วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 00:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไฟเกิดจาก 3สิ่งนึ้ เชื้อเพลิง ออกซิเจน ความร้อน

สสารไม่ได้หายไปไหนแต่เปลี่ยนรูปไป
เช่นถ้าเราเผาไหม้ไม้ซึ่งประกอบด้วย สารอินทรีย์ที่มีคาร์บอนกับไฮโดรเจน ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน จะเกิดปฏิกิริยาเคมีคายพลังงานที่รวดเร็วและให้ความร้อนสูง และจะเปลี่ยนรูปเป็น ไอน้ำและคาร์บอนไดออกไซด์ (รวมถึงเขม่าและคาร์บอนมอนอกไซด์ กรณีที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์)

ส่วนเปลวไฟที่เราเห็นเกิดจาก ก๊าซในอากาศที่ร้อนจัดด้วยพลังงานความร้อนจนแตกตัวเป็นไอออนและแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงแสง(visible light) ออกมา ซึ่งสภาวะของไอออนของก๊าซแบบนี้ ก็คือ สิ่งที่เราเรียกว่า "พลาสมา" นั่นเอง

สรุป

ไฟจึงเป็นทั้งพลังงานความร้อน(การเคลื่อนที่ของอะตอม หรือการสั่นของโมเลกุล ทำให้เกิดรูปแบบของพลังงานจลน์ ซึ่งเรียกว่า “ความร้อน”(Heat))

และพลังงานแสง(คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โดยธรรมชาติ...จะเกิดการคลายตัวของพลังงานลงมา...หากต้องการคงสภาพของสสารดังเดิม..จะต้องรับพลังงาน
จากภายนอกเข้าไปทดแทนในปริมาณเท่า ๆ กัน

สัตว์..รับพลังงานจากภายนอกเข้าไปด้วยการ..กิน...ดื่ม....หายใจ

แต่...ผู้ที่รู้กระจ่างแจ้งในกลไกเหล่านี้....อาจรู้วิธีนำพลังงานจากแหล่งอื่นแทนการ..ดื่ม..กิน..หายใจ

พระพุทธเจ้าบอกกับพระอานนท์ว่า...หากเราปรารถณาอยู่ตลอดหนึ่งกัลป์...ก็ทำได้

ชัดเจนว่า..พระองค์รู้วิธี

อะไร.คือแหล่งพลังงานที่ว่า...ที่ไม่ต้องอาศัยรับพลังงานจากภายนอกด้วยวิธีการดื่ม..กิน...หายใจ



จินตนาการ ทำให้เราเป็น อมตะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 00:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ไฟที่เกิดขึ้นจากหัวไม้ขีด
ถามว่า ไฟมาจากไหน
ไฟอยู่ในหัวไม้ขีดหรือ ?
ไฟอยู่ที่ข้างกล่องไม้ขีดหรือ ?

ถ้าตอบว่าไม่แล้วไฟเกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากไหน?

แล้วไฟที่เกิดแล้วตั้งอยู่ ๆ เพราะอะไร?

เมื่อไฟดับแล้ว ไฟไปอยู่ที่ไหนหรือ?


ถ้าในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ไฟเป็นปฏิกิริยาทางเคมีครับ เปลวไฟคือก๊าซที่ร้อนพลังงานสูงซึ่งถูกปลดปล่อยจากปฏิกิริยานี้ (เปลวไฟไหวตามแรงเป่าได้นะครับ ดังนั้นมีสสารเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ไม่ใช่พลังงานเพียวๆแบบแสง)

ไฟตั้งอยู่ เพราะเชื้อไฟยังไม่หมด ปฏิกิริยาเคมีบางอย่างจะหยุดได้เมื่อสารตั้งต้นหมดไป ไฟเป็นแบบนี้

ปฏิกิริยาสิ้นสุด ไม้ขีดก็ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นสารชนิดอื่นสมบูรณ์ พลังงานถูกปลดปล่อยออกจนหมด ก็หมดไฟครับ

สรุปว่าไฟคือปฏิกิริยาเคมีแบบหนึ่งที่มีการเปลี่ยนรูปสารชนิดหนึ่งเป็นอีกชนิดหนึ่งและมีการปลดปล่อยพลังงานออกมาในรูปของแสงและความร้อนครับ

https://en.wikipedia.org/wiki/Fire

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8583


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ไฟที่เกิดขึ้นจากหัวไม้ขีด
ถามว่า ไฟมาจากไหน
ไฟอยู่ในหัวไม้ขีดหรือ ?
ไฟอยู่ที่ข้างกล่องไม้ขีดหรือ ?

ถ้าตอบว่าไม่แล้วไฟเกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากไหน?

แล้วไฟที่เกิดแล้วตั้งอยู่ ๆ เพราะอะไร?

เมื่อไฟดับแล้ว ไฟไปอยู่ที่ไหนหรือ?


ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความคิด ซึ่งก็ได้หลายรสที่แตกกันออกไป
เท่าที่ผมตั้งคำถามขึ้นนั้นเพราะ คิดว่า เห็นว่า อะไรทำให้ไฟเกิดขึ้น

ที่นี้ผมเองก็จะมาออกความคิดเองบ้าง ผิด ถูก จริง เท็จ ก็พิจารณาเอาเอง
และทำให้ผมนึกถึงที่พระองค์ทรงสอนว่า ธรรมทั้งหลายจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยปัจจัย
อิงอาศัยซึ่งกันและกัน โดยใช้หลักปฏิจจสมุปบาทมาเทียบเคียง เช่น ในหัวไม้ขีดก็ไม่มีไฟ
ข้างกล่องก็ไม่มีไฟ แต่ทั้งสองมาอิงอาศัยกัน หรือกระทบกันจึงเกิดไฟขึ้น ถ้ามีปัจจัยครบ
ก็ต้องมีอีกสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นจะห้ามไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ ถ้าขาดสิ่งหนึ่งใดสิ่งไฟก็เกิดขึ้นไม่ได้ เช่นกัน

ไฟตั้งอยู่ได้เพราะอาศัยก้านไม้ขีดเป็นเชื้อเป็นอาหารของไฟ
เมื่อเชื้อคืออาหารของไฟหมดเป็นอันว่าไฟก็ต้องดับ เพราะหมดเหตุหมดปัจจัย
(อันนี้ก็เข้าหลัก อาหารของอวิชชาหมด ความเกิดอีกก็ไม่มี)

เมื่อไฟดับแล้วไปไหน เฉกเช่นเดียวกับพระอรหันต์ตาย
ในเมื่อเชื้อทำให้เกิดอีกหมดสิ้นแล้ว ความเกิดอีกเป็นอันว่าหมดสิ้นไป
ฉะนั้นไฟก็เช่นเดียวกัน

ดังจะอุปมาอีกอย่างหนึ่ง
เสียงกลอง...ในกลองก็ไม่มีเสียง เสียงก็ไม่ได้อยู่ในไม้ตีกลอง
ไม้ตีกลองกับกลองกระทบกันจึงเกิดเสียงขึ้น เป็นต้น
เสียงก็อย่างหนึ่ง กลองก็อย่างหนึ่ง ไม้ตีกลองก็อย่างหนึ่ง
ทั้งสามอย่างนั้นไม่ปะปนกัน แต่อาศัยกันเสียงจึงเกิดขึ้น

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่าน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 08:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แกงได เขียน:

จินตนาการ ทำให้เราเป็น อมตะ


:b32:
ก่อนพบพลังงานนิวเคลียร์....พวกที่อยู่กับพลังงานจากฟอสซิ้วก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน

ก่อนสังคมดิจิตอล.....สังคมอนาลอกก็นึกสภาพมันไม่ออกเหมือนกัน

การเดินทางครั้งแรก..ยังที่ที่ไม่เคยไป....ไปด้วยความคิด

มีบุรุษหนึ่งเอ๊ะใจว่า...มีสองสิ่งตรงข้ามกันเสมอ....มีสว่างก็มีมืด....มีขาวก็มีดำ....มีเกิดก็ย่อมมีไม่เกิด...แน่นอน

ผู้คิดเดินทางครั้งแรกของ....พวกเรา

:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อย่างนั้น พลังงานมีวันหายไปจากโลกนี้มั๊ยครับ เหมือนสสารหรือเปล่า

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 12:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วพลังงานมีหายจากโลกนี้มั้ย?

มีประเด็น 2 อย่างต้องคำนึง...คือ
-โลก..(กามโลก..รูปโลก...อรูปโลก) เป็นระบบปิดแล้วหรือยัง
-วิธีตรวจวัด....

มาที่วิธีตรวจวัด....ปัจจุบันเรามีเครื่องมือวัดแบ่งออกเป็น 2 วิธี
-Active คือส่งพลังงานเข้าไปแล้วตรวจวัดพลังงานที่คายออกมา
-Passive คือ วัดพลังงานที่คายออกมาเอง

ทั้ง 2วิธีมีข้อจำกัดว่า...สิ่งที่ถูกวัดต้องอยู่ในภาวะยังไม่เสถียร.คือ..อยู่ในภาวะกำลังเปลี่ยนแปลงอยู่

เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถวัดค่าพลังงานกับสิ่งที่ไม่ทำปฏิกิริยากับอะไร อะไรได้
เมื่อวัดไม่ได้..ส่วนใหญ่จะให้ค่าเป็น..0...

ในทางคณิตศาสตร์....0..เป็นเลขที่มีค่า...ประหลาดมาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 12:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เอาเฉพาะโลกมนุษย์พอครับ ไม่ต้องถึงเทวโลก

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2013, 13:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเอาเฉพาะโลกมนุษย์....สสารและพลังงานมีสูญในทางปฏิบัติ...ไม่สูญก็แต่ในทฤษฎี..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2013, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลสที่เกิดขึ้นกับคนเรา
ถามว่า กิเลสมาจากไหน
กิเลสอยู่ในตัวคนหรือ ?
กิเลสอยู่นอกตัวคนหรือ ?

ถ้าตอบว่าไม่แล้วกิเลสเกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากไหน?

แล้วกิเลสที่เกิดแล้วตั้งอยู่ ๆ เพราะอะไร?

เมื่อกิเลสดับแล้ว กิเลสไปอยู่ที่ไหนหรือ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 02:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
อย่างนั้น พลังงานมีวันหายไปจากโลกนี้มั๊ยครับ เหมือนสสารหรือเปล่า



สสารไม่ได้หายไปไหนแต่เปลี่ยนรูปไป
พลังงานมีวันหมดเมื่อแหล่งพลังงานหมด

โลกมีพลังงาน เช่น ลม น้ำ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ความร้อนใต้พิภพ
พลังงานจะมีอยู่ในโลกตราบเท่าที่โลกยังดำรงอยู่
และมันจะหมดลงเมื่อดวงอาทิตย์กลืนกินโลกเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ในภาวะดาวยักษ์แดง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


din เขียน:
กิเลสที่เกิดขึ้นกับคนเรา
ถามว่า กิเลสมาจากไหน
กิเลสอยู่ในตัวคนหรือ ?
กิเลสอยู่นอกตัวคนหรือ ?

ถ้าตอบว่าไม่แล้วกิเลสเกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากไหน?

แล้วกิเลสที่เกิดแล้วตั้งอยู่ ๆ เพราะอะไร?

เมื่อกิเลสดับแล้ว กิเลสไปอยู่ที่ไหนหรือ?


กิเลส..เป็นนามธรรม...เป็นชื่อเรียก..ความคิดประเภทที่ทำให้เกิดทุกข์

ความคิดที่ทำให้เกิดทุกข์....เกิดจากความไม่รู้....

ถึงยามใดที่..รู้แล้ว....ความไม่รู้นั้นก็เปลี่ยนเป็นความรู้ไป....เรียกตามสมมุติว่า...ความไม่รู้ดับ

ความคิด..ก็ยังมีเหมือนเดิม....แต่ความคิดประเภททำให้เกิดทุกข์อีก...มันไม่มี...เรียกตามสมมุติว่า..กิเลสดับ

และเรียกตามสมมุติถึงความไม่มีทุกข์..ว่า...ทุกข์ดับ

โดยแท้แล้ว...ไม่มีอะไรหายไป...หรือ...โผล่ขึ้นมาจากความไม่มีอะไรหรอก....มันแค่เปลี่ยนไปเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 11:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
กิเลสที่เกิดขึ้นกับคนเรา
ถามว่า กิเลสมาจากไหน
กิเลสอยู่ในตัวคนหรือ ?
กิเลสอยู่นอกตัวคนหรือ ?

ถ้าตอบว่าไม่แล้วกิเลสเกิดขึ้นมาจากอะไร มาจากไหน?

แล้วกิเลสที่เกิดแล้วตั้งอยู่ ๆ เพราะอะไร?

เมื่อกิเลสดับแล้ว กิเลสไปอยู่ที่ไหนหรือ?


คัมภีร์พระพุทธศาสนา อธิบายได้หมูๆ เลย

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร