คือบางทีก็สงสัยครับ บางคนก็บอกว่าเราไม่ได้ไปเป็นชู้ใครไม่ได้ทำให้ใครเสียใจ หรือบอกกันว่าเป็นการแลกเปลี่ยนสบายใจ วินๆทั้งคู่ อะไรประมาณนี้อ่ะครับ

ก็เลยกลายเป็นคำถามที่อยู่ในใจ เขาผิดศีลไหม แล้วบาปมากไหมครับ ถึงขั้นตกนรกหมกไหม้เลยหรอครับ ?

ขอบคุณครับ :)

ศีลข้อ 3 ขอให้เจ้าของกระทู้ลองไปศึกษาดูให้กระจ่างแจ้งครับ
ศีลข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
ไม่ได้หมายถึงไปพรากลูกพรากเมียเขามาหรือเล่นชู้กับลูกกับเมีย
เขาเพียงอย่างเดียว การนอกใจภรรยาตนเอง ไม่มีผัวเดียวเมีย
เดียว การเที่ยวสำส่อนก็ผิดศีลข้อ 3 ครับ

แล้วไม่ต้องถามนะครับว่าถ้าเลิกกับภรรยาเดิมแล้วไปมีภรรยาใหม่
จะผิดศีลหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรื่องม่านประเพณี มัน
อยู่นอกวิสัยที่ผมจะตอบได้ ยังไงเจ้าของกระทู้ไปศึกษามาแล้วมา
เล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ

จะคัดพุทธพจน์เฉพาะข้อที่ถามให้ดู


- อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นว่า ก็ถ้าใครจะประพฤติผิดในภรรยาของเรา ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่เรา ก็ถ้าเราจะประพฤติผิดในภรรยาของอื่น ก็จะไม่เป็นข้อที่ชื่นชอบที่พอใจแก่คนอื่น เหมือนกัน


สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ ถึงคนอื่นเขาก็ไม่ชื่นชอบ ไม่พอใจ เหมือนกัน สิ่งใด ตัวเราเองไม่ชอบ ไม่พอใจ ไฉนจะพึงเอาไปผูกใส่ให้คนอื่นเล่า


“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเข้าใจว่าอย่างไร เธอทั้งหลายเคยได้เห็น หรือได้ยินบ้างไหมว่า บุรุษนี้เว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร เป็นผู้เว้นขาดจากกาเมสุมิจฉาจาร พระราชาทั้งหลายจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะการงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นเหตุ อย่างนี้เธอทั้งหลายเคยเห็น หรือเคยได้ยินบ้างไหม ?


“ไม่เคยเลย พระเจ้าข้า”


“ถูกแล้ว ภิกษุทั้งหลาย แม้เราก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยได้ยิน....มีแต่เขาประกาศการกระทำชั่วว่า คนผู้นี้ละเมิดกาเมสุมิจฉาจาร พระราชาทั้งหลายจึงจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นเหตุ อย่างนี้เธอทั้งหลายเคยเห็น หรือเคยได้ยินบ้างไหม?”


“เคยเห็น เคยได้ยิน และจักได้ยินต่อไปด้วย พระเจ้าข้า”


“ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเข้าใจว่าอย่างไร เธอทั้งหลายเคยได้เห็น หรือได้ยินบ้างไหมว่า ผู้ละกาเมสุมิจฉาจาร เป็นผู้งดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารแล้ว พระราชาทั้งหลายจึงจับเขามาประหาร จองจำ เนรเทศ หรือกระทำการตามปัจจัย เพราะการงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจารเป็นเหตุ “


“ไม่เคยเลย พระเจ้าข้า”

ฯลฯ


พระอรรถกถาจารย์ ได้ประมวลหลักเกณฑ์บางอย่างไว้ สำหรับกำหนดว่า การกระทำแค่ไหนเพียงใด จึงจะชื่อว่าเป็นการละเมิดศีลแต่ละข้อๆ เป็นการให้ความสะดวกแก่ผู้รักษาศีล โดยจัดวางเป็นองค์ประกอบของการละเมิด เรียกว่าสัมภาระ หรือเรียกง่ายๆว่า “องค์”


บุคคลจะชื่อว่าละเมิดศีล (เรียกกันง่ายๆว่าศีลข้อนั้นจะขาด) ต่อเมื่อกระทำการครบองค์ทั้งหมดของการละเมิด ดังนี้

ข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจาร มีองค์ 4 คือ 1. อคมนียวัตถุ ได้แก่ สตรีหรือบุรุษที่ไม่ควรละเมิด 2. จิตคิดจะเสพ 3. มีความพยายามในการเสพ 4. ยังมรรคคืออวัยวะสืบพันธ์ให้ถึงกัน

ต่อไปความเห็นส่วนตัว

การซื้อขายบริการทางเพศเนี่ย ครั้งพุทธกาลก็มี เรียกว่าโสเภณี (หญิงงามเมือง) ที่มีบันทึกไว้ในตำราชัดๆ ชื่อสิริมา สวยงามมากเขาว่างั้น ค่าตัวเธอแพงลิบลิ่ว ผู้ที่ใช้บริการมีแต่พวกเศรษฐีคนมีระดับทั้งนั้น งามถึงว่าภิกษุรูปหนึ่งเห็นหน้าครั้งเดียวถึงกับเพ้อละเมอหา ข้าวปลาไม่กินทิ้งให้ข้าวบูดคาบาตรเลยว่างั้น (หาอ่านดู)

ถึงคำถาม ผู้ซื้อผิดศีลข้อ 3 ไม่น่าผิด แต่วัยกลัดมันจะเที่ยวพึงระวังป้องกันโรคติดต่อให้ดี และไม่พึงหมกมุ่นเที่ยวเพลินจนโยงเข้าอบายมุข 6

555คุณน้องอ่านประโยคสีแดงคุณน้องโครตขำพ่อใหญ่กรัชกาย (สงสัยอิตากรัชกายเคยเที่ยวผู้หญิง แล้วกิเลศมันบอกไม่น่าจะผิด )
การซื้อขายประเวณีเป็นทางเสื่อมไปอบายภูมิอยู่แล้วไม่เห็นต้องถามเลย แล้วผู้ซื้อไม่น่าจะผิดได้อย่างไร ถ้าผู้ซื้อมันมีภรรยาอยู่แล้วหละ การร่วมหลับนอนกับหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาของตนมันก็ผิดศีลข้อ3เต็มๆยังจะมาแก้ต่างให้พวกผู้ชายเห็นแก่ตัวอีกนะ ถ้าผู้ซื้อต้องการเพียงแค่ความใคร่แต่ไม่ได้มีจิตปฏิพันธ์แค่สนองตัณหามันก็ไม่ต่างไรกับสัตว์เดรัจฉาน เมื่อถึงฤดูผสมพันธ์มันก็ผสมพันธ์กันตามธรรมชาติ พี่ว่าชายที่ซื้อประเวณี กับชายที่ร่วมหลับนอนกับคู่ของตน ใครมันจะลงอบายภูมิ ปฏิบัติธรรมมาจนเฒ่ายังไม่รู้เรื่องวิบากกรรมอีกพ่อใหญ่กรัชกาย

ต้องอย่างนี้สิลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงแดง

คนมีเมียแล้ว ไปเที่ยวนี่ อาจผิด (รอฟังข้อสรุปอยู่ จากท่านอื่นๆ)

แต่คนโสด ไปเที่ยวนี่ ผิดมั๊ย

ถามท่านโกวิทย์หน่อยว่า ถ้ามีแฟนการที่หลับนอนกับแฟนของตนผิดศีลข้อ3มั้ย ทุกคนลงความเห็นว่าผิดถ้ายังไม่แต่งงานก็ถือว่าประพฤติผิดในกามไม่ใช่หรือ
แต่นี่หลับนอนกับหญิงที่ไม่ใช่แฟนของตนเป็นคนแปลกหน้าด้วย..อ้าว ..แถมยังเป็นการแลกเปลี่ยนทางการค้า ท่านไม่สามารถใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นถูกได้เลยหรอค่ะ เมื่อไหร่สัมมาทิฐฐิจะเกิดกะท่านซะที ถึงต้องรอคนอื่นมาสรุปให้ 5555

ประโยคสีแดง คุณน้องฝากไปถามมันผู้นั้นหน่อยนะว่า แน่ใจหรอว่าสบายใจจริง บางทีผู้หญิงเค้าอาจจะสะอิดสะเอียนแต่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนหลับนอนกับคนที่ตนไม่ได้รักเพียงเพื่อต้องการเงินก็ได้
ปล.ถ้าผู้หญิงเค้าบอกว่า เค้าไม่กล้านอนด้วยเพราะเค้ากลัวติดโรคถึงจะป้องกันก็เถอะนะ เค้าอาจจะรู้สึกรังเกียจประเภท อ้วนดำ แต่เค้าอยากได้ตัง ถามหน่อยมีใครหน้าไหนกล้าให้เค้าฟรีๆแบบไม่ต้อง
เปลื่องเนื้อเปลืองตัวรึป่าว ปุ๊ดโธ่
ของขึ้นอีกแล้ว

ใจเย็นๆอย่าเอาแต่อารมณ์ เอ๊ะอะๆก็ของขึ้นของลงไม่ได้นะครับนะ คิกๆๆ คิดให้เลยหัวแม่เท้าไปดิ

ไปอยู่ภูเก็ตแล้วไม่ใช่หรอ สังเกตดูบ้างดิ

ปัญหานี้เป็นปัญหาระดับชาติ ทางรัฐบาล ต้องมีนโยบายส่งเสริมให้คนมีการศึกษา ครอบครัวไหนไม่มีทุนเรียน ทางรัฐก็ต้องมีช่องทางช่ว่ยเขา จบแล้วมีงานรองรับให้เขามีงานมีเงินเลื้องตัวเลี้ยงครอบครัวได้ แล้วใครเขาจะไปทำงานเช่นนั้นเล่า

เมื่อไม่มีผู้ขายก็ไม่มีผู้ซื้อ แต่ทางรัฐก็ต้องวางกรอบตรงอื่นอีก นี่แหละถึงว่าเป็นปัญหาระดับชาติ

แสดงการเกิดขึ้นแห่งอาชญากรรม และความชั่วร้ายเดือดร้อนต่างๆในสังคม ตามแนวปัจจยาการ ซึ่งเป็นแนวคิดของพระพุทธศาสนา ที่ผู้ปกครอง (รัฐบาล ต้องขจัดความยากจนแก่เหล่าชนผู้ยากไร้ ถ้าทำไม่ได้ วงจรก็เป็นดังนี้)

ผู้ปกครอง - ไม่จัดสรรปันทรัพย์ให้แก่เหล่าชนผู้ยากไร้
=> ความยากจนแพร่ระบาด
=> อทินนาทานแพร่ระบาด
=> การใช้ศัสตราอาวุธแพร่ระบาด
=> ปาณาติบาต (การฆ่าฟันกันในในหมู่มนุษย์) แพร่ระบาด
=> มุสาวาท + การส่อเสียด + กาเมสุมิจฉาจาร + ผรุสวาทและสัมผัปปลาป+อภิชฌาและพยาบาท มิจฉาทิฏฐิ + อธรรมราคะ ความละโมบ มิจฉาธรรม + ความไม่นับถือพ่อแม่ สมณพราหมณ์ และการไม่เคารพนับถือกันตามฐานะ แพร่ระบาด
=> อายุวรรณะเสื่อม

น่านเอาอีกแล้ว ไม่มีผู้ขายก็ไม่มีผู้ซื้อ พูดไม่รู้จักฟังว่า มันอยู่ที่สามัญสำนึกของคน คนมันมีกิเลศจะไปห้ามได้ไงกรัชกาย ก็งานแบบนั้นมันเป็นงานของพวกรักสบาย พื้นฐานก็คือความขี้เกียจไม่มีความอดทนย่อท้อต่อความยากลำบาก พอขี้เกียจก็ไม่เรียนพอไม่เรียนก็หางานทำไม่ได้ ไม่อยากทำงานหนักๆเพราะมันเหนื่อย ทำอาชีพที่ไม่เหนื่อยและหาเงินได้ง่าย พี่กรัชกายอย่าไปโทษรัฐบาลเลย ต่อให้รัฐบาลมีกรอบป้องกันเรื่องพวกนี้ ยังไงๆเรื่องพวกนี้ก็ยังต้องเกิดอยู่ดี เพราะว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ปล.จขกท เค้าถามว่าซื้อบริการผิดศีลข้อ3และบาปถึงขั้นตกนรกไหม อิกรัชกายหาเหตุผลมาแย้งไม่ได้โยนความผิดไปให้รัฐบาลเฉย เวรกรรมแท้

ถ้าเมียยินยอม ไม่ผิดแน่นอน สมัยพุทธกาลยังมีหญิงงามเมือง เยอะแยะไป มีแม้กระทั่งฝ่ายภรรยา ของผู้ชายไปจ้างมาให้ ปรนเปอ สามีตัวเอง เพราะคิดว่าตัวเองไม่มีเวลาให้

ถ้าท่านคิดแบบนี้ ผมก็มีคำถามครับ

เด็กช่าง(อะไรก็ช่าง) หรือแม้แต่อันธพาลยกพวกตีกันตาย บาปมั้ยครับ

นิสัยเห็นแก่ตัวเพราะสันดานแบบนี้นี่เอง มกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องกามเม จนถอนตัวไม่ขึ้น อ่อถ้าเมียท่านยินยอมให้ท่านมีผู้หญิงอื่นแบบว่า ทำหน้าที่แทนตนเองในเรื่องนั้น เวลาตายท่านมาเข้าฝันคุณน้องหน่อยนะว่า บาปแล้วตกนรกรึป่าว55 นรกมีจริงหรือไม่มีเพราะถ้านรกมีจริงคุณน้องจะได้แผ่บุญกุศลไปให้ 5555
ปล.แล้วที่เมียเค้ายินยอมให้สามีปรนเปรอกับผู้หญิงคนอื่น เคยถามความรู้สึกที่แท้จริงของเมียตนเองป่าวว่าอยากทำแบบนั้นมั้ย มีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่นมันบาปนะเจ้าค่ะ