วันเวลาปัจจุบัน 26 ก.ค. 2025, 07:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสัมพันธ์แบบต่อเนื่องกันของไตรสิกขานี้ มองเห็นได้ง่ายแม้ในชีวิตประจำวัน กล่าวคือ เมื่อมีความบริสุทธิ์

ในทางความประพฤติ เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตน ไม่หวาดต่อการลงโทษ ไม่สะดุ้งระแวงต่อการประทุษร้าย

ของคู่เวร

ไม่หวั่นใจเสียวใจต่อเสียงตำหนิหรือความรู้สึกไม่ยอมรับของสังคมและไม่มีความฟุ้งซ่านวุ่นวายใจ เพราะความ

รู้สึกเดือดร้อนรังเกียจในความผิดของตนเอง จิตใจจึงจะปลอดโปร่งสงบแน่วแน่มุ่งมั่นต่อสิ่งที่คิด คำที่พูด

และการที่ทำได้ ยิ่งจิตไม่ฟุ้งซ่าน สงบ มุ่งมั่น แน่วแน่เท่าใด การคิดการพินิจพิจารณา การรับรู้สิ่งต่างๆ

ก็ยิ่งชัดเจน แล่นและคล่องตัว เป็นผลดีในทางปัญญามากขึ้นเท่านั้น เมื่อน้ำใสก็มองเห็นสิ่งต่างๆได้ชัดเจน

ในการปฏิบัติธรรมชั้นสูงขึ้นไปที่ถึงขั้นจะให้เกิดญาณรู้แจ้งเห็นจริง จนกำจัดอาสวกิเลสได้ ก็ยิ่งต้องการจิต

ที่สงบนิ่ง ผ่องใส มีสมาธิแน่วแน่ยิ่งขึ้นไปอีก ถึงขนาดระงับการรู้ทางอายตนะต่างๆได้หมด เหลืออารมณ์ที่

กำหนดไว้ทำการแต่เพียงอย่างเดียว เพื่อกำจัดกวาดล้างตะกอนที่นอนก้นทั้งหลาย ไม่ให้มีโอกาสขุ่นอีกต่อไป



(พุทธธรรมหน้า 609)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 23 พ.ค. 2010, 18:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y8951248-2.jpg
Y8951248-2.jpg [ 43.14 KiB | เปิดดู 1517 ครั้ง ]
มนุษย์ทุกถิ่นฐานกาลสมัย มีธรรมชาติของปัญหาทางจิตใจเหมือนๆกัน ถึงจะต่างสังคมหรือสังคมจะต่างยุค

สมัย ธรรมชาติทางจิตปัญญาของมนุษย์ก็ยังคงเป็นอย่างเดิม คือ มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ที่มีโลภ โกรธ หลง

รักสุข เกลียดทุกข์ เป็นต้นอยู่อย่างเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 18:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แก้วกัลยา เขียน:
เรียนถามเรื่องศีลไปแล้ว ก็ขอเรียนถามให้ครบเลยนะค่ะว่า
สมาธิ กับ ปัญญา เกี่ยวข้องกันอย่างไรค่ะ สาธุคะ :b8:


ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมาจาก มรรคแปด คือ ทางแห่งความพ้นทุกข์

ศีล การสมรวมกาย วาจา (การรักษาศีลต้องรักษาที่ใจนะจ้ะ เพราะใจเป็นใหญ่คุมกาย วาจา)
สมาธิ ความตั้งมั่นของจิต แน่วแน่อยู่ในอารมณ์เดียว
ปัญญา ความคิด การนึก ตรึกตรอง วิเคราะห์หาเหตุหาผล ให้เข้าใจหายสงสัยในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

ท่านใดเจริญศีลมาก ไปได้แค่ สวรรค์
ท่านใดเจริญสมาธิมาก ไปได้แค่ พรหมโลกเท่านั้น
ท่านใดเจริญ ทั้งศีล สมาธิและปัญญา ผู้นั้นพ้นทุกข์ พ้นโศก พ้นโลกสงสาร
เป็นพระอริยะบุคคล ในพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญอันอุดม

สมาธิ นั้นท่านเปรียบเหมือนบุรุษที่กำยำ หล่ำสัน แข็งแรง
ปัญญา คือ อาวุธ เช่น ดาบหรือมีดหรือขวาน อันคมกริบ

สมาธิเกื้อหนุนปัญญา ก็คือ บุรุษผู้มีร่างกายแข็งแรง ถืออาวุธอันคมกริบ
จะถางหญ้า ตัดต้นไม้ (กิเลส) ก็รู้สึกง่ายไม่เหนื่อยแรง

ศีล สมาธิ ปัญญา นั้นเกื้อหนุนกันไปมา เป็นมรรคหรือแนวทาง ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้
เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ ๒๕๕๓ บวกอีก ๘๐ ปี ที่ผ่านมา ฉะนี้แล..

ขอโมทนากับทุกท่าน ขอรับ สาธุ.. :b8:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 18:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




สติ สมาธิ_resize.jpg
สติ สมาธิ_resize.jpg [ 99.75 KiB | เปิดดู 1508 ครั้ง ]
tongue
อ่านคำอธิบายมาหลายท่านแล้ว น้องแก้วกัลยา ลองตีความหมายจากภาพข้างบนนี้ดูนะครับ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 19:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โอวาทปาติโมกขคาถา

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง,
การไม่ทำบาปทั้งปวง,......................................ศีล
กุสะลัสสูปะสัมปะทา,
การทำกุศลให้ถึงพร้อม,....................................สมาธิ
สะจิตตะปะริโยทะปะนัง,
การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ,............................ปัญญา
เอตัง พุทธานะสาสะนัง,
ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ฯลฯ

:b42: ความเป็นบรรพชิตบริบูรณ์ เมื่อ ศีล,สมาธิ,ปัญญา บริบูรณ์ :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 09:41
โพสต์: 65

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านคะ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น tongue สาธุคะ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร