วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 19:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 12:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2011, 18:38
โพสต์: 33


 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่า ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัว สอบตรง +addmission อะครับ
แล้วมันเกิดอุปสรรคขึ้นจะทำอย่างไรดี
1.ระหว่างเวลานั่งทำข้อสอบแล้วเกิดความรู้สึกเครียด เหนื่อย อยากจะรีบๆทำให้เสร็จๆ จะแก้อย่างไร
2.ตอนนั่งเรียนจิตคิดไปเรื่องอื่นทั้งที่ผมไม่ได้อยากคิด แต่มันคิดขึ้นเองละครับ
3.เวลาเรียนจะวางใจที่ไหนดี ให้รู้สึกไม่วุ่นวายละครับ
4.มหวังผลว่าอยากจะเรียนให้เข้าใจชั่วโมงเลยแต่บางทีก็ทำไม่ได้ ก็เลยพานหงุดหงิดทำให้เสียเลย
5ผมจะยึดหลัดอะไรดี ให้ใจรู้สึกสงบและมั่นคงละครับ
6.อยากรู้วิธีการพัฒนาเรื่องการเรียนอะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 13:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแนะนำว่าให้สวดมนต์และนั่งสมาธิครับ และทำเป็นประจำด้วย

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 14:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ชั้นจะทำข้อสอบอย่างมีความสุข :b16: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมชาติ ต่างก็เกิดจากเหตุปัจจัย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ ความรู้สึกเครียด ความอยาก ความคิด ความฟุ้งซ่าน ฯ ก็มีเหตุปัจจัย ถ้าจะดับ ก็ต้องดับที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ปลายเหตุ

ธรรมชาติที่เป็นนามธรรม แบ่งง่ายๆ เป็น ๓ หมู่ ได้แก่ ธรรมฝ่ายดี (กุศล) ธรรมฝ่ายไม่ดี (อกุศล) และฝ่ายที่เป็นกลาง (อัพยากฤต) (จะว่าดีก็ไม่ใช่ จะว่าดีก็ไม่ใช่) ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะ ธรรมดี กับธรรมไม่ดี

ธรรมทั้ง ๒ หมู่นี้ เกิดจากจากรากเหง้า ๖ ประการ แบ่งเป็น เหตุของธรรมฝ่ายดี ๓ และเหตุของธรรมฝ่ายไม่ดี ๓

ทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นกับเรา ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ต่างมีเหตุมาจากธรรม ๖ ประการนี้เท่านั้น ไม่มีมาจากอย่างอื่น ธรรม ๖ ประการนี้เป็นเหตุของธรรมอื่นและเป็นเหตุซึ่งกันและกัน จะเกิดประกอบกับการกระทำของเราทางกาย วาจา ใจ ตลอดเวลา

อกุศลเหตุ ๓ ก็คือ ความพอใจ (โลภะ) ความไม่พอใจ (โทสะ) และความหลง (โมหะ) ถ้าจิตเราประกอบด้วยอาการ ๓ อย่างนี้ สิ่งไม่ทีทั้งหลาย จะเกิดประดังประเดเข้ามาหาเรา ควบคุมก็ไม่ได้ ประกอบกับความเคยชินที่เราอยู่กับความพอใจไม่พอใจและความหลงมาเป็นระยะเวลานาน จนกลายเป็นความเคยชินที่ละเอียด หรือเป้นนิสัย เราจึงต้านทานได้โดยยาก (ความรู้สึกเครียด ความอยาก หลงไปในความคิด ความฟุ้งซ่าน เป็นธรรมฝ่ายไม่ดีทั้งหมด)

กุศลเหตุ ๓ คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ หรือ การเอาชนะความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ เมื่อจิตไม่ประกอบด้วยเหตุของอกุศล สิ่งไม่ดีก็จะไม่เกิด สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นมาแทน ตามกฏของเหตุปัจจัย (ฯ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงไม่มี ฯ)

เพราะฉะนั้น ถ้าเราดับความพอใจ ไม่พอใจ และความหลง ที่เกิดร่วมกับจิตปัจจุบันของเราได้ ตอนนั้นจิตเราก็เป็นฝ่ายดี สิ่งไม่ดีจะไม่มีเกิดร่วมกับจิตเลย ความสงบสุข จะเกิดขึ้นมาแทน เรียนรู้อะไรก็ง่ายไปหมด เพราะไม่มีตัวรบกวน

แล้วจะเอาอะไรไปดับความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ล่ะ?

ความจริงอันประเสริฐนี้ ค้นพบโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ผู้รู้วิธีการดับความพอใจไม่พอใจและความหลงได้ด้วยตนเอง) และเอามาบอกพวกเราให้รู้ตาม พวกเรา จึงเป็น พุทธสาวก (ผู้รู้ตามผู้ที่รู้) เราจึงมีฉลยนี้อยู่ในมือ แล้วนำความรู้นี้ ไปจัดการกับกองทุกข์ที่อยู่กับเรามานานได้

ทุกข์ หรือ ความพอใจไม่พอใจ เกิดขึ้นมาเพราะเรารู้ไม่เท่าทันธรรมชาติตามความเป็นจริง ทำให้เกิดความหลง รวมกันเรียกว่า ทุกขอริยสุจจ์ (ทำให้เกิดสาระพัดทุกข์ตามมา) เกิดขึ้นที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ๖ ทางเท่านั้น นอกจาก ๖ ทางนี้ไม่มีทุกข์เกิดขึ้นกับเรา ถ้าเรารู้เท่าทัน ทุกข์ก็ไม่เกิด ทุกข์เกิด ๖ ทาง เราก็ต้องเอาปัญญาสัมมาทิฐิไปดับทั้ง ๖

แล้วทุกข์ จริงๆ แล้ว มันคืออะไร? พระพุทธองค์ ได้ตรัสรู้ และนำความจริงของโลกและชีวิตมาบอกกับพวกเราว่า จริงๆ สิ่งเหล่านี้ ก็คือ ธรรมชาติ ที่มีลักษณะ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ต้องดับไป แปรปรวนตลอดเวลา ไม่เคยหยุดอยู่นิ่งอยู่กับที่ ที่มันเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัย ฯ (ซึ่งก็คือ กฏธรรมชาติ ๒ กฏ ได้แก่ ไตรลักษณ์ และกฏอิทัปปัจนายตาปกิจสมุปบาท) สรุปได้เป็นคำๆ เดียวว่า มันไม่เที่ยง ฯ

เพราะฉะนั้น ไม่เที่ยงฯ คือ ก็ธรรมชาติ ๒ กฏ ถ้าเรารู้เห็นสิ่งที่เข้ามากระทบสัมผัสตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า รูปที่เห็นมันไม่เที่ยงฯ รส ฯ กลิ่น ฯ เสียง ฯ สัมผัส ฯ ความคิดก็ไม่เที่ยง ทันทีที่เราได้รับกระทบสัมผัส (พิจารณาที่ผัสสะ หรือปัจจุบันอารมณ์) แปลว่า เรามีสัมมาทิฐิที่นับเนื่องเป็นองค์แห่งมรรค ปัญญาหรือความรู้แบบนี้ ใช้ดับความพอใจไม่พอใจได้ทันที

การฆ่าความคิดฟุ่งซ่าน ทำง่ายๆ คือ เมื่อเราคิดถึงเรื่องอะไร ก็ให้พิจารณาความคิดที่เกิดขึ้นตอนนั้นว่า ความคิดของเรามันไม่เที่ยงนะ เกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับไป ตัวเราคนคิดก็ไม่เที่ยง หนุ่ม แก่ เจ็บแล้วก็ต้องตาย .. ถ้าได้พิจารณาแบบนี้ประกบความความคิดเสมอ รับรองว่า ความเครียด ความฟุ้งซ่าน ฯ ไม่มีได้เกิด (รวมไปถึงโรคมะเร็งด้วย)

ถ้าทำเป็นประจำ ทำประกอบกับการใช้ชีวิตประจำวัน รับรองผลการเรียนดีขึ้นแน่นอน ...

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 28 มี.ค. 2011, 04:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มี.ค. 2011, 22:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


สำคัญคือต้องเตรียมตัวให้ดีนะครับ ขยันหมั่นเพียร ตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่าน หมั่นทบทวน สอบความรู้ตัวเองบ่อยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 00:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


somamomiji เขียน:
คือว่า ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัว สอบตรง +addmission อะครับ
แล้วมันเกิดอุปสรรคขึ้นจะทำอย่างไรดี
1.ระหว่างเวลานั่งทำข้อสอบแล้วเกิดความรู้สึกเครียด เหนื่อย อยากจะรีบๆทำให้เสร็จๆ จะแก้อย่างไร
2.ตอนนั่งเรียนจิตคิดไปเรื่องอื่นทั้งที่ผมไม่ได้อยากคิด แต่มันคิดขึ้นเองละครับ
3.เวลาเรียนจะวางใจที่ไหนดี ให้รู้สึกไม่วุ่นวายละครับ
4.มหวังผลว่าอยากจะเรียนให้เข้าใจชั่วโมงเลยแต่บางทีก็ทำไม่ได้ ก็เลยพานหงุดหงิดทำให้เสียเลย
5ผมจะยึดหลัดอะไรดี ให้ใจรู้สึกสงบและมั่นคงละครับ
6.อยากรู้วิธีการพัฒนาเรื่องการเรียนอะครับ


:b14:

หาเงินซื้อไม้กอล์ฟสักอัน แล้วไปฝึกไดร์ฟกอล์ฟทุกวันหลังเลิกเรียน
ถ้าไม่อยากจ้างโปรมาสอน ก็หาซีดีมาศึกษาการจัดระเบียบท่วงท่า
ค่อย ๆ เริ่มจากวันละร้อยลูก สองร้อย และ อาจจะห้าร้อยลูก

คือ การฝึกไดร์ฟกอล์ฟเป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ได้บริหารจิตใจไปพร้อม ๆ กัน
และจะช่วยตอบคำถามน้องในเบื้องต้นในทุก ๆ คำถามได้


:b6: :b6: :b6:

:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2011, 03:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 11:05
โพสต์: 223


 ข้อมูลส่วนตัว


somamomiji เขียน:
คือว่า ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัว สอบตรง +addmission อะครับ
แล้วมันเกิดอุปสรรคขึ้นจะทำอย่างไรดี
1.ระหว่างเวลานั่งทำข้อสอบแล้วเกิดความรู้สึกเครียด เหนื่อย อยากจะรีบๆทำให้เสร็จๆ จะแก้อย่างไร
2.ตอนนั่งเรียนจิตคิดไปเรื่องอื่นทั้งที่ผมไม่ได้อยากคิด แต่มันคิดขึ้นเองละครับ
3.เวลาเรียนจะวางใจที่ไหนดี ให้รู้สึกไม่วุ่นวายละครับ
4.มหวังผลว่าอยากจะเรียนให้เข้าใจชั่วโมงเลยแต่บางทีก็ทำไม่ได้ ก็เลยพานหงุดหงิดทำให้เสียเลย
5ผมจะยึดหลัดอะไรดี ให้ใจรู้สึกสงบและมั่นคงละครับ
6.อยากรู้วิธีการพัฒนาเรื่องการเรียนอะครับ


1. พอรู้สึกว่าเครียด ให้หายใจลึกๆ แรงๆ หายใจเข้า-พุท หายใจออก-โธ ทำไปเรื่อยๆ จนลมหายใจเบาลง อาการเหล่านั้นก็จะเบาลงและหายไปเอง หรือหารูปพระที่ชอบเอาไว้เพ่งมองให้จิตสงบเวลาเครียด
2. พอเห็นว่าจิตคิดไปเรื่องอื่น ก็ให้รู้ว่าคิดแต่ไม่ต้องเข้าไปในความคิดนั้น แค่รู้ก็พอแล้วให้กำหนดว่าคิดหนอ ไม่เที่ยงหนอ หยุดคิดหนอ หรือจะใช้คำอื่นๆที่ชอบก็ได้
3. ให้วางใจไว้ที่ความสงบ ให้รู้อยู่ที่ลมหายใจเข้าออก (อาจจะกำหนดพุท-โธ หรือไม่ก็ได้)
4. พอรู้ว่าหงุดหงิด ให้หายใจลึกๆ แรงๆ หายใจเข้า-พุท หายใจออก-โธ ทำไปเรื่อยๆ จนหายหงุดหงิด
หรือหารูปพระที่ชอบเอาไว้เพ่งมองให้จิตสงบเวลาหงุดหงิด
5. ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง (พระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์) ไปศึกษาความหมายและพุทธคุณให้เข้าใจว่าหมายถึงอย่างไร
6. การพัฒนาเรื่องการเรียน โดย
6.1 ตอนเย็นให้ดูว่าพรุ่งนี้จะเรียนวิชาอะไรบ้าง
ให้เอาวิชาที่จะเรียนมาอ่านมาศึกษาล่วงหน้าในเรื่องที่คิดว่าพรุ่งนี้จะต้องเรียน อ่านให้เข้าใจ
หาสมุดมาช๊อคโน๊ตตรงที่สำคัญ และสรุปไว้ หรือขีดเส้นใต้ที่หนังสือไว้ก่อนก็ได้ ทำแบบนี้ทุกวิชาและทำทุกวัน (ต้องรักษาวินัย ต้องอดทน)
6.2 ทำตารางการอ่านหนังสือ โดยคำนวนว่าจะต้องอ่านวันละกี่บทในแต่ละวิชา จึงจะอ่านจบก่อนถึงวันสอบ
และเหลือเวลาไว้ทบทวน หาสมุดมาทำช๊อตโน๊ตและสรุปสิ่งที่อ่านไว้ด้วย
(ต้องรักษาวินัยอย่างเคร่งครัด แต่ยืดหยุ่นได้ บางวันอาจไม่ได้อ่านแต่ในวันต่อไปต้องอ่านของวันเก่าให้จบด้วย)
6.3 ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมง ให้ใจจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ
6.4 ฝึกสติ ฝึกสมาธิ ก่อนนอนให้รู้ลมหายใจเข้าออกจนหลับ

ลองทำดูนะครับ ทำไปเรื่อยๆ ได้ผลอย่างไร มาเล่าให้พี่ๆฟังนะครับ

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มี.ค. 2011, 23:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลงทะเล..ซะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 มี.ค. 2011, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


somamomiji เขียน:
คือว่า ตอนนี้ผมกำลังเตรียมตัว สอบตรง +addmission อะครับ
แล้วมันเกิดอุปสรรคขึ้นจะทำอย่างไรดี
1.ระหว่างเวลานั่งทำข้อสอบแล้วเกิดความรู้สึกเครียด เหนื่อย อยากจะรีบๆทำให้เสร็จๆ จะแก้อย่างไร
2.ตอนนั่งเรียนจิตคิดไปเรื่องอื่นทั้งที่ผมไม่ได้อยากคิด แต่มันคิดขึ้นเองละครับ
3.เวลาเรียนจะวางใจที่ไหนดี ให้รู้สึกไม่วุ่นวายละครับ
4.มหวังผลว่าอยากจะเรียนให้เข้าใจชั่วโมงเลยแต่บางทีก็ทำไม่ได้ ก็เลยพานหงุดหงิดทำให้เสียเลย
5ผมจะยึดหลัดอะไรดี ให้ใจรู้สึกสงบและมั่นคงละครับ
6.อยากรู้วิธีการพัฒนาเรื่องการเรียนอะครับ

tongue สวัสดีค่ะน้อง somamomiji
เท่าที่อ่านดูสิ่งที่น้องขาดและต้องเพียรพัฒนาให้เกิดมีสองอย่างค่ะ
1.สมาธิ
2.ปัญญา
สมาธินั้นจำเป็นต้องพัฒนาให้มีขึ้นก่อน เพราะสมาธินั้นเป็นปัจจัยเอื้อต่อการเกิด "ปัญญา" วิธีการฝึกให้มีสมาธิ
จะใช้วิธีนั่งสมาธิ สวดมนต์ นับเลขในใจ หรือระลึกรู้ลมหายใจ อะไรก็ได้ที่เป็นคำบริกรรมให้ใจหน่วงอยู่ที่อารมณ์นั้น
ให้ฝึกเป็นประจำจะทำให้เป็นคนมีสมาธิควรแก่การงานและมีสมาธิได้ยาวนานขึ้น
การพัฒนา "ปัญญา" ให้ฝึกการคิด..คิดในเชิงวิทยาศาสตร์..คิดแบบมีเหตุมีผล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอย ๆ
มีผลย่อมต้องมีเหตุ ...และมีเหตุก็ย่อมต้องมีผล เช่นกัน ...ถ้ารู้ผลก็สืบสาวขึ้นไปหาเหตุ ...ถ้ารู้เหตุก็สืบสาวไปหาผล
คนที่คิดได้แบบนี้เรียกว่า เป็นคนมีปัญญา ไม่ใช่เชื่อ เพราะ "เขาว่าอย่างนั้น" :b37:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร