วันเวลาปัจจุบัน 23 พ.ค. 2024, 12:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะคือ อะไร ตอนที่ ๑๐
ในตอนที่ ๙ นั้นข้าพเจ้าได้อรรถาธิบายถึงเรื่องของ "เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ หรือ สมุทัย อริยสัจ" เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ทำความเข้าใจ ได้รู้ ตามหลักความเป็นจริง ตามหลักธรรมชาติ แต่อาจจะมีหลายๆท่านที่อ่านแล้วไม่ค่อยจะเกิดความเข้าใจ หรืออาจจะเกิดความเข้าใจผิด เหตุเพราะศัพท์ภาษา พาให้หลงประเด็น ข้าพเจ้าจึงขออธิบายให้ท่านทั้งหลายได้ติดได้พิจารณาเพื่อให้ เกิดความรู้ ความเข้าใจทั้งในเรื่องของ "ทุกข์เกิดจากเหตุ หรือ ทุกข์ อริยสัจ" และ "เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ หรือ สมุทัย อริยสัจ" อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้.-
-"ทุกข์เกิดจากเหตุ หรือ ทุกข์อริยสัจ" หมายถึงต้นตออันทำให้เกิดทุกข์ ซึ่งในทางพระไตรปิฎกนั้นได้กล่าวถึงต้นตออันทำให้เกิดทุกข์เอาไว้ว่า "ทุกข์" ก็คือ ชาติ,ชรา, มรณ, โสกะ,ปริเทวะ,โทมนัสส,อุปายาส, อัปปิเยหิสัมปโยค, ปิเยหิวิปปโยค, ยัมปิจฉังนลภติตัมปิ, โดยย่ออุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ (การยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ เป็นทุกข์) ซึ่งในทางที่เป็นจริงนั้น ยังมีผล และมรรค อันเกิดจากขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นวิถีทางการดำเนินชีวิต ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย (ซึ่งในที่นี้ข้าพเจ้าจะหมายเอาเฉพาะมนุษย์) ล้วนต้องปฏิสัมพันธ์ เกี่ยวข้อง เชื่อมโยง ผูกพันธ์กัน ตั้งแต่เกิด จนถึงสิ้นชีวิต ซึ่งการเกี่ยวข้อง ปฏิสัมพันธ์ เชื่อมโยง ผูกพันธ์ กันของมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันเอง รวมถึงสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆนั้นย่อมทำให้เกิดต้นตอแห่งทุกข์ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดผล " ก็คือ ชาติ,ชรา, มรณ, โสกะ,ปริเทวะ,โทมนัสส,อุปายาส, อัปปิเยหิสัมปโยค, ปิเยหิวิปปโยค, ยัมปิจฉังนลภติตัมปิ, โดยย่ออุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ (การยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ ๕ เป็นทุกข์) " นั่นก็คือ
การครองเรือน,ทาน คือ การให้
กตัญญู รู้คุณ , เจรจา ติดต่อสื่อสาร
สรรพอาชีพ ,ประพฤติ
ระลึก,ดำริ
-"เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ หรือ สมุทัยอริยสัจ" หมายถึง ผลทั้งหลายที่เกิดจากต้นตอ ซึ่งในทางพระไตรปิฎกนั้นได้กล่าวถึง
สมุทัย อริยสัจ ไว้ว่า
๑.กามตัณหา ความทะยานอยากในกาม อยากได้อารมณ์อันน่ารักใคร่
๒.ภวตัณหา ความทะยากอยากในภพ อยากเป็นนั่นเป็นนี่
๓.วิภวตัณหา ความทะยานอยากในวิภพ อยากไม่เป็นนั่นไม่เป็นนี่ อยากพรากพ้นดับสูญไปเสีย
อันล้วนเกิดจาก "รูป เวทนา สัญญา สังขาร จิตวิญญาณ เป็นผลที่เกิดขี้นจากการที่ได้รับการสัมผัสจาก อายตนะภายนอก คือ "รูป รส กลิ่น เสียง แสงสี โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์" ด้วยอายตนะภายใน คือ หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ " หรือหากจะกล่าวอีกรูปแบบหนึ่ง ตัณหา ทั้งสามชนิดนั้นล้วนเกิดจาก การที่มนุษย์ต้องเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง ผูกพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ ตั้งแต่เกิด จนถึงสิ้นชีวิต ซึ่งการเกี่ยวข้อง เชื่อมโยง ผูกพันธ์ ปฏิสัมพันธ์ ของมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันเอง รวมถึงสิ่งแวดล้อมด้านต่างๆนั้น ล้วนย่อมเป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ซึ๋งก็ล้วน เกิดจาก
การครองเรือน(แยกแยะรายละเอียด) ,ทานคือการให้ (แยกแยะรายละเอียด)
กตัญญู รู้คุณในสรรพสิ่งทั้งหลาย(แยกแยะรายละเอียด), การเจรจา ติดต่อสื่อสาร (แยกแยะรายละเอียด)
สรรพอาชีพ(แยกแยะรายละเอียด) ,ประพฤติ (แยกแยะรายละเอียด)
ระลึก(แยกแยะรายละเอียด),ดำริ(แยกแยะรายละเอียด)
หมายเหตุ... คำในวงเล็บนั้น หมายความว่า ถ้าท่านทั้งหลาย ทั้งผู้ใฝ่รู้ในธรรมในพุทธศาสนา,ทั้งผู้เล่าเรียนศึกษา,ทั้งผู้ที่ท่องจำพระไตรปิฎก ได้แยกแยะรายละเอียด พฤติกรรม หรือผลแห่งหลักการทั้ง ๔ คู่ ๘ ข้อ ในทางอันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ หรือ สมุทัย อริยสัจ เอาไว้เป็นหมวดหมู่ ฯลฯ ก็จะนำเข้าไปสู่ หลักสติปัฏฐาน ๔
จบตอนที่ ๑๐
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร