วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2013, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกล้ากระผมได้ประสบมาเอง และในประสบการณ์นี้ได้พิจารณาแล้วว่า น่าจะนำมาถ่ายทอดเป็นอรรถ เป็นธรรมให้ท่านกัลยาณมิตรได้สดับ ได้พิจารณา หรือนำไปเทียบเคียงในเชิงอุปมา อุปมัยในชีวิตประจำวันได้บ้าง
อาจจะมีสำนวนวาจาที่ไม่ค่อยสุภาพบ้าง แต่ก็ต้องลงเพื่อให้ได้อรรถรส ได้ใจความที่บริบูรณ์ ก็ต้องขออนุญาต และขออภัยทุกท่านด้วยนะครับผม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมากระผมได้ไปออกกำลังกายในสถานที่สำหรับออกกำลังกายแห่งหนึ่ง ที่ผมมักไปบ่อยๆเมื่อมีเวลาว่าง เมื่อผมเดินทางไปถึงด้านหน้าสถานที่ดังกล่าว ก็ได้มีชายไทยจากแดนที่ราบสูง ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ต่อเติมพ่วงข้างไว้เพื่อใช้ทำมาค้าขาย (ที่เราๆท่านๆเรียกกันว่าซาเล้งนั่นแหละครับ) รถคันนั้นได้มาจอดที่ตรงข้ามด้านหน้าที่ออกกำลังกายพอดี สิ่งที่พ่อค้าท่านนั้นนำมาขายก็ได้แก่ มันแกวต้ม มันเทศต้ม เผือกต้มและอีกหลายอย่าง เมื่อรถซาเล้งจอดสนิทเหล่าลูกค้า ผู้ต้องการซื้อหาก็ได้พากันเดินเข้าไปสำรวจสินค้านั้น หนึ่งในผู้สำรวจนั้นก็มีชายต่างชาติชาวยุโรป อายุประมาณ 57 ปี ผู้หนึ่งรวมอยู่ด้วย
ลูกค้าหลายคนซื้อแล้วก็เดินจากไป เมื่อได้สิ่งที่ตนต้องการแล้วก็เดินจากไป จนเหลือแต่ชายต่างชาติคนดังกล่าวอยู่คนเดียว เขายืนดูเฉยๆ ไม่มีทีท่า ไม่มีปฏิกิริยาว่าจะซื้ออะไรเลย แต่ในแววตา ท่าทางของเขานั้นมีแต่ความฉงนสงสัย!
ส่วนตัวเกล้ากระผมก็เดินเข้าไปด้านในที่ออกกำลังกาย ชายต่างชาติดังกล่าวก็ผละเดินมาหยุดที่ด้านหน้าที่ออกกำลังกาย ซึ่งปกติเขาก็มาออกกำลังกายเช่นกัน ผมได้ทำการวอมร่างกายก่อนจะลงมือออกกำลังจริง
ขณะเดียวกันผู้ดูแลสถานที่ออกกำลังกายที่เป็นสุภาพสตรี ก็ได้เดินไปที่ร้านค้าซาเล้งดังกล่าวเพื่อซื้ออะไรบางอย่าง ชายฝรั่งคนเดิมเมื่อเห็นดังนั้น ก็ได้เดินตามไป แล้วดูว่าเธอคนนั้นจะซื้ออะไร ผมได้ยินเสียงฝรั่งดังกล่าวเอ่ยถามทั้งพ่อค้า ทั้งคนซื้อ(เป็นภาษาอังกฤษอันเป็นภาษาที่ศิวิไล) ว่ามันกินได้หรือ ทั้งหมดที่ขายนี้น่ะมันกินได้หรือ ? พร้อมทั้งแสดงสีหน้าอันสงสัยหนักขึ้นไปมากกว่าเดิม
เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ เธอคนนั้นก็เดินกลับมาพร้อมในมือ ที่ถือถุงพลาสติกหูหิ้วใบหนึ่งที่มีของบางสิ่ง บางอย่างบรรจุอยู่ข้างในนั้นด้วย
ชายฝรั่งดังกล่าวได้เดินตามเธอคนนั้นเข้ามาที่ด้านใน ด้วยความที่ยังไม่ได้รับคำตอบ เขาจึงรบเร้าสุภาพสตรีนั้นด้วยคำถามอีกว่า
ฝรั่ง: ที่ซื้อมาน่ะมันกินได้หรือ ?
สุภาพสตรี: กินได้ เธอตอบเสียงออกแหลมๆพร้อมทั้งอมยิ้ม กลั้วเสียงขำๆ
ฝรั่ง :มันกินได้จริงๆหรือ ? ถามด้วยความไม่แน่ใจในคำตอบ
สุภาพสตรี: ชัวร์ ใช่มันกินได้จริงๆ แล้วเธอก็ได้หยิบสิ่งที่อยู่ในถุงนั้นออกมา แกะเปลือกออกพร้อมทั้งได้ทำการกิน ให้ฝรั่งดู
ผมจึงได้จ้องมองดูด้วยความสังสัยว่าสิ่งนั้นมันคืออะไร ทำไมชาวต่างชาติจากแดนศิวิไล ดินแดนที่เจริญด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัย เขาเดินทางจากดินแดนอันเลิศหรู อันอยู่ไกลโพ้น นั่งเรือบิน ข้ามน้ำ ข้ามฟ้า ข้ามมหาสมุทรมาถึงเมืองไทย แต่เขากลับให้ความสนใจ สงสัยของสิ่งนั้นเป็นนักหนา
OH MY GOD สิ่งนั้นคือ ถั่วต้ม ครับถั่วลิสงต้มทั้งฝักที่ยังไม่ได้แกะเปลือกเลย
ฝรั่ง: จ้อง มองดูสิ่งที่เธอคนนั้นกินเข้าไปด้วยความตื่นเต้น พร้อมเสียงครางในลำคอ แต่ความสังสัยนั้นยังไม่หมดไป เหมือนคิดในใจว่า เธอแกล้งกินหลอกๆให้เราดูหรือเปล่า เขาจึงถามกลับไปอีกว่า
ฝรั่ง: มันกินได้จริงๆน่ะหรือ ? น้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมสีหน้าที่บอกว่าไม่เชื่อ
สุภาพสตรี: เธอแกะเปลือกออก แล้วกินให้ดูอีกครั้ง และได้พูดกับฝรั่งนั้นว่าคุณลองกินดูสิ พร้อมทั้งยื่นถั่วลิสงต้มให้ฝรั่งนั้นอีกส่วนหนึ่ง ฝรั่งรับมากำไว้ในมือ พร้อมพูดว่า
ฝรั่ง: ฉันไม่รู้จริงๆเลยนะนี่ว่ามันกินได้ และฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยในชีวิต(น้ำเสียงยังตื่นเต้นไม่หาย) จ้องมองดูถั่วลิสงที่กำอยู่ในมือ แต่ก็ยังไม่ยอมแกะเปลือกออกทดลองกิน เธอที่เป็นเจ้าของถั่วจึงแกะเปลือกถั่วนั้นออกจำนวนหนึ่ง แล้วยื่นให้ฝรั่งนั้นลองกินดู ฝรั่งรับมาแล้วเอาเข้าปากขบเคี้ยวกิน พร้อมกับร้อง อื๊ออออ !
ชายไทยคนหนึ่งที่กระเดียดออกไปทางหญิง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ได้พูดออกมาว่า ไอ้นี่ตอแหล พร้อมทั้งหันหน้ามาทางกระผม
ชายไทย: ไอ้นี่ตอแหลพี่ ที่บ้านมันน่ะมีเหมือนกันแหละ แหมหาว่าไม่เคยกิน ไม่เคยเห็น ที่บ้านมันน่ะนะก็มีขาย
สุภาพสตรี: อ้าว แล้วทำไมเขาบอกว่าไม่เคยเห็น ไม่เคยกินมาก่อนไงล่ะ
ชายไทย: โอ๊ย ก็ที่บ้านมันน่ะ ที่เขาเอามาทากินกับขนมปัง เหมือนพวกเนย พวกแยมไงพี่ มันมีขายที่ซุปเปอร์มาเก็ตทุกที่นั่นแหละ เขาขายเป็นขวดๆน่ะพี่ มันตอแหลเอง
ฝรั่งคนนั้นเมื่อได้กินถั่วลิสงนั้นแล้ว ก็ได้ยื่นถั่วที่มีอยู่ในกำมือคืนให้แก่เธอคนนั้น แล้วเดินออกไปด้านนอก ผมมองตามเขาไป เขาตรงไปที่ร้านซาเล้ง แล้วซื้อถั่วต้มมาอีกถุงหนึ่ง มานั่งกิน กินจนกระทั่งหมดเขาจึงได้เริ่มลงมือออกกำลังกาย .
ผมเองนั้นได้แต่อมยิ้ม แล้วได้เกิดอรรถธรรมขึ้นในใจตนเอง เออหนอ!ถั่วหนอถั่ว
จนนำมาเป็นหัวข้อธรรมสู่ท่านกัลยาณมิตร ด้วยประการฉะนี้แล
คนกินถั่วแต่ไม่เคยเห็นถั่ว คนเห็นถั่วแต่ไม่รู้ว่านั่นคือถั่ว
ถั่วต้มจ้า ถั่วต้ม จะรับถั่วต้มบ้างไหมคร้าบบบบบบบบบบบบบ ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2013, 17:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2013, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนเรานั้น ฉลาดไม่กี่เรื่อง แต่โง่หลายเรื่อง เชื่อผมสิ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คนเรานั้น ฉลาดไม่กี่เรื่อง แต่โง่หลายเรื่อง เชื่อผมสิ

ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์
[/color]
:b8: :b8: :b8: อัมพปาลีเถรีคาถา
คาถาสุภาษิตของนางอัมพปาลีเถรี

เมื่อก่อน ผมของเรามีสีดำ คล้ายกับสีปีกแมลงภู่ มีปลายงอน เดี๋ยวนี้
กลายเป็นเช่นปอเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำ
แท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อนมวยผมของเรามีกลิ่นหอม ดุจอบ
ด้วยดอกมะลิเป็นต้น เต็มด้วยดอกไม้ เดี๋ยวนี้มีกลิ่นเหมือนขนกระต่าย
เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับ
กลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน ผมของเรามีปลายอันงาม วิจิตรด้วยหวี
และเครื่องปักผมเหมือนป่าไม้อันปลูกเป็นแถวงามสะพรั่ง เดี๋ยวนี้กลาย
เป็นผมโกร๋นในที่นั้นๆ พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริง
แท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน ผมของเราประดับด้วยมวยผม
อันงดงาม ดังประดับด้วยทองคำอันละเอียด มีกลิ่นหอม เดี๋ยวนี้ ล้าน
ตลอดหัวเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริง
แท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อนคิ้วของเรางดงามคล้ายรอยเขียน
อันนายช่างเขียนดีแล้ว เดี๋ยวนี้ กลายเป็นคิ้วคดเคี้ยวเหมือนเถาวัลย์
เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับ
กลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อนนัยน์ตาของเราดำขลับ เหมือนนิลมณีรุ่งเรือง
งาม เดี๋ยวนี้ถูกชราขจัดแล้วไม่งามเลย พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัส
จริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อเวลาเรายังรุ่นสาว
จมูกของเราโด่งงาม เหมือนเกลียวหรดาล เดี๋ยวนี้ กลับห่อเหี่ยวไป
เหมือนจมหายเข้าไปในศีรษะเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัส
จริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อนใบหูของเรางดงาม
เหมือนตุ้มหูที่ทำเสร็จเรียบร้อยดี เดี๋ยวนี้กลับหย่อนยานเหมือนเอา
เถาวัลย์ห้อยไว้เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำ
จริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน ฟันของเราขาวงามดี
เหมือนสีดอกมะลิตูม เดี๋ยวนี้กลายเป็นฟันหักและมีสีเหลืองเพราะชรา
พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็น
อย่างอื่น เมื่อก่อน เราพูดเสียงไพเราะเหมือนเสียงนกดุเหว่า อันมี
ปกติเที่ยวไปในไพรสณฑ์ร่ำร้องอยู่ในป่าใหญ่ฉะนั้น เดี๋ยวนี้คำพูด
ของเราพลาดไปทุกๆ คำเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง
เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน คอของเรางดงาม
กลมเกลี้ยงเหมือนสังข์ที่ขัดดีแล้ว เดี๋ยวนี้ย่นเพราะชรา พระดำรัสของ
พระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน
แขนทั้งสองของเรางดงามเปรียบดังกลอนเหล็กอันกลมฉะนั้น เดี๋ยวนี้
ลีบคดดุจฝักแคฝอยเพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง
เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน มือทั้งสองของเรา
ประดับด้วยแหวนทองคำงดงาม เดี๋ยวนี้เป็นเหมือนเหง้ามันเพราะชรา
พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็น
อย่างอื่น เมื่อก่อน ถันทั้งคู่ของเราเต่งตั่งกลมกลึงชิดสนิทกัน และมี
ปลายงอนขึ้นงดงาม เดี๋ยวนี้กลับหย่อนเหมือนผลน้ำเต้าเพราะชรา พระ
ดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น
เมื่อก่อน กายของเราเกลี้ยงเกลา งดงาม เหมือนแผ่นทองที่ขัดดีแล้ว
เดี๋ยวนี้สะพรั่งไปด้วยเส้นเอ็นอันละเอียดเพราะชรา พระดำรัสของพระ-
พุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน
ขาอ่อนทั้งสองของเรางดงามเปรียบเหมือนงวงช้าง เดี๋ยวนี้เป็นปุ่มเป็นปม
เหมือนข้อไม้ไผ่เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำ
จริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อนแข้งทั้งสองของเรา ประดับ
ด้วยกำไลทองคำอันเกลี้ยงเกลางดงาม เดี๋ยวนี้กลับเหี่ยวแห้งเหมือนต้นงา
เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับ-
กลายเป็นอย่างอื่น เมื่อก่อน เท้าทั้งสองของเรางดงามอุปมาเช่นกับ
ปุยนุ่นเพราะความที่เท้าอ่อนนุ่ม เดี๋ยวนี้กลับแตกเป็นริ้วรอยงองุ้มดังเถา-
วัลย์เพราะชรา พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่
กลับกลายเป็นอย่างอื่น ร่างกายของเรานี้เนื่องด้วยความหย่อน เป็นที่อยู่
แห่งทุกข์มาก เป็นสภาพตกไปจากเครื่องลูบไล้ เป็นดุจเรือนอันคร่ำคร่า
พระดำรัสของพระพุทธเจ้าผู้ตรัสจริง เป็นคำจริงแท้ไม่กลับกลายเป็นอย่างอื่น. :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมที่เกิดขึ้นคือ ผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ คนไม่เคยเห็นถั่วก็ยึดถือเอาสัญญาขันธ์เป็นอารมณ์ เกิดความสงสัย เพราะมีเหตุคือความอยากรู้ มีผลคือสังขารขันธ์ หรือความคิด ว่ากินได้หรือไม่ได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ธรรมที่เกิดขึ้นคือ ผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ คนไม่เคยเห็นถั่วก็ยึดถือเอาสัญญาขันธ์เป็นอารมณ์ เกิดความสงสัย เพราะมีเหตุคือความอยากรู้ มีผลคือสังขารขันธ์ หรือความคิด ว่ากินได้หรือไม่ได้

อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา [/color]
:b8: :b8: :b8: สาธุ สาธุ สาธุ :b8: :b8: :b8: ขอบคุณครับ
:b8: ปัญจาวุธชาดก
ว่าด้วยการบรรลุธรรมอันเกษม

นรชนใดมีจิตไม่ท้อถอย มีใจไม่หดหู่
เจริญกุศลธรรมเพื่อบรรลุธรรม อันเป็นแดนเกษมจากโยคะ
นรชนนั้น พึงบรรลุธรรมเป็นที่สิ้นสังโยชน์ทั้งปวงโดยลำดับ. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มันแกวต้ม?????
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2013, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ม.ค. 2010, 13:41
โพสต์: 57

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แกงได เขียน:
มันแกวต้ม?????
s006

จ้าาาาาาาาาาาาาาาาา ขอบคุณครับที่อ่านเนื้อหา
ท่านเคยเห็นมันต้มไหมครับ(ส่วนมากพวกรถ จยย.พ่วงข้างมักจะมีขาย)
มันแกวเป็นมันอีกจำพวกหนึ่ง (ไม่ใช่มันมันแกวสีขาว ที่ออกกลมๆนะครับ)
เปลือกด้านนอกเขาจะออกสีแดงๆ หรือแดงอมม่วง มักจะเอามาต้ม หรือนึ่งกินครับ ผมว่าท่านแกงไดอาจจะเคยกินมาแล้วก็ได้ แต่ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร
เหมือนกับชายฝรั่งคนนั้นแหละครับ เคยกินแต่ถั่วที่เขาแปรรูปมาแล้ว โดยไม่เคยเห็นถั่วที่เป็นฝักมาก่อน :b9:
:b14: ที่ผมยกเรื่องกินถั่วแต่ไม่รู้จักถั่ว ขึ้นมานี้ก็คล้ายกับธรรมที่พระพุทธองค์เปรียบผู้ที่เรียนมาก รู้มาก
แต่ไม่นำมาประพฤติปฏิบัติ ดังพระพุทธพจน์ที่ว่า เปรียบเหมือนทัพพีที่ไม่รู้จักรสชาตของแกง ไงล่ะครับ
ท่านคงได้รับทราบข่าวต่างๆมาบ้าง คนเรียนจบด็อกเตอร์มาจากเมืองนอกได้สัปดาห์เดียว
แต่กลับมาอัตวิบาทกรรมตนเองจากตึกสูง หรือจากห้างสรรพสินค้า
:b8: อุปมานี้ฉันใด อุปมัยก็ฉันนั้นแลครับผม :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร