วันเวลาปัจจุบัน 02 ส.ค. 2025, 21:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2011, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะ คือ อะไร ตอนที่ ๑๒
ท่านสาธุชน ทั้งหลาย ในตอนนี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึง "นิโรธ อริยสัจ" หรือ"ความดับทุกข์" หากว่าท่านทั้งหลายที่เคยได้ศึกษา เล่าเรียนพระไตรปิฏกมาบ้าง ก็คงพอจะนึกได้ว่า "นิโรธ อริยสัจ" นั้นตามหลักพระไตรปิฏกได้กล่าวไว้ว่า
ทุกขนิโรธ อริยสัจ เป็นไฉน
"ความสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ ความปล่อยวาง ความส่งคืนความพ้น
ความไม่ติดอยู่ แห่งตัณหานั้นนั่นเทียว อันใด
[๑๖๑] ก็ตัณหานี้นั้นแล เมื่อจะละ ละที่ไหน เมื่อดับ ดับที่ไหน ฯลฯ
สภาวะธรรมนี้ เรียกว่า "ทุกขนิโรธ อริยสัจ"
ความสำรอก ในที่นี้ หมายถึง การขจัดออก จากร่างกาย มิใช่มีความหมายว่า อาเจียร หรือ ขย้อน เอาสิ่งที่ร่างกายไม่ต้องการออกมา ซึ่ง การขจัดออกจากร่างกาย ย่อมหมายถึงขจัดเอา ทุกข์ และ สมุทัย ออกจากร่างกาย และสามารถขจัดออกจากร่างกายได้โดยไม่เหลือ คือความดับโดยไม่เหลือ
ความปล่อยวาง คือ การไม่ยึดถือ ความวางเฉย ความมีความพอใจ ความใคร่ที่จะทำ ความใคร่ในธรรม อันจักทำให้ ทุกข์ และ สมุทัย ไม่ติดอยู่ ไม่เกาะอยู่ ไม่เกิดขึ้น ใน" รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ"
ความส่งคืน คือ การผลักเอาสิ่งที่เป็นทุกข์,สิ่งที่เป็นสมุทัย มิให้เข้าใกล้ แม้สิ่งเหล่านั้นเข้าใกล้ ก็สามารถผลักให้พ้นจาก "รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ"แห่งตัวตนได้ โดยไม่หลงเหลืออยู่เลย
ความสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ,ความปล่อยวาง,ความส่งคืน,ความพ้น,ความไม่ติดอยู่ ในสิ่งที่เรียกว่า ตัณหา
ท่านทั้งหลาย เนื่องจากในพระไตรปิฏกนั้น ได้กล่าวไว้ อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง ยากที่จะทำความเข้าใจได้ อาจเข้าใจผิด อาจให้ความหมายผิด อาจทำให้เกิดการบิดเบือนตามหลักพระไตรปิฏก
เพราะในพระไตรปิฏกนั้น ได้กล่าวไว้ว่า ตัณหา เมื่อจะละก็ให้ละที่ตัณหานั้น เมื่อจะดับก็ให้ดับตัณหานั้น อย่างนี้เป็นต้น หากจะอรรถาธิบายโดยย่อแล้ว ในพระไตรปิฏกกล่าวไว้ว่า
"ตัณหา คือ รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ เมื่อจะละก็ให้ละที่ รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ เมื่อจะดับก็ให้ดับ ที่ รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ นี้เป็นการกล่าวโดยไม่แยกแยะรายละเอียด ซึ่งยังมีรายละเอียด ใน รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ อีกมาก
หากท่านทั้งหลายได้อ่าน และคิดพิจารณาให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว และตั้งคำถามให้ตัวท่านทั้งหลายได้ค้นหาคำตอบ ก็คือ
"ความสำรอกและความดับโดยไม่เหลือ ความปล่อยวาง ความส่งคืนความพ้น
ความไม่ติดอยู่ แห่งตัณหานั้นนั่นเทียว" นั้นเป็นอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะดับทุกข์ คำตอบที่จะต้องค้นหาก็คงมีมากมาย อีกทั้งยังต้องทดลอง ให้ได้เห็นจริงรู้แจ้ง ตามหลักคำสอนในพระไตรปิฏกกันยาวนาน เพราะท่านทั้งหลายคงเข้าใจไปคนละอย่างกัน อาจเข้าใจและให้ความหมายของภาษากันไปผิดๆ ตามแต่ความคิดของพวกท่าน
จบตอนที่ ๑๒
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๔


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 03:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เมื่อจะดับก็ให้ดับ ที่ รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ นี้เป็นการกล่าวโดยไม่แยกแยะรายละเอียด ซึ่งยังมีรายละเอียด ใน รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ อีกมาก


จริงๆแล้วธรรมที่กล่าวมานี้ก็มีความละเอียดชัดเจนสมบูรณ์แล้ว แสดงให้เห็นถึงพระปัญญาของพระพุทธเจ้าที่นำมาบอกกล่าวอันไม่มีผู้ใดในโลกนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบันนี้สามารถจำแนกธรรมต่างๆมาให้เห็นชัดเจนเหมือนพระพุทธเจ้า แต่ความละเอียดมากกว่านี้พระพุทธเจ้าก็สามารถแสดงได้อีกว่า รูปคืออะไร สัญญาคืออะไร เวทนาคืออะไร สังขารคืออะไร จิตวิญญาณคืออะไร ทั้งเหตุและความดับของเหตุ
อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
อ้างคำพูด:
เมื่อจะดับก็ให้ดับ ที่ รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ นี้เป็นการกล่าวโดยไม่แยกแยะรายละเอียด ซึ่งยังมีรายละเอียด ใน รูป,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตวิญญาณ อีกมาก


จริงๆแล้วธรรมที่กล่าวมานี้ก็มีความละเอียดชัดเจนสมบูรณ์แล้ว แสดงให้เห็นถึงพระปัญญาของพระพุทธเจ้าที่นำมาบอกกล่าวอันไม่มีผู้ใดในโลกนี้ทั้งในอดีตและปัจจุบันนี้สามารถจำแนกธรรมต่างๆมาให้เห็นชัดเจนเหมือนพระพุทธเจ้า แต่ความละเอียดมากกว่านี้พระพุทธเจ้าก็สามารถแสดงได้อีกว่า รูปคืออะไร สัญญาคืออะไร เวทนาคืออะไร สังขารคืออะไร จิตวิญญาณคืออะไร ทั้งเหตุและความดับของเหตุ
อนุโมทนาครับ


คุณ "student" ข้อความที่คุณนำมาเป็นข้ออ้างอิงนั้น เป็น คำอธิบายโดยย่อของข้าพเจ้าขอรับ ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎกขอรับ แต่ข้าพเจ้าย่อจากพระไตรปิฎกมาเขียน เพื่อให้ท่านสาธุชนทั้งหลายได้อ่าน และเกิดความรู้ ความเข้าใจได้โดยง่าย เพราะในพระไตรปิฎกอ่านแล้วเข้าใจยาก หรืออาจจะไม่เข้าใจเลย
อีกประการหนึ่ง ในคำอธิบายของข้าพเจ้าที่ว่า ยังมีรายละเอียด ใน รูป ,สัญญา,เวทนา,สังขาร,จิตญาณ อีกมากนั้น หมายถึง สิ่งที่เกิดจาก หรือเป็นผลที่เกิดจาก ไม่ได้มีความหมายว่า "คืออะไร" เพราะ คำว่า "คืออะไร"ที่คุณกล่าวมานั้น มันเป็นเพียง การให้ความหมายของคำเท่านั้น ไม่ใช่รายละเอียด ในที่นี้จะไม่ยกตัวอย่าง ให้คุณคิดพิจารณาเอาเองเถอะขอรับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร