วันเวลาปัจจุบัน 20 ก.ค. 2025, 00:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ส.ค. 2010, 08:57
โพสต์: 29

โฮมเพจ: http://www.top4health.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อันนี้ไม่ใช่ความคิดเห็นของผมนะครับ พอดีว่าไปเจอมาจาก http://guru.google.co.th อ่านแล้วรู้สึกไม่ค่อยพอใจคนตั้งคำถามสักเท่าไหร่ แต่ตนเองยังมีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาไม่มากพอ เลยไม่รู้ว่าจะโต้แย้งยังไง ข้อความมีดังนี้นะครับ

จากโพสต์นี้ http://guru.google.co.th/guru/thread?ti ... k=wrtpcts3

แต่ส่วนตัวผมว่านะเรื่องบาปบุญไม่เท่าไรอะ มันอยู่ที่เจตนาและแนวคิดของคนเรามากกว่าเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้ว แต่เราหรือท่านทั้งหลายเป็นผู้ตั้งขึ้นมาเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ภาษา ประเทศ ทวีป โลก หรืออะไรที่เราใช้เรียกขานกันแม้แต่คำว่าบุญ บาป อีกอย่างคือเรื่องความเชื่อที่เราได้รับสือทอดกันมาตั้งแต่นานแสนนานมาละ ว่าทำอย่างนี้ดี ทำอย่างนี้ไม่ดี แล้วสิ่งที่เรียกว่าดีหรือไม่ดีนั้นใครเป็นคนตั้งขึ้นละถ้าไม่ใช่พวกที่ เรียกตัวเองว่าคนหรือมนุษย์ทั้งหลาย หลายครั้งที่เฝ้าถามตัวเองว่าคนเราเกิดมากันทำไมนะ แล้วทำไมถึงเกิดขึ้นมาแล้วอะไรเป็นผู้สร้างเราขึ้นมาสร้างขึ้นมาเพื่อจุด ประสงค์อะไร ก็ไม่รู้ซินะเป็นคำตอบที่พบบ่อยมาก แล้วเรื่องบาป บุญ นรก สวรรค์ อีกมันมาจากไหนละถ้าไม่ใช่มาจากเราซึ่งเป็นคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่ไม่รู้ว่า ตายแล้วเราจะไปไหนตายแล้วคนไม่ดีตกนรกตายแล้วคนดีไปสวรรค์ แล้วเคยมีคนที่ตายกลับมาบอกเหรอว่าตายแล้วได้ขึ้นสวรรค์ตายแล้วตกนรก ฮ้าๆๆๆๆ ไม่เคย แล้วเรามาถึกทักกันเอาทำไมว่ามันมีอยู่จริง น่าแปลกนะคนเราที่ต้องการสิ่งที่ยึดเหนียวจิตใจที่เรียกว่าศาสนามากกว่าความ เชื่อที่มีอยู่ในตัวเองมากกว่าตัวเองที่เชื่ออีกอย่างแต่ถูกกักกั้นไว้ด้วย คำสอนต่างๆทางศาสนา(อันนี้ผู้เขี่ยนไม่ได้ลบหลู่ศาสนาใดนะครับเป็นความคิด เห็นส่วนตัว)

เหอะๆ อีกคำถาม แล้วรู้ได้ไงว่าเมื่อเราตายแล้วจะได้กับมาใช้กรรมอีก หุหุ ถึงเกิดมาเราก็ไม่ใช่คนเดิมไม่มีความคิดเดิมหลงเหลืออยู่เลยแล้วอีกอย่าง อะนะเรื่องกรรมหรืออะไรนั้นมันก็มาจากคนที่ตั้งกฎเกณเอากันทั้งนั้นปัญหา ทุกอย่างมาจากคำว่าเงิน อำนาจ ยศศักดิ์ หรืออะไรอีกมากมายที่เราเป็นคนตั้งขึ้นมาเองทั้งนั้นลองคิดดูถ้าไม่มีคำ จำกัดความว่า คนรวย คนจน พวกนี้คนเราจะมีทุกข์กันไหมผมว่าถ้าสังคมโลกไม่มีการแบ่งกั้นกลางหรือความ เชื่อบ้าบอคอแตก คนเราจะอยู่กันอย่างสุขสบายขึ้นเพราะไม่ต้องดิ้นรนหา เงิน หาชือเสียง หรืออะไรอีกมากมาย ถ้าสังคมโลกมีแค่การแลกเปลี่ยนที่ไม่ใช่เงินหรืออำนาจมาเป็นตัวแลกเปลี่ยน หรือต่อรองคงไม่มีคำว่า ยากจน หรอกถ้าทุกคนไม่ยึดผื้นที่ทำมาหากินเป็นของตัวเองแล้วทึกทักเอาเองว่านี้ เป็นสมบัติของฉันเพียงเพราะมีกระดาษแผ่นเดียวคงไม่มีขอทานหรอกทุกวันนี้เรา ทำให้เชื่อว่ากฎที่เราตั้งขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำหรือเพราะคนเราโง่ เกินจะเข้าใจได้เองนะว่าสิ่งใหนดีสิ่งใหนไม่ดีจึงต้องมีคนส่วน น้อย(รัฐบาล)ตั้งกฎเกณขึ้นมาเพื่อให้คนส่วนมาก(ประชาชนทุกคน)ปฎิบัติมันน่า แปลกว่าใหมพวกเราโง่ขนาดนั้นหรือ

ตอบคุณ kijchai อื่มที่ท่านผู้มาก็มีส่วนถูกแต่ผมก็ยังไม่เห็นด้วยอะคับ ที่ท่านพูดมานั้นมันไม่มีอะไรไนการอ้างอิงเลยอะ แล้วอีกอย่างที่ท่านพูดว่าการที่มีคนรวยคนจนนั้น ผมว่าถ้าคิดดูดีๆไม่มีคนรวยไม่มีคนจนหรอกคับ เพราะคำจำกัดความของคำว่าคนรวยคนจน นั้นเราเองซึ้งเป็นคนกำหนกกฎเกณเอากันทั้งนั้น คนเราสร้างทุกอย่างขึ้นมาล่อลวงตัวเราเองไม่ว่าจะอะไรก็ช่างที่นำมาแบ่งแยก มนุษย์ทั้งหลายออกเป็นพวกๆ แล้วที่ว่าคนสวย หล่อ โง่ ฉลาดนั้น คุณคิดไหมว่าคำว่า ฉลาดนั้นคุณฉลาดทุกเรื่องเหรอแล้วโง่อีกคุณคิดว่าคนๆหนึ่งจะโง่ไปหมดซะทุก เรื่องเหรอมันต้องมีซักเรื่องที่คนฉลาดโง่ทำไม่ได้แล้วก็มันก็ต้องมีซัก เรื่องที่คนโง่ทำได้ดีกว่าคนฉลาดแล้วคำว่าคนฉลาดหมายถึงคนยังไงเหรอ เรียนจบสูงได้ทำงานทำการดีได้เงินเดือนเยอะงั้นเหรอแล้วคนโง่คือตาสีตาสาที่ ไม่ได้เรียนทำงานใช้แรงงานได้เงินเดือนน้อยงั้นเหรอ ผมว่าไม่ใช่ ยกตัวอย่าง มี ดร.คนหนึ่งนั้งไปกับคนพายเรือคนหนึ่งแล้ว ดร.ถามคนพายเรือว่าเรียนจบอะไรมาคนพายเรือบอกจบ ป.4 ดร.คิดไอ้นี้โง่เรียนมาน้อยแล้วบังเอิญเรือเกิดจมคนพายเรือถาม ดร. ว่ายน้ำเป็นไหม ดร. ตอบไม่เป็น สุดท้ายคุณคิดว่าใครรอดตายระว่างคนจบ ดร. กับคนจบ ป.4 แล้วก็เรื่อง หล่อ สวย ผมว่าไม่ใช่ผลกรรมอะไรเลย มันล้วนมาจากธรรมชาติสร้างสรร บวกกับ ยีนของคนที่คุณเรียกว่าพ่อแม่ของเรามารวมตัวเข้าด้วยกันมันจึงเกิดเป็นเรา ขึ้นมาทุกวันนี้แล้วลองคิดกลับกันถ้าเกิดคนที่คุณให้คำจำกัดความว่า ไม่หล่อ ไม่สวย แต่งงานกันมีลูกคุณคิดว่าลูกจะเกิดมาหล่อ สวย เหรอ อีกอย่างการที่มันเกิดเรื่องไม่ดีหรือดีขึ้นกับเรานั้นคุณคิดแต่ว่ามันเป็น ผลกรรมมาแต่ชาติปางก่อนหรือไงกรรมเหรอ ผมว่าไม่ผมว่ามันเกิดขึ้นเพราะความประมาทของเราเองหรือคนที่อยู่รอบข้างหรือ ไม่ก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่มันเกิดบังเอิญเราไปอยู่ตรงนั้นตรงจุดที่มันจะ เกิดเหตุพอดีจึงทำให้เราได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต สวรรค นรก มันมีจริงเหรอ แล้วอะไรทำให้คุณคิดว่า นรกคือที่คุมขัง จากภาพวาดต่างๆที่เห็นมาหรือฟังเขาเล่ามาอีกที เช่นกันกับคำว่าสวรรค์ แต่ไม่ใช่ผมไม่เชื่อว่า นรก สวรรค์ไม่มีนะ แต่นรกสวรรค์ของผมมันอยู่ในใจถ้าเรามีความสุข นั้นคือสวรรค์ถ้าเรามีความทุกข์ นั้นคือนรก ไม่ได้เชื่ออย่างลอยๆว่าทำดีตายไปสวรรค์ทำชั่วตายไปลงนรก 5555 น่าขำ ก็ถึงบอกว่าไม่เคยมีใครกลับมาบอกว่ามันเป็นยังไงแต่เราก็ยังเชือ 1วันสวรรค์เท่ากับ100ปีมนุยษ์ แล้วรู้ได้ยังไงว่ามันคือความจริง ดูหนังมากไปไหมคับ "กฎแห่งกรรมมันเป็นกฎของธรรมชาติไม่ได้มีใครตั้งมันขึ้นมาหรอก แล้วคนเราเกิดมาทำไมน่ะเหรอ ก็เกิดมาเพื่อที่จะพัฒนาจิตใจตนเอง กรรมเป็นเครื่องจำแนกสัตว์ดีชั่วเลวหยาบ" อันนี้ผมเชื่อ แต่เปลี่ยนจากกฎแห่งกรรมมาเป็นกฎของธรรมชาติอื่มใช่เกิดมาเพื่อพัฒนาจิตใจ ของตนเองส่วนกรรมก็ยังไม่ได้ได้เป็นเครื่องจำแนกสัตว์ดีชั่วเลวหยาบ แต่มันเป็นสัญชาติญาณการอยู่รอดของสัตว์ ส่วนมนุษย์ที่ทำร้ายกันเองนั้นเป็นแค่พวกที่จิตใจยังไม่พัฒนาหรือเกิดความ ผิดพลาดทางสมองจึงทำให้เขามีจิตใจแตกต่างไปจากคนอื่น (ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของทุกท่านมากมายครับ)

.....................................................
รวมสุดยอดวัตถุมงคลทั้งนั้น หลวงปู่หมุน/หลวงปู่ชื่น/หลวงปู่ทิม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับพุทธศาสนานั้น เครื่องรู้เราเรียก ปัญญา คือรู้แจ้งเห็นจริง
ความจำได้ในสมองคนเรา ไม่เรียกว่า ปัญญาในพุทธศาสนา
ปัญญา เกิดจากการฝึกอบรมทางจิต เรียกว่า วิปัสสนาปัญญา

เช่น ความเห็นชอบในพุทธศาสนา เป็นการปูทางสู่ปัญญา
อย่าง เห็นว่าการทำดีเป็นสิ่งที่ควรทำ เป็นความเห็นชอบในพุทธศาสนา
การเลี้ยงชีพชอบไม่ลักขโมยใครกิน เป็นความเห็นชอบในพุทธศาสนา
การถือศีล5 เป็นความเห็นชอบในพุทธศาสนา
คนเราต่างกันกับสัตว์ เพราะเราคิดเป็นจึงสามารถทำในสิ่งที่สัตว์ทำไม่ได้

พุทธศาสนาจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้น สัจธรรมทั้งหลายก็มีอยู่แล้ว
ทุกคนสามารถพิสูจน์ธรรมะของพุทธศาสนาได้ด้วยตนเองให้คนอื่นบอกไม่ได้แต่แนะนำได้
จริงๆพระพุทธเจ้าเน้นการภาวนาเจริญความเพียรให้รู้แจ้งในสัจธรรม มากกว่าการให้ทำดีทำชั่วได้บุญได้บาป
เพราะว่าพระพุทธท่านทรงนำมาบอกว่าทำไมคนเราจึงมีเกิด ท่านคิดแบบคุณมาตั้งนานแล้วแต่คิดแบบคนคิดเป็นคิดว่าทำอย่างไรเราถึงจะหลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้ อะไรเป็นสาเหตุของการเวียนว่ายตายเกิดท่านสามารถรู้ได้จากปัญญาที่เกิดขึ้นนั่นเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3832

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกนี้ปล่อยมันคิดไปเถอะ ยังรู้จักชีวิตน้อยไปถึงได้คะนองทิฐิอย่างนี้
คงเป็นพวกวัยช่างเพ้อช่างฝัน ไม่ได้มีความรับผิดชอบอะไรในชีวิตมากนัก

ไม่ต้องไปสอนอะไร ไม่ต้องไปต่อล้อต่อเถียงอะไร
เดี๋ยวประสบการณ์ชีวิตจะสอนมันเอง

ถึงวันนี้ มันจะหมดทิฐิมานะเอง
ว่าที่ตนคิดพูดไปทั้งหมดนั้น เคยนึกว่าแน่ เคยนึกว่าเลิศ รู้โลก รู้มาก รู้จักรวาล
self จัด่วาตนฉลาดนักหนากว่าพระพทุธเจ้า

เดี๋ยวคอยดูวันไหนเจอปัญญาชีวิตของจริงเข้ามารุมถึงขนาด
แล้วมันเอาปัญญาเลอเลิศของมันแก้ไม่ได้ มันถึงจะรู้ว่า
ความแน่ของมันหาประโยชน์อะไรแก่ตนไม่ได้เลย แก้ปัญหาตัวเองก็ไม่ได้

หนำซ้ำอาจจะถึงทรุดกายลง ขอพรขอแรงช่วยจากภายนอกมาช่วย
เช่นขอพรพระ ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย นี่เรียกว่าเรียกว่าแพ้ราบคาบ
ปากก็ปรามาสพระรัตนตรัย ถึงเวลาจวนตัวก้ร้องหาให้ช่วย

ถ้าถึงจุดนั้นแล้วยังดื้นด้านอยู่ ไม่ยอมอ่อนต่อพระรัตนตรัย
หันไปพึ่งสิ่งไม่จริง สิ่งต่ำระดับ เช่นเทพที่ไม่มีจริง พึ่งสิ่งมีชิตวิตที่มีคุณธรรมน้อย
นี่เรียกว่านอกจากจะแพ้ราบคาบแล้ว ยังดูไม่ได้เลย ไม่เหลือท่าเจ้าวาทะเจ้าปัญญาตรงไหน
ก็คงเกิดมาตายเปล่า

แต่ถ้ายอมสิโรราบต่อธรรม ปฏิบัติต่อธรรมโดยอ่อน โดยเคารพ
ผิดแล้วรู้กลับตัวกลับใจ น้อมนำะรรมให้ขัดเกลา ก้ยังนับว่าไม่เสียชาติเกิด
พอจะแก้ไขไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 07:51
โพสต์: 132

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่เห็นไม่รู้จักทุกข์ ย่อมไม่หาทางดับทุกข์ แต่ดับอนาถในกองทุกข์แทน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 20:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถึงจะยาวหน่อยแต่ค่อยๆ อ่านทำความเข้าใจ ทีละตอนๆ

กรรม (1) ฐานะหลักธรรมที่เนื่องอยู่ในปฏิจจสมุปบาท

viewtopic.php?f=4&t=19058&p=86360#p86360


กรรม (2) ปัญหาเรื่องความดี-ความชั่ว

viewtopic.php?f=4&t=29507


กรรม (3) ทำความเข้าใจคำว่า ดี ว่าชั่ว ตามความหมายพุทธศาสนา

viewtopic.php?f=4&t=29525


กรรม (4) ความหมายคำว่า เจตนา หรือกรรม

viewtopic.php?f=4&t=29542


กรรม (5) การให้ผลของกรรมดี และ กรรมชั่ว (ตามนัยพุทธศาสนา)

viewtopic.php?f=4&t=29576


กรรม (6) ผลกรรมในช่วงกว้างไกล

viewtopic.php?f=4&t=29613


กรรม (7) ข้อควรรู้กันความเข้าใจผิด

viewtopic.php?f=4&t=29656


กรรม (8) กรรมชำระล้างได้อย่างไร ?

viewtopic.php?f=4&t=29672


กรรม (9) กรรมกับอนัตตาขัดกันหรือไม่

viewtopic.php?f=2&t=18847


กรรม (10) แบ่งในยุคอรรถกถากรรม 12

viewtopic.php?f=4&t=29676

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นพวกนี้แล้ว..ก็เฉยๆ ..เรื่องของมัน
เรื่องของตน..ทุกข์ของตน..ก็ยังแก้ไม่เสร็จเลย

ก็เลยไม่อาจหาญแก้ทิฏฐิ..ของใครได้..เรามันบุญไม่มากพอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2010, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เขา ก็แค่ ด้อยการศึกษา (ศึกษาด้านวัฏฏสงสาร)
ด้อยประสบการณ์ ......................................เท่านั้นเอง

สมัยก่อนคนอาจจะเชื่อเรื่อง บุญกรรม การเวียนว่ายตายเกิด หาหลักฐานได้ยาก
แต่สมัยนี้ เทคโนโลยี มันก้าวหน้า
สื่อบันทึก มันทันสมัย
ใครยังมัวงมงาย ว่าไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีภพภูมิอื่น หรือแม้แต่จักรวาลอื่น
ไม่มีเทวดา ไม่มีเปรต ไม่มีสัตว์นรก
ก็เป็นบุคคลที่น่าสงสาร

กับคนที่งมงายเหล่านี้

เรื่องเทวดา เรื่องเปรต เรื่องกฏแห่งกรรม มีกล่าวมากในพระไตรปิฏก แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2010, 05:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


“ ข้าแต่พระนาคเสน กรรมดีและกรรมชั่ว ที่บุคคลทำด้วยนามรูปนี้ไปอยู่ที่ไหน ? ”
“ ขอถวายพระพร ติดตามผู้ทำไปเหมือนกับเงาตามตัว ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า อาจชี้กรรมเหล่านั้นได้หรือไม่ว่า กรรมเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ? ”
“ ขอถวายพระพร ไม่อาจชี้ได้ ”
“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนต้นไม้ที่ยังไม่มีผล มหาบพิตรอาจชี้ได้หรือไม่ว่าผลอยู่ที่ไหน ? ”
“ ไม่อาจชี้ได้ พระผู้เป็นเจ้า ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร เมื่อการสืบต่อยังไม่ขาด ก็ไม่อาจชี้กรรมเหล่านั้นได้ว่ากรรมเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ”
พระเจ้ามิลินท์จึงตรัสว่า
“ ถูกดีแล้ว พระผู้เป็นเจ้า

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2010, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


“ ขอถวายพระพร เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่งไปขโมยผลมะม่วงของเขามา แต่เจ้าของมะม่วงนั้นจับได้ จึงนำไปถวายพระราชา กราบทูลว่า บุรุษผู้นี้ขโมยมะม่วงของข้าพระองค์ บุรุษนั้นจะต้องกราบทูลว่า ข้าแต่สมมุติเทพ ข้าพระองค์มิได้ขโมยมะม่วงของบุรุษนี้ มะม่วงที่บุรุษนี้ปลูกไว้เป็นมะม่วงอื่น ส่วนมะม่วงที่ข้าพระองค์นำไปนั้น เป็นมะม่วงอื่นอีกต่างหาก ข้าพระองค์ไม่ควรได้รับโทษ ดังนี้ อาตมภาพจึงขอถามมหาบพิตรว่า บุรุษผู้นั้นควรจะได้รับโทษหรืออย่างไร ? ”
“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บุรุษนั้นควรได้รับโทษ ”
“ เพราะอะไรล่ะ มหาบพิตร ? ”
“ เพราะว่า บุรุษนั้นรับว่าไปเอาผลมะม่วงมาแล้ว แต่บอกว่าเอาผลมะม่วงลูกก่อนไปถึงกระนั้นก็ควรได้รับโทษด้วยผลมะม่วงลูกหลัง ”
“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือบุคคลทำกรรมดีหรือชั่วอันใดไว้ ด้วยนามรูปนี้แล้ว นามรูปอื่นก็ถือกำเนิดสืบต่อกันด้วยกรรมนั้น เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่พ้นไปจากบาปกรรมขอถวายพระพร ”
“ ขอนิมนต์อุปมาให้ยิ่งขึ้นไป ”

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2010, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วคิดถึง "ทฤษฎีกล่องดำ" ของอดีตสมาชิกท่านนึง :b32: :b32:

ท่านชาติสยามคงจำได้ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2010, 03:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คนเราแบ่ง ตามทิฐิ และความเชื่อก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ประเภทแรกนั้นมีส่วนน้อย คือพวกที่ถือธรรมเป็นใหญ่พวกนี้ จะยึดเอาความถูกต้องด้วยหลักธรรมในการดำเนินชิวิต ไม่เอนเอียงไปด้วยกระแสโลก กระแสสังคม และไม่จำเป็นต้องเป็นได้เฉพาะชาวพุทธ ประเภทที่2 นี้เป็นคนส่วนใหญ่ของสังคม คือพวกถือโลกเป็นใหญ่ ทำอะไรก็จะเป็นไปตามกระแสโลก กระแสสังคม เขาว่ากระเป๋าหลุยส์มันเท่ห์ เงินเดือน 2 หมื่นกระเป๋าใบละ4หมื่นบางทียังอุตส่าห์เก็บเงินซื้อจนได้ ส่วนประเภทที่3นี้น่ากลัวที่สุด คือพวกถือตนเป็นใหญ่ น่ากลัวอย่างไร น่ากลัวเพราะคนพวกนี่จะคิดว่าสิ่งที่ถูกต้องที่สุด ก็คือความคิดของตนเอง ความคิดของคนอื่นผิดหมด พวกนี้มีทั้งคนดีและคนเลว เหมือนคนทั่วไป แต่ที่น่ากลัวก็คือถ้าเขาเป็นคนชั่วเขาจะเป็นบัวเหล่าที่4 คือทำชั่วโดยไม่รู่ชั่ว เช่นขี้เกียจทำงานก็ไปเป็นโจรมุมตึก จี้เงินเขามาได้ ก็จะภูมิใจว่าตัวเองเก่งรู้จักหากิน ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย แต่ถ้าบังเอิญคนพวกนี้เกิดเก่งเกิดเป็นอัจฉริยะบุคคลขึ้นมา อันตรายถึงโลกทั้งโลกอาจสะเทือนได้ เช่นฮิตเล่อร์ ซัดดัมฮุดเซ็นต์ และใครอีกหลายคนที่สั่งฆ่าคนเป็นล้านได้ โดยไม่รู้สึกผิดและยังนอนหลับสบาย พวกนี้ไม่ใช่เขาไม่เชื่อศาสนาเท่านั้น บางทีมิจฉาทิฐิที่รุนแรงทำให้เขาคิดไปได้ว่าตัวเขาคือพระเจ้า และเป็นผู้กำหนดชะตาชิวิตของคนที่อยู่ใต้อำนาจของเขาด้วยซ้ำไป พวกนี้จะอยู่รอบๆตัวเรา เมื่อเขายังอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบ สัญชาติญาณในการเอาตัวรอดก็จะทำให้เขาปกปิดทิฐิที่แท้จริงไว้ได้ เมื่อไรเขามีอำนาจบารมี หรือแม้แต่มีอิสระที่จะแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีใครสามารถเอาโทษกับเขาได้ เขาก็จะเป็นอย่างคนที่คุณยกตัวอย่างมานั่นเอง....เจริญในธรรม/เจโตวิมุติ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร