วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 22:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 04:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบรรยาย
พัฒนาตน
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

คนดีต้องมีผลงาน
คนพาลชอบหาเรื่อง
คนชอบรุ่งเรืองต้องพัฒนา...
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับคำกลอนข้างต้น อาตมาขอเล่าธรรมะสักเรื่องตามตำนานชาดกที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่คณะสงฆ์ผู้ทรงศีล ดังนี้
มีพระราชาองค์หนึ่งทรงสุบิน ว่ามีช้างเผือกจะเข้ามาในเมือง ก็มีคำสั่งให้โหรพระที่นั่งเข้ามาทำนายทายทัก ฝ่ายพญาพาลติดสินบนให้โหรเสแสร้งกล่าววาจาทำนายว่า มีคนกาลีบ้านกาลีเมืองอยู่ในเมืองนี้ คนมีวิชาจะมาแย่งราชบัลลังก์ แนะนำให้จับตัวไปประหารชีวิตเสียให้หมด
ฝ่ายกระทาชายนายหนึ่ง ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง เป็นบุตรมุขอำมาตย์ ไปร่ำเรียนศึกษาวิชาจากอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แห่งเมืองตักศิลา มีวิชาความรู้ทั้งศิลปหัตถกรรม ยุทธวิธียุทโธปกรณ์ทั้งกำบังและหายตัว เมื่อสำเร็จวิชาก็กลับมายังบ้านเมืองดังกล่าว มุขอำมาตย์ผู้บิดา เมื่อทราบคำทำนายดังนั้น ก็บอกลูกชายให้หลบลี้หนีหน้าออกไปจากเมืองนี้ มิฉะนั้นจะถูกประหารชีวิตด้วยพญาพาลกราบทูลองค์พระราชาว่า ลูกของอำมาตย์บุคคลนี้มีความรู้ดีมาก อาจจะเป็นอันตรายต่อพระองค์และราชบัลลังก์
ชายคนนี้ก็หนีไปอยู่ในถ้ำคูหา ๑๖ คูหา ห่างจากพระนคร ๑๖ โยชน์ คนมีวิชาอยู่ที่ไหนก็ไปสร้างฝีมือที่ดี คนชั่วจะไปอยู่ที่ใดก็สร้างแต่ความชั่ว นี่แหละคนเราก็เป็นอย่างนี้แหละหนอ ชายคนนี้ก็หลบหนีไปอยู่ในถ้ำ เจริญสมาธิบำเพ็ญจิตภาวนา แบบเรื่องชาละวันเข้าถ้ำคูหากลายเป็นมนุษย์โสภา ออกจากถ้ำคูหากลายเป็นกุมภาเดรัจฉาน ไม่มีสติ ไม่มีสมาธิ ที่มักจะเป็นเดรัจฉาน คือ โมหะ
กระทาชายผู้นี้ไปอยู่ในถ้ำ เจริญสมาธิภาวนา เกิดแสงสว่าง เกิดปัญญามั่นคงดำรงศาสตร์ มีวิชาความรู้เพิ่มขึ้น ได้จารึกแสดงฝีมือของตนเองไว้ คนดีมีฝีมือจะแสดงฝีมือตลอดรายการ คนที่อันธพาลมักจะหาเรื่อง เสแสร้งกล่าววาจาบิดเบือนความจริงของชีวิตและความดีของคนอื่น ออกมาอย่างนี้ชัดเจน
คนดีมีปัญญา คือ ช้างเผือก ช้างเผือกมันอยู่ในป่าแห่งความสงบ ถ้าบุคคลใดมีจิตสงบปรารภธรรม บุคคลนั้นเป็นช้างเผือก คือ ผู้มีปัญญา บุคคลใดจิตไม่สงบเป็นช้างเผือกไม่ได้ ป่าในที่นี้แปลว่า ความสงบ เรียกว่า ป่ารุกขมูล มีสัจจะ มีความจริงใจและจริงจัง ต่อตนเองและต่อบุคคลอื่นด้วย
ในกาลเวลาต่อมา คนดีมีวิชาหนีไปหมดแล้วเหลือแต่คนโง่ ๆ ประเภทโง่เง่าเต่าตุ่นอยู่ในเมืองนั้นเช่นนี้แล้ว พญาพาลก็ก่อกบฏ พระราชาก็หนีออกจากเมืองไป ได้มีการป่าวประกาศหาคนดีมีวิชามาช่วยกอบกู้พารา ถ้าทำสำเร็จจะให้ทรัพย์สินเงินทองเท่าลูกฟัก หนักเท่าลูกแฟง ก็ยังหาคนดีมีวิชาไม่ได้ เพราะต่างหลบหนีกันไปไกลหมด
กล่าวถึงพระเอกของเรื่อง แม้จะหนีเข้าไปอยู่ในที่ไกลถึงในถ้ำ คนดีมีฝีมืออย่างไรคนก็รู้ กระนั้นก็อดมีคนเห็นไม่ได้ มี ๒ คนตายายอยู่ไพรสณฑ์ มีอาชีพทำไร่มันไร่แป้ง พืชพันธุ์ธัญญาหาร ก็ไปพักหลบแดดหลบฝนเข้าไปในถ้ำ ไปเห็นลวดลายอักขระสวยงาม ถ้ำนั้นสวยงามอย่างเทวสถานวิมานแดนสวรรค์ คนดีมีฝีมือไปอยู่ที่ไหนดีที่นั้น คนดีไปอยู่ในถ้ำ ถ้ำนั้นก็ดี คนดีไปอยู่บ้านกระท่อมกลายเป็นบ้านใหญ่โต ส่วนอันธพาลไปอยู่บ้านใหญ่บ้านโตก็จะเหลือกระท่อม คนชั่วคนเลวไปอยู่ที่ไหน จะปลอมแปลงอย่างไร ก็มีคนเคลือบแคลงและสงสัยตลอดรายการ เห็นหนอมันบอก บอกว่าคนนี้ไม่ใช่พระเอก ไม่ใช่นางเอก
ในที่สุด ๒ ตายายก็นำเรื่องได้พบคนดีมีวิชาไปบอกมุขอำมาตย์ เหล่ามุขอำมาตย์ราชบริพารไปดูในถ้ำ เห็นลวดลายฝีมือ บอกว่ายังมีคนดีมีปัญญาอยู่ในป่าอีกหรือ ลูกมุขอำมาตย์คนนี้ก็หนีไปอยู่ในถ้ำอื่นต่อไป แสดงฝีมือนั่งเจริญสมาธิ ทำให้ถ้ำนั้นสวยงามในสายตาผู้พบเห็น ได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปหัตถกรรมจากภาพในถ้ำนั้น ท้ายสุดชายคนนี้ก็ถูกจับ บอกให้ไปช่วยกอบกู้เมืองเถิด ชายคนนี้ไม่ใช่เป็นเชื้อพระวงศ์ เมื่อพระราชาทรงประชวรก่อนสิ้นพระชนม์ก็บอกแก่กระทาชายลูกมุขอำมาตย์ว่า ไม่มีใครมีวิชาเท่าเจ้าเลย เราจะยกสมบัติพัสถานให้ทั้งหมด ได้อภิเษกกับธิดาของพระราชา และกลายเป็นองค์พระราชาสืบเนื่องต่อกันมา
นี่แหละท่านทั้งหลาย คนที่มีบุญวาสนาต้องเป็นคนที่เจริญปัญญา เจริญสมาธิถึงจะมีปัญญา ขนาดหนีไปอยู่ในดงในป่าก็ยังมีคนไปพบเห็นได้ คนดีนี้จะหนีไปอยู่ที่ไหนก็มีคนเห็น ขนาดหนีไปอยู่ในถ้ำก็ยังแสดงฝีมืออีก คนดีไปอยู่ที่ไหนเจริญที่นั้น คนจะมีปัญญาได้นั้นต้องกำหนดจิตให้มีสติจึงจะเกิดปัญญา ในเมื่อมีปัญญาแล้วก็จะวาดลวดลายสวยงามเสมอ แสดงออกบอกให้ทราบว่าเขาเป็นผู้มีปัญญา คนโง่ก็แสดงออกบอกให้เขารู้ตัวนี้โง่ที่สุด คดในข้องอในกระดูก คนดีมีปัญญาไปไหนมีแต่งาน คนพาลที่ชอบไปหาเรื่องหาราวตลอดรายการ คนชอบรุ่งเรืองต้องพัฒนาตัวเอง ด้วยการเจริญพระกรรมฐาน เป็นการพัฒนาตัวเองให้เจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพร
ท่านอุบาสก อุบาสิกาทั้งหลายเอ๋ย เจริญวิปัสสนาทำให้เรืองปัญญา เรืองฤทธิ์เดชเดชานุภาพ เรียกว่าบารมี การที่เราเจริญวิปัสสนาก็คือเรามาสร้างบารมีนะโยมนะ ไม่ใช่มาเที่ยวเล่น ไม่ใช่มาคุยกัน ไม่ใช่มาโกหกกัน ไม่ใช่มาหลอกลวงกัน ไม่ใช่มาล้วงกระเป๋ากัน ผู้ที่เจริญพระกรรมฐาน เพื่อเป็นการสร้างบารมีของตน ขอให้ท่านทำจริงเหมือนตัวกระทาชายคนนั้น
คนที่สร้างบารมีนั้นมีแต่ความเพียร เดินจงกรมอย่าเหยาะแหยะ กำหนดสติทุกอิริยาบถ ตั้งสัจจะ เดิน ๑ ชั่วโมง นั่ง ๑ ชั่วโมง ถ้าเดิน ๒ ชั่วโมง นั่ง ๒ ชั่วโมง นอนกำหนดพองหนอยุบหนอไปจนกว่าจะหลับไป เหล่านี้เป็นการสร้างบารมี เจริญพระกรรมฐานเป็นการสร้างบารมี ถ้าบุคคลใดมีความเพียร บุคคลนั้นมีบารมี บุคคลใดไร้ความเพียร ไม่มีบารมี ไร้วาสนา จะไม่มีกตัญญูกตเวทิตาธรรมต่อผู้มีบุญคุณเลย
ขอฝากท่านทั้งหลายไปตีความหมาย นับประสาอะไรกับลูกมุขอำมาตย์ มีปัญญาญาณ มีวิชาการเรียน จบมาจากเมืองตักศิลา ถ้าไม่ถูกพญามารแกล้งกล่าวเรื่องแล้ว กระทาชายคนนี้ก็คงเป็นได้เพียงข้าในราชสำนักธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น นี่แหละบารมี มารไม่มีบารมีไม่เกิด ประเสริฐไม่ได้ หนีไปอยู่ในถ้ำเจริญสมาธิแสดงฝีมือออกมาสวยงามชัดเจน
นี่แหละคนดีอยู่ที่ไหน มีคนจารึกเป็นประวัติศาสตร์ มีความดีบันทึกเป็นหลักฐาน ส่วนคนจัญไรอยู่ที่ไหนไม่มีใครอยากบันทึกเลย

ธรรมบรรยาย
พัฒนาจิต
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

มโนปุพพังคมาธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา คนเราจะดีได้อยู่ที่จิตใจ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ชัดเจน จิตเป็นหัวหน้า ถ้าจิตดีงานทั้งหลายดีหมด พระพุทธเจ้าให้พัฒนาจิตก่อน เมื่อพัฒนาจิตดีแล้ว ให้พัฒนาเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมต่อไป ขอให้นำเอาหลักเกณฑ์วิธีการ ๓ ส. ๓ จ. ๕ จริงทุกสิ่ง ป.ป.ร.ก. ไปใช้ รับรองเจริญทั้งวัด เจริญทั้งบ้าน เจริญทั้งประเทศ
พระพุทธศาสนานั้น เจริญรุ่งเรืองวัฒนาสถาพรอยู่แล้วเป็นทั้งรูปธรรมและนามธรรม ทำให้คนเห็นชัดในด้านรูปแบบของพระสงฆ์สาวก ได้รับมรดกมาจากสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เป็นรูปธรรมให้ประชาชนเห็นชัดในด้านนามธรรม พระสงฆ์มีกิจกรรมสร้างประโยชน์แก่ประชาชนอย่างเต็มความสามารถ แต่การพัฒนานั้นเราสามารถเลือกใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศชาติ
การพัฒนานั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงชัดเจนมาก คนเราจะดีได้อยู่ที่จิตใจ มโนปุพพังคมาธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา จิตเป็นหัวหน้า ถ้าจิตดีเสียแล้วงานทั้งหมดดีหมด พระพุทธเจ้าให้พัฒนาตรงนี้ก่อน เมื่อพัฒนาจิตดีแล้ว ให้พัฒนาเศรษฐกิจและพัฒนาสังคมต่อไป
การพัฒนาจิต ถ้าจิตของประชาชน จิตของพระสงฆ์ดีแล้ว ถูกต้องตามครรลองของชีวิตแล้ว ก็จะได้เริ่มพัฒนาการศึกษาง่ายขึ้น การศึกษาแสวงหาวิชาความรู้ก็จะง่ายขึ้น ที่สุดถ้าพัฒนาจิตดีแล้ว จะได้การศึกษาสูงขึ้น มีความรู้คู่ความดี เรียนให้รู้ ดูให้จำ ทำให้จริง คือ พัฒนาจิต ถ้าจิตไม่ดีแล้ว เรียนก็ไม่รู้ ดูก็ไม่จำ ทำก็ไม่จริง ทุกสิ่งก็ไม่ได้ ตรงนี้พระพุทธเจ้าทรงเน้นมาก ทรงเน้นให้พัฒนาจิต ถ้าท่านผู้ใดจิตดีแล้ว การศึกษาดีหมด จะเรียนรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม ทั้งกิจกรรมที่มีประโยชน์ในตนและครอบครัว
การพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากศึกษาจบหลักสูตรแล้ว พระพุทธเจ้าไม่ให้นิ่งนอนใจอยู่แค่นั้น ให้เริ่มพัฒนาเศรษฐกิจให้รุ่งโรจน์ต่อไป ให้เงินไหลนองทองไหลมา ใช้วิชาที่ได้เรียนมาให้เป็นประโยชน์ต่องาน ต่อสังคมต่อไป
การพัฒนาสังคม เมื่อพัฒนาเศรษฐกิจดีแล้ว พระพุทธเจ้าเน้นอีกให้พัฒนาสังคม ให้พี่น้องทุกคนอยู่ด้วยความเมตตา ปรองดองเหมือนญาติพี่น้องท้องเดียวกัน ไม่มีการแตกแยก ไม่มีการขาดความสามัคคี สร้างแต่ความดีร่วมกันในสังคม ทั้งพี่ทั้งน้องทั้งญาติวงศ์พงศาทุกหมู่เหล่า จะเป็นต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างภาษา ก็ให้ปรองดองกัน ด้วยความเมตตาปราณี อารี เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูกัน
การพัฒนาจิตนั้นเป็นเชิงปฏิบัติการ ถ้าจิตท่านผู้ใดดีแล้ว ดีหมดทุกอย่าง ในเมื่อจิตดีแล้ว สุขภาพจิตก็ดีด้วย เมื่อสุขภาพจิตดีการงานก็ดี
ความเจริญรุ่งเรืองของคนนั้น ต้องมีหลักปฏิบัติ ไม่ใช่เชิงปฏิบัติ ต้องศึกษาแสวงหาความรู้วิชาการหลายด้าน ไม่ใช่ด้านเดียว แต่การที่จะศึกษาหาวิชาการมาพัฒนานั้นมีอยู่ ๒ ประการคือ dd>
๑. คันถธุระ
๒. วิปัสสนาธุระ
คันถธุระ ต้องเรียนหนังสือทั้งหมด เรียนโลกียปัญญา ปัญญาทางโลก ต้องเรียนทั้งนั้น การเรียนหาวิชาความรู้ใส่ตนเป็นภาคบังคับ เรียกว่า โลกียปัญญา โลกธรรมต้องพึ่งพาอาศัยกัน เรามีธรรมะต้องอาศัยโลก โลกอยู่ได้เพราะธรรมค้ำจุน คือ เมตตาค้ำจุนโลกไว้ได้ ดังที่กล่าวแล้ว ดังนั้น คันถธุระนี้จึงต้องเรียนทุกอย่าง ถ้าไม่เรียนก็ไม่รู้เรื่อง
วิปัสสนาธุระ ต้องปฏิบัติทุกรูปแบบ สมถกรรมฐาน แปลว่า ต้องศึกษาความจริงของชีวิต แจ้งแล้ว เข้าใจแล้ว อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย คลายทิฏฐิ ดำริชอบ ประกอบกุศล ได้ผลอนันต์ เป็นหลักฐานสำคัญแล้ว วิปัสสนาธุระจึงเป็น โลกุตรปัญญา ต้องคู่กันไปกับปัญญาทางโลก โลกุตรปัญญา หมายความว่า ปัญญาที่ได้จากตัวเอง แก้ไขปัญหาทุกข์ แก้ไขปัญหาชีวิต ที่เกิดขึ้นในครอบครัวนั้น
หลักศาสนาของพระพุทธเจ้าสอนชัดเจนมาก ชัดทั้งรูปธรรมให้เห็นชัด ชัดทั้งนามธรรม คือ ปฏิบัติธรรมได้ มีทั้งโลกียปัญญา มีทั้งโลกุตรปัญญา
โลกุตรปัญญา คือ ปัญญาในตัว เกิดขึ้นในตัว ปัญญาติดมากับตัว ความรู้อยู่ในตำรา ศรัทธาสนใจ ศึกษาเอาเองได้ ปัญญาในตัวแก้ไขปัญหาได้ ปัญญานอกตัวแก้ไขปัญหาไม่ได้ คือ เรียนวิชาเป็นดอกเตอร์ แก้ไขปัญหาไม่ได้ จึงจำเป็นเหลือเกินต้องมีวิปัสสนาธุระ ทั้งสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ต้องเรียนคู่กันไปทั้งสองอย่าง สมถะเป็นการศึกษาปัญหาชีวิต พอชีวิตได้ผลแจ้งชัดถึงจิตใจของข้าพเจ้าแล้ว รูปนาม ขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์แล้ว จึงเรียกวิปัสสนาธุระ ได้ทั้งสองประการควบคู่กันไปแล้ว รับรองว่า ศาสนาเจริญ คนเจริญอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ แต่ศาสนาอยู่คงที่คงวาไม่มีเสื่อม ไม่มีคลาย ไม่มีถอยหลัง แต่คนเรานี่เสื่อม เพราะไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ
ปัญญาทั้งสองทางนี้พระพุทธเจ้าเน้นมาก ไม่ใช่ไปนั่งหลับหูหลับตาเพียงอย่างเดียว พระยุคใหม่สมัยนี้ทิ้งปริยัติธรรมหมดแล้ว บวชแล้วไม่ต้องเรียน นักธรรมตรีก็ไม่ได้ ปฏิบัติผิดทั้งนั้น ในเมื่อผิดเช่นนี้แล้วก็ไปสอนผิด เอาจริตของบุคคลมาใช้ ตามใจคนใช้ไม่ได้ คำว่า สมถะนั้นต้องตามจริต จะชอบอย่างไร ชักจูงมาทางรูปแบบ แต่วิปัสสนาธุระ คือ การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ขันธ์ ๕ รูปนามเป็นอารมณ์ ไม่ต้องแก้จริต คนเรามีสติสัมปชัญญะเมื่อใด มีปัญญาแก้ไขเมื่อนั้น ถ้าขาดสติสัมปชัญญะเมื่อใด ปัญญาที่จะแก้ปัญหาก็หมดไป
พระพุทธเจ้าทรงประกาศศาสนามานานถึง ๔๕ พรรษา พระองค์มีปัญญาของพระองค์ในตัวเอง จึงจะช่วยชาวโลกให้พ้นเสียจากทุกข์นานาประการได้ ปัญญานอกตัวช่วยแก้ไขปัญหาไม่ได้ แต่ก็ช่วยให้ประกอบอาชีพการงานเป็นหลักฐาน ท่านทั้งหลายถ้ามีความรู้สูงแล้ว แต่ไม่ปฏิบัติตามความรู้ จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาของชีวิตได้ ก็อยู่ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องอาศัยซึ่งกันและกัน
ถ้าไม่มีโลกียปัญญา จะไม่มีอาชีพการงาน ไม่ได้เรียนแล้วจะไปทำอะไรได้ เช่น วิศวกรรมไฟฟ้า ถ้าไม่ได้เรียนแล้ว จะไปทำงานเรื่องไฟฟ้าได้ไหม แต่ถ้าเป็นดอกเตอร์ทางไฟฟ้าทำได้ เป็นวิศวกรรมศาสตร์ หรือ แพทย์ศาสตร์ เวชศาสตร์ เก่งมากแต่ขาดโลกุตรปัญญา ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาชีวิตได้เช่นกัน
การเชื่อเรื่องเครื่องรางของขลังจะเสียหลักศาสนา ศาสนาไม่ได้สอนเครื่องรางของขลัง แต่เป็นความนิยมของประชาชนหมู่หนึ่งที่มีศรัทธาเชื่อมั่นของเขาอย่างนั้น เช่น ผีเจ้าเข้าทรง คนขาดสติสัมปชัญญะแล้ว ผีจะเข้าเจ้าจะทรง ตรงนี้ขาดธรรมะ เพราะฉะนั้นคนมีสติสัมปชัญญะผีก็ไม่เข้า เจ้าก็ไม่ทรง เพราะมีสติดี ตรงนี้ขอเน้น พระพุทธเจ้าท่านสอนชัดเจนมาก แต่ท่านพุทธศาสนิกชนทั่วไปขาดสติสัมปชัญญะ ผีก็เข้าเจ้าก็ทรง เลยกลายเป็นว่าไสยศาสตร์เป็นหลักศาสนา สนใจหาแต่เครื่องรางของขลัง แต่ธรรมะไม่หาเลย ไม่สนใจด้วย
คนเดี๋ยวนี้เข้าวัดมาก แต่การปฏิบัติธรรมไม่มี เมื่อสมัยก่อนปูย่าตาทวดหลักศาสนาแข็งมาก เป็นหลักฐาน คือ เข้าวัดรักษาอุโบสถในวันพระ เดี๋ยวนี้เข้าวัดไม่ใช่รักษาอุโบสถ ไม่ใช่ปฏิบัติธรรม แต่ไปทัวร์บุญ ไปเที่ยวตามวัด ไปหาเรื่องกับพระ ไปติฉินวัดวาอาราม เป็นต้น
พระพุทธเจ้าสอนเข้าวัดปฏิบัติธรรมต้องให้ครบ ๓ วัด คือ
๑. วัตถุธรรม
๒. วัดอารมณ์
๓. วัดจิตใจ
ปัจจุบันนี้คนหาแต่เครื่องรางของขลัง ถือดอกไม้ธูปเทียนไปหาพระ ไปให้พระช่วยทั้งนั้น แต่ไม่ช่วยตัวเอง ถ้าคันถธุระเชี่ยวชาญจะเกิดปริยัติศาสนา เข้มงวดกวดขัน มีปฏิบัติศาสนาและปฏิเวธศาสนา เมื่อมีครบทั้ง ๓ อย่างรับรองว่า ไปรอดปลอดภัย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีปริยัติศาสนา และประชาชนทั่วไปนับถือศาสนาพุทธแต่แบบฟอร์ม ไม่เคยศึกษาอันใด ปริยัติศาสนาก็ไม่ได้เรียน ไม่ปฏิบัติศาสนาด้วย ปฏิเวธธรรมจะเกิดขึ้นในกิจกรรมประจำชีวิตได้อย่างไรเล่า
คนสมัยนี้ปฏิบัติศาสนาน้อยมาก ไปเที่ยวดูวัดสวยงามเท่านั้นเอง ไม่ต้องปฏิบัติธรรมเลย คนสมัยนี้เข้าวัดมากกว่าสมัยก่อน สมัยก่อนเข้าวัดน้อยแต่ปฏิบัติธรรมมาก คนเดี๋ยวนี้เข้าวัดมากเป็นร้อย ๆ พัน ๆ แต่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลย เอาดอกไม่ธูปเทียนมาให้พระช่วย ช่วยหน่อยเจ้าข้า ช่วยให้ขายที่ได้บ้าง ช่วยให้สามีกลับบ้านบ้าง ช่วยให้ครอบครัวมีความสุขบ้าง แต่โดยวิธีปฏิบัติแล้ว เขาไม่ได้ปฏิบัติศาสนาเลย ไหนเลยล่ะจะช่วยได้
พระพุทธเจ้าท่านสอนไว้ชัดเจนว่า
๑. สอนตัวเองให้ได้
๒. พึ่งตัวเองได้
๓. สอนตัวเองได้
ทั้ง ๓ ประการนี้ เป็นหลักศาสนาที่ชัดเจนที่ย่อลงมา แต่เชิงปฏิบัติการ คนเราทั่วไปไม่เคยปฏิบัติเลย ปฏิบัติแต่ข้าวขันแกงโถ เวลาเลี้ยงพระถือว่าเป็นศาสนา และทอดกฐิน ทอดผ้าป่า สร้างศาลา สร้างโบสถ์ เรียกว่าบุญสงเคราะห์ เป็นบุญนอกตัวทั้งนั้น แต่ปฏิบัติตัวเองนี่ลืมไปเป็นบุญสงเคราะห์ตัวเอง ทำให้เกิดปัญญาในตัว อันนี้มีความหมายอยู่มาก
ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่าหลายภาษาแพ้ฝรั่ง อาตมาไปยุโรป ๕ ประเทศ มีแต่คนไทยถือดอกไม้มาให้บุญช่วย แต่ฝรั่งมาหาธรรมะ แสวงหาธรรมะ ฝรั่งปฏิบัติธรรมะมาก เดี๋ยวนี้ตรงกันข้ามแล้ว คนไทยไปเอาของฝรั่งมา ฝรั่งเอาของคนไทยไป มีมารยาทชาติผู้ดี มีศีลธรรม ทำไมหนอฝรั่งไม่เคยไปวัด ไม่เคยทอดกฐิน ไม่เคยทอดผ้าป่า ไม่เคยทำบุญสุนทานแบบเราชาวพุทธ แต่ทำไมฝรั่งร่ำรวยมหาศาล ทั้งนี้เพราะเขามีธรรมะ มีธรรมะอยู่ที่จิตใจของเขา เขาปฏิบัติหน้าที่เคร่งครัด ขยันหมั่นเพียร ไม่เกียจคร้านแต่ประการใด เขาตรงไปตรงมาด้วยยุติธรรม ก็มีธรรมะประจำใจของเขา ไม่จำต้องกล่าวว่ามานั่งในวัดหรือมาเที่ยวกันในวัด
สำหรับข้อวัตรปฏิบัติ พระพุทธเจ้าสอนว่า พระภิกษุผ่านเวจกุฏีสกปรก หนีไปเป็นอาบัติโทษทันที แสดงว่าพระพุทธเจ้าเน้นเรื่องห้องน้ำ ห้องสุขา ต้องสะอาดหมด พระภิกษุละเลยข้อนี้เป็นอาบัติโทษ อันนี้เรียกว่า กิจวัตร
อาตมามาอยู่วัดอัมพวันนี้สมัยนั้นยังยากจนไม่มีอะไรเลย ต้องฉันข้าวกับน้ำปลา ไม่มีกับข้าวเลย แต่บัดนี้ตรงกันข้ามแล้ว เอาหลักศาสนา เอาหลักกิจวัตรวัฒนาวัด ช่วยกันปัด ช่วยกันกวาดอาวาส ลานเจดีย์ อย่าสกปรก ตรงนี้ซึ้งใจเหลือเกิน พระพุทธเจ้าสอนให้ทำกิจวัตร จะพูดสมัยใหม่ให้ฟังดังนี้
ดูบ้านเมือง...ดูที่ความสะอาด
ดูประชาชาติ...ดูที่ความสามัคคี
ดูลูกหลาน...ดูที่การเคารพ
ดูหญิง...ดูที่ความอาย
ดูชาย...ดูที่ความกล้าหาญ
ดูพระ...ดูที่กิจวัตร
อาตมาใช้หลักศาสนาพัฒนา เงินทองไม่มีเลยเพราะพระไม่มีปัจจัย แต่ทำไมให้มีเงินทางได้ ได้อาศัยเสด็จพ่อ ปฏิบัติตามที่ท่านได้ฝากหลักศาสนาไว้กับพุทธบริษัทแล้ว เราก็นำเอามาพัฒนาขึ้น
พระไตรปิฎกเพิ่งมีต่อเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว สังคายนาขึ้นมา ไม่อย่างนั้นเราจะขาดตำรา เรียกว่า พระบาลี ไวยากรณ์ มคธภาษา ถ้าเราทิ้งปริยัตินี้แล้ว เราจะขาดปฏิบัติ จะเดินทางหลงผิด ธรรมะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ มากมายเหลือเกิน เช่น พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก พระอภิธรรมปิฎก เรียนจนแก่ตายก็ไม่จบ มากมายเหมือนทรายในมหาสมุทร แต่คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นท่านย่อใจความให้น้อยลงไปเหมือนเม็ดทรายในกำมือ
พระองค์กำใบไม้ ๑ กำ บอกว่าคำสอนนี้น้อยมากเท่ากับใบไม้กำมือเดียว ใบไม้ยังอยู่ในป่าอีกมากมาย คำสอนของพระพุทธเจ้าแค่กำมือเดียวก็ยังทำกันไม่ได้ สรุปย่อคำสอนเหลือสาม พระภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่ที่ ไตรสิกขา ท่านบอกว่า อย่าขาดไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ใช่เอาไตรมาไว้ที่ที่นอน กอดไตรไว้ โยมก็เป็นพระได้ ถ้ามีไตรสิกขา ย่อพระไตรปิฎกที่เป็นคำสอนภาคปฏิบัติ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าพระภิกษุขาด ศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นสมมตสงฆ์ โสภาเสยยะ สมมติสงฆ์เกิดขึ้นแล้ว แต่องค์นี้เป็นสมมติสงฆ์ธรรมดา ต้องปฏิบัติไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา ถึงจะมีพระเกิดจากสมมติบัญญัติ เป็นนามบัญญัติ สภาวะเกิดขึ้นแล้ว
ย่อเหลือสอง คือ สติ สัมปชัญญะ
สรุปเหลือหนึ่ง คือ อย่าประมาท
เท่านี้เองก็ยังทำกันไม่ได้ คำว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ครอบคลุมจักรวาลธาตุ เป็นฐานของเจดีย์ คอระฆังคือ สติสัมปชัญญะ ยอดเจดีย์ทองคือ อย่าประมาท อยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ศีล สมาธิ ปัญญา เอามาพัฒนาบ้านได้ แต่ไม่นำมาใช้กัน จะไปสวรรค์ ไปนิพพาน แต่สมบัติมนุษย์ไม่มีเลย
ของหายาก ๔ ประการ ท่านมีกันแล้วหรือยัง
๑. กิจโฉ มนุสสปฏิลาโภ เกิดมาเป็นมนุษย์แสนจะยากมาก องมีกุศลกรรมบถ ๑๐ ครบ มีคุณสมบัติของมนุษย์มา จึงมาเกิดเป็นมนุษย์อย่างนี้ แถมเมื่ออยู่ในท้องแม่ก็ลำบาก ยากที่สุด กว่าจะเคลื่อนคลอดจากคัพภาของมารดาใช้เวลา ๑๐ เดือนก็ยาก บางคนไม่ทันร้องตายในท้องก็มากหลาย นี่แหละเกิดมาเป็นมนุษย์ยากมาก
๒. กิจฉัง มัจฉาน ชีวิตัง เรามีชีวิตรอดมาได้ถึงขณะนี้ก็ยากอยู่ ยากมาก อันนี้จะไม่ขออธิบาย
๓. กิจฉัง สัทธัมมัสสวนัง การที่เราจะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้านี้ยาก คนเดี๋ยวนี้เชิญมาฟังเทศน์ฟังธรรมไม่มา จ้างยังไม่มาเลย ยากตรงนี้ ไม่มีบุญวาสนาจะมาฟังธรรมได้ เอารถไปลากเอาช้างไปฉุดก็ยังมามา ถ้าบอกว่าไปดูคอนเสิร์ต ไปชอปปิ้ง ไม่ต้องจ้าไปได้เลย การฟังธรรมนี้ยากมาก คนไม่มีบุญไม่มีโอกาสฟังธรรมหรอก
๔. กิจโฉ พุทธานมฺปปาโท การที่เราเกิดมาพบพบพระพุทธเจ้า ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านี้ก็ยากมาก ถ้าไม่เกิดอยู่ในถิ่นฐาน ไม่มีพระพุทธศาสนาแล้ว เราก็ยากที่จะพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า จะไม่ลืมตาอ้าปากได้อย่างนี้หรอก ขอสรุปลงไปว่า ของหายาก ๔ ประการนี้ ท่านมีครบแล้วหรือยัง ถ้าครบแล้วก็ใช้ได้
ถ้าเป็นพระภิกษุนวกะ อุปัชฌาย์ท่านจะให้กาสาวพัสตร์ ท่านบอกให้เรียนกรรมฐานก่อน แล้วค่อยห่มผ้าอย่างนี้
เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ
ตโจ ทันตา นขา โลมา เกสา
เบื้องต่ำปลายผมลงไป เบื้องบนปลายเท้าขึ้นมา
กว่าอาตมาจะทำได้ใช้เวลา ๑๐ ปี เบื้องต่ำปลายผมลงไป เบื้องบนปลายเท้าขึ้นมา วิธีปฏิบัติศาสนาต้องการให้มีสติอยู่กับจิต ต้องการให้แนบสนิท บวชจริง บวชให้ถึงใจ ได้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางใจไป
พระพุทธเจ้ายอดพัฒนามาก เอาศีลมาพัฒนา ศีล แปลว่า ปกติ คนไม่มีสติสัมปชัญญะ คนนั้นจะไม่มีศีลไม่มีธรรม ถ้าคนมีสติสัมปชัญญะควบคุมจิตไว้ได้ คนนั้นมีศีลมีธรรม จิตใจก็เป็นมนุษย์ มนุสโส ไม่ใช่มนุสสเปโต จะออกมาในรูปแบบนี้ชัดเจน
ศีลทำให้สะอาด ที่กินสะอาด ที่ถ่ายสะดวก กินของร้อน นอนในมุ้ง ทุ่งในส้วม สวมรองเท้า พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัด ถ้าบ้านไหนมีศีล บ้านนั้นสะอาดหมด โรงครัวสะอาด เวจกุฎี ห้องสุขา สะอาดหมด เรือนมีระเบียบเรียบร้อย เพราะเรือนนั้นเป็นวัตถุไม่มีวิญญาณ นี่คือศีล ทำให้เกิดความสะอาด นำไปพัฒนาได้เลย
พระภิกษุสงฆ์ต้องกวาด กวาดให้สะอาด สะอาดนอกสะอาดใน จิตใจก็กวาดกิเลสไปด้วย อย่าเอากิเลสมาไว้ในใจ ต้องกวาดอย่าให้สกปรก ไม่ต้องใช้เงินใช้ทอง พระพุทธเจ้าเป็นยอดพัฒนาตรงนี้เอง
นอกจากนี้ท่านยังให้พึ่งตัวเอง ขอฝากพระภิกษุนวกะไว้ด้วย ในบาตรมีอะไร มีเข็ม ด้าย หิน มีดโกน เครื่องกรองน้ำ ให้ช่วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งคนอื่นต่อไป อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ ออกมาชัดเจนมาก
ศีลข้อเดียวพัฒนาประเทศได้ อย่าสกปรก อย่าลามก อย่าทิ้งขยะมูลฝอยลงกลางถนน ลงกลางแม่น้ำ เป็นต้น นี่คือ ศีล สติดี สัมปชัญญะดี บ้านนั้นสะอาด ห้องน้ำห้องส้วมสะอาด วัดวาอารามสะอาดหมด สะอาดทั้งวัดสะอาดทั้งบ้าน ถ้าโยมมีศีลจริงรับรองสะอาดหมดเลย เสื้อผ้าอาภรณ์สะอาด หน้าตาสะอาดออกมาอย่างนี้
มีสมาธิ จับงานอย่าทิ้งงานและหน้าที่ อย่าขยันนอกหน้าที่การงาน ปรับปรุงตัวเองในสมาธิ
มีปัญญา งานจะสำเร็จออกมาเรียบร้อย แก้ไขปัญหาไปในตัวด้วย
ถ้าหากว่าท่านผู้ใดขาดการปฏิบัติพระกรรมฐานแล้ว จะทำอะไรก็ไม่ได้ผล เช่น รับศีล โยมมารับศีลอุโบสถ ให้อ้าปากรับสักหมื่นหน ให้ศีลสักร้อยครั้งก็ไม่ได้ผล ป้าอ้ารับได้ แต่จิตไม่ยอมรับ ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมไตรสิกขา เป็นไปไม่ได้แน่ ปากรับแล้วยังไปฆ่าสัตว์ รับแล้วยังไปเบียดเบียนทรัพย์ รับแล้วยังไปล่วงประเวณีในสังคมน่าบัดสี รับแล้วยังไปหลอกลวงโลกหวังเอาลาภเขา พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ รับแล้วยังไม่ดื่มสุรายาเมา ถ้าปฏิบัติธรรม ปฏิบัติศาสนาเมื่อใด ปฏิเวธมันแจ้งแก่ใจ โดย ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ รู้ได้เฉพาะผู้ปฏิบัติเท่านั้น
หลักศาสนาอีกประการหนึ่ง พระภิกษุนวกะที่บวชใหม่ในพระศาสนา ต้องจดเวลาไว้ โสภาเสยยะ จดไว้ทำไม ต้องการให้เคารพผู้ใหญ่ เคารพอาวุโส เอาไปใช้ได้ทุกกาลสมัย เป็นผู้น้อยอย่างนิ่งดูดาย ควรเคารพผู้ใหญ่ ไปลามาไหว้ อ่อนน้อมถ่อมตน ปากหวาน ตัวอ่อน อาวุโส ภันเต ต้องเคารพบูชาผู้ใหญ่ ผู้เป็นประธาน ต้องเชื่อฟังท่าน นี่สอนตั้งแต่บวชเลยนะ โสภาเสยยะ จดบวชเวลานี้ ผู้บวชแต่ภายหลังต้องเคารพผู้บวชก่อน เป็นผู้น้อยอย่าบังอาจแก่ผู้ใหญ่ ต้องมีการเคารพตลอดรายการ ชัดเจนมาก แสดงว่าพระพุทธเจ้าสอนตรงนี้
คนที่มีสติสัมปชัญญะดีแล้ว จะปากหวาน ตัวอ่อน มือเป็นหงอน ไปก็ลามาก็ไหว้ มารยาทก็สวยน่ารัก สาวหนุ่มเดี๋ยวนี้สวยน่าเกลียด เดินจะเหยียบหัวผู้เฒ่าผู้แก่ พบพระก็ไม่นมัสการ
คนมีศีลดูตรงไหน ดูที่เดินมาก็รู้ เดินมีระเบียบไหม เดินสวยน่ารักไหม พูดจาไพเราะเพราะพริ้งไหม คนที่มีศีลจะกล่าวแต่วาจาไพเราะ กล่าวในที่ควรกล่าว ดูกาลเวลา กล่าวด้วยความจริง กล่าวด้วยเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง กล่าววาจาสุภาพเรียบร้อยอ่อนโยนและอ่อนหวาน กล่าววาจาเป็นลักษณะที่แสดงออกด้วยเมตตาปรารถนาดีทุกคน กล่าววาจาเช่นนี้ คือ คนมีศีล
พระพุทธเจ้านำศีลไปพัฒนากาย พัฒนาจิต หรือ พัฒนาอะไร บ้านเมืองสะอาดหมด ประชาชาติก็สามัคคีกัน อาตมาไปยุโรปมา ๕ ประเทศ ไม่มีขยะมูลฝอย ดูแม่น้ำลำคลองสะอาดหมด ฝรั่งเขามีศีล เราขาดศีลกัน จึงได้สกปรกลามกเช่นนี้ มักง่าย มักได้ สรุปมรรค ๘ ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เน้นหลักสติปัฏฐาน ๔ เป็นทางสายเอกของพระพุทธเจ้า
คนที่มีสติสัมปชัญญะอยู่ประจำตัว จะขยันเรียนหนังสือ จะขยันทำงาน เป็นประโยชน์แก่ครอบครัว ทำให้ครอบครัวมีความสุข ตรงนี้ อาตมาเอามาพัฒนาตั้งแต่เริ่มต้นมาอยู่วัดอัมพวัน เป็นเจ้าอาวาส ๔๐ ปี แล้ว เป็นเจ้าคณะอำเภอ ๒๒ ปี รู้หมดแล้ว บ้านเหนือ บ้านใต้ ยากจนหาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้า จึงสร้างโรงเรียนส่งลูกไปเรียนหนังสือ บ้านนี้พัฒนาแล้ว พระพุทธเจ้าให้พัฒนาการศึกษา พัฒนาจิตดีแล้วก็ไปเรียนหนังสือ ตอนนี้ไปมีงานทำกันหมดแล้ว ไปได้สามีภรรยาที่อื่น ถ้าได้คนบ้านเดียวกันจะไม่มีที่อยู่
กรุงสุโขทัยราชธานีแห่งประเทศไทย เมื่อสมัยนั้นพระสงฆ์จากประเทศศรีลังกามาเผยแพร่ธรรมที่นครศรีธรรมราช ทำให้พวกนครศรีธรรมราชเลิกทำประมง เรียนหนังสือที่วัดมหาธาตุ สร้างวัดอรัญญิกขึ้นมาอีกวัดหนึ่ง มากัน ๒ องค์เท่านั้น องค์หนึ่งมีความรู้ทางคันถธุระ อีกองค์หนึ่งมีความรู้ทางวิปัสสนาธุระ ทำให้พวกนครศรีธรรมราชมีสติปัญญา ทำเครื่องถมลายทองมากมายก่ายกอง ร้อนถึงพระเจ้ากรุงจีนมาขอดูงาน แล้วจึงเอาไปใช้หมด คนนครศรีธรรมราชกลายเป็นกฎแห่งกรรม ไม่ได้ติดตามประเพณี และปู่ย่าตายายให้จีนไปหมด เลยเราเข้าใจไปว่าเครื่องถมลายทองมาจากเมืองจีน แท้จริงแล้วมาจากเมืองไทย มาจากสติปัฏฐาน ๔ คันถธุระ วิปัสสนาธุระ ทำให้คนมีสติปัญญาแก้ไขปัญหา ประกอบอาชีพการงาน เรียกว่า โลกียปัญญา
ดังนั้นจึงมีการนำศาสนาขึ้นสู่กรุงสุโขทัยราชธานี ทำให้ชาวกรุงสุโขทัยมีปัญญาขึ้น พระราชาทรงผนวชในพระพุทธศาสนา มีวัดอยู่ ๒ วัด คือ คามวาสี และ อรัญวาสี เท่านั้น พระเจ้ากรุงสุโขทัยทรงผนวช วันที่ ๑๔ มกราคม ไม่มีใครรู้ โยมโปรดจำไว้ มีพลเมือง ๓ ล้านคน สามารถมีอาณาเขตถึงกลันตัน ไทรบุรี บ้านพี่เมืองน้องมาช้านาน
ครั้งโบราณก่อนเก่า ทำไมมีอาณาเขตกว้างขวาง เพราะใช้ธรรมะ ใช้ศีลข้อเดียวกับสมาธิปัญญาเท่านั้น มีปัญญาตรงไหน พระเจ้าแผ่นดินทรงลาผนวช แล้วทรงประชุมประชาราษฎร์ว่า เลิกถือผี เลิกถือเจ้ากันเสียที เอาหลักความจริงของชีวิตมาใช้ ชีวิตความจริง คือ ธรรมะ
บุคคลใดมีความจริงในชีวิต บุคคลนั้นมีธรรมะประจำใจ รู้จริง รู้แจ้ง เห็นจริง เห็นแจ้ง คนมีธรรมะ เขามีอย่างนี้
๑. ละเอียดอ่อน
๒. ชอบก่อสร้าง
๓. ชอบงอก
๔. ชอบต่อสู้
ละเอียดอ่อน พ่อแม่ว่าก็ต้องเชื่อ จิ้งจกทักตัวหนึ่งเขายังเชื่อเลย พ่อแม่ทักยังไม่เชื่ออีกหรือ เด็กเดี๋ยวนี้เถียงพ่อแม่คำไม่ตกฟาก ขาดหลักธรรม ขาดสติสัมปชัญญะ เถียงพ่อเถียงแม่ เถียงครูอาจารย์ เถียงผู้อาวุโส เถียงประธานสงฆ์ไม่ได้ เป็นอาบัติโทษ พระพุทธเจ้าสอนดีมาก ให้ผู้ใหญ่มารอเป็นอาบัติโทษนะ ต้องผู้น้อยมารอผู้ใหญ่ อย่าให้ผู้ใหญ่ต้องรอ นี่ละเอียดอ่อนมาก
ชอบก่อสร้าง คนมีธรรมะชอบสร้าง ไปไหนชอบพัฒนาก่อสร้าง คนยุคใหม่สมัยนี้ขาดศีลขาดธรรม ชอบทำลายรื้อหมด พ่อแม่สร้างไว้รื้อหมด
ชอบงอก คนโบราณมีสติสัมปชัญญะชอบงอก ไปไหนชอบปลูกต้นหมากรากไม้ ต้นพิกุล บุนนาค ปลูกต้นโพธิ์ ต้นไทร ปลูกต้นไม้ใบบังสาขา คนยุคใหม่สมัยทำลายต้นไม้ โค่นต้นไม้จะหมดแล้ว คนไร้ธรรมะโค่นต้นไม้หมด
ชอบต่อสู้ คนมีธรรมะไม่เลี่ยงงาน ชอบต่อสู้ คนเดี๋ยวนี้สำเร็จการศึกษาเลี่ยงงานเก่ง ไม่เอางานเอาการแต่ประการใด ขาดศีลนี่เอง คนมีสติสัมปชัญญะดีแล้ว จะไม่เลี่ยงงาน จะทำงานให้เสร็จตามเวลา
งานที่ดีคืออะไร งานที่ดีคืองานที่ไม่มีโทษ งานที่ถูกต้องคืองานอะไร คืองานที่ทำแล้วต้องเสร็จทันเวลา งานที่ดีต้องเสร็จแล้วเรียบร้อย เหมือนน้ำย้อยกระบอกตาล
พระพุทธเจ้าสอนว่า คนมีธรรมะจะอ่อนน้อมไปหมด โง่บ่เป็นบ่เป็นใหญ่ โง่ไว้เรื่อย อ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่เสมอ ผู้ใหญ่จะว่ากล่าวอย่างไรก็ต้องอดทน นี่สิธรรมะของพระพุทธเจ้า เอามาพัฒนาได้
ศีลข้อเดียวนี้ทำให้เกิดเมตตา มีสมาธิภาวนาก็ทำให้เกิดเมตตา เกิดเอื้ออารีสร้างความดีร่วมกัน คนที่มีสมาธิดี ประกอบด้วยศีล มีสติสัมปชัญญะ จะยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา เจราจาก็ไพเราะ สงเคราะห์เอื้อเฟื้อ ขาดเหลือคอยดูแขกมาต้องต้อนรับขับสู้ ดูพองาม ดูกิจการงานให้เหมาะสมตามเกียรติยศชื่อเสียงของตนกับแขกผู้มาร
อาตมาว่าไม่มีอะไรดีเท่าสติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอกของพระพุทธเจ้า ทางสายเอกดีแน่ ๆ อาตมาปฏิบัติมาแล้ว เช่น สมถะ พุทโธ มโนมยิทธิ เพ่งกสิณ ธรรมกาย เรียนจบมาหมดแล้ว ไปพบหลวงพ่อในป่า ท่านบอกว่า ไม่มีอะไรดีเท่า สติปัฏฐาน ๔ ทางสายเอก ทำแล้ว ระลึกชาติได้ ระลึกกฎแห่งกรรมได้ มีปัญหาเกิดขึ้นแก้ได้แน่ ๆ คนที่ไร้สติ ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดปัญญา จะไม่มีทางแก้ปัญหาได้เลย ปัญหาอยู่ตรงนี้อันหนึ่ง นำไปใช้ได้
เพราะฉะนั้นสำคัญที่ ศีล ข้อเดียว
สีเลน สุคติยนฺติ ศีลไปสู่สุคติได้แน่นอน คือ สติ
สีเลน โภคสมฺปทา คนไหนมีสติสัมปชัญญะ ขยันทำงาน โภคทรัพย์เนืองนอง พร้อมบริบูรณ์พูนสุข
สีเลน นิพฺพุติ ยนฺติ ศีลข้อเดียวดับให้สนิทไม่ติดเชื้อเป็นไข ไม่มีโลภ โกรธ หลง แต่ประการใด ตรงนี้ไปนิพพานได้ ศีลข้อเดียวนี้ครอบคลุมถึงสมาธิ ตัวสัมปชัญญะ คือ ตัวสมาธิ
รู้นอก รู้ใน รู้ตัว รู้กาลเทศะ รู้บาป รู้บุญ รู้คุณ รู้โทษ รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ นี่คือ สัมปชัญญะปัพพะ คือ ตัวสมาธิของวิปัสสนาญาณ
ตัวปัญญา แปลว่า รอบรู้เหตุผลข้อเท็จจริง รู้กฎแห่งกรรม รู้อดีตชาติของชีวิต และรู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้อย่างไร มีทั้งปัญญาโลกียะ มีทั้งปัญญาโลกุตระ มีทั้งวิชาความรู้คู่กับความดี เดินทางไม่ผิดในกฎจราจรชีวิตแน่นอน
บุคคลใดมีศีลจะมี ๓ ส. ได้แก่
๑. สะอาด ทุกอย่างสะอาดหมด
๒. สงบ อยู่ด้วยความสงบ ไม่ทะเลาะกันแน่นอน
๓. สะดวก เป็นปฏิเวธธรรม ได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีที่พึ่งทางใจติดตัวไป
บุคคลใดมีไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จะมี ๓ จ. ๕ จริง ทุกสิ่ง ป.ป.ร.ก.
๓ จ. ได้แก่
๑. จัดรูปแบบตัวเองให้สวย แต่งตัวให้สวยหรู น่าดูชมในสังคม
๒. จัดสำนักงาน จัดวัดวาอารามให้เป็นระเบียบ ร่มรื่น เป็นอุทยานการศึกษา
๓. จัดสถานที่อื่นได้ ถ้าเราจัดตัวเองไม่ได้ จัดสถานที่ของเราไม่ได้ จะไปจัดที่อื่นเขาจะเลื่อมใสศรัทธา ออกมาอย่างนี้ชัดเจนมาก
ถ้าใครจัด ๓ จ. ได้จริงแล้ว จะมีทุกสิ่ง ๕ จริง คนมีความจริงแล้ว เป็นชายก็จริง เป็นหญิงก็แท้ เป็นคนแก่ก็มีคนเคารพนับถือแน่นอน
๑. จริงต่อการงาน เปรียบเหมือนนิ้วโป้ง
๒. จริงต่อหน้าที่ เปรียบเหมือนนิ้วชี้
๓. จริงต่อวาจา เปรียบเหมือนนิ้วกลาง
๔. จริงต่อบุคคล เปรียบเหมือนนิ้วนาง
๕. จริงต่อความดี เปรียบเหมือนนิ้วก้อย
ทุกสิ่ง ป.ป.ร.ก. ได้แก่
๑. ปกครองดี ถ้าคนไหนปกครองดีไม่มีเรื่อง
๒. ป้องกัน ไม่เสียหาย
๓. รักษาความดี เหมือนเกลือรักษาความเค็ม
๔. กล้าแก้ไข เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นต้องกล้าแก้ไขเดี๋ยวนั้น อย่าทิ้งไว้มันจะเสียหายต่อไป
ขอให้นำหลักการที่กล่าวนี้ไปใช้พัฒนาได้เลย ถ้าบุคคลใดมีหลักเกณฑ์วิธีการอย่างนี้ รับรองเจริญทั้งวัด เจริญทั้งบ้าน เจริญทั้งประเทศเขตแดนทุกชนิด...



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2012, 14:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 2.bmp
B J 2.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 4597 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2012, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงสรรเสริญการคบบัณฑิต โดยธรรมทั้งปวงอย่างนี้

จึงตรัสว่า การคบบัณฑิตเป็นมงคล. บัดนี้

เมื่อจะทรงสรรเสริญการบูชาบุคคลผู้เข้าถึงความเป็นผู้ควรบูชา

โดยลำดับ ด้วยการไม่คบพาลและการคบบัณฑิตนั้น

จึงตรัสว่า ปูชาจปูชเนยฺยานํมงคลํ การบูชาผู้ที่ควรบูชาเป็นมงคล.

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าข้า ชื่อว่า ปูชเนยยะเพราะทรง

เว้นจากโทษทุกอย่าง และเพราะทรงประกอบด้วยคุณทุกอย่าง

และภายหลังจากนั้น ก็พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอริยสาวกทั้งหลาย ชื่อว่าปูชเนยยะ.

จริงอยู่การบูชาปูชเนยยบุคคลเหล่านั้น แม้เล็กน้อย ก็เป็นประโยชน์สุข

ตลอดกาลยาวนาน. ในข้อนี้ มีเรื่องนายสุมนมาลาการและนางมัลสิกาเป็นต้น

เป็นตัวอย่างใน ๒ เรื่องนั้น จะกล่าวแต่เรื่องเดียว พอเป็นตัวอย่าง.

ความว่า เช้าวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงอันตรวาสกแล้วทรงถือบาตรจีวร

เสด็จเข้าไปบิณฑบาตยังกรุงราชคฤห์ ขณะนั้น นายช่างดอกไม้ชื่อ

สุมนมาลาการ กำลังเดินถือดอกไม้สำหรับพระเจ้าพิมพิสาร จอมทัพมคธ ได้เห็น

พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงประตูกรุงผ่องใสน่าเลื่อมใสประดับด้วยพระมหาปุริ-

สลักษณะ ๓๒ ประการและพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ประการรุ่งเรื่องด้วยพระพุทธสิริ

ครั้นเห็นแล้ว เขาก็คิดว่า พระราชาทรงรับดอกไม้แล้วก็จะพึงประทานทรัพย์

ร้อยหนึ่งหรือพันหนึ่ง ก็อันนั้นก็จะพึงเป็นความสุขเพียงโลกนี้เท่านั้น. แต่การ

บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ย่อมจะมีผลประมาณไม่ได้ นับไม่ถ้วนนำประโยชน์สุข

มาให้ตลอดกาลยาวนาน. เอาเถิดจำเราจะบูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยดอกไม้

เหล่านั้น ดังนี้เขามีจิตเลื่อมใส จับดอกไม้กำหนึ่งเหวี่ยงไปเฉพาะพระพักตร์

พระผู้มีพระภาคเจ้า. ดอกไม้ทั้งหลายไปทางอากาศประดิษฐานเป็นเพดานดอก

ไม้อยู่เหนือพระผู้มีพระภาคเจ้า. นายมาลาการเห็นอานุภาพนั้น ก็มีจิตเลื่อมใส

ยิ่งขึ้น จึงเหวี่ยงดอกไม้ไปอีกกำหนึ่ง แม้ดอกไม้เหล่านั้น ก็ไปประดิษฐาน

เป็นเกราะดอกไม้. นายมาลาการเหวี่ยงดอกไม้ไป ๘ กำ อย่างนี้ ดอกไม้เหล่านั้น

ก็ไปประดิษฐานเป็นเรือนยอดดอกไม้.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในเรือนยอด มหาชนก็ชุมนุมกัน.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทอดพระเนตรเห็นนายมาลาการ ก็ทรงทำอาการแย้มให้ปรากฏ

พระอานนทเถระก็ทูลถามถึงเหตุที่ทรงแย้มด้วยคิดว่า พระพุทธเจ้า

ทั้งหลาย ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย จะไม่ทรงแย้มให้ปรากฏ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

อานนท์ นายมาลาการผู้นี้จักท่องเที่ยวไปในเทวดาและมนุษย์แสนกัป

ด้วยอานุภาพของการบูชานี้แล้วในที่สุดก็จักเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า

นามว่าสุมนิสสระ. ตรัสจบก็ได้ตรัสพระคำถาม เพื่อทรงแสดงธรรมว่า

ตญฺจกมฺมํกตํสาธุยํกตฺวานานุตปฺปติ

ยสฺสปตีโตสุมโนวิปากํปฏิเสติ.

บุคคลทำธรรมใดแล้วไม่เดือดร้อนกายหลังบุค-

คลใจดีเอิบอิ่มแล้วเสวยผลของกรรมใดกรรมนั้นทำแล้วดี.

จบคาถา สัตว์ ๘๔,๐๐๐ ได้บรรลุธรรม การบูชาปูชเนยยบุคคลเหล่านั้น

แม้เล็กน้อยพึงทราบว่า มีประโยชน์สุขตลอดก็ยาวนาน ด้วยประการฉะนี้.

ก็การบูชานั้นเป็นอามิสบูชา จะป่วยกล่าวไปไยในปฏิบัติบูชา

เพราะกุลบุตรเหล่าใด บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยการรับสรณคมน์และสิกขาบท

ด้วยการสมาทานองค์อุโบสถ และด้วยคุณทั้งหลายของตน มีปาริสุทธิศีล ๔ เป็นต้น

ใครเล่าจักพรรณนาผลแห่งการบูชาของกุลบุตรเหล่านั้นได้. ด้วยว่า

กุลบุตรเหล่านั้น ท่านกล่าวว่า บูชาพระตถาคตด้วยการบูชาอย่างยอดเยี่ยม

เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

ดูก่อนอานนท์ผู้ใดแลไม่ว่าเป็นภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก หรือ อุบาสิกา

เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม

ปฏิบัติชอบยิ่ง ประพฤติตามธรรม

ผู้นั้นชื่อว่าสักการะเคารพนับถือบูชายำเกรงนอบน้อมตถาคต

ด้วยการบูชาอย่างยอดเยี่ยม.

ความที่การบูชาแม้พระปัจเจกพุทธเจ้าและพระอริยสาวกนำมา

ซึ่งประโยชน์สุข พึงทราบตามแนวนี้.

อนึ่ง สำหรับ คฤหัสถ์ พึงทราบปูชเนยยบุคคลในข้อนี้อย่างนี้ คือ

ผู้เจริญที่สุด ทั้งพี่ชาย ทั้งพี่สาว ชื่อว่าปูชเนยยบุคคลของน้อง มารดาบิดา

เป็นปูชเนยยบุคคลของบุตร สามีพ่อผัวแม่ผัวเป็นปูชเนยยบุคคลของกุลสตรี

ทั้งหลาย ด้วยว่า การบูชาปูชเนยยบุคคลแม้เหล่านั้น เป็นมงคลทั้งนั้น

เพราะนับว่าเป็นกุศลธรรม และเพราะเป็นเหตุเจริญอายุเป็นต้น.

พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระพุทธดำรัสไว้ดังนี้ว่า-

ชนเหล่านั้น จักเป็นผู้เกื้อกูลมารดา เกื้อกูลบิดา

เกื้อกูลสมณะ. เกื้อกูลพราหมณ์ เป็นผู้นอบน้อมผู้ใหญ่ในสกุล ยังจัก

ยึดถือกุศลธรรมนี้ปฏิบัติ ก็จักเจริญทั้งอายุ จักเจริญทั้งวรรณะ เพราะเหตุ

สมาทานกุศลธรรมเหล่านั้นเป็นต้น.

บัดนี้ เพราะเหตุที่ข้าพเจ้าตั้งมาติกาหัวข้อไว้ว่า กล่าวสมุฏฐานเป็นที่

เกิดมงคล แล้วกำหนดมงคลนั้น จะชี้แจงความของมงคลนั้น ฉะนั้น จึงขอ

ชี้แจงดังนี้ พระผู้พระภาคเจ้าตรัสมงคลแห่งคาถานี้ไว้ ๓ มงคลคือ

การไม่คนพาล, การคบบัณฑิต, และการบูชาผู้ที่ควรบูชา,

ด้วยประการฉะนี้. ในมงคลทั้ง ๓ นั้น

พึงทราบว่าการไม่คบพาลชื่อว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่ง

ประโยชน์ของโลกทั้งสอง เหตุป้องกัน ภัยมีภัยเกิดแต่คบพาลเป็นปัจจัยเป็นต้น

การคบบัณฑิตและการบูชาผู้ที่ควรบูชา ชื่อว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่ง

นิพพานและสุคติ โดยนัยที่กล่าวไว้แล้วในการพรรณนาความเพิ่มพูนแห่งผล

ของการคบบัณฑิตและการบูชาผู้ที่ควรบูชานั้นนั่นแล. แต่ข้าพเจ้าจักยังไม่

แสดงหัวข้อต่อจากนี้ไป จักกำหนดข้อที่เป็นมงคลอย่างนี้

จึงจักชี้แจงความที่ข้อนั้น เป็นมงคล.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 02:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 2.bmp
B J 2.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 4562 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 17:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ตราบใดที่ยังเป็นเปรต และไม่ใช่พระอริยบุคคล ก็ยังมีกิเลสที่จะทำให้มีการล่วงศีล

ได้ เป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น แม้จะเปลี่ยนภพภูมิไปเกิดเป็นเปรต กิเลสไม่ได้หายไป

ไหน ยังเป็นปุถุชนอยู่ จึงสามารถทำร้ายมนุษย์ได้ เมื่อกิเลสมีกำลัง เพราะฉะนั้น

จึงเนื่องด้วย เพราะมีอกุศล มีกิเลสอยู่ จึงทำร้ายผู้อื่นได้ แม้จะไปเกิดในภพภูมิที่เป็น

ทุคติภูมิก็ตาม ดังนั้นเมื่อไหร่ที่กิเลสเกิดขึ้น ก็พร้อมที่จะทำบาปได้ทุกเมื่อ ครับ และ

อีกประการหนึ่ง การที่เปรตจะทำเหมือนมาทำร้าย ก็เพราะให้ผู้ที่รู้ และ เห็น อุทิศส่วน

กุศลไปให้ก็ได้
ส่วนเทวดานั้น ที่ยังเป็นปุถุชน ก็ยังทำร้ายมนุษย์ ปรากฎในพระไตรปิฎก เช่น เมื่อ

คราวที่พระราชา ทำร้ายฤาษีพระโพธิสัตว์ผู้มีศีล จนสิ้นชีวิต เทวดาทั้งหลายก็โกรธ

เพราะ ยังเป็นปุถุชน จึงบันดาลฝน 9 ประการ มี ฝนไฟ เป็นต้น ทำลายผู้คนในเมือง

นั้น รวมถึงพระราชา ตายกันมากมาย นี่คือ เพราะ ยังมีกิเลสเป็นปัจจัย จึงทำให้

ทำบาปได้ แม้จะเกิดในสุคติภูมิ มีเทวดา เป็นต้น โดยทำนองเดียวกัน ยักษ์ ที่

อยู่ชั้น จาตุมหาราชิกา หากเป็นปุถุชนก็ยังทำร้าย ทำบาป มีการฆ่าสัตว์ เป็นต้นได้

เป็นธรรมดา และ เทวดาในชั้นเดียวกัน ก็มีความแตกต่างกัน ตามกำลังของกุศล

ที่ไม่เท่ากันที่นำเกิด จึงมีอาหารแตกต่างกันได้ และที่ทำบาปก็ เพราะยังมีกิเลส



เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2012, 22:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


.. onion onion onion

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2012, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบรรยาย
ธรรมชาติของพระกรรมฐาน
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

ธรรมะวิเศษเกิดจากธรรมชาติ คนมีสติปัญญาสามารถจะรู้ธรรมชาติ รู้เหตุการณ์ของชีวิต รู้ระลึกชาติของอดีตชีวิตได้ ในการเกิดขึ้นปัจจุบันคือกฎแห่งกรรม รู้ว่าอนาคตจะเกิดเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะแก้ไขตอนไหน จะใช้ชีวิตต่อเวลากาลเป็นอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขปัญหาได้ จะใช้วิธีการอย่างไร เราสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยธรรมชาติของพระกรรมฐาน ไม่ต้องใช้เสกคาถาอาคม ธรรมชาติก็คือ สมาธิธรรมดา มีสติสัมปชัญญะจะได้รู้จักธรรมชาติ จึงกล่าวได้ว่าไม่มีอะไรที่ดีกว่าการเจริญพระกรรมฐานอีกแล้ว
พระพุทธเจ้าสอนธรรมชาติ สอนให้เราเห็นเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จะเห็นอะไรก็เห็นความเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพของวาระและเวลาด้วย ยุคใหม่สมัยนี้โลกโดยสมมติบัญญัติเจริญรุ่งเรืองมาก แต่จิตใจของคนเราล้าหลังมากไม่ทันกัน ไม่ได้กระตุ้นพัฒนาตน ไม่ได้สร้างกุศลจิต ไม่ใช้ชีวิตต่อการงานและหน้าที่ ชีวิตเราจะอับเฉาอับจนไม่ทันโลกาภิวัตน์ที่เจริญไปด้วยเทคโนโลยี วิชาการเจริญมากมายเหลือเกิน แต่ล้าหลังด้านจิตใจ คนเราจึงจิตใจเลวและต่ำช้าสามานย์ ไม่สามารถจะเกาะอยู่ในโลกาภิวัตน์ให้เจริญตามเทคโนโลยีสมัยนี้ ก็เพราะไม่มีความเข้าใจในชีวิตของเรา และเราไม่มีความเข้าใจธรรมชาตินั่นเอง ถ้าเรารู้ว่าธรรมชาติเกิดอย่างนี้ แปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปโดยธรรมชาติอย่างนี้แล้ว เราจะรู้ตัวเองและเข้าใจตัวเองได้โดยไม่ยากเลย แต่เราไปมองผลเลิศกันเสียมาก ทำบุญอยากจะไปสวรรค์ ทำบุญบาทเดียวอยากจะได้เป็นร้อยล้านบาท ทำบุญอยากให้เกิดสุนทาน แต่วิธีการใช้ไม่ได้ ไม่มีทานการกุศล ปราศจากเมตตาธรรม ปราศจากความเสียสละแล้วนั้น ไฉนเลยเราจะไปรอดปลอดภัย
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย และท่านที่ยอมรับนับถือธรรมชาติ พระพุทธเจ้าของเรานั้นสอนธรรมชาติชัดเจน ความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ สอนให้เราเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เป็นวัฒนาการของชีวิต ชีวิตนี้ไม่แน่นอน โลกมนุษย์นี้พระอาทิตย์ก็ไม่เคยค้างฟ้า บัดนี้ก็ชายมะพลับแล้ว จะเลี้ยวลัดอัศดงคต จะตกไปตามธรรมชาติ ๖ โมงเช้าก็ขึ้นใหม่หมุนไปตามโลกนิยม โลกมันหมุน พระอาทิตย์มันก็อยู่คงที่คงวาคงศอก แต่เราก็หมุนกันอยู่ทุกวัน หันเหเร่ออกนอกลู่นอกทาง เดินทางผิดล็อค เดินทางจากธรรมชาติ เราก็ต้องมีถนนมีหนทางเดินด้วยกันทั้งนั้น แต่แล้วเหตุใดหนอจึงไม่เดินตามหนทางนั้น ทางเดินนี้มีด้วยกันหลายทาง ทั้งทางน้ำ บนบก ทางเรือ และอากาศก็ไปได้ทั้งนั้น แต่ไปแล้ว ไปทางเรือก็ไปล่มจมน้ำตาย ไปทางบกหรือไปรถก็รถชนกัน อุตส่าห์หนีจากรถยนต์ขึ้นรถไฟ รถไฟก็ไปตกราง ไปชนกันกับรถยนต์ หนีไปบนอากาศไปเครื่องบินให้ไวที่สุด โชคร้ายก็ต้องตายหมดเครื่องบินเช่นเดียวกัน ก็เป็นธรรมชาติอย่างนี้แหละหนอ ไม่มีอะไรแน่นอนในชีวิตเลย
เมื่อ ๒-๓ เดือนที่ผ่านมา อาตมาไปจังหวัดขอนแก่น ได้ทราบข่าวว่ามีนิสิตนักศึกษาหญิงว่ายน้ำไม่เป็นลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำพองแล้วจมน้ำ อีกคนหนึ่งเป็นเพื่อนนิสิตนักศึกษาด้วยกัน ว่ายน้ำไม่เป็นด้วยกันทั้งคู่ คนที่ว่ายน้ำไม่เป็นดันไปช่วยคนอื่นเขา ก็ต้องตายอย่างน่าเวทนาที่สุด อันนี้เป็นธรรมะ ธรรมชาติได้แล้ว ตัวเองช่วยตัวเองไม่ได้ ว่ายน้ำไม่เป็นจะไปช่วยคนจมน้ำได้อย่างไร
ท่านทั้งหลายเอ๋ย แข่งเรือ แข่งพาย พอแข่งได้ แข่งบุญแข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้ก็จริง เรามีแรงเราก็จ้ำได้ก็ถูกต้อง แต่อยากจะถามพี่น้องทั้งหลายว่าพายเรือเป็นหรือยัง ลงเรือเป็นไหม อาจจะไม่ต้องพาย ลงเรือเรื่อก็ล่มแล้วเพราะไม่เคยนั่งเรือ ไม่เคยพายเรือ แล้วมีพลังเจ็ดช้างสารก็ไม่สามารถจะไปแข่งเรือได้ ฉันใดก็ฉันนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมนุษย์นี้ต้องฝึก ต้องหัด ตรงนี้พอจะได้ธรรมชาติข้อหนึ่งแล้ว ช่วยตัวเองไม่ได้แล้วจะไปช่วยคนอื่นเขาได้อย่างไร ต้องจมน้ำตายด้วยกันทั้งคู่
นี่แหละท่านทั้งหลายเอ๋ย ต้องฝึกต้องหัดทุกวิถีทาง ท่านอย่าประมาท คิดว่าบ้านติดแม่น้ำ ต้องว่ายน้ำให้เป็น ต้องช่วยตัวเองทุกวิถีทางเท่าที่จะช่วยได้ นี่คือคำสอนของพระพุทธเจ้าชัดเจน ช่วยตัวเองไม่ได้ พึ่งตัวเองไม่ได้แล้ว แถมสอนตัวเองไม่ได้อีก ถ้าท่านไม่ดีแล้วจะไปช่วยคนอื่นเขาไม่ได้ ตัวเองก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้ ท่านตีความธรรมชาติดูบ้าง เห็นชัด ๆ เห็นกับตาเช่นดังกล่าวมาแล้วท่านจะไปช่วยใคร ในเมื่อช่วยตัวเองไม่ได้แล้วไม่ต้องไปช่วยลูกหรอกนะ นี่ขอฝากธรรมะธรรมชาติ ท่านเป็นผู้นำใครไม่ได้เลยเชียวหรือ
พี่น้องที่รัก นำด้านวิชาการก็นำไม่ได้ นำทางความคิดก็ยังคิดไม่ออก นำทางไปหาปัญญาก็ไม่สามารถจะมีปัญญาได้ นี่แหละท่านทั้งหลายจะปกครองตนได้อย่างไร ปัญหาอยู่ตรงไหนจากธรรมชาติตรงนี้ บางคนมานั่งกรรมฐาน หวังผลเลิศหวังจะไปสวรรค์จะไปนิพพาน ถวายสังฆทานสักบาทหวังจะไปสวรรค์ชั้นโน้นชั้นนี้ อย่าไปมองผลเลิศอย่างนี้ทำมาทำน้อยมันอยู่ที่จิตใจของท่าน ท่านตั้งใจทำหรือไม่ หรือทำส่งเดชพระเชษฐาน่าเวทนา ที่ทำแล้วมันก็ไม่ได้บุญที่ตั้งใจไว้ นี่ธรรมชาติชัด ๆ ทำตามเขา ซังกะตายทำไป เหมือนเราเป็นมนุษย์ซังกะตาย ไฉนเลยเล่าจะมีกุศลอยู่ในจิตของท่าน แล้วท่านจะได้อะไรหรือ นี่ดูตัวอย่างที่ขอนแก่นง่าย ๆ จมน้ำกระโดดไปช่วยเขาได้ทั้งที่ตัวเองว่ายน้ำไม่เป็น ความรักเพื่อน ระวังนะให้ธรรมะสักข้อ รักเพื่อนจะชวนตาย ความรักอันหนักอกแสนจะพกอยู่ในใจ เหมือนกลิ้งครกขึ้นภูเขา มันจะได้อะไรหรือ
ท่านทั้งหลายเอ๋ย ความรักนี่เหมือนกลิ้งครกขึ้นภูเขา รักแนบแหนมเหน็บ รักเจ็บหัวใจ หยิกเล็บมันก็เจ็บเนื้อ ฟื้นฝอยหาตะเข็บเจ็บเนื้อใน จิตใจก็เหลวแหลกแตกลาญโดยธรรมชาติอย่างนี้ แล้วท่านจะได้อะไรหรือ ขอฝากท่านไว้ด้วยก่อนที่ท่านจะช่วยคนอื่นเขา ท่านต้องช่วยตัวเองไว้ให้ได้ก่อน พระพุทธเจ้าเรื่องช่วยตัวเอง พระสงฆ์องค์เจ้าต้องให้ช่วยตัวเอง พระพุทธเจ้าเสด็จบรรพชาแสวงหาวิชาอันเดียวคือ วิชาแก้ทุกข์ วิชาแก้ปัญหาชีวิต ท่านเรียนจบมา ๑๘ ศาสตร์ ๑๘ ดอกเตอร์ แล้วยังช่วยตัวเองไม่ได้ ท่านต้องไปแสวงหามาก่อนแล้วจึงไปช่วยชาวโลกต่อไป เพลา ๔๕ พรรษา ช่วยชาวโลกให้พ้นจากกองทุกข์ ช่วยชาวโลกให้แก้ปัญหาชีวิตจากธรรมชาติธรรมดานี่เอง ไม่มีอย่างอื่นจะไปพิจารณาให้มากไปกว่านี้แล้ว
พระพุทธเจ้าเป็นพระจักรพรรดิ เป็นพระราชบุตรของพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นจักรพรรดิ-ราชาธิราชมหาราช ไม่มีอะไรสู้พระองค์แล้ว แต่พระองค์ก็มองเห็นการณ์ไกล เห็นโลกโดยสมมติจากธรรมชาติ ไปเห็นเทวทูตเกิดแล้วก็แก่อย่างนี้ แล้วก็ร้องครวญครางคือเจ็บ เหลือแต่เส้นเอ็นกระดูกแล้วเดี๋ยวก็ตายหามไปสู่สุสาน เอาไปฝังเอาไปเผา ท่านก็มานึกหันมุมกลับว่าจะหาวิชาใดหนอ จะช่วยคนประเภทนี้ให้พ้นจากความทุกข์ เวลาเจ็บระทวยป่วยไข้ก็ครวญครางระทมไป อ่อนใจที่จะครางจนหมดลมหายใจจากโลกไป มีแต่ความทุกข์ยากความลำบากตลอดไป มีความสุขสักนิดหนึ่งก็หามีไม่ มีแต่ความทุกข์จากธรรมชาติ
ท่านทั้งหลายเอ๋ย เกิดนี้ก็เป็นทุกข์ อยู่ในคัพภาของมารดา นั่งยอง ๆ กินเลือดในอกของแม่ทางสะดือ ที่อาตมาซึ้งใจต่อเมื่อคอหักหายใจทางสะดือได้ จึงคิดถึงแม่จ๋าอยู่ทุกวันเวลาที่ผ่านมา แม่จะมีทุกข์มากเหลือเกินจากธรรมชาติ อาตมาคิดถึงแม่ตอนคอหักมากหลายว่า แม่จ๋าลูกดูดเลือด ในอกของแม่ที่ละหยดทีละหยด กว่าจะคลอดจากคัพภายังดื่มนมของแม่อีกคืนกับวัน ๑ ขวดแม่โขง ๓๐ วันก็ ๓๐ ขวดแล้ว ก่อนเจริญวัยชันษา กินนมแม่กี่ขวดลองนึกตรองดู จากธรรมชาติ ท่านเห็นโลกเจริญ เด็กกินนมวัวกินนมสัตว์ไม่ได้ดูดนมแม่แต่ประการใด นิสัยจึงเหมือนสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีกตัญญูเลย ฆ่าพ่อก็ได้ ฆ่าลูกก็ได้
เมื่อ ๒ วันก่อนมาร้องไห้พ่อฆ่าลูกตาย กำลังเป็นนักศึกษาน่ารักน่าใคร่ก็มาฆ่าลูกเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน ถ้าเปรียบเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ยังดีกว่า เพราะมันยังรักกัน ขอประทานโทษ ขออนุญาตกล่าว สุนัขลูกอ่อนมันออกลูกมา เราเข้าไปใกล้ ๆ มันหวงลูกของมัน นี่มันยังรักลูกผูกพัน มันก็ยังรักแม่ของมัน แมวยังกินนมหมา เสือก็กินนมหมา คนก็กินนมหมา เดี๋ยวนี้โลกาภิวัตน์โลกเจริญไปอย่างน่าใจหาย จิตใจมันทรามต่ำช้า เวลากาลก็หมดไป ชีวิตเลวลงไป ๆ ชั่วลงไป จิตใจก็ต่ำช้าเลวทราม หาเวลาที่มีประโยชน์ในชีวิตก็ไม่ได้แล้ว
พี่น้องที่รักทั้งหลายเอ๋ย นี่แหละธรรมชาติดูจากกฎธรรมดา ไม่มีอะไรเหลือเหนือกว่านี้แล้ว สัตว์ทั้งหลายในโลกนี้กลัวตายทั้งนั้น จะเป็นมนุษย์ก็กลัวตาย หรือท่านไม่กลัวตาย จะเป็นเป็ด ไก่ จะจับไปฆ่าเชือดคอมัน มันยังวิ่งหนี มันก็กลัวตาย วัว ควาย เขาจะฆ่ามันยังหนีเข้าไปในวัด ไปแอบนอนอยู่ข้างกุฏิพระ แขกไปเจอเข้าไปถึงมันน้ำตาไหล พระท่านเห็นเข้าก็ซื้อไว้ นี่เขาก็กลัวตายทั้งนั้น นี่คือธรรมชาติใช่ไหม ก็ไม่น่าไปฆ่าเขา เราก็ต้องกลัวตายเช่นนี้เหมือนกัน ถ้าเรานึกจะไปฆ่าเขา ให้เขาตายไปเช่นนี้นะ นึกถึงตัวเราบ้าง เขามาฆ่าเราบ้างจะเป็นอย่างไร อกเขาหนอ อกเราหนอเหมือนกัน เกลียดทุกข์ เกลียดความเดือดร้อน รักความสุขสนุกสบายด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีท่านผู้ใดเลยที่จะต้องการมีความทุกข์ ต้องการให้โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ไม่มีเลย อาตมาถึงแม้จะเจ็บระทวยป่วยไข้ก็ต้องสู้จนกว่าจะหมดลมหายใจไปด้วยกัน
นี่แหละธรรมชาติ มันแก่แล้วก็ต้องตาย เจ็บ อาพาธ ปวดท้องปวดหัว เป็นไข้หวัด เป็นโรคต่าง ๆ แทรกซ้อนเข้ามาตลอดรายการ ก็ต้องตายด้วยกันทั้งนั้น นี่เป็นความจริง ๕ ประการจากธรรมชาติ ไม่มีนอกเหนือจากธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าสอนไว้ชัดเจน มีแต่ความเบียดเบียนและหายนะซึ่งกันและกัน ทำให้ตนต้องเดือดร้อน ทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกไม่ใช่คำสอนตรงนี้แน่นอน สอนธรรมชาติ เราเบียดเบียนเขา เขาก็ต้องเบียดเบียนเรา เราทำให้เขาเดือดร้อน และเราก็ต้องเดือดร้อนเองจากธรรมชาตินี่เอง เราเอาของดีไปให้เขา เขาก็ต้องให้ของดีเราแน่นอน เราเอาของชั่วไปให้เขา เราก็ต้องได้รับของชั่วกลับคืนมาแน่นอน นี่ธรรมชาติใช่หรือไม่ ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้ว
คนเราเกิดมาเวลาเท่ากันหมดอย่างที่เคยพูดมาแล้ว ไม่มีใครที่จะต้องเอาเปรียบเสียเปรียบเวลากันเลย แต่ผู้ใดใครหนอจะใช้เวลาแม้แต่วินาทีให้เป็นประโยชน์แก่ตนและคุ้มค่ากว่ากัน ทำประโยชน์ต่อกัน เป็นธรรมชาติสายสำคัญของชีวิต คนเราจึงไม่เหมือนกัน ขอเจริญพรพี่น้องที่รักทั้งหลายเอ๋ย ทั้งโยมหญิง โยมชาย พระสงฆ์องค์เจ้า นิ้วมือเท่ากันไหม ก็ไม่เท่ากัน คนเราจะเหมือนกันได้อย่างไรเล่า นิ้วมือ นิ้วเท้าก็ไม่เท่ากัน มีเล็กมีใหญ่ มียาวมีสั้น คนเราก็เช่นเดียวกัน จะเหมือนกันเป็นพิมพ์เดียวกัน นิสัยตรงกันนี้ยากมาก แสนจะลำบากใจอย่างยิ่ง นี่แหละไม่ไผ่ต่างปล้องพี่น้องต่างใจ จะเหมือนกันอย่างไรได้เล่า พระก็ไม่เหมือนกันนุ่งเหลืองห่มเหลืองใส่เครื่องแบบเหมือนกัน ผ้าสังฆาฏิอย่างอาตมานี่นุ่งก็เหมือนกันทุกองค์ แต่นิสัยตรงกันไหม เหมือนกันเป็นพิมพ์เดียวกันได้บ้างไหม จิตใจตรงกันไหม อยู่ตรงไหนท่านจะทราบได้ต่อไป มันเป็นเพราะเหตุผลประการใดเล่า
ถ้านิ้วมือเท่ากันมันก็ไม่มีปัญหาเลย แต่อยากจะเรียนบอกญาติโยมว่า นาฬิกาไขลาน ถ้าตัวจักรเท่ากันทั้งหมดทุกตัว นาฬิกาจะไม่หมุน จะไม่เดิน เพราะมันไม่มีก้ามปู ขอฝากให้ท่านรู้ไว้ คนเราจะเหมือนกันหมดเห็นจะได้ยาก พ่อเอ๋ยแม่เอ๋ยลูกเอ๋ย ก็แตกต่างกันไป ท่านทั้งหลายเอ๋ย โปรดพิศโดยธรรมชาติ จะเห็นว่าคนเราเกิดมาเหมือนกัน มีหู มีตา มีปาก มีฟันโดยธรรมชาติแตกต่างกันโดยเพศ เป็นหญิงเป็นชายไม่สำคัญ พุทธะหญิงก็ได้ ชายก็ได้ เป็นได้ด้วยกันทั้งนั้น มีสิทธิเหมือนกันหมดทุกคน ถ้าสร้างความดี ถ้าไม่สร้างความดีเหมือนกั้นไม่ได้โดยศักยภาพ โดยอำนาจราชศักดิ์ บุญหนักศักดิ์ใหญ่ไม่เหมือนกัน คนเราจึงแตกต่างกันไปโดยเวรโดยกรรมจากการกระทำของเขาเอง มิใช่คนอื่นทำให้
ท่านทั้งหลาย เรามาเจริญพระกรรมฐานต้องการธรรมชาติ ไม่ต้องการความเลอเลิศและประเสริฐแท้แน่ ๆ เหลือเกินคือธรรมชาติ แต่เราเลยธรรมชาติ ลืมหญ้าปากคอกเหมือนวัวควายที่ออกปากคอกไปที่หลายทุ่งนา ลืมหญ้าปากคอกแล้วหรือ ความดีอยู่ในตัว คือ หญ้าปากคอก แต่เราไม่สามารถศึกษาแสวงหาความดีในตัวเลยเป็นธรรมชาติ เราจะดูต้นหมากรากไม้ทั่วไป มีต้นไม้ล้มลุก ต้นไม้ชั่วคราวเช่น พริก มะเขือ ต้นกะเพรา ต้นตะไคร้ เดี๋ยวมันก็ตายนี่เห็นไหมชัดเจนมาก ต้นไม้ชั่วคราวไม่มีแก่น ต้นไม้มีเปลือกมันก็ไม่มีแก่น ต้นไม้เนื้ออ่อน ต้นไม้เนื้อแข็งมันจะไม่เหมือนกันเลย ต้นไม้เนื้อแข็งนี้อายุยืน เพราะมันโตช้า มันฝังรากลึก รากลึกมากเท่าใด มันจะแตกกิ่งก้านสาขาได้ร่มได้เงามาก รากตื้น ๆ นี้มันล้มง่ายไม่มีกิ่งสาขาออกไปให้นกกาอาศัยได้แน่นอนที่สุด เดี๋ยวมันก็โค่นล้มลุกคลุกคลานไปตามสภาพของธรรมชาติเหล่านี้ รากมันไม่มี เราจะเห็นได้ว่าต้นมะม่วงสมัยนี้จึงใหญ่โตไม่เหมือนต้นมะม่วงสมัยโบราณ ต้นมะม่วงสมัยโบราณโอบไม่รอบ มะม่วงเดี๋ยวนี้อายุไม่ยืนเพราะใช้วิธีตอนกิ่ง ทาบกิ่ง มันไม่มีราก เห็นด้วยหรือไม่ คนยุคใหม่สมัยนี้ชอบไว ๆ กัน ชอบรดน้ำที่ยอดให้มันออกดอกไว ๆ ทำตามอารมณ์ ทำตามใจตนเองมากเกินไป ไม่มีหลักฐาน ต้นไม้ที่เพาะด้วยเม็ดโตช้า รากมันลงลึกมันจะแตกกิ่งก้านสาขามากมาย อายุมันยืนต้องใช้เวลาเช่นเดียวกัน คนจะดีได้ต้องใช้เวลา คนจะชั่วได้ไม่ต้องใช้เวลามากเลย มันก็ชั่วอยู่แล้วอยู่ในตัวเอง มีอยู่แล้วด้วยกันทุกคนจากธรรมชาติ แต่จะทำให้รากลึกไหม สร้างความดีต้องใช้เวลา เราก็ทำโดยเสมอต้นเสมอปลาย ใช้เวลานานถึงจะดีได้
นี่อาตมามาอยู่วัดอัมพวัน ๔๐ ปีกว่าแล้ว กว่าจะดีขึ้นมาได้ใช้เวลานานถึง ๔๐ ปี ท่านมาจิ้ม ๆ จ้ำ ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ขอให้ทำต่อไปเถอะ อย่าเอาเพียงแต่วัน ๒ วัน ก็เลิกรากันไป ก็จะหลายเป็นต้นไม้ล้มลุก จะไม่มีรากแก้วเกาะดินให้ลึก ต้นไม้ท่านจะไม่มีที่พึ่งอาศัย นกกาที่จะมาอาศัยไม่ได้ร่มเงาแต่ประการใด นี่มันออกดอกออกผลออกมา คนเรานี่ดีได้ ชั่วได้ แล้งน้ำใจได้ น้ำใจดีมีปัญญาได้ เราจะเห็นมนุษย์ศักยภาพแห่งศักยบุตร ผู้เป็นบุตรที่รัก เราจะเห็นคนที่เห็นแก่ตัว ยุคใหม่สมัยนี้โลกาภิวัตน์เห็นแต่ตัวมาก ถ้าเราช่วยเขาได้มาก เขาจะรักเรามากโดยธรรมชาติ ถ้าเราช่วยเขาน้อย เขาก็รักเราน้อย เรายังหาโอกาสช่วยใครไม่ได้ ไม่มีใครมองหน้าเราและไม่รักเราด้วย
ท่านทั้งหลายเอ๋ย จากธรรมชาติอันนี้ ขอฝากธรรมะ รักใครก็อย่ารักหมดตัวนะ รักครึ่งเดียว เอาไว้เวลาเกลียดกันจะได้มองหน้ากันได้ ท่านจะเกลียดใครก็อย่าเกลียดทั้งหมด ชีวิตมันจะลามกสกปรก คนมันดีได้คนมันชั่วได้ คนเรานี้ไม่ได้ดีทุกคนไป อาตมาก็เช่นเดียวกัน มีดีมีชั่ว เลือกดูเอา ไม่มีใครเลยที่ดีตลอดต้นชนปลาย มีดีมีชั่วอยู่ในตัว มันมีด้วยกันทั้งนั้น ความพลาดความประมาทมีด้วยกันทุกคน แต่มันจะชั่วมากหรือมันจะดีมากกว่ากัน ติดลบหรือติดบวกประการใด ออกเป็นธรรมชาติของมันเองจากกฎธรรมดา ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ผลจะเกิดขึ้นจากการกระทำของตน มิใช่คนอื่นมาทำให้เราเท่านั้น ขอฝากท่านไปตีความหมายคิดเรื่องนี้ไว้ด้วย อย่าไปดูถูกคนและเหยียดหยามคนกันมากเกินไป จากธรรมชาติ คนเราจนแล้วก็รวยได้ ยาก ๗ ที มี ๗ หน เรายากไร้ยากจนในวันนี้ วันหน้าเราก็จะร่ำรวย ยกตัวอย่างอาตมาอยู่วัดอัมพวัน เริ่มต้นฉันข้าวกับน้ำปลามีพระอยู่ ๑๔ องค์ก่อนจะฉัน อาตมาต้องไปดูพระก่อน วันนี้มีน้ำพริกถ้วยเดียว ปลาร้าถ้วย ผัก ๒ ถ้วย อาตมาบอกนิมนต์ฉันเถอะครับ ผมวันนี้ไม่สบาย ถ้าเราไปนั่งฉัน พระท่านก็ฉันไม่ได้ อุตส่าห์อดทนให้พระท่านฉันให้อิ่มก็แล้วกันอาตมาก็พอใจแล้ว กว่าจะมีอะไรก็ต้องอดทน
ท่านทั้งหลายเอ๋ย ยาก ๗ ที มี ๗ หน ต้องใช้ความอดทน สร้างความดีใช้เวลานานเหลือเกิน ไม่ใช่สร้างวันเดียวสำเร็จ นี่แหละธรรมชาติ เหมือนต้นไม้ที่มีแก่นกว่าจะโตขึ้นมาแสนจะยากลำบากใช้เวลานานมากเช่นเดียวกัน สร้างความดีต้องค่อยเป็นค่อยไป สะสมหน่วยกิตเข้าไว้ สร้างความดีไว้ทีละหยดทีละหยาด น้ำใส่ตุ่มทีละหยดมันอาจจะเต็มตุ่มขึ้นมาถึงแม้ตุ่มใบใหญ่ก็เต็ม ขอให้ตักน้ำทุกวันได้ไหม แต่ปัญหาน่าเสียใจตักไปมากมายแต่ตุ่มโอ่งที่ใส่มันรั่ว มันทะลุ ก็เสียแรงเปล่านะ ควรจะช่วยกันอุดโอ่งตุ่มไม่ให้รั่วไหล ทีละหยดทีละหยาด เดี๋ยวมันก็ต้องเต็มวันหนึ่งข้างหน้าต่อไปได้ในความดีอันนั้นจากธรรมชาติ
ท่านอย่าประมาทว่าท่านมีเงินร่ำรวยเป็นร้อยล้านพันล้าน อาจจะเหลือแต่ไฟ ไฟก็จะไม่มี อย่าประมาท โบราณท่านสอนธรรมชาติ มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาทอย่าให้ขาดกระเป๋า แต่บางคนมีร้อยล้านพันล้าน บาทเดียวเตะทิ้งไปแสดงว่าน้อยมาก ดูถูกเงินดูถูกทอง หนักเข้าหมดเนื้อประดาตัว ไม้ขีดไฟแก๊สก็ไม่มีด้วย นี่แหละยาก ๗ ที มี ๗ หน จากธรรมชาติของเรานี่เอง ขอเจริญพรอย่างนี้นะ
นี่แหละธรรมชาติอย่าดูถูก คนเรามีดีมีชั่วถึงจะเป็นขี้เหล้ามายาอย่าไปดูถูกเขา ให้รู้จักใช้คนว่าควรจะใช้คนประเภทใดทำงานใด เขาไม่มีวิชาเอกทางนั้นอย่าไปใช้เขา ถ้าเขาทำไม่ได้เราไปโกรธเขาเกิดทะเลาะวิวาทกัน เกิดความเห็นไม่ตรงกัน เรียกว่า ใช้คนไม่เป็น พูดจาก็ไม่เป็น พูดจาไม่ดีแล้วย่อมเกิดปัญหา เราจะใช้ใครก็ดูเหตุผลของคนนั้น เป็นที่น่าเสียดายจากธรรมชาติอันนี้ คนใดมีวิชาเอกที่จะช่วยเราได้ทางใด เราก็ใช้เขาทำงานอย่างนั้น ถ้าเขาช่วยเราไม่ได้จริง ๆ อย่าไปใช้เขาเลย มันจะเสียงานของเรา ทำเองเถอะ อย่างอาตมาก็ต้องลงมือทำเองจะไปวานเขาก็เกรงใจ เราเสียสละองค์เดียวก็ทำงานให้เสร็จไป ก็ยังดีกว่าเขาเอางานไปทิ้งไปขว้าง เพราะเขาไม่มีวิชาเอก ไม่ถนัดงานดังกล่าว นี่คือธรรมชาติใช่หรือไม่
เราไปใช้คนที่ไม่รู้จักอะไรเลยแล้วเขาจะทำให้เราได้ไหม ก็ไม่ได้ จะไปหาว่าเขาขี้เกียจไม่ช่วยงาน ไม่มาทำงานให้ ก็ไม่ถูกต้อง ขาดธรรมะประจำจิต ใช้ชีวิตประจำใจก็เพราะเราใช้คนไม่ถูกงาน ให้งานไม่ถูกต้องกับความถนัดของเขา บางคนชอบพูดก็ให้งานที่ต้องติดต่อต้อนรับแขก ส่วนคนที่ทำงานเขาไม่พูดมากหรอกนะถึงจะทำงานได้ พูดมากต้องอยู่งานสังคมแต่ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดีด้วย นี่ธรรมชาติ บางคนใช้คนไม่เป็น บางคนพูดมากเกินโควต้าก็ทำให้เสียได้ บางคนพูดน้อยไปไม่ถึงขั้นมันก็เสียได้ บางคนไม่พูดเสียเลยก็เลยไม่รู้เรื่องกันก็มีมาก ทุกคนไม่ใช่ว่าใช้ได้ทุกคนนะ ใช้ไม่ได้ ใช้ยาก ก็อย่าไปว่าเขาว่าเขาขี้เกียจเดียดฉันท์แต่ประการใด คนอยากจะสนองงานให้เราก็มากมาย ก็ต้องขอขอบคุณ แต่ก็ทำให้ไม่ได้ นี่มันจุดหมายธรรมชาติอันนั้น ในเมื่อเขาทำไม่ได้แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้มันเสียโดยเอางานนั้นไปทิ้งเสีย หรือลืมทำงานนั้น เราต้องทำงานเอง
เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าสอนธรรมชาติง่าย ๆ ว่า งานทุกอย่างต้องบกพร่อง ไม่มีงานอะไร ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เหมือนทอง ๙๙ ต้องขาดไป ๑ เปอร์เซ็นต์ เหตุที่บกพร่องขอเจริญพรว่า เนื่องจากคนทำงานคนเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เราก็จิตคิดดูบ้างเขาก็ใจ คนเราก็ต้องอยู่พึ่งพาซึ่งกันและกัน แต่แล้วเราอาศัยเขาได้ เขาอาศัยเราไม่ได้ มันก็อยู่กันยาก ถ้าเขาอาศัยเราได้ แล้วเราอาศัยเขาไม่ได้ก็ต้องช่วยเหลือกัน เราอยู่วัด วัดอาศัยเราได้ แต่เราไม่ช่วยวัด เราอาศัยวัด วัดอาศัยเราไม่ได้ วัดตัวนี้ไม่ใช่อาคารสถานที่เป็นวัตรปฏิบัติ เป็นข้อปฏิบัติ ถ้าเราปฏิบัติได้เมื่อใด ก็ช่วยเราได้ เราช่วยวัตรก็หมายความปฏิบัติทำกรรมฐาน เราช่วยวัดแล้ววัดก็ต้องช่วยเรา วัดคือวัดกาย วัดวาจา วัดจิตใจให้ดี เขาก็ช่วยเราในทางนี้เท่านั้น ถ้าเราไม่ปฏิบัติแล้ววัดเขาช่วยเราไม่ได้หรอก เราช่วยวัดคือปฏิบัติวัตรปฏิบัติกรรมฐานขึ้นมา แล้วฐานะก็จะดีมีปัญญา ต่างคนต่างช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน คนนั้นจึงจะได้ผลจึงจะถูกต้อง มองเห็นธรรมชาติชัด ๆ บางคนมองข้ามธรรมชาติไปจากกฎธรรมดา จึงไม่มีอะไรวิเศษกว่านี้อีกแล้ว
เราช่วยเขา เขาไม่ช่วยเรา เราจะช่วยเขาต่อไปหรือประการใด ต่างคนต่างช่วยกันจึงจะถูกต้อง นิ้วโป้งมันต้องอาศัยนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย มันเป็นหัวแม่มือ มีพลังสูง แต่นิ้วโป้งจะใช้นิ้วเดียวก็ไม่ได้ มันก็ต้องพึ่งพาด้วยกัน นิ้วมันไม่เท่ากันเพราะมันไม่เหมือนกัน คนมีนิสัยไม่เหมือนกัน นานาจิตตัง จิตย่อมจะไม่เหมือนกัน ความดีก็ไม่เหมือนกัน ความชั่วก็ไม่เหมือนกัน ความสุขก็เอาไปคนละอย่าง ความทุกข์ก็เอาไปคนละทาง สุขด้วยการดื่มสุรา เล่นการพนัน ความสุขเกิดจากความสงบก็มี ความสุขเกิดจากการปฏิบัติกรรมฐาน ความสุขเกิดจากลูกได้ดี มีปัญญา เรียนหนังสือเก่งเร่งก้าวหน้าก็เกิดความสุขสำหรับพ่อแม่ ผลพลอยได้ของพ่อแม่ก็ดีอกดีใจว่าลูกสำเร็จปริญญาเอก ยกตัวอย่างธรรมชาติเป็นความสุขในระดับครอบครัว ระดับครอบครัวสำคัญเหมือนกัน เป็นบทบาทของชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองของพ่อแม่อยู่ที่ครอบครัวเหมือนกันจากธรรมชาติอันนี้
ต้นไม้บางชนิดมีรากลึก บางชนิดโค่นง่ายเพราะรากมันตื้น เหมือนอย่างเช่นคนปฏิบัติพระกรรมฐานจิตใจไม่ลึก จิตใจมันหละหลวมเหลาะแหละ จิตใจมันเหลวไหลจึงล้มได้ง่าย บ้านสร้างมาแล้ว ไม่ได้ตอกเสาเข็ม คานก็เล็กเราจะต่อตึกไปหลาย ๆ ชั้นก็คงจะไม่ได้ ถ้าเราทำคานแน่นหนา ทำหลักฐานแน่นหนา ตอกเข็มให้แน่นให้ลึกลงไป สามารถตอกสร้างตึกได้ถึง ๗ ชั้น ๑๐ ชั้น ๒๐ ชั้น ได้ตามกำหนดนั้น ฉันใดก็ฉันนั้น การเจริญพระกรรมฐานก็เช่นเดียวกันดังกล่าวแล้ว เป็นการฝังจิตให้แน่น ทำให้เกิดความอดทน อดกลั้น อดออม ประนีประนอมยอมความ บุคคลนั้นจะได้มีหลักฐานแน่นอนที่สุด คือ การเจริญพระกรรมฐาน ทำให้ฐานะดี แน่นหนาอดทน ไม่โกรธคนง่ายและไม่เกลียดคนง่าย จะไม่ฝังใจเจ็บกับท่านผู้ใดเลย จะไม่ผูกความโกรธไว้ในใจต่อไป จะไม่อิจฉาริษยาแน่นอน มันฝังแน่นเหมือนเรือนที่เราปลูกไปเช่นนั้น เหมือนต้นไม้ที่มันเป็นแก่น มันจะมีรากลึกมาก เข้าในหลักพังเพยธรรมชาติ "ทองคำต้องสู้ไฟ ไม้ใหญ่ต้องสู้ลม"
ท่านทั้งหลายเอ๋ย เอาทองเหลือง ทองแดง ตะกั่ว มารวมกับทองคำแล้ว ท่านลองเอาน้ำกรดราดลงไปสิ มันจะเหลือแต่ทองบริสุทธิ์ ฉันใดก็ฉันนั้น ทองคำเปรียบเหมือนความดี เหลือแต่ความดีเท่านั้น ความชั่วเปรียบเหมือนทองแดง ทองเหลือง ต้องเผาด้วยน้ำกรด เทียนที่ท่านจุดมันมีแสงสว่างเพราะมันร้อนในตัวใช่ไหม ความร้อนในตัวมันเผาให้เกิดแสงสว่าง น้ำตาเทียนมันไหลเห็นชัดโดยธรรมชาติ ยิ่งเผาน้ำตาเทียนยิ่งหลั่งไหลออกมา โยมลองไปเห็นธรรมชาติที่อาตมาพูด ธรรมชาติหรือไม่ ถ้าไส้มันใหญ่ เทียนมันใหญ่ มันก็จะเผาหนักทำให้เกิดแสงสว่างมากขึ้น แต่ถ้าไส้เป็น ๓ ไส้เล็ก ๆ มันก็ไม่สามารถเผาให้มันเกิดความร้อนในตัว ให้มันเกิดแสงสว่างได้เช่นเดียวกัน ฉันใดก็ฉันนั้น เรามาเจริญพระกรรมฐาน ต้องการให้เกิดแสงสว่างเผาโลภะ โทสะ โมหะ เผากิเลส มันเหือดแห้ง คือ ราคะ โทสะ โมหะ กามคุณ ๕ มันสยบลงไปเมื่อใด ปัญญาก็จะเกิดขึ้นเหมือนเทียนฉันนั้น
ท่านทั้งหลายเอ๋ย โปรดพิจารณาโดยธรรมชาติอันนี้เถิด ท่านจะเกิดปัญญา ท่านจะรอบรู้ในกองการสังขารของท่านที่จะต้องเผากิเลสเป็นเหตุให้เกิดแสงสว่างนั้นคือตัวปัญญา เหมือนท่านฝังรากจิตให้มันลึก ท่านจะไม่โค่น ท่านจะแผ่กิ่งก้านสาขาให้คนอื่นมีร่มเงาอาศัยได้ ถ้ารากท่านสั้น จิตใจท่านต่ำ ท่านจะไม่ได้เป็นที่พึ่งของใครเขาได้เลย เป็นที่พึ่งพาให้กับลูกก็ไม่ได้ เป็นที่พึ่งพาให้กับญาติพี่น้องก็ไม่ได้เหมือนต้นตาลที่ไม่มีกิ่งก้านสาขา เลี้ยงลูกโตเหมือนต้นตาล เลี้ยงลูกโตด้วยข้าวสุก หาความสนุกให้กับสังคมแล้วมันจะใช้ได้หรือ
ต้นไม้ธรรมชาตินี่แหละหนอถ้ามันฝังรากลึก โยมโปรดรดน้ำพรวนดินเถิด มันจะออกดอกออกใบให้เราผลิดอกออกผลให้เขาขายออกสู่ตลาดอย่างงาม เหมือนจิตใจของเรา หมั่นสวดมนต์ไหว้พระ หมั่นตั้งสติปัฏฐาน ๔ เจริญกุศลภาวนา เรียกว่ารดน้ำใส่ปุ๋ย ต้นไม้ท่านจะงดงาม ท่านจะมีปัญญาใช่หรือไม่ ท่านคิดดูตรงนี้ได้หรือไม่ ท่านจะไปเอาญาณ ๑๖ นั่ง ๗ วัน จะเดินระยะ ๖ แล้วให้ได้ญาณ ๑๖ เป็นพระโสดา โสดีก็ยังไม่ได้จะเป็นโสดาไปทำไม แค่ตรงนี้ยังสกปรก จิตใจยังลามก หาความสกปรก เศร้าหมองใจ ใจก็ไม่เสบย ขาดความสบาย มีทั้งรักทั้งแค้น ทั้งแน่นในทรวง ทั้งหึงทั้งหวงหนักหน่วงในหัวใจ ไม่มีรักด้วยเมตตาเลย รักกันด้วยกามคุณ หน้าตาสวย ๆ ดี ก็จะรักกันดีจนตาย รักกันอย่างไรเล่า มหานิยมคือเมตตา แปลว่าความปรารถนาดี ลูกมีวิชาความรู้เป็นการนำวิชาการ นำแนวทางความคิดได้ แล้วก็นำทางปัญญาได้ ท่านถึงจะได้ความรู้ความคิด ความมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดสามารถปฏิบัติการงานขยันถูกต้อง
การเจริญพระกรรมฐาน เป็นการตัดสินใจได้ถูกต้อง แนวสติปัญญาแนวความคิด เป็นการตัดสินใจได้ดีมาก ที่ท่านเจริญพระกรรมฐานนั้น ท่านจะเสียใจต่อเมื่อท่านไร้สาระ ขาดสติสัมปชัญญะ ลดละภาวนา แล้วท่านจะเสียใจ ท่านจะตัดสินใจผิดชีวิตท่านจะแร้นแค้น ชีวิตท่านจะไม่มีแบบไม่มีแปลนและแผนผัง ชีวิตท่านจะอเนจอนาถ น่าเสียดายที่เกิดมาในสากลโลกมนุษย์นี้โดยธรรมชาติแท้ ๆ
นี่หรือความรัก ความรักทำให้คนตาบอดสอดตาเห็น ไม่เป็นพยานหลักฐาน ความรักหรือจะแน่นอนเท่ากับเมตตาปรารถนาดีเท่านั้น ถ้าเรามีความสงสารซึ่งกันและกัน อยากจะช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลายให้พ้นทุกข์ ช่วยตัวเองให้พ้นจากกองทุกข์ และช่วยคนอื่นให้พ้นจากกองทุกข์ได้ มุทิตาจิตพลอยยินดีปรีดาในเมื่อเขาได้ดีขึ้นมา ไม่มีการอิจฉาริษยาต่อกัน อุเบกขาภาวนาต้องการจะเป็นกลางจะไม่อคติแต่ประการใด ชีวิตนี้ทุกสิ่งเป็นกลางไม่เข้าข้างใคร ไม่อคติต่อใครด้วยอุเบกขาภาวนาอันนี้บอกไว้ชัด
โอ้อนาถวาสนานิจจาเอ๋ย ฉันเกิดมามีกรรม เกิดมาทำอะไรได้ เกิดมาสร้างความดีใช้หนี้กรรมเก่า อย่าปฏิเสธทุกข้อหา หนีความชั่วสร้างตัวให้ดี ชีวิตจะไม่แร้นแค้น ยาก ๗ ที มี ๗ หน เดี๋ยวเงินไหลนอง ทองไหลมา บริวารก็เต็มบ้าน ชีวิตนี้ก็จะสดชื่น เหมือนดอกไม้ที่ออกดอกสะพรั่งเช่นนั้น แต่แล้วออกดอกสะพรั่งแล้วโปรดอย่าประมาท มันโรงร้างห่างไกลแล้วโรยร่วงไปเหมือนดอกกุหลาบฉันนั้น เหมือนพี่น้องสาว พี่น้องชายหนุ่ม เป็นหนุ่มสาวหลอกลวงกันชั่วคราวเท่านี้แหละหนอ ไม่มีอะไรสวยคงที่คงวาคงศอกเลย ถึงเราจะปิดถึงเราจะแต่งอย่างไรก็แต่งไม่ไหว มันก็โผล่ออกมาจนได้ ขอประทานโทษขออนุญาตกล่าว เหมือนอย่างผมเราขาวแล้ว ย้อมไปเดี๋ยวกันก็โผล่มาให้เห็นจนได้ ลงพื้นวาดแผนที่ไม่ให้ใครเห็นว่าเราแก่ ทำให้เป็นสาวแล้ว อย่ามาย้อมใจเสียให้ยากลำบากใจเลย นี่โดยธรรมชาติ
การเจริญพระกรรมฐานต้องการจะรู้ของจริงจากธรรมชาติอย่างนี้ การเจริญสติปัฏฐาน ๔ ต้องการมีสติทุกอิริยาบถ อย่าประมาท อย่าพลาด อย่าละโอกาสอันดีงามของท่าน เวลาของท่านจึงมีประโยชน์ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน กายจะยืน เดิน นั่ง นอน เหลียวซ้าย แลขวา คู้เหยียดเหยียดขา ตั้งสติไว้ นี่คือตัวกรรมฐานกำหนดจิตให้ได้ เราจะได้มีสติ จะเลื่อนเท้าไปทางไหน เกิดขึ้นแล้วมันก็เยื่องย้าย แล้วมันก็ดับไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย อนิจจังเอ๋ยไม่เที่ยง เป็นทุกข์ หาเหตุที่มาของทุกข์ได้คือ อนัตตา แปลว่าปลอดภัยแล้ว ข้าพเจ้ารู้จริงทุกสิ่งแล้ว ของปลอมไม่ย้อมใจ เขารักกันแทบจะกลืนแล้วยังไม่ได้กัน เพราะเหตุผลประการใดเล่า ควรจะรักด้วยความเมตตาปรารถนาดี สงสารซึ่งกันและกัน สามีโปรดเห็นใจภรรยา ภรรยาโปรดเห็นใจสามี เอาอกเอาใจกันดีกว่าที่จะไปแยกแตกกันไปเลย อย่างนี้มีมากมายในสังคม มันเลวร้าย ต่างคนต่างมีลูกซึ่งกันและกันก็มีเหตุจะเลิกรากัน มีมาปรึกษาอาตมาเยอะแยะ อาตมาต้องบอกว่าอย่างมาปรึกษาอาตมาเลย โปรดตัดสินใจเอาเองให้ถูกต้อง อาตมาเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าจะบอกให้เลิกกันก็ไม่ได้ จะบอกให้เขาดีกันก็ไม่ได้ อาตมามีอยู่ข้อเดียวไม่อยากให้เลิกกัน ให้ลูกเป็นปมด้อย แต่โยมต้องคิดเอาเองนะ ถ้าสามีภรรยาโดยธรรมชาติเขาทะเลาะกัน โยมอย่าไปเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ดีนะ เวลาเขาดีกันจะกลายเป็นสุนัขหัวเน่า ขอฝากไว้จากพระกรรมฐานทั้งหมด
ถ้าท่านเจริญพระกรรมฐาน ท่านจะรู้ว่าเมตตาคืออะไร ความรักนอกประเด็นนี้คืออะไร รักวิโยคโศกเศร้าวิโยคโศกภัย มีแต่เสนียดจัญไร รักด้วยกามคุณ ให้มันอุ่นใจชั่วคราว แต่รักให้มันเจาะให้ลึกถึงเมตตาปรารถนาดีซ้ำสงสารซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือกันด้วยความสงสาร เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน และปฏิบัติต่อกันแล้วคนจะสงสาร จะทำร้ายจิตใจกันไม่ได้ โลกเจริญจิตใจหาได้เจริญตามไปไม่ ทิ้งความดีรักด้วยกามคุณรับรองรักไม่ทน รักป่นปี้ เอาใจลูกดี เอาใจสามีดี สามีก็เห็นใจ สามีก็ต้องให้เกียรติภรรยาทันที จะไม่เสียดสีจะไม่ทุบตีแต่ประการใด นี่คือเมตตา แสงความสงสารซึ่งกันและกัน คนเราจะทิ้งจากกันได้หรือ
คนเดี๋ยวนี้ไร้คุณธรรมมาก โลกาภิวัตน์ โลกมันเจริญไปถึง กามคุณ ๕ เข้าไนท์คลับ ผับ บ้าบอคอแตกไปตามสภาพ เลยลืมของเก่าหรือเจ้าประคุณ ลืมบุญลืมกุศลแล้วหรือเจ้าประคุณแม่ทูนหัว ลืมรักเก่ามารักใหม่แสนจะฉวีหาความดีไม่ได้ออกมาอย่างนี้เลย บางคนก็มาปรึกษาอาตมา บอกหลวงพ่อฉันจะเลิกกับมันดีไหม มีลูกกัน ๗ คน ก็ถามว่าทำไมจะเลิกกันล่ะ เขาบอกมันไม่เอาไหน มันไม่ดี เวลาแต่งงานกันทำไมว่ามันดีล่ะ แล้วมาตอนนี้ว่าไม่ดีได้อย่างไร เขาบอกไม่ใช่เนื้อคู่ โอ้โฮมีลูก ๗ คนบอกว่าไม่ใช่เนื้อคู่ เรื่องพรรค์นี้เข้าวัดมาปรึกษามากเหลือเกิน มีทั้งรักแค้นแน่นทรวงหนักหน่วงในหัวใจ
ขอเจริญพรไม่มีอะไรดีเท่าพระกรรมฐานแล้ว ตั้งใจเจริญพระกรรมฐาน กำหนดสติไว้ตลอด กำหนดคิดหนอที่ลิ้นปี่ คิดถูกหรือผิด แล้วก็ตัดสินใจได้ถูกต้อง อย่าไปให้คนอื่นมาตัดสินใจให้เรา เพราะเขากับเราไม่รู้เรื่องกัน และเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะตัดสินใจให้เราได้อย่างไร ตัวเรารู้ดีที่สุด ตัดสินใจเอาเอง ใช้พระกรรมฐานตัดสิน
ขอฝากท่านไว้โดยธรรมชาติอันนี้ ต้นหมากรากไม้ก็เช่นเดียวกับความรัก จะรักกันตื้นลึกหนาบางก็ธรรมชาติ ถ้าท่านรักด้วยกิเลส รักไม่มีขอบเขต ใช้ไม่ได้ ความรักที่พระพุทธเจ้าสอนต้องมีขอบเขต คือ เมตตาปรารถนาดีกับเขาไหม เขามีความปรารถนาดีกับเราไหม ถ้าต่างคนต่างมีความปรารถนาดีต่อกันแล้ว ความสงสารปฏิบัติดีต่อกันก่อน ในเมื่อสามีปฏิบัติดีต่อภรรยา ภรรยาปฏิบัติดีต่อสามี ต่างคนต่างสร้างความดีร่วมกันแล้ว มันจะเกิดความสงสาร คือ กรุณาเรียกว่าผู้มีพรหมวิหารธรรม เกิดความสงสารกันขึ้นมา แล้วมันก็มีเยื่อมีใย ตัดบัวยังเหลือใย บัวไม่ไว้ใยได้อย่างไร คนเราต้องมีดีต่อกัน มันถึงจะมีเยื่อใย ถ้าคนไม่มีใยดีต่อกัน จะอยู่ด้วยกันไม่ได้ นี่มีมากมาย เวลารักกัน เกลือเค็มก็ว่าเกลือหวาน เวลาเลิกกันหมดหวานเลยหรือ อาตมาถามโยมผู้ชาย ทำไมทิ้งโยมผู้หญิง เขาบอกโอ๊ย! หลวงพ่อไม่รู้เรื่องหรอก หลวงพ่อบวชมานาน ไม่รู้ภาษาหรอก ก็มันแก่แล้วผมก็ทิ้งมันนะสิ หลวงพ่อไม่รู้เรื่อง ต้องได้สาว ๆ เอ๊าะ ๆ แอ๊ะ ๆ เราก็ไม่รู้เอ๊าะ ๆ แอ๊ะ ๆ เป็นอย่างไร อ้อ! แก่แล้วทิ้งหมดเลยหรือนี่
ขอเจริญพรจากธรรมชาติจากการเจริญพระกรรมฐาน ก็คือ ธรรมชาติ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ก็คือ ยืนหนอ ๕ ครั้ง โปรดกรุณาทำให้ได้ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป บางคนก็เบื่อหน่าย อย่าเลิกราต้องทำต่อไป โยมเรียน ป.๑ - ป.๖ ก็ต้องใช้เวลา ๖ ปี ม.๑ - ม. ๖ ก็ใช้เวลา ๖ ปี รวม ๑๒ ปี แล้วการเจริญความดี มุ่งมาดปรารถนาของดี ต้องค่อยเป็นค่อยไป ดีตรงไหนจำไว้ มันไม่ดีตรงไหนจำไว้ ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงประจำของธรรมชาติ เปลี่ยนร้ายให้กลายดีได้ ถ้าทำได้แล้ว สติอยู่กับจิตเมื่อใด มันจะคิดออกทันที คิดออกแล้วเขียนไปแล้วเราจะตัดสินใจได้ถูกต้อง ทำอะไรจะได้ไม่พลาดไม่ผิด ถึงจะมีความผิดอยู่บ้างก็น้อยเต็มทีนะ ความถูกจะมากกว่าความผิด แต่เราจะให้คนอื่นบอกเราหาได้ไม่ เพราะต่างกรรมต่างเวรกัน จะให้คนอื่นมาบอกเราได้อย่างไร เขาจะให้เรามาบอกให้เราทำตามก็ไม่ได้ เช่นเราไม่มีเงินมีทอง เราอยากได้เงินสัก ๑๐๐ ล้าน เขาบอกว่าต้องไปค้าขายยาบ้า ขายยาเสพติด เขาทำได้ไหม เขาขายกาแฟดี แต่เราชงกาแฟไม่เป็น จะขายได้หรือ เขาขายก๋วยเตี๋ยวน้ำดี เราทำก๋วยเตี๋ยวกินเองยังไม่เป็นท่า ยังว่าไม่อร่อยเลย จะไปขายได้หรือ นี่แหละต่างเวรต่างกรรม ต่างฐานะ ต่างสมองกลดลบันดาล บางคนไม่มีวิชาเอกทางนี้ ไปขายอย่างไรก็เจ๊ง นี่ต่างเวรต่างกรรม ต่างวาระเวลากัน เราไม่ถนัดธรรมชาติไปขายของเหมือนกัน และจะดีเหมือนกันหมดก็ไม่ใช่
ขอฝากท่านทั้งหลายไว้ด้วย การเจริญพระกรรมฐานเป็นธรรมชาติแน่นอน ไม่มีอะไรที่จะดีกว่านี้แล้ว ธรรมะวิเศษจะเกิดจากธรรมชาติ คนมีสติปัญญาสามารถจะรู้ธรรมชาติ รู้เหตุการณ์ของชีวิต รู้ระลึกชาติของอดีตชาติได้ ในการเกิดขึ้นปัจจุบัน คือ กฎแห่งกรรม เราว่าอนาคตมันจะเกิดเหตุการณ์ใดขึ้น จะแก้ตรงไหน จะใช้ชีวิตต่อเวลากาลอย่างไรจะแก้ไขปัญหาได้อย่างไร เราก็แก้ไขด้วยธรรมชาติ ไม่ต้องไปเสกคาถาอาคม ธรรมชาติก็คือสมาธิธรรมดา มีสติสัมปชัญญะจะรู้จักธรรมชาติ
ต้นหมากรากไม้ ถ้ามีหนอนมีกาฝาก ทำให้ต้นไม้ไม่โต มันแคระแกร็นเราก็เช่นเดียวกัน ต้องกำจัดกิเลส ความไม่ดี เป็นเหตุทำลายตัวเอง โดยกำจัดออกไปด้วยการกำหนดจิต โดยมีสติปัญญา ชีวิตท่านจะแจ่มใส ทำอะไรเงินไหลนองทองไหลมา จะค้าขายก็ร่ำรวย ธุรกิจก็สำเร็จ ทำอะไรก็เผด็จผล นึกถึงบุญกุศลไว้เราก็ได้ผล
การบำเพ็ญบุญบำเพ็ญกุศลอะไรก็ไม่ดีเท่าการเจริญพระกรรมฐานอีกแล้ว เพราะเป็นบุญที่สูงสุดในพระพุทธศาสนา จะเห็นทางมรรคมรรคา มองเห็นทางเดินที่ถูกต้อง คือ มรรค ๘ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา มีสติระลึกเสมอ สัมปชัญญะรู้ตัวเสมอ ทำอะไรรู้กาลเทศะ บาปบุญคุณโทษ รู้ว่าดีชั่วเป็นประการใด มันจะเกิดขึ้นแก่ตัวเอง นั่นคือ ปัญญา ได้แก่ความไม่ประมาทตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป..




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 02:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 3 sp.bmp
B J 3 sp.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 4512 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบรรยาย
กรรมฐานชำระจิต
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

การที่เรามาแสวงหาพระก็คือ การที่เรามาเจริญพระกรรมฐานให้จิตใจได้อาบน้ำบ้าง เรามาอาบน้ำให้จิตใจสะอาด เหมือนไม่ให้ไฝฝ้ามาขึ้นใบหน้าแต่ประการใด ซึ่งการจะทำได้นั้นยากมาก ก็เพราะเราไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ย่อมเป็นสิ่งยากอยู่ แต่ถ้าเราปฏิบัติจนเคยชินแล้ว มันก็ไม่ยากแต่อย่างใด
ท่านสาธุชนทั้งหลาย พุทธบริษัททุกท่าน การชำระกายเราก็อาบน้ำกันวันละหลายเวลา ซักเสื้อผ้าสะอาดสวยไม่มีด่างดำ ทุกคนต้องการทั้งนั้น แต่ปัญหาอยู่ที่จิตใจนั้น เราไม่ได้ชำระ เราไม่ได้อาบน้ำให้มันเลย จิตใจมันก็อาจเป็นไฝฝ้าอยู่ในจิตใจเรา บ้างตามสมควร
นี่แหละเราจึงมีความทุกข์ไม่เหมือนกัน ทุกข์กายมันก็ไปถึงทุกข์ใจได้ด้วย เราสะอาดอาบน้ำชำระร่างกายให้มันสะอาดหมดจดแล้ว มันก็สวยในด้านร่างกาย ถ้าจิตใจถูกอาบน้ำไปพร้อม ๆ กันด้วยการบริหารกายบริหารจิตให้อดทน เวลาก็จะได้มีประโยชน์ในชีวิตในกิจประจำวันของท่านทั้งหลายอย่างสมมาดปรารถนา แต่เราก็ไม่เข้าใจ เราอยากจะสวย มีเครื่องเสริมสวย สร้างสรรค์ใบหน้านวลผ่อง สะอาดเหมือนเราแต่งตัวกันฉันนั้น แต่จิตนั้นไม่มีใครไปแต่ง ทำให้จิตใจเลยร้ายไร้สาระ ถึงกายจะสะอาดอย่างไรก็จะหาความสุขไม่ได้เลย แต่ก็ยังดีอยู่ที่เราได้ชำระกายอาบน้ำ แต่งตัว ซักผ้าซักผ่อนสะอาดรีดให้สวยงามก็สามารถรีดให้ได้ แต่มันก็ไม่มีความสุข จิตใจก็ไม่สบาย จะทำอย่างไรดีหนอ จิตใจจึงจะสะอาด อาบน้ำให้จิตใจบ้าง คือ การเจริญพระกรรมฐาน ชำระให้สะอาด มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้จิตใจสะอาด เกิดความสุข ท่านจะได้ไม่มีความทุกข์ ท่านจะไม่ชอบหรือประการใด อย่าเอาทุกข์ไปไว้ที่จิตใจ ทุกข์กายก็มากหลาย ทุกข์ใจก็มากมี เราจึงสร้างความดีไม่ได้แน่นอนที่สุด
ถ้าท่านไม่สร้างสรรค์ อาบน้ำให้จิตใจให้สะอาดแล้วนั้น ท่านจะไม่พบพระที่อยู่ในจิตใจ ไปพบพระแต่ภายนอก ไปเห็นพระสงฆ์องค์เจ้าเรียบร้อยสวยน่าเลื่อมใสน่าศรัทธา แต่จิตใจของเราไม่ประเสริฐพอที่จะไปไหว้พระ ถ้าท่านชำระใจให้สะอาด อาบน้ำให้จิตใจของท่านเหมือนอาบน้ำที่กาย ลงพื้นวาดแผนที่ให้สะอาดหมดจดแล้วก็สวย แต่มันก็ยังไม่น่ารัก สวยกายยังไม่น่ารัก มันอาจจะน่าเกลียดก็ได้ ถ้าเราชำระจิตใจสะอาด อาบน้ำให้มันเหมือนเราอาบน้ำให้ร่างกายสังขารทั้งหลายเหล่านี้ ท่านจะเกิดพระ ใจจะไม่เลอะเทอะ จิตใจจะไม่เปรอะเปื้อน จิตใจจะสะอาด ปราศจากมลทิน ชีวิตนี้จะอยู่ในถิ่นฐานแห่งความสงบ ได้สุขีสร้างความดีให้กับตัวเอง ชีวิตของท่านก็จะแจ่มใส ใจก็จะสะอาด ท่านจะมีทั้งสุขกายสุขใจ ไม่มีความทุกข์กายทุกข์ใจอีกแน่นอนที่สุด
ตรงจุดนี้แหละเป็นจุดที่ท่านมาวัดใช่หรือไม่ ไม่ใช่ไปบนบานศาลเกล่า คำว่า "บนบวช" มันตรงกับคำว่า "บ่น" บ่นเป็นหมีกินผึ้งแล้วหาที่พึ่งไม่ได้เลย ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ ก็คือ ชำระกาย ชำระร่างกายสังขาร
เราท่านทั้งหลายเอ๋ย ถ้าท่านเหงื่อหยดลูกคางแล้วไม่อาบน้ำ ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง เสื้อผ้าเหนียวเหนอะหนะ ท่านจะไม่มีความสบายแต่ประการใด ถ้าเราได้อาบน้ำชำระเอาสบู่ถู ขัดเหงื่อขัดไคลให้มันหมดไป เสื้อผ้าซักให้สะอาดหมดจด มันก็สบายกาย แต่จิตท่านยังไม่สบายท่านจะทำอย่างไร บ้านใหญ่โตอย่างกับวัดก็ยังหาความสบายไม่ได้เลย มีแต่ความขัดข้องไปหมด เพราะจิตไม่สะอาด จิตไม่เสบย ขาดความสบาย ถ้าท่านชำระจิตด้วยการเจริญพระกรรมฐาน ชำระกาย สิวฝ้าไม่มีหน้าตาก็ผ่องใส ใจก็สะอาดหมดจด สวยสดงดงาม ใจก็งาม ใจท่านก็ดี ท่านจะไม่เป็นคนใจดำ ท่านจะไม่เป็นคนใจต่ำทรามอีกต่อไป ท่านจะมีแต่ความสุขสนุกในการทำงาน สามีภรรยาก็รักกันด้วยปัญญา
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย พระพุทธเจ้าสอนเป็นสัจธรรมให้บริหารกายเข้มแข็ง ชำระกายอยู่เสมอ ผ้าผ่อนก็ซักอยู่เสมอ นับประสาอะไรผ้าขาวที่นุ่งใส่ ๓ วัน ถ้าไม่ซักมันก็เกิดมัวหมองไม่ผ่องใส จิตใจก็ฉันนั้น เราไม่ได้ชำระใจกันเลย ไม่อาบน้ำที่จิตใจ เราชำระกันแต่ร่างกาย ขัดสีฉวีวรรณให้ผุดผ่อง นี่หรือจะเป็นทองคำธรรมชาติที่หล่อเหลา จิตใจท่านจะไม่มีความสบาย มีแต่ความทุกข์ ไม่อาบน้ำที่จิตใจ หาสันติไม่ได้แล้ว ท่านจะสันติได้อย่างไร หนักก็ไม่เอา เบาก็ไม่สู้ ความรู้ก็ไม่มี ความดีก็ไม่ได้ ท่านจะได้อะไรหรือ
ขอให้ท่านมีพระติดตัวไปบ้าง พระประจำใจดีกว่าพระประจำบ้าน มีพระประจำจิตมีชีวิตประจำใจ ท่านจะไปเหนือมาใต้ใจก็สว่าง ใจก็ประเสริฐล้ำเลิศทุกประการ จะทำมาหากินอยู่ในถิ่นฐานใด จะไปอยู่บ้านกระท่อมก็จะมีแต่ความสุข ไปอยู่บ้านใหญ่โตก็มีแต่ความสุข ถ้าดีได้มีพระได้ ท่านจะไปอยู่ที่ไหนดีหมด ไม่ต้องไปเลือกที่อยู่ ไม่ต้องเลือกที่ทำมาหากิน ถ้าคนดีอยู่ที่ไหนดีหมด จะขึ้นบ้านใครบ้านนั้นก็เป็นมงคล ส่วนคนที่จิตใจเลว ๆ ใจดำอำมหิตเหี้ยมโหดทารุณดุร้ายฆ่าสัตว์ตัวเป็นให้จำตายนั้น จะขึ้นบ้านใครก็มีแต่ความเดือดร้อน ทุกข์ร้อนใจหาความสุขสนุกไม่ได้เลย
เดี๋ยวเราก็ตายจากโลกไปแล้ว หาความสบายให้กับจิตใจบ้างไม่ได้เลยหรือ หาความสุขให้กับตัวเองบ้างไม่ได้หรือ แต่ถ้าไปหาความสุขที่มันเจือปนไปด้วยความทุกข์ ไปหาความยากไปหาความลำบากไปให้จิตใจมีทุกข์ ความสุขความเจริญนี้ไม่ยากไม่ลำบากจนเกินไป แต่ก็ยากสำหรับคนที่ไม่สนใจทำความดี ไปสนใจแต่ความชั่ว เอาตัวไม่รอดไม่ปลอดภัย มีแต่กาลีบ้านกาลีเมือง อยู่เมืองไหนก็เดือดร้อนเมืองนั้น เรียกว่าคนกาลีบ้านกาลีเมือง
คนที่ดีมีปัญญา ตกที่ไหนก็งอกที่นั้น จะเป็นเขยใคร สะใภ้ใคร บ้านนั้นจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองตลอดรายการ คนที่เป็นกาลีบ้านกาลีเมืองไปไหนก็มีแต่ขัดเคืองเคียดแค้นแสนจะคิด เขาเหล่านั้นไม่สามารถจะแผลงฤทธิ์กาลายเพศเป็นเศรษฐีได้ มีแต่กาลีบ้านกาลีเมือง เรียกว่า คนกาลกิณี หาความดีไม่ได้ คนที่เป็นกาลกิณีไปไหนเอาดีไม่ได้ ถ้าไม่เอากาลกิณีออกจากจิตใจ ตัวท่านจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความทุกข์ ไม่ต้องไปหาตลาดใหญ่ ๆ ทำการค้า ถึงตลาดใหญ่โตก็ไม่มีคนมาซื้อของ แต่ถ้าเราดีจะอยู่ตลาดเล็กเดี๋ยวก็เป็นตลาดใหญ่ ใหญ่ด้วยจิตใจ จิตใจก็งาม จิตใจก็ดี จิตใจก็มีปัญญา แหลมลึกปักอยู่ในสติปัญญาของตนนั้น ตนก็จะได้รุ่งเรืองเจริญด้วยวัฒนาสถาพร ไปอยู่ที่ไหนบ้านเมืองนั้นก็เจริญรุ่งเรือง
การเจริญพระกรรมฐาน ต้องการเข้าถึงพระพุทธธรรมให้ถึงพระพุทธเจ้า มานั่งใกล้เคียงพระพุทธเจ้า นั่งล้อมวงเรียกว่า พุทธบริษัท ขจัดความชั่ว ที่เรียกว่า พุทธบริษัท เพราะมีพระพุทธเจ้าประจำจิต คือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ อุ่นใจไม่มีความท้อแท้ใจ มีแต่ความอดทน อดกลั้น อดออม ประนีประนอมยอมความ หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกันจึงเป็นมณีแก้ว กล่าวแล้วคือพระอภัยมณี สร้างความดีให้แก่ตัวเป็นต้น
เรามาเจริญพระกรรมฐานต้องการมาสร้างความดี การจะสร้างความดีให้จับจิตจับกาย ทำใจให้ผ่องแผ้วเสมอ ทำใจอย่าให้แตกร้าวระราน ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔ จะผ่องแผ้วเมื่อนั้น จะปรองดองเหมือนญาติพี่น้องไม่ทะเลาะกัน ถ้าท่านสร้างแต่ความทุกข์ หาความสนุกแต่ชั่วคราวด้วยการดื่มสุราหาความสุขด้วยการเล่นการพนัน นั่นแหละท่านกำลังเดินไปหาความทุกข์ ไปชอปปิ้งที่โน่นที่นี่ หนักเข้าก็เกรียบ หนักเข้าก็กรอบหมดเงินทองก็หมดเนื้อหมดตัว พัวกันอยู่ในกิเลส กรอบไม่มีขอบเขต
ผู้ที่สร้างความดีต้องมีขอบเขต มีระบบมีระเบียบเหมือนแหวนเพชร เอามาหว่านไว้กลางถนน มันจะไม่มีราคา ถ้าท่านนำเอาเพชรมาประดับหัวแหวน มันจะมีราคาค่างวด เช่นเดียวกัน ความดีเอาไว้ที่จิตใจอย่าไปทิ้งไปขว้างกลางถนนหนทาง ท่านจะไร้สาระ ท่านจะขาดเหตุผล ท่านจะไม่มีความดีให้แก่ตน ขอฝากท่านทั้งหลายไว้โดยทั่วหน้ากัน
เรามาสร้างความดีต้องละความชั่ว อย่าไปโกรธใคร อย่าไปมองคนในแง่ร้าย ถ้าจิตใจเราไม่ดีก็มองของดีเป็นของชั่วไปหมด มองของชั่วกลายเป็นของดีไปหมด เข้าในหลักโบราณท่านว่าไว้ เป็นสัจธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแท้แน่นอนที่สุด เห็นกงจักรกลายเป็นดอกบัว เห็นความชั่วกลายเป็นความดี แต่บางท่านจิตใจสะอาดเขาไม่มองดูของสกปรก เขากลัวเสียสายตาของเขา มองในแง่ดีเสมอก็ขอเจริญพรอย่างนั้น
การเจริญสตินี้ดีที่สุดแล้ว ถ้าคนใดขาดสติไป รับรองเวลาถูกล้อหน่อยก็โกรธ เดี๋ยวนี้อาตมาไม่ล้อใครแล้ว เลิกล้อเพราะเขาหนักแน่นไม่พอ คนที่หนักแน่นพอ อดทน มีธรรมะสูงแล้ว ถ้าอารมณ์ดีมีปัญญาจะกล่าวร้ายป้ายสีก็ยังสร้างความดีได้ ส่วนคนที่ใจต่ำอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ สูง ๆ ต่ำ ๆ เดี๋ยวอารมณ์เลยเดี๋ยวอารมณ์ดีเป็นคนผีเข้าเจ้าสิง เป็นคนลมขึ้นลมลง คบไม่ได้ ถึงความดีก็กลายเป็นคราวร้าย เวลาพูดดีกลายเป็นร้าย อาตมาจึงขอกำหนดจดจำประวัติศาสตร์ต้องบันทึกเป็นหลักฐาน อย่าไปล้อคนอารมณ์ไม่ดี เดี๋ยวจะกลายเป็นเกวียน คนที่ดีแล้วล้อก็ไม่โกรธ ด่าก็ไม่โกรธ
ญาติโยมทั้งหลายเอ๋ย ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะกำหนดเจริญพระกรรมฐาน มีสติคงที่คงวาคงศอกได้ ฟังดนตรีไพเราะหมดทุกเพลง ถ้าอารมณ์เสียจิตใจไม่มีสติ ฟังเพลงไม่ไพเราะสักเพลง คนจะพูดเพราะอย่างไรก็หาว่าเขาเยาะเย้ยตลอดรายการ ออกมาอย่างนี้เป็นบทความที่น่าทัศนาชม ถ้าอารมณ์ดีถึงแม้คนเขามาพูดหยาบคายกับเรา แต่เป็นลักษณะให้เราคิด เป็นลักษณะที่พูดมีประโยชน์ เป็นผลงานให้คิด ให้เรามีสติปัญญาในการฟังได้ เพื่อพิจารณาด้วยปัญญาของตน เราจะได้อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย คลายทิฏฐิ จะได้ดำริชอบ เพื่อประกอบกุศล ได้ผลอนันต์เป็นหลักฐานสำคัญ
คนที่ถือยศถือศักดิ์ ถือเกียรติยศชื่อเสียงรับรองสร้างความดีได้ยาก ถืออย่างนั้น ถืออย่างนี้ เลี้ยงยากและสอนยาก คนที่ไม่มีทิฏฐิตัดปลิโพธกังวลได้ คนนั้นสอนง่าย คนที่สอนยาก เพราะมีทิฏฐิมาก คนที่ไม่มีทิฏฐิไม่ถือตัว ไม่ดื้อสอนง่าย จะสอนอย่างไรก็ฟัง ปฏิบัติทั้งหมดไม่เคยรังเกียจแต่ประการใด คนประเภทนี้เท่าที่สังเกตมาดีทุกคนดีถึงลูกหลาน ไม่ถือยศถาบรรดาศักดิ์แต่ประการใด
พระพุทธเจ้าของเรา กระทั่งเป็นจักรพรรดิ มีเงินทองมากมายก่ายกองหลายท้องพระคลัง พระองค์ยังไม่ถือเป็นบทบาทอันนั้นแต่ประการใด พระองค์ได้เสด็จออกบรรพชา ผ้าผ่อนท่อนสไบก็หายาก ไปบังสุกุลผ้าที่เขาทิ้งไว้ เป็นผ้าขี้ริ้ว เอามาซักให้สะอาด เย็บย้อมต่อกันเป็นกระทง พระองค์ยังไม่ถือเลย พระองค์จะไม่ไปขอบิณฑบาตกับพระราชบิดากับพระราชมารดา พระพุทธเจ้าไม่เคยขอใครเลย มีแต่ให้กับช่วยให้โยมเป็นคนดี ไม่ต้องการสอนให้คนเรี่ยไรเดือดร้อนแต่ประการใด นี่เป็นวิสัยของพระพุทธเจ้า สำหรับพระสงฆ์องค์เจ้า ถ้ายึดถือตามหลักพระพุทธเจ้า ก็ให้เขาช่วยเขา ไม่ต้องการจะเบียดเบียนญาติโยม เป็นคำสอนที่ชัดเจนมาก พระองค์ไม่เบียดเบียนตนเอง และไม่เบียดเบียนคนอื่น จะทำอะไรตัวเองก็ไม่เดือดร้อน และทำไปแล้วคนอื่นต้องไม่เดือดร้อนด้วย
บางคนมาอยู่นั่งกรรมฐาน ต้องขอประทานโทษโปรดอภัยอาตมา บางคนถืออย่างโน้นถืออย่างนี้ อย่าถือเลย บางคนจะให้เหมือนโรงแรมคงไม่ได้หรอกนะ จะเอาอยู่เย็นเป็นสุขเหมือนบ้านเราคงไม่ได้ เพราะวัดปฏิบัติวัดอารมณ์อย่างเดียว วัดธรรมะ วัดจิตวัดใจ วัดนอกวัดใน เอาตาชั่งขึ้นมาดู เอาตราชูเข้ามาชั่ง วัดแล้ววัดเล่าเฝ้าแต่วัด นี่ซิถึงจะถูกต้อง โยมจะได้ของดีประจำตัวไป เพราะของดีนี้มันไม่ใช่อยู่นอกตัวเรา ดีในตัวอย่าไปเอาคนอื่นมาดี ข้างนอกมันไม่มีดีเท่าดีในตัว คนเราดีในตัวใช้ได้แล้ว ไปเหนือมาใต้ จะขึ้นเครื่องบินไปสหรัฐอเมริกาก็ไม่ต้องแบกหามความดีไป ความดีมันอยู่ที่จิตใจ
เรามาเจริญพระกรรมฐานเพื่อต้องการความดีใส่ตัว จะได้ไม่พัวพันด้วยกิเลส ไปเหนือมาใต้มีแต่ของดี ถ้าจิตใจท่านดีแล้วดีหมด จะไปค้าขายที่ไหนรวยทั้งหมด จะมีดี จิตใจเป็นแร่ธาตุสามารถดึงดูดของดีเข้าบ้านเราได้ ฟ้าผ่าต้องมีแร่ใต้ดิน กระแสไฟบวกลบคูณหารมีพลังงานให้เกิดแสงสว่างได้ ของดีอยู่ที่จิตใจเป็นแร่ธาตุ ถ้าจิตใจท่านดีแล้วจะดึงดูดจิตนำของดีเข้าบ้าน เงินไหลนองทองไหลมา ถ้าจิตเราไม่มีแร่ จิตไม่ดีจิตชั่ว มันจะดึงเอาทรัพย์สมบัติพันพัวออกจากบ้านไป สิริมิ่งขวัญอยู่ในบ้านมันก็ดึงไปออกนอกบ้านหมด จะไม่มีความดีเลย
ยกตัวอย่างให้เห็นบางบ้านสามีไม่เอาไหนเลย ภรรยาดี หนักเข้าภรรยาก็อยู่กับสามีไม่ได้ ต้องแยกบ้านไปเพราะสามีไม่เอาเหนือเอาใต้ ตบตีภรรยาเรื่อย ภรรยาก็สวดมนต์ไหว้พระ ทำบุญ สามีไม่เห็นด้วย มีลูกด้วยกัน ๓ คน ยังต้องเลิกกันแยกไปแล้ว เพราะมันไม่ตรงกัน จะไปว่าเขาไม่ดีก็ไม่ได้ มันดีคนละอย่าง สามีเขาดีอย่างหนึ่ง ภรรยาดีอีกอย่าง แต่ความดีของภรรยามีคนรับรอง เทพเจ้ารับรอง ภรรยาทำบุญ ไม่ด่าว่าใคร ไม่เคยว่าร้ายป้ายสีใคร ไม่เคยนินทาใครเลย แต่สามีบังคับภรรยาไม่ให้ทำบุญ ภรรยาก็มานั่งกรรมฐาน สามีเขาตามมา ภรรยาก็ส่งซองให้บอกว่าให้จบก่อนแล้วจะถวายหลวงพ่อ ฝ่ายสามีเอาเท้าเขี่ยเลย นี่เรื่องที่เกิดที่วัดอัมพวัน ความรู้ระดับปริญญาโท สหรัฐอเมริกา อาตมาบอกคนนี้ไร้มารยาทใช้เท้า เลยบอกโยมต้องขอประทานโทษไม่ต้องประเคน อาตมาจะให้พรโยมเดี๋ยวนี้ เงินหนึ่งหมื่นบาท สตางค์เดียวไม่ขอรับ เดี๋ยวให้พรไป สามีมานั่งอยู่หน้าตาเหมือนยักษ์ อาตมาดูคนออก โยมนั่งกรรมฐานไป กลับไปสามีไล่แห่อย่างไรก็แยกไป เพราะไม่ตรงสเปค ไม่เข้าไซเกิ้ลกันเลย สามีเกรดอะไร เอ บี ซี ดี หรือเกรดอะไร
นี่ต่อหน้าอาตมา อาตมาจดจำจะไม่รับเงิน โยมนั่งร้องไห้ อาตมาบอกเอาหละหลวงพ่อจะให้พรเต็มที่แต่จะไม่รับสตางค์ เพราะสตางค์นี้สามีทำด้วยใช่ไหม แล้วเอาเท้าเขี่ยซองขาดไปหน่อย อาตมาไม่จับซองเพราะเดี๋ยวจะมีเชื้อมาติดมืออาตมา ไร้มารยาทเหลือเกิน สามีภรรยาน่าจะจบด้วยกัน มองเห็นได้ชัดไม่ได้เกรงใจอาตมาเลย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านพระราชทานสังฆทานที่วัดอัมพวันหลายครั้ง ราชองครักษ์บอกว่า ก่อนเอามาพระองค์ท่านจะจบก่อน อธิษฐานจิตแล้วจึงพระราชทานสังฆทานมา อธิษฐานด้วยจิตบริสุทธิ์ ได้มาด้วยบริสุทธิ์ ทานท่านบริสุทธิ์ เจตนาบริสุทธิ์ ท่านจะได้บุญบริสุทธิ์ อาตมาได้ตำราที่วัดเยอะมาก มีแปลก ๆ สามีจะมานั่งกรรมฐาน ภรรยาไม่ให้มาแต่เป็นส่วนน้อย ภรรยาเขาพูดบอกอย่าไปเชียวนะ คนไปที่วัดเป็นพัน เดี๋ยวสามีจะไปชอบคนอื่นแล้วทิ้งเขา เอา พูดแปลก ๆ ตำราต้องบันทึกไว้ สามีก็เชื่อด้วยเพราะภรรยาเขาเป็น สวญ. เป็นใหญ่ กับอีกอย่างไม่ให้ภรรยามานั่งกรรมฐาน บอกไม่ต้องมาทำบุญหรอกของเราเยอะแยะไปแล้ว อย่างนี้ก็มีเหมือนกัน จะตรงกันจริง ทั้งสามีภรรยา คู่สร้างคู่สมอบรมกันมาว่าอย่างไรก็ว่าตามกัน จะทำบุญก็ทำด้วยกัน จะไปเหนือมาใต้ก็ไปด้วยกัน
บางคู่อาตมาเห็นใจ มาวัดด้วยกันทั้งคู่สามีภรรยา หนักเข้าก็เอาลูกมานั่งกรรมฐานว่าอะไรก็ว่าตามกัน มันมีความสุขจริง ๆ ไม่มีความทุกข์แต่ประการใด มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองเท่านั้น อาตมาเห็นหลาย ๆ อย่าง ประวัติศาสตร์ต้องจารึกสอนอนุชนรุ่นหลังต่อไป
ฉะนั้นการมาเจริญพระกรรมฐานเพื่อต้องการชำระใจ ใครจะว่าอย่างไรท่านอย่าไปสนใจได้ไหม ใครจะพูดหยาบคายก็ไม่ต้องสนใจ บางคนก็ชอบให้หลอก ยั่วยุและพูดเย้าแหย่และชอบให้พูดยกยอมันไม่เป็นความจริงหรอก แต่พูดตรงไปตรงมาเป็นความจริงที่ถูกต้องและออกมาเป็นรูปแบบอย่างนั้น โยมอย่าไปโกรธใครเขาเลย
การเจริญพระกรรมฐานเพื่อต้องการชำระใจ ใครจะว่าอย่างไรอย่าไปสนใจได้ไหม ใครจะพูดหยาบคายก็ไม่ต้องสนใจ บางคนก็ชอบให้หลอก ยั่วยุและพูดเย้าแหย่และชอบให้พูดยกยอมันไม่เป็นความจริงหรอก แต่พูดตรงไปตรงมาเป็นความจริงที่ถูกต้องและออกมาเป็นรูปแบบอย่างนั้น โยมอย่าไปโกรธใครเขาเลย
การเจริญพระกรรมฐานต้องการไม่ให้อยู่ว่าง ต้องว่างอันเดียวคือว่างกิเลส อย่าว่างงาน เป็นผลงานให้แก่ชีวิตของท่านอย่างแน่นอน มีลูกอยู่ใกล้ชิดลูกหน่อยนะโยมนะ ติดตามผลงานของลูก เดี๋ยวจะติดยาเสพย์ติด เป็นผู้นำลูกแล้วต้องไปติดตามดูลูกด้วย จะเสียหายลูกจะไปรักเพื่อนมากกว่ารักพ่อแม่ เดี๋ยวนี้ลูกกับพ่อแม่ไม่ค่อยรักกัน ลูกเขาไปรักเพื่อนฝูง พ่อแม่ก็เจ๊าะแจ๊ะบ่นตลอดรายการ กินข้าวก็บ่นลูก ลูกดูหนังสือก็บ่นลูก เลยลูกก็ไม่ผูกพันกับพ่อแม่ไปรักเพื่อน น่าเสียดายกลับไปหลงยาเสพย์ติด ถ้าโยมโชคร้ายลูกไปคบอันธพาล ลูกจะเสียหาย ถ้าโยมโชคดีมีบุญวาสนา ลูกจะได้เป็นใหญ่เป็นโต ไปคบบัณฑิต นี่แหละคบพาลได้ผิด คบบัณฑิตให้ผล คบคนชั่วทำตัวให้อับจน คบคนดีให้ผลจนวันตาย เมาเพศหมดค่า เมาสุราหมดความสำคัญ เมาการพนันหมดตัว เมาเพื่อนชั่วหมดดี ก็ขอฝากญาติโยมด้วย ถ้าท่านเจริญพระกรรมฐานจะเห็นด้วย
ญาติโยมผู้ปฏิบัติกรรมฐาน ถ้าอารมณ์ดีก็มีปัญญา ถ้าอารมณ์ไม่ดีอย่าไปทำงาน จะดีใจหรือเสียใจ ทำอารมณ์ให้ดีแล้วจึงไปทำงาน งานจะดีขึ้น ขอฝากไว้ ที่อาตมาพูดอย่างง่าย ๆ ท่านพอจะเข้าใจ แต่วิธีปฏิบัตินี้ยาก แต่ถ้าเราปฏิบัติจนเคยชิน มันก็ง่ายมากขึ้นไม่ยากแต่ประการใด
ฉะนั้นการเจริญพระกรรมฐาน ต้องการตั้งสติสร้างอารมณ์ให้อยู่ในตัวเอง อดทน ใครจะว่าอย่างไรอย่าไปสนใจคนอื่น เราต้องการมาแสวงหาของดี จะมาเอาของชั่วไปทำไมเล่า ของไม่ดีอย่าไปคิด เพียงแต่กำหนดให้มันหายไป แสวงหาของดี ของชั่วอย่าไปเอา เราต้องทิ้งของชั่ว ละชั่ว ประพฤติดีประพฤติชอบ เรามาทำบุญก็ละบาปเสีย อย่าเอาบาปใส่ใจไปเลย เดี๋ยวบาปต่อบาป บุญต่อบุญ บุญย่อมก่อให้เกิดความสุขความเจริญ จึงควรได้มีโอกาสชำระทั้งกายและจิตไปพร้อม ๆ กัน ท่านจะเกิดความสุขดังที่ได้ชี้แจงแสดงมา...




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2012, 13:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J 2.bmp
B J 2.bmp [ 360.99 KiB | เปิดดู 4504 ครั้ง ]
.. :b8:

ผู้ข้ามความสงสัยเสียได้ ย่อมเป็นสุข

อนุโมทนาแล้ว ๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมบรรยาย
ขันธ์ ๕
พระราชสุทธิญาณมงคล (จรัญ ฐิตธมฺโม)
เจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี และ เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี
ผู้มีปณิธานมั่นคง และ มีผลงานพัฒนาคนให้สูงด้วยคุณธรรม

ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ในตัวเรานี้เพื่อสมาทานพระกรรมฐาน ขณิกสมาธิ เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าเป็นต้น ในเบื้องต้นของพระกรรมฐานจึงเรียกว่า สมาทานตลอดชีวิต ยึดเหนี่ยวคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นรูปฉบับ ทำขันธ์ให้แจ้งโดยอริยสัจ ๔ สร้างความดีในขันธ์นั้นจึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ผีเข้าเจ้าทรง ไปรับขันธ์จากเจ้าแม่ผิดแบบของพระพุทธเจ้า
สมาทาน แปลว่า สมาทานขอรับขันธ์ ๕ รูป นาม เป็นอารมณ์ของข้าพเจ้า ขอให้อารมณ์พระกรรมฐานข้าพเจ้าเจริญด้วยขณิกสมาธิ มีสมาธิภาวนา เกิดพระกรรมฐาน ขอให้รูปกาย นามกายในจิต ให้ชีวิตอยู่แจ้งชัด สามารถรู้เหตุการณ์ในตัวเองได้ คือ สมาทานพระกรรมฐาน ได้ผล ขอให้สร้างกุศลให้ถูกจุดมุ่งหมายอันนั้น
ญาติโยม พุทธบริษัท มาเจริญพระกรรมฐาน ก็คือมารับขันธ์ไปปฏิบัติ ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทำให้แจ้งในขันธ์ ไม่ใช่รับขันธ์ ๕ เพื่อผีเจ้าเจ้าทรง ที่โยมไปรับขันธ์แบบนั้นมา คงไม่ใช่ผีมาเข้าเอาเจ้ามาทรง แต่ต้องการให้แจ้งในรูปธรรม ให้แจ้งในขันธ์ ๕ สรุปแล้ว ๒ แจ้ง โดยรูปธรรม นามธรรม ตลอดชีวิต ชีวิตของข้าพเจ้าจะได้แจ้งชัดด้วยปัญญา
ปัญญา แปลว่า ความรอบรู้ในขันธ์ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ ขอให้ข้าพเจ้ารู้แจ้งของจริง ทั้งรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สัญญา จำได้หมายรู้ คือ สัญญา ข้าพเจ้าอย่าให้มีสติฟั่นเฟือนแต่ประการใด ขอให้ข้าพเจ้าสู่ในจุดมุ่งหมายด้วยญาณอันวิเศษของข้าพเจ้า ในขันธ์เหล่านั้น เรียกว่า สังขารขันธ์ สังขารปรุงแต่ง ขอให้ข้าพเจ้าทราบของจริงในญาณนี้ เรียกว่า ธรรมวิเศษ ปรุงแต่งวิญญาณขันธ์ ขอให้ข้าพเจ้ามีวิญญาณอยู่ในสุคติ ญานัง แปลว่า รู้ ขอให้ข้าพเจ้าซึ้งในปัญญา อย่าให้ชีวิตจิตใจของข้าพเจ้าที่มีลมหายใจอยู่ ณ บัดนี้ ลมหายใจของข้าพเจ้าอยู่ด้วยพระกรรมฐาน หายใจเข้าข้าพเจ้าก็รู้ หายใจออกข้าพเจ้าก็ต้องรู้ อย่างนี้เป็นต้น
บางคนมาบอกว่า หลวงพ่อ จะรับขันธ์ ๕ บอกดีแล้ว ไปทำขันธ์ให้มันแจ้ง ไปรับขันธ์กับใคร รับขันธ์กับแม่คนนั้น เจ้าแม่ เจ้าแม่ชื่อนั้นแล้ว เจ้าแม่เขาให้ขันธ์มาปฏิบัติหรือเปล่า เข่าให้ฉันเข้าทรง เข้าทรงองค์นาเรศ องค์นารายณ์ ว่าไปอย่างนั้นเชียวหรือ ผิดแบบของพระพุทธเจ้า รับขันธ์เห็นด้วย แต่หมายความว่า ขันธ์อะไร ขันลงหิน หรือขันเงิน ขันทอง ขันธ์นี้ คือ ขันธ์ ๕ รับในตัวเรา ขันธ์ ๕ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ทำขันธ์ให้แจ้ง ให้แจ้งโดยอริยสัจ ๔ สร้างความดีในขันธ์นั้น จึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ผีเข้าเจ้าทรง ไปรับขันธ์จากเจ้าแม่ ใช้ได้หรือ
รับขันธ์นี้สมาทานต่อหน้าพระพุทธเจ้า คือ ประติมากรรม องค์ประธานในโรงอุโบสถนี้เป็นสัญลักษณ์ ว่าในคันธกุฏีของพระพุทธเจ้า เช่นในวันนี้มีพระสงฆ์เป็นองค์พยานหลักฐานแจ้งชัดในขันธ์ของข้าพเจ้าโดยแสงสว่างด้วยปัญญาต่อไปเถิดเจ้าข้า
นี่มีความหมายอย่างนี้ ไม่ใช่หลับหูหลับตาไปสวรรค์นิพพาน ไปนั่งคุยกันแล้วจะได้อะไร รับขันธ์ต้องไปทำที่ขันธ์ของตัวเอง ไปทำรูป นาม ขันธ์ ๕ ให้ปรากฏชัด ขณิกสมาธิของให้สมาธิของข้าพเจ้าเข้าสู่ขันธ์โดยรูปธรรม นามธรรม ความสุข ความทุกข์ ความไม่แน่นอน อนิจจัง ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ ทุกขัง หาเหตุที่ทุกข์ ได้ขณิกสมาธิ โปรดมีสมาธิยึดเหนี่ยวในขันธ์เหล่านั้น ว่าเวทนาเป็นทุกข์ บังคับไม่ได้ เวทนามันมีความสุข ก็บังคับไม่ได้ เวทนาต้องเสียใจก็บังคับไม่ได้ โกรธก็บังคับไม่ได้ ต้องการให้สมาธิยึดตรงนั้นให้แม่นยำ จำไว้ให้ได้ สร้างให้ดีมีปัญญา ขันธ์นั้นก็จะแจ้ง อ๋อ เวทนาขันธ์แจ้งแล้ว อุปาทานก็ไม่ไปยึดเหนี่ยว ความเสียใจ ความโกรธ แต่ประการใด จิตมันก็ไม่มีอุปาทาน แสดงว่าข้าพเจ้าทราบขันธ์ดีแล้ว ขันธ์ของข้าพเจ้าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงแท้แน่นอน ออกมาอย่างนี้ถึงจะถูกต้องในการรับขันธ์ มีความหมายอย่างนั้น ไม่ใช่รับแล้วไปนั่งที่โน่น นั่งที่นี่ นั่งในถ้ำในป่าก็ไม่ได้ผล เพราะเหตุใด เพราะไม่เข้าใจเรื่องขันธ์ ไม่เข้าใจเรื่องเวทนา
ธรรมะ แปลว่าทำความเข้าใจ เราต้องการพบธรรมะ คือต้องการเข้าใจตัวเอง เข้าใจขันธ์ เข้าใจรูปธรรม เข้าใจนามธรรม เข้าใจรู้จักกำหนดจดจำความดี ไม่ใช่จดจำความชั่วแต่ประการใด ความชั่วมันจะออกไปเพราะขณิกสมาธิ อัปปนาสมาธิเข้าสู่จุดมุ่งหมายอันนั้น แล้วสมาธิถึงจะแน่นอน สมาธิจะไม่หละหลวม สมาธิจะแน่นอน ทุกขังก็จะเกิดขึ้นว่า อ๋อ นี่มันเป็นความทุกข์ มันทุกข์ไปทั้งนั้น ดีใจก็เป็นทุกข์ เสียใจก็เป็นทุกข์ มีเงินมีทองก็เป็นทุกข์ มันมีแต่ความทุกข์ ต้องพลัดพรากจากของที่รักที่พอใจด้วยกันทั้งสิ้น เป็นทุกข์ไปหมด หาความสุขไม่ได้เลย
ความสุขที่เราได้กันทุกวันนี้มันเจือปนด้วยความทุกข์ มันสุขไม่แท้ มันสุขไม่แน่นอน เราอย่าไปเอาความสุขของใครมาแล้วโยนความทุกข์ไปให้เขาเลย อย่าทำเช่นนั้น เพราะฉะนั้น เรารู้แจ้งเห็นจริง เห็นแจ้งเห็นจริง จิตใจก็แจ้งแดงแจ๋ ด้วยปัญญา แสงสว่าง จิตโปร่งใส ขันธ์ ๕ รูป นาม ก็ชัดเจน อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม มันจะชัดขึ้น ชัดแล้วจิตใจก็ปลดเปลื้องทุกข์ โลภะ โทสะ โมหะ ราคัคคินา โทสัคคินา โมหัคคินา มันก็ออกไปจากจิตใจ และสันดานที่นองเนื่องมานาน เป็นตะกอนในใจ เป็นหนามยอก ในอกพกอยู่ในใจมานานแล้ว เอาหนามออกจากอก ศรกามเทพมันปักจิต เอาชีวิตแจ่มใส แทงศรกามเทพ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา มันจะถอนเอาศรออกจากนิสัย สันดาน ที่มันนองเนืองมานานแล้ว น้ำจะใส ใจจะสะอาด จิตก็บริสุทธิ์
ถ้าเรามีเวรกรรม สร้างกรรมมา ทำพระกรรมฐานไม่ได้ผล กรรมมันมาซ้อนกลอยู่ในจิตในกมลสันดาน นึกเมื่อใดเป็นบาปเมื่อนั้น เรานึกเป็นบุญมันก็มีบาป เพราะเราทำบาปมาครั้งอดีตชาติ มาในชาตินี้ยังซ้ำบาปเติมติดต่อปักหลังเป็นชนักมา ไหนเลยเล่าความดีอันนี้จะบริสุทธิ์ ทำพระกรรมฐานจึงไม่ได้กันมากมาย เช่น ด่าผัวก็เป็นบาป ด่าเมียก็เป็นบาป ด่าลูกก็เป็นบาปทั้งนั้น
ถ้าจิตใจสะอาดบริสุทธิ์จะไม่มีด่าใคร จะไม่มีว่าใคร ให้เจ็บช้ำน้ำใจ มีแต่ความสุขสนุกในพระกรรมฐาน จิตใจและสันดานก็แจ้งชัดแก่ตัวเอง เรียกว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ รู้ได้เฉพาะตน ท่านสาธุชนทั้งหลาย พระกรรมฐานเป็นยอดสูงสุดในพระพุทธศาสนา ถ้าใครมีเวรกรรม เจริญไม่ได้ มันร้อน ไม่นั่งแล้ว นั่งไม่ได้ มันปวด ไม่สามารถจะทนทานต่อขันธ์เหล่านั้นได้
บางคนก็ไม่สามารถทนต่อเวทนา จึงกินยาตายจากโลกไปสู่สัมปรายภพ เรียกว่า ทนทุกข์เวทนาไม่ได้ การกินยา แปลว่า ตาย จาก ดับ แตกสังขารไปสู่สัมปรายภพ จะไปนรก หรือสวรรค์ ดูตรงนั้นต่อไป นี่มีความหมายอย่างนั้น ไม่ใช่หมายความว่า เรานั่งแล้วไปสวรรค์ได้เลย ทำยาก ไม่ใช่ง่ายนะ ถ้าคนมีบุญแล้วมันก็ง่าย คนมีบาปทำยาก คนมีใจเป็นบาปนี่ทำกรรมฐานไม่ได้ คนที่มีบุญวาสนานี่ทำได้ง่าย ไม่ยาก อดทน ต่อสู้ ต่อขันธ์ของตัวเอง บอกไว้ชัดเจนแล้ว คนที่ไร้บุญวาสนาจะทำไม่ได้เลย บางคนนั่งมดขึ้น ปลวกกิน นั่งไม่ได้ หนีไปห้องโน้น ปลวกก็ตามไปกินในห้องโน้น แมลงสาปไม่มีเลย ไปทำบาปกรรมกับแมลงสาปที่เคยไปบี้มันมา มันอโหสิกรรมให้มาได้พระกรรมฐานถึงจะได้ผล ออกมาตรงนี้ชัดเจนแล้ว ท่านทั้งหลายจะเอาอะไรเป็นหลัก จะไม่มีข้อปฏิบัติประการใดเชียวหรือ แต่อาตมาเห็นใจโยมนะ ทำไม่ใช่ง่าย คนมีบุญวาสนาไม่ต้องเชิญชวนก็มา มาได้ง่าย คนที่ไร้บุญวาสนาเอาช้างไปลาก เอารถไปฉุด ก็มาไม่ได้ เพราะคนไร้บุญวาสนาไม่สนใจเรื่องนี้หรอกจะบอกให้
คนไร้บุญวาสนามาครั้งอดีตชาติ ไม่มีนิสัยมาแต่ชาติก่อน ชาตินี้ทำยากมาก ไม่มีโอกาสที่จะมาเจริญกุศลภาวนาที่สูงสุดในพระพุทธศาสนาได้ ที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบด้วยพระองค์เอง โดยอริยสัจ ๔ ของพระองค์นั้น พระองค์ไม่ได้มีครูอาจารย์แต่ประการใด พระองค์ไปหาเอง แสวงหาโมกขธรรมอยู่ถึง ๖ ปี แล้วพระองค์เอาความดี ๖ ปี เอามาเผยแพร่พระพุทธศาสนาถึง ๔๕ ปี มีพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา เสด็จดับขันธ์เข้าสู่ปรินิพพาน ท่านทั้งหลายที่เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าที่มาอยู่กับเรา เราวิจัยทุกวัน ถ้าท่านไร้บุญวาสนา ไม่ต้องพูดกันเลย ท่านไม่เอาหรอก ยัดเยียดอย่างไรก็ไม่เอา ของดีก็ไม่เอาแน่ ๆ เพราะไร้บุญขาดวาสนา จึงไม่สนใจเรื่องนั้นแต่ประการใด ไปสนใจนอกหน้าที่หมด จะช่วยอย่างไร ช่วยไม่ได้แล้ว ช่วยคนที่ตกนรกขึ้นจากนรกก็ช่วยยาก ไม่ใช่ง่ายเลย แต่ช่วยคนที่เขามีบุญวาสนา นำส่งผลกุศลก็ช่วยถึงคราวม้วยก็ไม่ม้วยมรณา ช่วยได้ง่าย คนที่ดีมีปัญญา ช่วยง่าย คนที่ไร้บุญขาดวาสนา เหมือนต้นไม้ไม่มีใบ ไร้ใบไร้วาสนา ช่วยยาก
คนเรานี่เหมือนกันไม่ได้ นานาจิตตัง กุสลาธัมมา เกิดมามีหูมีตามีปากมีฟันด้วยกันทั้งนั้น แต่ทำไมหนอเขาจึงไม่เหมือนกันเล่า กฎแห่งกรรมมันบอกไว้ชัดเจนว่า เขาดีไม่ได้แล้ว มันดื้อ เราก็เลิกด่ากันซะทีนะ เมื่อด่าแล้วเขาดีกว่านี้ไม่ได้ สงสารเหลือเกิน ไม่ใช่เกลียด น่าสงสาร น่าเวทนายิ่งนัก คนที่ไร้เหตุผล นี่เราสงสารเขาเหลือเกิน เมื่อก่อนนี้อาตมาโกรธพระไม่เอาไหน เดี๋ยวนี้เลิกโกรธแล้วสงสารเหลือเกินพระคุณเจ้า เขาจะข้าโอฆสงสารไม่พ้น เขาจะกลับไปอบาย นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ตามเดิมของเขา เขาไม่มีโอกาสจะเงยหน้าอ้าปากได้อีกต่อไปแล้ว เขาจะมีแต่ความทุกข์ จะมีความสุขก็น้อยนัก ความทุกข์ตั้ง ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ความสุขเพียง ๒๐ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ชีวิตพระกรรมฐานคือ หน้าที่และการงานอยู่ในขันธ์ ๕ ท่านรับขันธ์ ๕ ไปแล้ว เอาขันธ์ ๕ ไปพิจารณา ศึกษาขันธ์ให้แจ้งชัดตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นาทีแรกอย่าให้เป็นนาทีสุดท้าย มันจะเสียกาลเวลา อายุเราจะมากขึ้น ไม่มีที่พึ่งทางใจ อยากจะร้องไห้ทางน้ำตาหรือจะร้องไห้ทางเหงื่อออก ฉะนั้นโปรดรีบเหงื่อออกเสียแต่บัดนี้ อย่าให้เหงื่อออกตอนแก่มันแย่เท่งทึง เหงื่อออกทางลูกตาน่าเวทนา เป็นอัมพาตอ่อนระโหยโรยรา นอนคราง นอนครวญตลอดโดยกายหาที่พึ่งไม่ได้เสียแล้วหรือ อย่าหมายความว่าจะไปพึ่งลูกหลาน อย่าไปหมายความว่าจะไปพึ่งคนอื่นเขา ตีความหมายให้ชัดและให้แจ้งคือ พึ่งตัวเอง ตัวเองเท่านั้นเป็นที่พึ่งของตนได้ เราดูคนมานานแล้วเราก็ไม่ว่าเขาแค่นั้นเอง ชาติตะกั่วก็เป็นทองคำไม่ได้ ชาติทองคำก็เป็นตะกั่วไม่ได้ ก็แน่นอนจริง ๆ อย่าลืมว่าทองคำนี่มันสู้ไฟนะ ไม้ใหญ่มันสู้ลม เราเอาทองเหลือง ทองแดง ตะกั่ว ทองคำมาผสมกันเข้า ใส่ภาชนะเข้า เอาน้ำกรดเทลงไปให้หมด น้ำกรดจะกัดทองเหลือง ทองแดง ตะกั่วละลายไปเป็นเถ้าถ่าน แต่ทองคำจะอยู่ใสสะอาดปราศจากมลทิน นี่ความดีใช่หรือไม่
ท่านสาธุชนทั้งหลาย โปรดทราบข้อนี้เป็นข้อหมายที่ท่านมาปฏิบัติกันนี้นะ ท่านมีบุญแน่นอน ถ้าไร้บุญวาสนาไปเชิญมาไม่ได้แน่ ไม่สนแน่ ๆ ฉันไม่ว่าง หลวงพ่อคะ ไม่ว่าง นั่นแหละไม่ว่าง ถ้าเราว่างตั้งใจสร้างความดีมีสุข ไม่มีทุกข์แล้วเชิญได้ทุกเวลา เราจึงไม่ต้องออกไปโฆษณาออกทีวีประกาศว่าบวชชีพราหมณ์ มานั่งกรรมฐานไม่เคยมีประกาศ มีแต่โทรเข้ามาเต็มหมด หลวงพ่อ น้ำท่วมไหม จะมาปฏิบัติ น้ำท่วมหรือเปล่า ถามกันมาวันหนึ่งหลายร้อยครั้ง น้ำไม่ท่วมเชิญมาได้ทุกเวลา ยินดีต้อนรับคนดี อปริหานิยธรรม บอกไว้ชัด ผู้ใดมีบุญเชิญมาได้ จตุรทิศทั้ง ๔ จาตุรงคสันนิบาตเชิญมาได้ทุกเวลา ถ้าคนไร้บุญวาสนาก็อย่ามาเลย ผู้มีบุญมาแล้ว ก็ขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ผู้ไร้บุญจะมาได้หรือประการใด ผู้มีความสุขโปรดได้มาเถิด ขอให้ท่านมีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป มีความเจริญรุ่งเรืองสู่เคหะสถานของท่านต่อไป นี่เราอธิษฐานจิตอย่างนี้ ใครมีบุญมาเอง ใครไร้บุญวาสนาไม่ต้องเชิญ ไม่ต้องชวน
ขอให้ผู้มีบุญวาสนากลับไปมีความสุขความเจริญยิ่ง ๆ ต่อไป มีความหมายในจิตใจอย่างนั้น เพราะฉะนั้น การเจริญพระกรรมฐานนี้ จึงไม่ต้องแค่นกัน ไม่ต้องไปบังคับกัน บังคับไม่ได้ บังคับให้เขาสร้างความดีเช่นนี้บังคับไม่ได้ แล้วแต่ท่านมีศรัทธา มีความเชื่อในตัวเอง เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ถ้าเชื่ออย่างนี้ใช้ได้ ถ้าเชื่อว่าทำดีไม่ได้ดีเหมือนบุญมี กรรมบังก็ไปแล้ว ถ้าเชื่อด้วยเหตุด้วยผลข้อเท็จจริงแล้ว คนนั้นจะยอมรับเหตุผลข้อเท็จจริงด้วยกมลสันดานของตนที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมปรารถนาทุกประการ มีความหมายอย่างนั้น
การเจริญพระกรรมฐาน กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ทำความเพียรให้มากนั้น หมายความว่า อย่าคุยกันเท่านั้น แต่เราประสบการณ์กับตา หู จมูก ลิ้น กาย ประสบมาก กำหนดได้มากจะได้ตำรามาก ถ้าเราไม่อยู่ในห้องมืด มันไม่มองเห็นใครเลย มันไม่ได้ตำรา จะไม่ได้ตำราที่แท้จริงและถูกต้อง ต้องมองเห็นเรื่อย ๆ สัมผัสตาเห็นหนออยู่เสมอ และเห็นหนอเพราะจิตอย่าไปกังวลสนเท่ห์กับที่เห็น มันจะเก็บอารมณ์ไม่ได้ เห็นหนอนี่เป็นการเก็บอารมณ์ เสียงหนอนี่ก็เป็นการเก็บอารมณ์ เสียงหนอ เขาพูด เขาด่า เก็บโดยที่ว่าไม่ไปสนใจกับเสียงนั้น เราสนใจกับขันธ์ ๕ ที่เรารับไว้ ต้องการจะทำขันธ์ให้แจ้ง ทำสิ่งที่มีประโยชน์ในตัวเองเท่านั้น ไม่ต้องการจะไปแส่หาความชั่วนอกตัวเลย ตัวเองก็มีความดี ความชั่วเต็มเปา เต็มกระเป๋าอยู่แล้ว ทำตรงนั้น อย่าไปทำที่อื่นแต่ประการใด ก็ขอฝากพระสงฆ์องค์เณรเรานี่เป็นพระกรรมฐานหมด ไม่ใช่องค์ไหนเข้ากรรมฐาน ทำกรรมฐาน กำหนด องค์ไหนไม่ทำ ไม่เข้ากรรมฐานโดยไม่ต้องกำหนด ไม่ใช่นะ ต้องเป็นนักกรรมฐานทุกองค์ ต้องมาฉันรวมกัน พิจารณาปัจจัย ๔ เคี้ยวหนอ กลืนหนอ ให้ช้า ๆ ทุกองค์ ไม่ใช่องค์นี้ไม่ได้เจริญก็พระซวกเข้าไป ฉันเข้าไป ฉันเข้าไป นั่นน่ะขาดพิจารณาปัจจัย ๔ นั้นจะเป็นบาปนะ
ขอให้ทั้งพระสงฆ์องค์เณรเป็นผู้ปฏิบัติทั้งหมด ถึงหากว่ายังไม่มีโอกาสถึงขนาดนั้น เราก็ฉันพิจารณาปัจจัย ๔ เช่น ปฏิสังขา โยนิโส ปิณฑปาตัง ปฏิเสวามิ ยังไม่พอ เวลาตักมาก็กำหนดช้า ๆ ตักหนอ... ตักหนอ... ใส่ปากก็บอกกินหนอ... เคี้ยวหนอ... เคี้ยวหนอ... ละเอียด นี่ขันธ์ทำให้เราแจ้งในการรับประทานอาหาร กลืนหนอ อาหารย่อยง่ายไม่เป็นพิษ องค์นี้เป็นนักกรรมฐาน ไม่ใช่ว่าองค์นี้ไม่ได้ปฏิบัติ องค์นี้ปฏิบัติ อย่ามาอยู่ด้วยกัน อย่ามาอยู่กับเขานะ ต้องออกไป เพราะเขาปฏิบัติกันนะ อีกองค์หนึ่งไม่ปฏิบัติมันทำให้วุ่นวาย ทำให้เสียสมณธรรม ทำให้เสียสมณเพศ ทำให้เสียการบำเพ็ญกุศลของท่าน
เพราะฉะนั้นขอประกาศให้ทราบว่า ต้องเป็นนักปฏิบัติทุกองค์ ต้องกำหนดหมดทุกองค์นะ ไม่ใช่ว่ากูไม่ต้องกำหนด กูไม่ได้ปฏิบัติพระกรรมฐาน นี่รับขันธ์นะต้องตลอดชีวิต ต้องเป็นนักปฏิบัติหมด ห่มผ้าเป็นปริมณฑลให้เรียบร้อยทุกองค์ รับรองท่านได้มรรคผลแน่ ๆ ไม่มากก็น้อย ท่านต้องได้แน่ ๆ อย่างเช่น ห่มผ้า ปฏิสังขา โยนิโส จีวรัง ปฏิเสวามิ เป็นต้น และก็ห่มหนอ... ห่มหนอ... พาดหนอ... พาดหนอ... เป็นต้น นี่แหละคือพระกรรมฐาน ก็ขอให้พระสงฆ์องค์เณรเจริญพระกรรมฐานทุกองค์ ไม่ใช่ว่าต้องมารับแล้วถึงจะไปเจริญนะ ต้องเป็นนักปฏิบัติหมดทุกองค์ มิฉะนั้นมันจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ องค์หนึ่งปฏิบัติ อีกองค์หนึ่งไม่ปฏิบัติ อยู่ในห้องเดียวกัน อยู่ในกุฏิเดียวกัน องค์หนึ่งเดินจงกรมนั่งกรรมฐาน องค์หนึ่งนั่งคุยกัน มันเป็นบาปหรือเป็นบุญ อย่างนี้เป็นต้น ต้องปฏิบัติเหมือนกันหมด แล้วมันถึงจะอยู่ร่วมกันได้ น้ำกับน้ำมันจะปนกันไม่ได้ จะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร เช่น เราเอาน้ำมันปนน้ำไปใส่รถ รถมันจะติดไหม รถมันจะไม่ติดเลยนะ คัดเอาน้ำออก น้ำมันล้วน ๆ เราจะต้องระเบิดแน่ ๆ คือ ติด เขาเรียกว่าน้ำมันระเบิด น้ำมันเบนซิน น้ำมันซูเปอร์เป็นต้น มันก็จะระเบิดไปได้ มันก็ติดได้ ถ้าลองเอาน้ำไปใส่สิ ปนกับน้ำมันเข้า เหมือนพระปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง อยู่ด้วยกันแบบนั้น รถจะไม่ติดเลย จะหมุนอย่างไรก็ไม่ติด สตาร์ทอย่างไรไฟหมดหม้อเปล่า ๆ ไม่เกิดประโยชน์โสตถิผลแต่ประการใด เหมือนกับคนในวัดทั้งหมด มันวุ่นวายเพราะปฏิบัติบ้างไม่ปฏิบัติบ้าง กูอย่างนั้น มึงอย่างงี้ ถ้าปฏิบัติเหมือนกัน ก็จะไม่มีใครพูดเลยนะ จะไม่มีใครว่าแต่ประการใด
ปฏิบัติให้มันเหมือนกัน เดินจงกรมให้เหมือนกัน นั่งปฏิบัติให้เหมือนกัน กำหนดจิตในการพูด การคิด การอ่าน การเขียน การเรียนวิชา ให้เหมือนกันหมด รับรองไม่มีใครตำหนิใคร ไม่มีใครกล่าวร้ายป้ายสีแต่ประการใด เพราะเราเป็นนักปฏิบัติ เราปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานโดยเฉพาะ ป้ายบอกว่านี่สำนักวิปัสสนากรรมฐาน มีป้ายหนึ่งบอกว่า วัดพัฒนาต้องพัฒนาตัวเอง พัฒนาจิต มีป้ายเพียง ๒ ป้าย อีกป้ายหนึ่งบอกว่า เขตภาวนา อย่าเสียงเอ็ด อีกเขตหนึ่งบอกเขตสังฆาวาส อย่ามาขับรถในเขตนั้น อย่ามาวุ่นวายกับเขตสงฆ์ อีกเขตหนึ่งเรียกว่า เขตภาวนากรรมฐาน สังเกตได้ผู้หญิงทั้งนั้น ญาติโยมผู้หญิง ผู้ชายอย่าเข้าไปยุ่ง ต่อไปโอกาสข้างหน้าจะจัดสัดส่วน เช่นโรงเรียน เรากำลังจะย้ายโรงเรียนไป เราทำรั้ว ทำสวนป่าให้เรียบร้อย ผู้ชายอยู่ข้างนอกโน่น ผู้หญิงอยู่ข้างใน เพราะอยู่ในป่าอย่าออกมาเดินจุ้นจ้าน ในเขตนี้คือเขตอบรม ก็ต้องวุ่นวายเป็นเรื่องธรรมดา อย่างนี้ละหนอ
ถ้าเราปฏิบัติธรรมด้วยกันแล้วจะไม่มีปัญหาเถียงกัน เพราะปฏิบัติเหมือนกัน ได้ของดีเหมือนกันแล้วก็จะไปเถียงกันทำไม แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ จะได้ผลและเป็นแนวหน่อย ไม่ใช่ต่างคนต่างมา ฉันแล้วสลัดมือไป ต่างคนต่างไป ไม่ใช่พระปฏิบัติ ไม่ใช่ปฏิบัติพระกรรมฐานแล้ว ต้องขอร้อง ขอแรง ให้ปฏิบัติเหมือนกันหมด ท่านจะปรากฏชัดถึงขันธ์ ๕ ท่านจะรู้รูปนาม ขันธ์ ๕ ตามความเป็นจริง ท่านจะไม่มีทะเลาะกัน จะมีแต่ความดีร่วมกัน มีแต่กุศลร่วมกันตลอดรายการ และตอนเย็นเราจะสอบอารมณ์ให้ เวลาบรรยายนี่เป็นการสอบอารมณ์แล้ว เราจะรู้ว่าคนไหนขัดข้อง เราจะได้พูดในจุดนั้น ถ้าสงสัยมากกว่านั้นต้องถาม เรียกว่า สอบอารมณ์ ท่านจะได้ผลทุกองค์ บางองค์ทำแล้วไม่รู้ว่าไปเหนือใต้ แล้วก็ไม่ได้รับขันธ์ ทำไปก็นั่งสัปหงกกันตลอด ไหนเลยเล่าจะรู้ของจริง ต้องมีครูบาอาจารย์ มีการแนะแนวและแนะนำ
ท่านทั้งหลายเป็นผู้นำเขาทุกองค์ เป็นสงฆ์ต้องตามดูด้วย ดูตัวเราตัวอย่างจำตัวเราเองนะ ทุกองค์เราเป็นผู้นำตัวเองและต้องตามไปดูที่เราทำน่ะมันผิดหรือถูก หมายถึงตัวเองที่เราทำอะไรน่ะถูกหรือผิด ต้องตามดูตามคิด ตามดูซิ ตามดูกิจกรรมของตัวเอง ว่าเรานี่ทำผิดถูกประการใด มันจะรู้ผลงานประการใด
ถ้าทุกท่านปฏิบัติเหมือนกันแล้วไม่มีใครว่าใคร พูดรู้เรื่องกัน เข้าใจกันง่าย จะไม่มีการเถียงกันอีกต่อไป คนดีก็ไม่ชอบคนชั่วนะ คนชั่วมันก็ไม่ชอบคนดีหรอก คนละเอียดมันเกลียดคนหยาบ คนหยาบก็เกลียดคนละเอียด เราละเอียดด้วยกันไม่ได้หรือ เราว่าอะไรก็ตามกัน มันก็ไม่มีขัดข้องทางเทคนิคแต่ประการใด เพราะรู้เหมือนกัน สภาพเป็นอยู่ของชีวิตเหมือนกันอย่างนี้แหละหนอ เราเกิดมาเป็นเพื่อนกัน เพื่อนเกิดและเป็นเพื่อนแก่ด้วยกัน ต่อไปก็เป็นเพื่อนเจ็บด้วยกัน เจ็บและป่วยไข้ก็ต้องช่วยกันดูแล ใครเจ็บ ใครป่วย ใครเป็นไข้ก็ดูแลกัน จะเป็นเพื่อนกัน ก็เป็นเพื่อนที่จะละโลกกันไป คือ ตายในสัมปรายภพ ก็มาเป็นเพื่อนทุกข์ยากลำบากด้วยกันเหมือนกันหมด
ญาติโยมก็เช่นเดียวกัน เป็นผู้นำเขาต้องตามดูตัวเองว่าทำถูกหรือผิดประการใด แล้วก็ไปดูลูกของตัวเองด้วย ลูกดีหรือลูกชั่วประการใด ไปแก้ไขให้ทันปัจจุบัน ถ้าแก้ไขไม่ได้ ลูกเสียหายไม่ต้องไปแก้จนโตเหมือนต้นตาล เป็นหนุ่มเป็นสาวใหญ่แล้วก็แก้ไม่ได้ แม่ทุกคน ไม้อ่อนบอกอ่อนหัด ไม้แก่ไปแก้มันได้หรือ มันแก่ แก่เกินการ แก่เกินแก้ แล้วจะแก้ไม่ทัน มันจะเสียกาลเวลา ไม่แก่นี่ดัดยาก มันจะหักกลางคัน ไม้อ่อนบอกอ่อนหัดพอดัดได้ นี่อย่างนี้เป็นต้น เพราะผู้เจริญพระกรรมฐานในจิตใจจะโน้มเอียงไปในทางดีทั้งหมด ไม่มีโน้มเอียงไปทางอื่น จะไม่เห็นแก่ตัวเลย ผู้ที่ปฏิบัติพระกรรมฐานได้จะไม่เห็นแก่ตัว และจะช่วยเหลือกันตลอดรายการ จะมีแต่เมตตาเหมือนกันหมด มีปราณีเหมือนกันหมด มีกรุณาสงสารกันหมด และมีอะไรพลอยยินดีซึ่งกันและกัน มีการอนุโมทนาสาธุการด้วยกัน อุเบกขาภาวนาก็บอกไว้ชัด เมตตา กรุณา อุเบกขา มุทิตา อุเบกขา ก็วางเฉยในเรื่องความชั่ว ความชั่วอย่าเฉย อย่าไปสร้าง ความดีก็สร้าง มันถึงจะเรียกอุเบกขา ไม่ใช่ใครทำชั่วตกทุกข์ได้ยากก็เฉย ไม่ใช่อย่างนั้น เข้าใจอุเบกขาผิด อุเบกขา นี่หมายความว่า เราเฉยในเรื่องที่เขาจะสร้างความชั่ว จะเอาชั่วมาให้เรา เฉยอย่าไปทำ อย่าเอาชั่วมาใส่ตัว มันจะพัวพัน จะเกิดอกุศลกรรมในชีวิตของเราต่อไปจนชีวิตหาไม่
ขอเรียนท่านพระสงฆ์ เถรานุเถระ ขอให้ปฏิบัติให้เหมือนกันหมดทุกองค์ ถ้าไม่เหมือนกันอยู่ด้วยกันไม่ได้ พิจารณาตัวเองเถิด อย่าให้ใครให้ประเสริฐเท่าตัวเอง อย่าเอาตัวขึ้นเหนือลม ต้องเอาตัววางไว้โดยระเบียบระบบในพระธรรมวินัยนั้น จะเป็นประโยชน์แก่ท่านทั้งหลายเอง ถ้าเรามาอยู่ในสำนักปฏิบัติ แต่ไม่ปฏิบัติ นี่มันเสียสำนักเขา เสียภาพพจน์วิปัสสนากรรมฐาน เสียภาพพจน์ เสียหายมากแล้ว ถ้าจะลงความเห็น นินทาเจ้าอาวาสต่อไปว่านี่หรือสำนักปฏิบัติ พระของท่านอย่างนี้หรือ เราจะเสียชื่อเสียเสียง นี่มันเป็นอย่างนี้นะ ข่าวเล่าลืออยู่เสมอ
ขอเรียนให้ทราบไว้เพื่อแก้ไข ปรับปรุงให้ดีต่อไป แล้วเราไปเดินเป็นแถวเป็นแนวก็สวยดี ปฏิบัติให้มันเหมือนกันหมดเลย จะแลดูเป็นแบบฉบับที่เหมือนกัน น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา อย่างนี้สิ จะเป็นประโยชน์โสตถิผลมิใช่น้อย ขอเรียนถวาย ไปฉันรวมกันหน่อย แล้วก็พิจารณา บางองค์ก็บ่นบอก เออ ผมไม่ได้ปฏิบัติหรอก ไม่ใช่พระปฏิบัติ ฉันอย่างไรก็ได้ ใช้ได้หรือ ต้องให้เหมือนกันนะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถ้าไม่เหมือนกันนะ จะเป็นพระปฏิบัติได้อย่างไร ญาติโยมมาเป็นเป็นพระปฏิบัติ เขาจึงชอบมาทำบุญที่วัดอัมพวันมาก
สำหรับญาติโยมก็ดี พระสงฆ์องค์เจ้าก็ดี ปฏิบัติให้เหมือนกันให้หมด ทำอะไรก็เป็นนักปฏิบัตินะ เย็นก็มาสอบอารมณ์กันดู แล้วก็กลางวันมีเวลามาก ก็ขอเรียนว่า เดินจงกรมอย่างต่ำต้อง ๑ ชั่วโมง นั่งให้ได้ ๑ ชั่วโมง ให้ติดต่อกันไป รับรองไม่เกิน ๗ วัน ท่านต้องได้มากด้วย ไม่ใช่ไปนั่งคุยกัน แล้วก็ไปเคาะกุฏิคุยกัน ใช้ได้หรือ คุยกันน่ะเสียอารมณ์เลย เดินชั่วโมงนี้ได้แล้ว ชั่วโมงถัดไปเอาชั่วโมง ๑๐ นาที นั่งชั่วโมง ๑๐ นาที ค่อย ๆ เลื่อนไป อย่าเอามาก แล้วก็เลื่อน ชั่วโมง ๒๐ ชั่วโมง ๖๐ เป็น ๒ ชั่วโมง แล้วก็นั่ง ๒ ชั่วโมง ได้ผลแน่ ๆ พอทำเสร็จแล้ว เวลาจำกัด ต้องมาฉันเพล ต้องนั่งลดลงมา ได้ไม่ได้ เพราะเวลามันเหลืออยู่ ๒๐ นาที อย่าให้เสียเวลาไปเปล่า ๆ ๒๐ นาที ก็นั่ง ๑๐-๒๐ นาที ก็เดิน อย่าให้เสียเวลา เพราะอีกเดี๋ยวน่ะ เดี๋ยวจะไปฉันเพล เดี๋ยวจะฉันเช้า ไม่ต้องนั่งก็มันเสียเวลาไปทำไมเล่า น้อยก็ได้ ทำน้อยก็ได้ ถ้าเวลามากนั่งมาก เดินมาก เวลาน้อยเดินน้อย นั่งน้อย นี่อยู่ตรงนี้เป็นปัญหา จงแก้ปัญหา ถ้าเวลา ๑๐ นาที ก็นั่ง เดินไม่ทันก็นั่งเอา เดินไม่ทันอย่าให้มันเสียเวลา จะทำอะไรก็กำหนด จะทำงานก็กำหนด นี่เราต้องทำงานจะหยิบก็กำหนด นี่เป็นการกรรมฐาน ทำงานมากมีกรรมฐานมาก ทำงานน้อยมีกรรมฐานน้อย ไม่ทำเลยไม่ได้กรรมฐานเลยนะ ไม่ได้แม้แต่น้อยเลยนะ ขอเรียนถวายพระสงฆ์องค์เจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป การทำงานนี่นะเป็นการกรรมฐาน ตั้งสติไว้ในการแก้ปัญหา ชีวิตนี่จะแจ่มใส ขันธ์ ๕ ก็จะแจ้งชัด รูป นาม ขันธ์ ๕ เป็นอารมณ์ก็เกิดผลดังได้ชี้แจงแสดงมา ณ บัดนี้
ขอให้พระเถระ และญาติโยม พุทธบริษัท กลับไปบ้านโปรดเดินจงกรม ต้องเดินก่อนนั่ง เดิน ยืนก่อน ยืนแล้วมาเดิน คือ ยืนหนอ ๕ ครั้ง ยืนแล้วก็เดินจงกรม จะเอา ๑ ชั่วโมงหรือ ๓๐ นาทีที่บ้านของโยม เดินแล้วก็นั่งตามกำหนด นั่งแล้วก็นอนพักผ่อน กำหนด พองหนอ ยุบหนอ ไปจะหลับตอนพอง หรือ ตอนยุบก็กำหนดต่อไป ลุกมาได้ไม่ได้ ทำงานอื่นก็เดิน เราก็เดินอยู่แล้ว เดินไปครัวบ้าง เดินลงไปข้างล่าง เดินไปเหนือไปใต้ ก็เอาสติใส่ไว้ที่เท้าไปสิ เดินมีกำหนด ขวาย่าง ซ้ายย่างไป ถ้าจะเดินเร็วหน่อย สติมันก็จะเร็วขึ้น ช้าเพื่อไว เสียเพื่อได้ นี่ทำความเข้าใจธรรมะนี้หน่อยนะ ถ้าไม่เข้าใจ โยมจะทำอะไรไม่ได้ผล บ่นว่าไม่มีเวลาเดินจงกรม ไม่มีเวลานั่ง ก็เดินไปเหนือมาใต้ล่ะ ว่าไม่มีเวลาได้อย่างไร ก็เอาสติเข้าไปตอนเดิน ตอนนั่ง กำหนดหายใจเข้าออก เอาสติใส่เข้าไป ลมหายใจเข้าออกมันหายใจอยู่แล้ว ก็เอาพองหนอ ยุบหนอ เท่านี้เองทำไม่ได้ กลับไปทิ้งพระกรรมฐาน จึงไม่ได้อะไรเลย
สุดท้ายก็ขอความเจริญรุ่งเรืองในธรรมสัมมาปฏิบัติในหน้าที่ และขอจงเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารสมบัติ นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกันทุกรูปทุกนาม ณ โอกาสบัดนี้เทอญ




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



วอนขอผู้ใจบุญร่วมบริจาค คุณแม่น้องแจมที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย
083-9750718

ขอความช่วยเหลือชายพิการยอมขอทานเลี้ยงลูก
0839605045


ร่วมทำบุญสมทุน สถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช รพ.ศิริราช
บริจาคด้วยตนเอง บริจาคได้ที่ “ศิริราชมูลนิธิ” ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น ๑ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
เลขที่ ๒ ถนนพรานนก แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ๑๐๗๐๐
วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา ๗.๓๐ - ๑๗.๓๐ น.
วันเสาร์ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา ๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น


เบื้องต้นทางกลุ่มตากซิตี้ ต่างเร่งระดมทุนเพื่อจัดซื้อที่ดินให้กับครอบครัวน้องอุ๋งอิ๋ง แล้ว หรือผู้ใดต้องการสนับสนุนสามารถแจ้งโอนเงินเพื่อช่วยเหลือน้องอุ๋งอิ๋งได้ที่เลขที่บัญชี บัญชีน้องนันทกา ฝ้ายแดง (อุ๋งอิ๋ง)ธนาคารออมสิน 020075337707 สาขาตาก หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ นางวาสนา เขียวสีทอง (ครูประจำชั้น) 087-843-1363



ช่วยพระอาพาธด้วยโรคประหลาด
086-1050222


กำหนดการทำบุญรักษาภิกษุอาพาธ และสังฆทาน 10 ทิศ ครั้งที่ 2 รพ.จุฬาฯ
วันอาทิตย์ที่ 9 เดือน กันยายน พ.ศ.2555เวลา 9.59 น.


มุกดาหาร ช่วยหญิงท้องสมองตาย เพราะถูกงูกัด
087-4228872


เชิญร่วมทอดผ้าป่าสามคี
เพื่อสมทบทุนสร้างศูนย์บฎิบัติธรรม สำนักบฎิบัติธรรมท้าวศรีสุทโธนาคร
วัน อาทิตย์ ที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ขึ้น ๖ ค่ำเดือน ๑๑
0898355136



เนื่องจากน้ำท่วมเเละรอกำหนดการตัดหวายจากพระราชวงศ์ไทย ดังนั้น วัดอาวุธวิกสิตาราม จึงยังคงให้ประชาชนทั่วไปได้ไปปิดทองฝังลูกนิมิต จนถึงก่อนสิ้นปี ตั้งเเต่ เวลา 08.00---18.00 น. วัดอยู่ในซอย จรัญ 72

โทร. 02 424---3176 และ จล.พระเทพปัญญามุนี 081 816---6554




เรียนเชิญร่วมบุญกฐินสามัคคี ๙ วัดพร้อมกฐินวิ่ง ประจำปี ๕๕
บัญชีร่วมบุญ.........ธนาคารกรุ งไทย ประเภทออมทรัพย์ สาขาถนนเฟื่องนคร หมายเลขบัญชี ๑๕๙-๐-๐๖๖๖๘-๕ ชื่อบัญชี นายไอศูรย์ วงศ์ศุภธรรม


ขอเชิญสาธุชนร่วมงานวัดหนองบัวใหญ่ จ.สกลนคร

วันเสาร์ที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๕ พิธีพุทธาภิเษก
เวลา 14.00 น. บวชชีพราหมณ์เนกชัมมะ
เวลา 19.00 น. พิธีพุทธาภิเษกตลอดคืน
วันอาทิตย์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๕ ทำบุญอุทิศถวายหลวงพ่อฯ ครบรอบ ๘ ปี
เวลา 10.00 น. พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
เวลา 13.00 น. ฟังพระธรรมเทศนา โดยนักเทศน์หลายเสียง หลวงพ่อบุญเสริม ธมฺมปาโล เจ้าอาวาสวัดกัทลิวัน (วัดป่าสวนกล้วย)
โทร./แฟกซ์. 042-714-582, มือถือ 0896514158,



เชิญร่วมทำบุญซื้อโลงเย็นไว้กับวัดชัยสถิต อ.หางดง จ.เชียงใหม่
0850358036


ด่วนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดสร้างผ้าไตรจีวรถวายเป็นผ้ากฐินตกค้าง
โทร๐๘๙-๘๓๕๕๑๓๖


พุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ขอเชิญผู้สนใจอบรมกรรมฐานเบื้องต้น หลักสูตร ๗ วัน (ไป-กลับ) รุ่นที่ ๕๓ ระหว่างวันจันทร์ที่ ๑ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ หอประชุมพุทธสมาคมฯ โดยมีพระสาสนโสภณ (พิจิตร ฐิตวณฺโณ) เจ้าอาวาสวัดโสมนัสวิหาร เป็นพระอาจารย์ผู้อำนวยการอบรม รับสมัครตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๕ โทร.๐๒-๒๘๑-๙๕๖๓ - ๔ กด ๑๒๐



บุญเร่งด่วน=ขอเชิิิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวาย พัดลม ติดอาคารวิปัสสนา ๙ ตัวสุดท้าย
๐๘ ๒๓๕๘ ๕๖๐๙


บัญชีกองทุนสงฆ์อาพาธในถิ่นทุรกันดาร
ชื่อ-เลขบัญชี
ธนาคารกสิกรไทย สาขาตลาดห้วยไผ่ เพชรบูรณ์
เลขที่บัญชี 429-2-25663-4
ชื่อบัญชี " ทุนนิธิอภิบาลพระภิกษุสามเณรในถิ่นทุรกันดาร "


กำหนดการปฏิบัติธรรมประจำปี 2555 ณ อาคารมูลนิธิพระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก เลขที่ 3 ถนนกรุงเทพกรีฑา 20 แยก7 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม.10240 โทรศัพท์ 02-368-3991
ครั้งที่ 09 วันที่ 31 ส.ค.- 2 ก.ย.
ครั้งที่ 10 วันที่ 5 -7 ต.ค.
ครั้งที่ 11 วันที่ 9 - 11 พ.ย.
ครั้งที่ 12 วันที่ 14 - 16 ธ.ค.



โครงการอุปสมบท ๘๖ รูป ถวายเป็นพระราชกุศลพระเจ้าอยู่หัว ๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ วัดป่ามะไฟรับสมัครผู้เข้าบรรพชาอุปสมบทหมู่และท่านผู้มีจิตศรัทธาบวชเนกขัมมะ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ติดต่อแจ้งความประสงค์โดยตรงได้ที่ :
เจ้าอาวาส : ท่านพระครูภาวนาธรรมธารีเจ้าคณะตำบลโคกไม้ลาย เขต๑
วัดป่ามะไฟ เลขที่ ๙๔ หมู่ ๔ ต.โคกไม้ลาย อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ๒๕๒๓๐
Tel: ๐๘๑ ๙๘๓ ๖๗๗๐Fax: ๐๓๗ ๓๙๙ ๔๕๓


กำหนดการบวชฟรีปีละ ๔ ครั้งของวัดท่าขนุน ครั้งที่ ๔ หลังออกพรรษา (ลอยกระทง) 2555
๐๘๔ - ๕๓๑ – ๙๒๓๑



เชิญร่วมทำบุญ พิมพ์หนังสือ หลวงพ่อจรัญ หลายรูปแบบ
083 6800 883


เชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือธรรมะ(พระไตรปิฎก)
086-036-7162


ร่วมเป็นเจ้าภาพพิมพ์หนังสือทำวัตรสวดมนต์แปลประจำสำนักปฏิบัิติธรรมวัดจำนรรจ์
โทร. ๐๘๐-๗๐๘-๗๙๑๒



วัดสระเกศราชวรวรมหาวิหาร จัดทำโครงการสาธยายพระไตรปิฎกเฉลิมฉลองพุทธยันตี
08-1850-2999


ขอเชิญร่วมพิมพ์หนังสือการ์ตูนธรรมะเพื่อมอบให้แก่ห้องสมุดโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศผู้ที่สนใจสามารถร่วมทำบุญได้ตามกำลังศรัทธา
หรือร่วมบริจาคทั้งชุด ( 1 ชุด ราคา 150 บาท (รวมค่าจัดส่ง))


สามารถโอนเงินเพื่อร่วมโครงการได้ที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อย ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ชื่อบัญชี สุวิภา รื่นพล
เลขที่บัญชี 475-0-14422-3


***ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 ตุลาคม 2555


รับบริจาคสื่อทุกชนิด เพื่อแจกเป็นธรรมทาน
โทร.0862602702


เชิญร่วมศึกษาพระอภิธรรม

โดย
พระอาจารย์วรฤทธิ์ โอภาโส

ณ อาคารบุญยง ว่องวานิช ชั้น ๓
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ โทร. ๐๒ ๔๕๕ ๒๕๒๕
ต่อ ๔๒๐๒-๔๒๐๖



ร่วมบุญพิมพ์หนังสือ “สุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม” (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
โทร. 042-242-914


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างหนังสือธรรมโอสถ ๘๙๙เล่ม
ร่วมปัจจัย 265-447-8474 กรุงเทพ ชลบุรี
ปณัชพงษ์ ตันติวงศ์เจริญ

สอบถามเพิ่มเติม
0815776229 คุณโก้
ภายในวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๕ อย่างช้าวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๕


ร่วมพิมพ์หนังสือครูบาศรีแจกเป็นธรรมทาน
081- 8853357


ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี
สมทบทุนเพื่อ สร้างฐานรอบหลวงพ่อ สมเด็จสัมพุทโธ , พิธีเททองหล่อพระอุปคุต และซื้อที่ดินเพื่อทำทางเข้าวัด ณ วัดเขาหลาว ม.๕ ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี วันเสาร์ ที่ ๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕ (ตรงกับวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลา ๑๓.๐๙ น.


ขอเชิญร่วมงานประเพณีทำบุญสลากย้อม
ณ วัดชัยมงคล (วังมุย) ตำบลประตูป่า อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน
วันที่ ๙ – ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๕ ตรงกับเดือนเกี๋ยงเหนือ แรม ๑๐-๑๒ ค่ำ


อัพเดทยอดปัจจัยร่วมสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์มงคลพระบรมสารีริกธาตุ (ส่วนพระจักษุธาตุ)

เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระจักษุธาตุ) และพระอรหันต์ธาตุ

ณ วัดป่าศรีคุณาราม ตำบลบ้านจีต อำเภอกู่แก้ว จังหวัดอุดรธานี

ทอดในวันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน 2555 เวลา 10.00 น.


ขอเชิญแสวงบุญสู่แดนพุทธภูมิ อินเดีย–เนปาล
โทร 086-100-2195



เชิญร่วมงานทอดกฐินสามัคคี วันที่ 3-4 พฤศจิกายน 2555วัดหนองปลิง ขอเชิญร่วมงานทอดกฐิน ประจำปี ๒๕๕๕
บ้านหนองปลิง ม.๖ ต.หนองแหน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา

** วันเสาร์ ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ (แรม ๔ ค่ำ)
แสดงพระธรรมเทศนางานเทศน์มหาชาติ(พระเวสสันดรชาดก)

** วันอาทิตย์ ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ (แรม ๕ ค่ำ)
พิธีทอดกฐินสามัคคี



เชิญร่วมทำบุญประจำเดือนครั้งแรก ณ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย ๓ กทม. เย็นวันเสาร์ที่ ๘ และ เช้าวันอาทิตย์ ที่ ๙ กันยายน ๒๕๕๕ สวดมนต์ทำวัตรเย็น ฟังธรรม ภาวนาบิณฑบาต และ ร่วมทำบุญทอดผ้าป่าสร้างวัดป่าหลวงตามหาบัว โคโลราโด มลรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกาโอนปัจจัยบริจาค ได้ที่
• ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเซ็นทรัล อุดรธานี
• ชื่อบัญชี กองทุนสร้างวัดป่าหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน โคโลราโด
• บัญชีออมทรัพย์ เลขที่ 859-2-24888-7



เชิญพุทธศาสนิกชนผู้ใจบุญทุกท่านและคณะศิษยานุศิษย์พระครูบาน้อย เขมปัญโญ ร่วมกันทำบุญทอดผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๕ ณ
วัดสันปูเลยสะหลีเวียงแก้ว ตำบลสันปูเลย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรมกรรมฐานทรงล้านนาประยุกต์ ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๓๐ น.




เรียนเชิญร่วมบุญสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ ฯ วัดป่าภูผาสูง
http://www.pupasoong.com/


เชิญร่วมหล่อพระด้วยมือท่านเองเพื่อฉลองพุทธชยันตีเป็นพุทธบูชา

คณะผู้ศรัทธากำลังเตรียมการหล่อพระพุทธรูปและพระอริยสงฆ์ด้วยปูนซีเมนต์(ขนาดหน้าตักประมาณ12 นิ้ว)
ที่วัดป่าคลอง 11 ถนนรังสิต-องครักษ์ (จากปากทางถนนใหญ่เข้าไป 14 กม.)
เมื่อหล่อเสร็จ สามารถนำองค์พระไปบูชา หรือนำไปถวายวัดได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น



ขอเชิญร่วมบุญสร้างกุฏิพระกรรมฐาน(ปิดวาจา) ณ ศูนย์ฝึกอบรมพระธุดงค์กรรมฐาน
สามารถโทรจอง.ไว้ก่อนเพื่อเป็นเจ้าภาพก่อนได้(ก่อนเต็ม)
ติดต่อเจ้าหน้าที่..สวนป่าพุทธอุทยานวิปัสสนา
โทร. 089-899-4099



บูรณะศาลาวัดห้วยติ่งธารทอง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย
โดยโอนผ่านบัญชีชื่อ พระชโย อรุโณ ธนาคาร ธ.ก.ส.
สาขาศรีสัชนาลัย เลขที่ 309-2-62823-3



เชิญชวน พุทธศาสนิกชน ร่วมสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ณ สำนักวิปัสสนาโคกสำราญ บ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม ท่านสามารถ ดูรายละเอียดได้ที่ www.pra-arjarntuey.com หรือบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขบัญชี 761- 102216 - 2 พระพิพิธ ปิยะธมฺโม


วัดราชโอรสาราม หรือ วัดราชโอรส ถนนเอกชัย แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพฯ 10150 พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 3 ตอนนี้กำลังก่อสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม และจะทอดผ้าป่าในวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2555 ต้องการเจ้าภาพ หน้าบาน บันไดสวรรค์ ห้องน้ำ ฯ


ขอเชิญร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพสังฆทานพิธีบรรจุหัวใจพระมงคลมุนีศรีศาลา
โทร 0857205479


ขอเชิญอาคารหลวงปู่บุญเพ็ง เพื่อศูนย์มะเร็ง รพ ขอนแก่น


ขอเชิญร่วมเททองหล่อพระปางสะดุ้งมาร
ณ. วัดบางพูดนอก ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี (ซอยวัดกู้)
ทำพิธีวันอาทิตย์ ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555
เวลา 13.09น. ทำพิธีบวงสรวง ขอขมากรรมอโหสิกรรม เวลา 15.09 น. ทำพิธีเททองฯหล่อพระปางสะดุ้งมาร(ชนะมาร)


ผู้มีจิตศรัทธาสามารถทำบุญโอนเงินไปที่ชื่อบัญชี “สร้างพระพุทธรูป 29 นิ้วและแท่นพระคณะวิศวกรรมศาสตร์กระทำการแทนโดย รศ. มานพตันตระบัณฑิตย์ และ รศ.ดร.รุ่งเรือง กาลสศิริศิลป์”เลขที่บัญชี 403-486991-7 (ออมทรัพย์) ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน)สาขาบิ๊กซี รังสิตคลอง 6
รายละเอียดสอบถามได้ที่

รองศาสตราจารย์ มานพ ตันตระบัณฑิตย์โทร. ๐๘๙-๐๖๓๓-๘๖๓



ทำบุญตามศรัทธา ทริปถวายพระธาตุ-ผ้าไตร-เทียนพรรษา-หล่อพระ วัดครูบาอาจารย์ 5 วัด
087-716-9094


ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญสร้างที่พักสงฆ์ ณ บ้านกกกะพุง ตำบลเหล่าปอแดง อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร
บริจาคสร้าง โดยการบริจาคทรัพย์ ผ่าน ได้ที่ 442-013-2728 ธนาคารกรุงไทย สาขาเจริญเมือง ชื่อบัญชีพระพรพนม คมฺภีรปญฺโญ
เบอร์โทรศัพท์ 084-418-1428


ร่วมทอดผ้าป่าสร้างพระมหาเจดีย์จำลอง อ.ท่าวังผา จ.น่าน
ธนาคารออมสิน
ชื่อบัญชี พุทธสถานลานปฏิบัติธรรมบ้านเมตตาธรรม
เลขที่บัญชี 020 - 062 - 932 - 411

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่
เลขที่ 12 หมู่ 5 ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน 55140


เนื่องจากทางวัดอยู่ในถิ่นทุรกันดาลขาดแคลนหลายๆอย่าง ดังนั้นจึงขอเชิญชวนท่านผู้มีจิตศรัทธา ร่วมกันเป็นเจ้าภาพหาทุนทรัพย์และปัจจัยสร้างลานธรรมเล็กสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
วัดบูรณสามัคคีธรรม จ.สุรินทร์โทร.0854921577 , 0856322290




ขอเมตตาร่วมทำบุญเป็นเจ้าภาพถวายปราสาทเฟื้อง ประดับบนกำแพง หลังละ ๒,๒๐๐ บาท
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑


ขอเชิญร่วมบุญเอกและบุญใหญ่ถวายพระพุทธรูปล้านช้างและสร้างหอหลวง
๐๘๔-๔๑๘-๑๔๒๘


วันที่ 9 ก.ย. 2555 จะมีการเททองหล่อพระปางสะดุ้งมารและทำบุญอุทิศให้เด็กทารกที่เเท้ง ณ. วัดปากบ่อ ซ. อ่อนนุช 35 เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

สอบถามรายละเอียด โทร. 02 348--4925 และพระครูอนุรักษ์ปัญญาทร 089 104--1386



พระครูชัยมังคลารักษ์(ครูบาพิรุณ) เจ้าอาวาส วัดชัยมงคล อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ขอเชิญร่วมทำบุญสมทบทุนก่อสร้างถนนคอนกรึต ติดตั้งไฟฟ้าและระบบน้ำ ขึ้นดอยพระธาตุทันใจ


เรียนเชิญร่วมบุญ สร้างตู้กระจก องค์พุทธปฐม หน้าตัก4ศอก
๐๘๒ - ๑๑๙ –๖๗๑๖

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี เพื่อสมทบทุนสร้างอุโบสถพฤกษชาติ
โทร. 08-6100-2195


ขอเชิญร่วมกองบุญพิเศษสมทบรับผ้ายันต์สิหิงค์หลวปิดทองสมเด็จโตหน้าตัก60นิ้ว
091-025-9998


เชิญร่วมทำบุญครั้งที่2กับศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง สร้างกำแพงวัดพระธาตุหมื่นครื้นลำปาง
08-5355-5915


เชิญร่วมทำบุญร่วมกับหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก (ดร.วิรพล ฉัตติโก)
http://www.luangpunenkham.com/



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพใส่กะจกหน้าต่างศาลาการเปรียญ
089-2183130


ด่วน บุญใหญ่ปลดทุกข์พระเณร สร้างห้องสุขาบนดอย สร้างบารมีครั้งยิ่งใหญ่
๐๘๕ ๖๐๔๔๘๔๙



รับสร้างงานแกะสลักหินทราย พระพุทธรูปหินทราย!!
081-255-4459


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพปูผนังศาลาปฏิบัติธรรม วัดคู้บอน รามอินทรา กม.๘
โทร.๐๘๐-๕๕๑-๖๒๐๓



เชิญชวนร่วมเป็นเจ้าภาพเบาะนั่งสมาธิวัดศรีเตี้ย จ.ลำพูน
0818831147


เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพเครื่องทรงจักรพรรดิ์ถวายพระแก้วขาว งบประมาณ 1,8000 บาท
โทร. ๐๘๗๑๘๕๑๙๖๔



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายพระประธานและกฐินสามัคคี
081-5635718


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถมดินที่วัดสบยาง ต.ป่าแลวหลวง อ.สันติสุข จ.น่าน
0835686917



ขอเชิญ ร่วมจัดสร้าง พระผงครูบาศรีวิชัย เพื่อถวายแก่วัดยากจน
085-6218721


ขอเชิญชวนสาธุชนทุกท่านเป็นผู้นำบุญทอดผ้าป่า และเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพวัสดุก่อสร้างเจดีย์สะหลีรัตนโพธิญาณ (พระธาตุแสนล้าน)
โทร. ๐๘๑-๐๒๙-๑๗๑๘



ขอเชิญร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิไม้แกะสลัก
สามารถร่วมบุญนี้ได้โดยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย สาขา ถนนแฮปปี้แลนด์ ชื่อบัญชี นายกิตติฐานันดร์ ชิษณุพงศ์ เลขที่บัญชี ๑๘๕-๐-๓๒๓๙๓-๓


เชิญร่วมสร้างพระอุโบสถและพระประธาน ประจำอุโบสถ วัดสันยาว ต.ห้วยไคร้ อ. แม่สาย
โทร 089 – 4823711

ร่วมบุญขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล ถังเก็บกักน้ำและอาหารพระถวายวัดป่ากมโลสานิตยานุสรณ์
083-140-2285


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างพระสีวลีองค์ใหญ่ความสูง3.5 เมตร เนื้อทองเหลือง โทร 0810761098


ขอเชิญร่วมทำบุญสร้าง สมเด็จโต,หลวงปู่ทวด,ครูบาศรีวิชัย ฯ แกะสลักจากไม้ตะเคียนทอง
โทรศัทพ์ ๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐



เชิญร่วมบุญเททองหล่อสมเด็จองค์ปฐม ๔ ศอก วัดพระธาตุดอยพระฌาน ๒๓ กันยายนนี้
083-5732583



สร้างวิหาร กับ วัดหัวห้วย จังหวัด ลำพูน
๐๘๓-๔๗๔๗๗๐๑



วัดป่าเอกจอมไตรนันท์ทาราม เชิญร่วมสร้างศาลาหอฉันในถิ่นทุรกันดาร
0892768155


ขอเชิญร่วมทำบุญมหากฐินเพื่อบูรณะพระธาตุเจดีย์วัดจอมทอง อายุ 350 ปี (ครูบาอินสม)

หาเจ้าภาพช่วยเป็นสะพานบุญ สร้างลานธรรมเล็กๆ...ถวาย.. เนื่องในวันเทโวโรหนะ0854921577


ซ่อมแซมห้องน้ำวัด พระยาสุเรนทร์
0841217414


ขอเชิญพุทธศาสนิกชนชนทั้งหลายร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างถวายห้องน้ำ-ห้องสุขา
วัดสันปู่สี ต.หัวเมือง อ.สอง จ.แพร่
๐๘ ๒๓๕๘ ๕๖๐๙



ขอเชิญร่วมทำบุญ ศาลาการปฏิบัติธรรม ณ วัดท่ากาน
087-614-6689



ร่วมบุญซื้อโต๊ะหมู่ 9 ไม้สักแกะสลักถวายที่พักสงฆ์คลองนารายณ์
ท่านที่มีจิตศรัทธาร่วมบุญถวายโต๊ะหมู่ 9 ชุดนี้ขอเชิญที่บัญชีนี้

ธ. ไทยพาณิชย์ สาขาเทสโก้โลตัส
เลขบัญชี 401-661168-1
ชื่อบัญชี นายสมบูรณ์ ติยะวงศ์สกุล



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดซื้อกระเบื้อง ซีแพค มุงหลังคา ( เมรุ ) แผ่นละ 19 บาท 3.000 แผ่น
โทร ๐๘๕๖๕๗๘๖๗๖


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2012, 13:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร