มีแล้วแก่เราในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน พระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว

เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ว่าท่านทั้งหลาย จงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง แต่อย่ากิน
ข้าวสาลีเลย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้ว อยู่ในเมืองเวรัญชา บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน

ในกาลนั้น เมื่อนักมวยกำลังชกกัน เราได้ห้ามบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) ได้มีแล้วแก่เรา
เมื่อก่อนเราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้เศรษฐีบุตร (ตาย) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา


อิอิ

ท่านผู้นี้ยังตัดกรรมให้ตนเองไม่ได้เลย
ใครก็ไม่รุ ไม่ได้ไม่บอกชื่อ



อิอิ


อดีตชาติพระสมณโคดมพระพุทธเจ้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
enlighted เขียน:
ในกาลก่อน เราเป็นเด็กเล่นอยู่ที่หนทางใหญ่ เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้ว ใส่ไฟเผา (ดัก) ไว้ทั่วหนทาง ด้วยวิบากกรรมนั้น
ในภพหลังสุดนี้ พระเทวทัตจึงชักชวนนายขมังธนู ผู้ฆ่าคนตายมาก เพื่อให้ฆ่าเรา

ในกาลก่อน เราเป็นนายควาญช้าง ได้ไสช้างให้จับมัดพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้อุดมมุนีแม้กำลังเที่ยวบิณฑบาต ด้วยวิบากกรรมนั้น ช้าง
นาฬาคิรีอันดุร้าย วิ่งแล่นเข้าไปในคอก (ท้อง) เขา (วงกต) เบื้องหน้าผู้ประเสริฐ

ในกาลก่อน เราเป็นนายทหารราบ (เป็นแม่ทัพ) ฆ่าบุรุษเป็นอันมากด้วยหอก ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราถูกไฟไหม้อย่างเผ็ดร้อนอยู่
ในนรก ด้วยผลอันเหลือแห่งกรรมนั้น บัดนี้ไฟนั้นยังมาไหม้ผิวหนังที่เท้าของเราทั้งสิ้น (อีก) เพราะว่ากรรมยังไม่พินาศไป

ในกาลก่อน เราเป็นเด็ก (ลูก) ของชาวประมงอยู่ในบ้านเกวัฏฏคาม เห็นคนทั้งหลายฆ่าปลาแล้ว เกิดความโสมนัส ด้วยวิบากแห่งกรรม
นั้น ความทุกข์ที่ศีรษะ (ปวดศีรษะ) ได้มีแล้วแก่เราในเมื่อเจ้าศากยะทั้งหลายถูกเบียดเบียน พระเจ้าวิฏฏุภะฆ่าแล้ว

เราได้บริภาษพระสาวกทั้งหลายในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ว่าท่านทั้งหลาย จงเคี้ยว จงกินแต่ข้าวแดง แต่อย่ากิน
ข้าวสาลีเลย ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น เราอันพราหมณ์นิมนต์แล้ว อยู่ในเมืองเวรัญชา บริโภคข้าวแดงตลอด ๓ เดือน

ในกาลนั้น เมื่อนักมวยกำลังชกกัน เราได้ห้ามบุตรนักมวยปล้ำ ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น ความทุกข์ที่หลัง (ปวดหลัง) ได้มีแล้วแก่เรา
เมื่อก่อนเราเป็นหมอรักษาโรค ได้ถ่ายยาให้เศรษฐีบุตร (ตาย) ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น โรคปักขันทิกาพาธจึงมีแก่เรา


อิอิ

ท่านผู้นี้ยังตัดกรรมให้ตนเองไม่ได้เลย
ใครก็ไม่รุ ไม่ได้ไม่บอกชื่อ



อิอิ


อดีตชาติพระสมณโคดมพระพุทธเจ้า


อ่อ

พระพุทธเจ้ายังตัดไม่ได้เลย ยังต้องรับกรรม
แล้วใครจะตัดได้

อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ บรรทัดที่ ๑ - ๒๖. หน้าที่ ๑ - ๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2010, 04:16
โพสต์: 40

แนวปฏิบัติ: แนวนั่ง แนวนอน แนวดิ่ง แนวๆๆๆ
งานอดิเรก: อยู่ไม่เฉย
สิ่งที่ชื่นชอบ: การ์ตูน เรื่องจะเอาอะไรกับผม
ชื่อเล่น: อาร์ต
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.........ตัดใจในสิ่งที่ผ่าน สิ่งที่เป็นอยู่ สิ่งที่จะเกิด.........
ทำดีไม่ถือดีสักแต่ทำ ทำถูกต้องสมควรเพียงสักแต่ทำ
ไม่ดีรู้อยู่ก็อย่าไปทำ เท่านั้นล่ะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 12:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตัดกรรมคงไม่ได้หรอกค่ะ
แต่ถ้าหมั่นสร้างกุศล...ทำแต่กรรมดี
กรรมชั่วอาจตามไม่ทัน...แต่ก็ไม่ได้หายไปไหน?
วันใดถ้ากรรมดีอ่อนแรง...กรรมชั่วก็มีสิทธแซงหน้า
ได้อยู่....

อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 14:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตพัฒน์:

อ้างคำพูด:
เห็นคนไข้หลายคนต้องป่วยด้วยโรคหนักๆ พวกเขาคงทำกรรมไว้เยอะ
..

เราทุกคน เมื่อยังไม่เป็นพระอรหันต์ย่อมทำกรรมกันอยู่เกือบตลอดเวลา..และรับผลกรรมกันตลอดเวลา..เรื่องนี้ย่อมมีแสดงไว้โดยรายละเอียดในพระอภิธรรม..

อ้างคำพูด:
บางคนก็บอกว่าชาตินี้ไม่เคยทำบาปกรรมหนักใดๆ ใจบุญตลอด แต่คงเป็นเพราะกรรมเก่าตามติดมาตั้งแต่อดีตชาติ ทำให้ทุกข์ทรมานอย่างนี้


การให้ผลของกรรมนั้น ย่อมขึ้นกับเหตุปัจจัยประกอบมากมาย ไม่ได้นึกอย่างเกิดก็เกิดเอง หรือเกิดตามคำร้องขอหรืออยากได้-ไม่อยากได้ของใคร..

ความเจ็บป่วยนั้น ย่อมมีมาจากเหตุไกลคือการที่เคยเบียดเบียนผู้อื่นมาก่อน..และ
เหตุใกล้ในปัจจุบัน คือ จิต (สภาพจิตใจที่เครียดหรือมีโทสะมากหดหู่ซึมเศร้า).. อุตุ (อากาศร้อนหนาวชื้นแห้งเกินไปหรือเต็มไปด้วยมลภาวะ) และ อาหาร(อาหารสกปรก มีเชื้อโรคผสม มีสารพิษปนเปื้อนฯลฯ)..

อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าท่านตรัสเรื่องการตัดกรรมไว้หรือเปล่าครับ แล้วมีความว่าอย่างไรบ้าง


มีแต่ทรงตรัสเล่าถึงเหตุคือกรรมเก่าของพระองค์เองบ้าง ของสาวกและผู้อื่นบ้างเพื่อสอนผู้อื่น ..หากเรื่องตัดกรรมทำได้จริงแล้ว พระพุทธเจ้าผู้ทรงมีฤทธิ์เหนือกว่าเทวดาทั้งปวงคงทรงกระทำให้ดูเป็นตัวอย่างบ้างแล้ว หรือทรงตัดกรรมให้พระสาวกหลายๆองค์แล้ว แต่ก็ไม่ปรากฏเรื่องเช่นว่านี้ในพระไตรปิฎก..

คำว่าตัดกรรมนี้ เป็นเพียงโวหาร หมายถึงการเบี่ยงเบนการให้ผลของกรรมชั่วออกไปเพื่อให้กรรมดีมาส่งผลแทน กรรมดีและชั่วย่อมแยกกันไม่ปะปนกันเพราะเหตุที่ทำมาต่างกันคือบุญและบาป..ก็สัตว์ทั้งหลายย่อมทำมาทั้งกรรมดีและชั่วแทบทุกอย่างนั่นแหละมาแล้วในสังสารวัฏ การให้ผลของกรรมจึงสลับกันไปมาไม่หยุดหย่อนแล้วแต่เหตุปัจจัยใดเข้าประชุมกัน..

กรรมเก่าอันตนทำไว้แล้ว ย่อมมีผลตั้งขึ้นทันที เพียงรอปัจจัยประชุมพร้อมเพื่อส่งผลในกาลต่อมาเท่านั้น...ดังนั้น คำว่าตัดกรรมจึงเป็นไปไม่ได้และไม่มีเหตุผลรองรับในแง่นี้..เหมือนเรากินอาหารมื้อเช้าอิ่มแล้ว ตอนกลางวันมาบอกว่าจะตัดความอิ่มที่เกิดแล้วเมื่อเช้าให้ลดลงครึ่งหนึ่งข้อนี้ทำไม่ได้ฉันท์ใด กรรมอันทำเสร็จแล้วก็ไม่อาจตัดหรือแก้ได้ฉันท์นั้น..เรื่องหลักที่พระพุทธศาสนาสอนไว้คือ"เหตุ และ ผล" สิ่งทั้งปวงย่อมไหลมาจากเหตุ ดังนั้นเมื่อจับหลักนี้ได้ย่อมไม่เข้าถึงความงมงายในเรื่องที่ไม่มีเหตุผลหรือหาที่มาที่ไปไม่ได้..ย่อมหมดสงสัยในสิ่งทั้งหลายประดามีในโลกว่าเกิดขึ้นมาด้วยเหตุปัจจัยทั้งนั้น หาได้เกิดเองเป็นเองหรือใครมาเสกเป่าให้ได้ไม่ ..

คนไข้ผู้ขวนขวายในการบุญทั้งหลาย จะเป็นทาน ศีลหรือ ภาวนา ก็ย่อมเป็นผู้ทำเหตุดีเพื่อผลดี หากบุญแรงพอ ก็ ย่อมมีผลเบียดแซงหน้าบาปให้มาส่งผลเป็นความสุขสบายอาจถึงกับหายป่วยได้..แต่ถ้าบาปแรงแล้ว ต่อให้นั่งฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าโดยตรงทั้งคืน ก็ยังถูกทหารของพระราชามาลากตัวไป
ไปตัดหัวตอนรุ่งเช้านั่นแหละ เรื่องนี้ปรากฏในพระไตรปิฎก..จึงไม่มีใครที่อาจครดเดาเอาได้ว่ากรรมใดจะมาส่งผลเมื่อใด..

อ้างคำพูด:
คนไข้ผมก็พยายามทำการตัดกรรม แบบที่หลายๆท่านแนะนำ เช่น ถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา สวดมนต์ ภาวนา แต่ทำไมอาการก็ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย อันนี้หมายความว่ายังไงครับ


หมายความว่ากำลังของบาปกรรมแรงมากกว่า หากทั้งชาติไม่เคยทำบุญมาเลย คำว่าศีลก็รู้จักแต่ตอนเข้าวัด พอกลับบ้านก็ทิ้งศีลไว้ที่ศาลา พอป่วยก็เอาถังเหลืองไปถวายพระครั้งสองครั้ง หรือก็สวดมนต์เป็นนกแก้ว(แต่ก็ยังดีกว่าไม่สวด).. จิตใจที่ทำบุญก็เพียงปรารภว่าให้ตนหายจากป่วย หาความเป็นบุญได้ตรงไหน? มีแต่โลภะที่อยากหาย การจะเป็นบุญได้ก็เพราะเจตนาที่ต้องการละสละความตระหนี่ (นี่หมายถึงทาน).หรือเจตนาที่จะเว้นจากบาป..ทางกายวาจา(นี่ว่าถึงศีล)...แต่ไม่ได้มีเจตนานี้เลยขณะทำ มีแต่เพ่งไปว่าจะให้หาย เหมือนกับการทำพิธีเซ่นผี ทำไปก็หลงงมงายไปเรื่อยเปื่อย ออกนอกศาสนาไปอีกไกล..เช่นนี้บุญนอกจากไม่ตั้งขึ้นแล้วยังอาจขาดทุนไปอีก เพราะไม่รู้วิธีทำที่ถูก แล้วจะได้กำลังอะไรมาฉุดรั้งให้หายจากป่วยเล่า.. :b14: :b10:

อ้างคำพูด:
เคยถามพระปฏิบัติ ท่านว่าให้หมั่นภาวนา เมื่อถึงระดับลึกๆๆ ก็จะตัดกรรมได้
คือประมาณว่าอยู่กับผลกรรมของตนเองได้อย่างมีสติ (จะบอกว่าอย่างเป็นสุขก็ไม่ได้ เพราะมันไม่สุข
ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แบบเฉยๆมั้ง)


ขอย้ำอีกครั้งว่า กรรมตัดไม่ได้ไม่ว่าด้วยวิธีใด เว้นพระอรหันต์ที่ตายแล้ว ไม่ต้องเกิดให้กรรมมาส่งผลได้เท่านั้น..

การภาวนา ที่ถูกต้องย่อมเป็นไปเพื่อความมีปัญญารู้เห็นตามความจริงว่าสิ่งทั้งหลายไม่ใช่ตนไม่ใช่เราของเรา เเต่เป็นสภาวะของเหตุปัจจัยที่ไหลสืบเนื่องกันไป แม้มีความไม่สบายก็รับรู้และยอมรับด้วยความเท่าทัน ไม่ไปยึดเอาด้วยกำลังของตัณหาและทิฏฐิจึง อยู่กับผลกรรมของตนเองได้อย่างมีสติ..และไม่ทุกข์..

:b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจตพัฒน์ เขียน:
คนไข้ผมก็พยายามทำการตัดกรรม แบบที่หลายๆท่านแนะนำ เช่น ถวายสังฆทาน ปล่อยนก ปล่อยปลา สวดมนต์ ภาวนา แต่ทำไมอาการก็ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย

เป็นการทำบุญทำทาน คงไม่อาจจะตัดกรรมได้ หรือ ไม่ทำให้คนไข้หายจากโรคได้เลย..แต่อาจจะส่งผลด้านกำลังใจมากกว่า เพราะเมื่อทำบุญแล้วย่อมเกิดปิติ ขึ้นที่ใจเป็นกุศล ส่วนเวทนาเจ็บปวดที่กายนั้นเป็นอกุศล(รับผลของกรรม) คนไข้ที่ สามารถทำ กรรมฐานได้ จะมีผลมากกว่าการให้ทาน โรคบางอย่างอาจจะทุเราลง เช่น โรค หัวใจ เบาหวาน ความดัน..เพราะเมื่อเจิญ อานาปาณสติ อยู่เป็นประจำ บ่อยๆเนื่องๆแล้ว ย่อมพบความสงบในทาง ใจ ไม่เครียด..เมื่อไม่เครียด ภาวะทางโรค ก็จะไม่กำเริบ หรือ ทุเราลง หรือ อาจหายเป็นปกติได้บางรายที่มีศรัทธาความเพียรอย่างยิ่ง และมีบุญกุศลเก่าเกื้อหนุน
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็มีเรื่องเหตุ ปัจจัย และการอโหสิกรรม ด้วยนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron