วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 14:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2012, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อข้าพเจ้าได้กล่าวถึง อานาปานสติ อันหมายถึง การกำหนดลมหายใจเข้าออก เพื่อตั้งสติ ก็จำเป็นต้องอธิบายเกี่ยวกับ "อนุสติ ๑๐ อย่าง" เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ เพื่อให้เกิด ความรู้จักเหตุ รู้จักผล ฯลฯ เนื่องด้วย มีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา มีความคิด มีความเข้าใจว่า อนุสติ เป็นการปฏิบัติสมาธิ แต่ในทางที่เป็นจริงแล้ว อนุสติ เป็นเพียงเครื่องมือในอันที่จะทำให้ใจสงบได้ในสถานะการณ์ใดสถานะการณ์หนึ่ง มิใช่เป็นการฝึกปฏิบัติในรูปแบบของการนั่งสมาธิหรือปฏิบัติสมาธิ การคิดถึงหรือระลึกนึกถึงอยู่บ่อยๆหรือเนืองๆนั้น ก็เพื่อเป็นการใส่ข้อมูลเพื่อมิให้เกิดความคิดเศร้าหมองในตัวบุคคลนั้นๆ เป็นการระลึกนึกถึงเพื่อกระตุ้นให้เกิดกำลังใจ เกิดความหนักแน่น เกิดความเชื่อมั่นในตัวเอง กัมมัฏฐาน ในกอง "อนุสติ๑๐"นี้จึงเป็นกัมมัฏฐาน ที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับบุคคลทั่วไป สำหรับการได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมต่างๆ เป็นการปฏิบัติกรรมฐาน ขณะปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะแตกต่างจาก การปฏิบัติสมาธิโดยใช้หลักกรรมฐานในกอง "กสิณ๑๐"
ท่านทั้งหลายที่เคยได้อ่านหรือศึกษาจากพระไตรปิฏก หรืออาจจะพบเห็นในตำรับตำราต่างๆที่มีการสอนเกี่ยวกับกรรมฐาน ๔๐ กอง จะเห็นว่า "กสิณ๑๐" จะเป็นกรรมฐาน กองแรกอยู่เสมอ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ การฝึกกสิณ ก็คือ การฝึกสมาธิที่ท่านทั้งหลายได้ปฏิบัติกันอยู่ จะด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาล หรือไม่รู้เลยว่า การปฏิบัติสมาธิแท้จริงแล้ว คือการฝึกกสิณ ถ้ากำหนดลมหายใจเข้าออก ก็จะเป็นกสิณลม หรือ วาโยกสิณ เป็นการเพ่งลมที่เข้าและออกจากร่างกาย ไม่ใช่การระลึกนึกถึงลมหายใจเข้าออก คนละอย่างกัน และ การปฏิบัติสมาธิโดยใช้กสิณลม นั้น ก็จะเกี่ยวข้องกับ ฌาน ๔ ซึ่ง เป็น รูปฌาน และเชื่อมสัมพันธ์กับ ๑.อุปจารสมาธิ สมาธิจวนเจียน หรือสมาธิเฉียด ๆ ๒.อัปปนาสมาธิ สมาธิแน่วแน่ ฯลฯ อย่างนี้เป็นต้น
ดังนั้น ไม่ว่าท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องในทางพุทธศาสนา จะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใดก็ตาม ควรได้ทำความเข้าใจ และควรได้ทำการอธิบายให้กับผู้ศรัทธาทั้งหลายได้เกิดความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ตามหลักวิชชาการ
อนึ่ง "กสิณ๑๐" บางข้อ เป็นการฝึกปฏิบัติเพื่อให้เกิดความคิด เกิดอารมณ์ ความรู้สึกว่า เป็นของธรรมดา เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญยิ่ง "กสิณ" เป็นพื้นฐานของการปฏิบัติในกรรมฐาน กองอื่นๆอีกด้วย

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
๙ พ.ค. ๒๕๕๕
ผู้สอน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2012, 01:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


ใคร

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2012, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


โกเมศวร์ เขียน:
ใคร

จงอย่าหยุดที่จะไขว่คว้า
จงอย่าหยุดแสวงหา
จงอย่าหยุดจงคิดพิจารณา
นั่นแหละหนาหนทางนิพพาน........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 15:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องทำสมาธิ แล้วอยู่ๆเหมือนมองเห็นภายนอกทั้งๆที่หลับตาอยู่แต่เพียงแว๊บเดียวราวๆ 2-3วิเจ้าค่ะ แล้วภาพนั้นก็หายไปกลับเข้ามาอยู่กับความว่างเหมือนเดิม แต่คุณน้องสังเกตุว่าตอนที่มองเห็นจิตคุณน้องแกว่งไปจับภาพนั้น ภาพนั้นเลยหายไปเลย เป็นไปได้ไหมเจ้าค่ะว่า สมาธิเรานิ่งแล้วเราสามารถมองเห็นทั้งที่หลับตาอยู่ เพราะคุณน้องนั่งนานกว่าปกติ คือนั่งเกิน 1 ชม. :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวหลักของสมาธิอยู่ที่ไหน
การบำเพ็ญเพียรทางจิต การบำเพ็ญสมถะ การบำเพ็ญสมาธินั้น ตัวหลักการที่แท้อยู่ที่ไหน บางท่านงง
การทำสมาธินี้ เดี๋ยวกำหนดลมหายใจ เดี๋ยวไปเพ่งกสิณ เดี๋ยวไปภาวนาพุทโธ เดี๋ยวไปเจริญเมตตา เดี๋ยวเจริญพรหมวิหาร อะไรกันแน่ เป็นสมาธิ

ถ้าจับหลักได้แล้ว มีนิดเดียวเท่านั้นเอง สมาธิ ไม่อะไรคือการที่สามารถทำให้จิตกำหนดแน่วอยู่กับสิ่งเดียวได้ตามที่ต้องการเท่านั้นเอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่เรากำหนดลมหายใจเพื่ออะไร ? ก็เพราะว่าใจของเรามันยังไม่แน่วแน่ ยังกำหนดสิ่งเดี่ยวไม่ได้ มันฟุ้งซ่านเลื่อนลอยเรื่อยไป เราก็เลยพยายามหาเทคนิค หากลวิธีมาช่วยให้มันกำหนดแน่วแน่อยู่กับสิ่งเดียวให้ได้ สิ่งที่เอามาช่วยนั้นเราเรียกว่า “กรรมฐาน” เป็นเครื่องมือ เป็นที่ทำงานหรือที่ฝึกงานของจิตใจ


กรรมฐาน แปลว่าที่ทำงาน คือที่ทำงานหรือที่ฝึกงานของจิต เพื่อให้จิตได้รับการฝึกจนสามารถอยู่กับสิ่งเดียวได้ ฝึกให้จิตทำงานเป็น เพราะจิตทำงานไม่ได้ดี จิตยุ่งวุ่นวาย คอยจะเล่นเดี๋ยวก็ไปเที่ยวซุกซน ฟุ้งซ่าน จึงให้มันทำงาน ให้มันอยู่กับสิ่งเดียวให้ได้
เอาลมหายใจมาให้มันกำหนดบ้าง เอาเมตตามาให้มันกำหนดบ้าง เอาอสุภะมาให้มันกำหนดบ้าง เอากสิณมาให้มันเพ่งบ้าง เอามือมาเคลื่อนไหวให้มันตามให้ทันบ้าง เดินจงกรมบ้าง เอามาเป็นอุบายเป็นเทคนิคต่างๆ แต่สิ่งที่ต้องการเมื่อเกิดผลสำเร็จแล้วมีอันเดียวคือ จิตกำหนดจับอยู่กับสิ่งเดียวได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเมื่อใด จิตกำหนดแน่วอยู่กับสิ่งเดียวได้ นั้นคือสมาธิ ไม่ว่าท่านจะใช้วิธีการอย่างไรก็ตาม ขอให้ได้ผลสำเร็จนี้ก็ใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องเอาวิธีที่ท่านบอกไว้ก็ได้

แต่วิธีที่ท่านบอกไว้นั้น ท่านเคยได้ทดลองกันมาแล้วว่าได้ผล เป็นประสบการณ์ที่ได้บอกเล่ากันมาบันทึกกันไว้เป็นปริยัติ เราก็เชื่อปริยัติ ในแงที่ว่าเป็นประสบการณ์ของผู้ปฏิบัติมาแล้ว ได้ผลมาแล้ว เราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูกกันอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 20:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นอันว่าหลักการของสมถะ (สมาธิ) มีอันเดียว คือ ทำให้จิตแน่วแน่อยู่กับสิ่งเดียวที่ต้องการได้ แล้วก็ตามต้องการได้ด้วย

อยู่กับสิ่งเดียวที่ต้องการ บางทีทำสำเร็จแล้วแต่ไม่ตามที่ต้องการ เช่น มันอยู่ได้สักพักเดียวก็ไปเสียอีกแล้ว อย่างนี้เรียกว่าไม่ได้ตามต้องการ
ถ้าจะสำเร็จจริงก็ต้องให้ได้ตามต้องการ จะเอาชั่วโมงก็ได้ชั่วโมง ครึ่งชั่วโมงก็ได้ครึ่งชั่วโมง สองชั่วโมงก็ได้สองชั่วโมง

ถ้าอย่างนั้น เรียกว่าสมาธิจริง แน่วแน่ ต้องการให้อยู่กับอะไรนานเท่าไรก็อยู่กับอันนั้นนานเท่านั้น ใจไม่วอกแวกไปอื่นเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2012, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูสาระของวิปัสสนาบ้าง



วิปัสสนา จะมีวิธีปฏิบัติ มีเทคนิคอย่างไรก็ตาม สาระหรือหลักการของมันมีอันเดียว คือ การรู้เห็นตามเป็นจริง หรือ รู้เห็นตามที่มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่เราคิดให้มันเป็น ไม่ใช่รู้เห็นตามที่อยากให้มันเป็น

คนเรานี้ มักจะเป็นอย่างนั้น คือ รู้เห็นตามที่คิดให้มันเป็น เรียกว่าคิดปรุงแต่งไป แล้วมันก็เหมือนจะเป็นตามที่คิดอย่างนั้น

เมื่อใด รู้เห็นตามที่มันเป็นของมันจริงๆ ก็เรียกว่า นี่ละเกิดวิปัสสนา ความรู้แจ้งแล้ว วัตถุประสงค์ของวิปัสสนา ตัวหลักการที่แท้ก็เท่านี้เอง คือ เห็นตามที่มันเป็น

แต่ว่า เพียงเท่านี้แหละมันยากนักหนา เพราะว่าคนเรารู้เห็นตามที่ใจอยากให้มันเป็น หรือรู้เห็นตามที่คิดปรุงแต่งให้มันเป็นเสียมาก


วิปัสสนา ทำให้เกิดญาณมีความรู้แจ่มแจ้ง รู้ตามที่เป็นจริง เมื่อรู้เห็นตามที่เป็นจริงแล้ว จิตจะเป็นอิสระหลุดพ้นจากสิ่งนั้นๆ เด็ดขาดไปเลย

เมื่อเรารู้เข้าใจสิ่งใดตามความเป็นจริงแล้ว จิตของเราก็จะหลุดพ้นจากความยึดติดในสิ่งนั้น แล้วเราก็ไม่ขุ่นมัวไม่ขัดข้องเพราะสิ่งนั้น
เมื่อยังไม่รู้ว่าอะไรเราก็ขัดข้องอยู่กับสิ่งนั้น เมื่อเรารู้เราก็หลุด เราก็พ้นได้ รู้เมื่อไรก็หลุดเมื่อนั้น

ทีนี้ ความรู้เห็นตามเป็นจริงก็นำไปสู่ความหลุดพ้น เป็นอิสระอย่างชนิดเด็ดขาดสิ้นเชิง เรียกว่า อสมยวิมุตติ คือหลุดพ้นไม่จำกัดสมัย เรียกอีกอย่างว่า สมุจเฉทวิมุตติ คือหลุดพ้นโดยเด็ดขาด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 18:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุณน้องทำสมาธิ แล้วอยู่ๆเหมือนมองเห็นภายนอกทั้งๆที่หลับตาอยู่แต่เพียงแว๊บเดียวราวๆ 2-3วิเจ้าค่ะ แล้วภาพนั้นก็หายไปกลับเข้ามาอยู่กับความว่างเหมือนเดิม แต่คุณน้องสังเกตุว่าตอนที่มองเห็นจิตคุณน้องแกว่งไปจับภาพนั้น ภาพนั้นเลยหายไปเลย เป็นไปได้ไหมเจ้าค่ะว่า สมาธิเรานิ่งแล้วเราสามารถมองเห็นทั้งที่หลับตาอยู่ เพราะคุณน้องนั่งนานกว่าปกติ คือนั่งเกิน 1 ชม. :b55:


:b1:

ในหนัง มนุษย์ค้างคาวตาบอด ใช่ป่าว
แต่เห็น

:b10:

แสดงว่าการเห็นได้โดยที่หลับตา มันต้องมีอายตนะที่ทำหน้าที่อยู่ในอาการทางจิต :b32: ดังกล่าว ใช่ป่าว

:b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 18:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
nongkong เขียน:
คุณน้องทำสมาธิ แล้วอยู่ๆเหมือนมองเห็นภายนอกทั้งๆที่หลับตาอยู่แต่เพียงแว๊บเดียวราวๆ 2-3วิเจ้าค่ะ แล้วภาพนั้นก็หายไปกลับเข้ามาอยู่กับความว่างเหมือนเดิม แต่คุณน้องสังเกตุว่าตอนที่มองเห็นจิตคุณน้องแกว่งไปจับภาพนั้น ภาพนั้นเลยหายไปเลย เป็นไปได้ไหมเจ้าค่ะว่า สมาธิเรานิ่งแล้วเราสามารถมองเห็นทั้งที่หลับตาอยู่ เพราะคุณน้องนั่งนานกว่าปกติ คือนั่งเกิน 1 ชม. :b55:


:b1:

ในหนัง มนุษย์ค้างคาวตาบอด ใช่ป่าว
แต่เห็น

:b10:

แสดงว่าการเห็นได้โดยที่หลับตา มันต้องมีอายตนะที่ทำหน้าที่อยู่ในอาการทางจิต :b32: ดังกล่าว ใช่ป่าว

:b22:

คงงั้นแหละเจ้าค่ะแต่ถ้าไปสงสัยมันจะติดแหงกไม่ไปไหนซะที เพราะฉะนั้นอย่าไปสนใจ ดีนะที่เห็นเป็นห้องนอนตัวเอง :b32: ถ้าเห็นเป็นท้องฟ้า..หรือสวรรค์นี่ :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 20:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b22: :b22: เห็นหูลูก เป็นทอดมัน :b22: :b22:

อิ อิ

:b19: :b19: เห็นเท้าลูกเป็นกะหรี่ปั๊บ :b19: :b19:


ง่ำ ง่ำ

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
คุณน้องทำสมาธิ แล้วอยู่ๆเหมือนมองเห็นภายนอกทั้งๆที่หลับตาอยู่แต่เพียงแว๊บเดียวราวๆ 2-3วิเจ้าค่ะ แล้วภาพนั้นก็หายไปกลับเข้ามาอยู่กับความว่างเหมือนเดิม แต่คุณน้องสังเกตุว่าตอนที่มองเห็นจิตคุณน้องแกว่งไปจับภาพนั้น ภาพนั้นเลยหายไปเลย เป็นไปได้ไหมเจ้าค่ะว่า สมาธิเรานิ่งแล้วเราสามารถมองเห็นทั้งที่หลับตาอยู่ เพราะคุณน้องนั่งนานกว่าปกติ คือนั่งเกิน 1 ชม. :b55:


ขณะที่คุณมองเห็น แสดงถึงสภาพสภาวะจิตใจแตกซ่าน ไร้สมาธิ เมื่อภาพนั้นหายไป กลับเข้ามาอยุ่ในความว่าง นั้นคือ สภาพสภาวะจิตใจมีสมาธิ
ถ้าคุณมีสมาธินิ่ง คุณจะไม่ต้องการเห็นอะไรทั้งนั้น ฯลฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 20:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
ถ้าคุณมีสมาธินิ่ง คุณจะไม่ต้องการเห็นอะไรทั้งนั้น ฯลฯ



:b41: smiley :b41:

:b46: :b41: :b16: :b41: :b46:

:b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46: :b46:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2012, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


อานาปานสติ ๑ ใน อนุสติ ๑๐ อย่าง
ข้าพเจ้าจะอรรถาธิบายให้ท่านทั้งหลายได้เกิดความรุ้ ความเข้าใจ ในหลักอนุสติ ๑๐ อย่างในทางพุทธศาสนา โดยจะยกเอา อนุสสติ ข้อ "อานาปานสติ" ขึ้นมาอรรถาธิบายให้ท่านทั้งหลายได้ไตร่ตรอง คิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน
ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะอยู่ในเพศใด ฐานะใด บทบาทหน้าที่ใด อันเกี่ยวข้องกับทางพุทธศาสนา หลงเข้าใจผิดกันมานาน ตามคำสอนที่บอกต่อๆกันมาเกี่ยวกับ อานาปานสติ ในทางที่ไม่ถูกต้อง ในทางที่ผิดแผก ผิดหลักการ ผิดวัตถุประสงค์ของหลักธรรมแห่ง "อนุสสติ ๑๐ อย่าง"
อนุสสติ หมายถึง อารมณ์ที่ควรระลึก นึกถึงอยู่เนืองๆ (จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฏกฯ) นั่นย่อมหมายถึง การระลึกนึกถึงเมื่อเกิดมีความคิดจากการได้สัมผัสจากอายตนะทั้งหลายแล้วเกิดความคิดที่ทำให้เป็นทุกข์ ไม่สบายใจ ฯ กล่าวคือ ระลึกนึกถึง ๑) พุทธานุสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๒) ธัมมานุสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม ๓) สังฆานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ ๔) สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๕) จาคานุสติ ระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว ๖) เทวตานุสติ ระลึกถึงคุณที่ทำคนให้เป็นเทวดา ๗) มรณัสสติ ระลึกถึงความตายที่จะต้องมีเป็นธรรมดา ๘) กายคตาสติ ระลึกทั่วไปในกายให้เห็นว่าไม่งาม ๙) อานาปานสติ ตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก ๑๐) อุปสมานุสติ ระลึกถึงธรรมเป็นที่สงบระงับกิเลสและความทุกข์ คือ นิพพาน
แต่ท่านทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับทางพุทธศาสนา กับหลงเข้าใจผิดคิดว่า "อานาปานสติ" เป็นการปฏิบัติสมาธิ สอนกันมาแบบผิดผิดมาโดยตลอด จริงอยู่ อานาปานสติ หมายถึง การตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก แต่เป็นการกำหนดลมหายใจเข้าออก เมื่อได้สัมผัสกับ รูป รส กลิ่น เสียง แสงสี โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ แต่มิได้เป็นการฝึกกรรมฐาน เพื่อให้ใจสงบ แต่เป็นการกำหนดลมหายใจเพื่อเป็นการให้มีสติ หรือรวบรวมสติ ในเหตุการณ์เฉพาะหน้านั้นๆ หรือระลึกนึกถึงลมหายใจกำหนดลมหายใจเมื่อเกิดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ที่เป็นไปในทาง "อกุศล" อันเกิดขึ้นในจิตใจ ในความคิดของแต่ละบุคคลเมื่อได้สัมผัสกับอายตนะฯทั้งหลาย
การปฏิบัติสมาธินั้น เป็นการฝึกควบคุมมิให้เกิดความคิด อารมณ์ ความรู้สึก อันฟุ้งซ่าน มีหลักการปฏิบัติ อีกรูปแบบหนึ่ง ไม่ใช่ระลึกนึกถึงเมื่อเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้า คนละแบบกัน
การปฏิบัติสมาธินั้น มักจะเป็นในรูปของ กสิณ จะลืมตาหรือหลับตาก็ได้ทั้งนั้น
และด้วยเหตุที่ "อนุสสติ" เป็นหนึ่งใน "กรรมฐาน ๔๐ กอง" จึงเกิดความเข้าใจผิด ใช้อานาปานสติ ไม่ถูกต้อง สอน อานาปานสติ กันแบบผิดวัตถุประสงค์ จะว่าบิดเบือนก็คงไม่ได้ เพราะ จัดอยู่ในกรรมฐาน เหมือนกัน เพียงแต่ ในแต่ละอย่างล้วนมีการใช้ที่แตกต่างกันไป ที่กล่าวไปนี้หมายถึง กัมมัฎฐาน ๔๐ กอง มีการใช้ที่แตกต่างกัน คือ แต่ละอย่างก็มีการใช้เฉพาะทางเท่านั้น ขอให้ท่านทั้งหลายได้ศึกษา และคิดพิจารณา เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เถิดขอรับ

จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
ผู้สอน
๘ พ.ค.๒๕๕๕


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร