ใช่ครับ การเรียนหนังสือ ไว้ทรงผม ไส่ชุดนร ไปเรียน ก็ถือว่าเป็นการบังคับกัน อย่างงั้นก็เลิกเสียให้หมด

คุณ"ดีครับ" คุณแตกต่างจากน้องเขาตรงไหนทราบมั้ยครับ
น้องเนติวิทย์รู้จักแยกแยะ ว่าสิ่งไหนเป็นการบังคับ สิ่งไหนเป็นหน้าที่
แต่คุณไม่รู้จักแยกแยะ ประเภทดีแต่ปากเก่งแต่ประชดประชัน

ความเห็นของน้องเนติวิทย์เขามุ่งเน้นให้ใช้ปัญญาพิจารณาธรรม
ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่า ใครมันจะมีปัญญาพิจารณาสิ่งที่น้องเขากล่าวมั้ย

คุณ"ดีครับ" ผมถามคุณจริงๆ คุณเข้าใจคำพูดของน้องเขามั้ยที่ว่า....

"ควรเลิกสอนลัทธิศาสนาพุทธในโรงเรียนได้แล้ว "

ความคิดเห็นจากท่านผู้อ่านหลายๆ ท่าน
http://www.tnews.co.th/html/news/64167/ ... 8%AD-.html

...ตามที่คุณกรัชกายโพสต์สิ่งที่เด็กรุ่นใหม่คนนี้เขียน...
...มุมมองข้าพเจ้าเห็นว่าครอบครัวมีความสำคัญกับเด็ก...
...อาจเพราะผู้ใหญ่ในบ้านเด็กคนนั้นไม่เป็นตัวอย่างที่ดี...
...ผู้ใหญ่จะต้องปลูกฝังวัฒนธรรมการอ่อนน้อมถ่อมตนในบ้าน...

...ประกอบกับปัจจุบันที่ข้อมูลข่าวสารมันสื่อสารถึงกันรวดเร็ว...
...การออกข่าวในแง่ลบส่งผลต่อความคิดเด็กเพราะจดจำสิ่งไม่ดี...
...แล้วผู้ใหญ่ก็ไม่ให้คำแนะนำที่ถูกต้องปล่อยให้เด็กรับสื่อที่ผิดๆ...
...รับรู้แต่สิ่งที่ผิดแล้วเด็กก็คิดพิจารณาแยกแยะเองยังไม่ได้...

...เด็กจึงมีพฤติกรรมต่อต้านเมื่อเข้าสังคมเพราะใจไม่ศรัทธา...
...การเปลี่ยนแปลงทางสังคมมีผลต่อพฤติกรรมเด็กโดยตรง...
...เพราะจะต้องเปลี่ยนทั้งระบบ การเห็นสิ่งที่ผิด ทำให้คิดผิด...
...พอโตขึ้นก็ไม่สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรถูก อะไรผิด...

...ในบ้านเมืองนี้ผู้บริหารประเทศจำต้องคุมเข้มการสื่อสารต่างๆ...
...ให้เผยแพร่ทั้งด้านบวกและด้านลบพร้อมให้เหตุผลที่ถูกต้อง...
...ควรทำสื่อเผยแพร่ด้านบวกของพระที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ...
...ในวัดที่ท่านอยู่ในป่าเขา ข่าวที่ท่านทำดี ผู้คนมีศรัทธาตั้งมั่น...

...ออกแต่ข่าวที่ไม่ดี เด็กเห็นแต่พระที่ไม่ดี ใจเด็กจึงไม่เกิดศรัทธา...
...จะต้องออกข่าวที่พระทำดีก่อน แล้วจึงออกข่าวที่พระทำไม่ดี...
...แล้วก็สรุปเพื่อใส่ความคิดที่ดีให้เด็กดูให้เลือกทำตามตัวอย่างที่ดี...
...สมควรทบทวนและเลือกเวลาออกอากาศที่ผู้ใหญ่ดูกับเด็กด้วยค่ะ...

...พุทธศาสนาสอนให้ทำความดีเพื่อความดี...
...มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่คิดได้ฝึกฝนตนเองได้...
...และเด็กนี่แหละฝึกให้ทำตามได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่...
...ควรเพิ่มหลักสูตรการปฏิบัติธรรมในโรงเรียนด้วย...

เด็กคือสังคมในอนาคต อนาคตคือสังคมเด็ก เราทำวันนี้ให้ดีที่สุดเป็นแบบอย่างที่ดีก็พอใจแล้วนะขอรับ

จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ บังคับ แต่ท่านสมาชิกทราบมั้ยครับ ว่าทำไมทหาร
ต้องใส่ชุดเครื่องแบบทหาร ตำรวจต้องใส่เครื่องแบบตำรวจ พยาบาลต้อง
ใส่ชุดพยาบาล พระต้องห่มจีวร

นั่นก็เพราะทุกสิ่งทุกย่างย่อมมีหน้าที่ของมันเอง ชุดทหาร ชุดตำรวจ ชุด
พยาบาล แม้กระทั่งจีวรก็มีหน้าทีของมันเอง ชุดนักเรียนเองก็เช่นกันมัน
ก็มีหน้าที่ของมัน สิ่งเหล่านี้จะคอยเตือนใจเราว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรา
กำลังปฏิบัติหน้าที่อะไรในสังคม และยังเป็นการฝึกระเบียบวินัยไปในตัว
ด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นการบอกให้คนในสังคมได้รับรู้ว่าเรามีหน้าที่อะไร
ในสังคม

เวลาท่านสมาชิก deecup โดนโจรปล้นบ้าน ท่านจะต้องไปหาตำรวจ
ใช่มั้ยครับ แล้วท่านทราบได้อย่างไรว่าคนไหนคือตำรวจ ก็คนที่ใส่เครื่อง
แบบตำรวจใช่มั้ยครับ ท่านนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่สบาย ท่านต้องการ
เรียกพยาบาลมาดูแล แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าคนไหนคือพยาบาล ก็ต้อง
คนที่ใส่ชุดพยาบาลใช่มั้ยครับ

เห็นมั้ยครับ ทุกอย่างย่อมมีหน้าที่ของมัน มีเหตุผลในตัวของมันเอง เรื่อง
บางเรื่องมันเล็กๆน้อยๆเราปล่อยมันไปบ้างก็ได้ครับ เก็บมาใส่ใจมากไม่มี
ประโยชน์อะไรเลย

เจริญธรรม

เพราะน้องคนนี้ไม่พบบัณฑิตในทางพุทธศาสนา

หรือบัณฑิตในทางพุทธศาสนา ไม่มีและขาดแคลนในสถาบันการศึกษา....

จึงไม่มีใครอรรถาธิบาย แก้ไขความเห็นผิด ของน้องคนนี้ให้ มาเกิดความเห็นถูกต้องตามธรรมได้

ดูแค่คำที่น้องเขาว่า...."ลัทธิ...พุทธศาสนา"......นี่ก็แสดงว่าครูที่สอนก็ไม่รู้สอนไม่เป็น

ศาสนา กับ ลัทธิ นี่เขามีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แต่เด็กกลับเข้าใจว่าเป็นอันเดียวกัน

ปัญญาคุณสู้เด็กไม่ได้ครับ ไม่เข้าใจคำพูดของเด็ก แล้วก็วิจารณ์ด้วยความไม่รู้
ความหมายของ "ลัทธิพุทธศาสนา" เด็กให้ความหมายไว้สองอย่างครับ
ลัทธิก็อย่างหนึ่ง พุทธศาสนาก็อย่างหนึ่ง เด็กกำลังบอกครับว่าผู้ใหญ่กำลัง
ใช้พุทธศาสนาไปในทางที่ผิดจากความเป็นจริง ทำพุทธศาสนาให้เป็น ลัทธิ
ใช้ความกลัวมาเป็นหลักในการสอน แบบนี้มันผิดหลัก พุทธศาสนา

อย่างคุณโสกะเช่นกันครับ พูดจาทำนองว่า อาจารย์ตนมีปาฏิหารย์ สามารถหยุดลมหายใจได้
แบบนี้เขาว่า ทำพุทธศาสนาให้เป็นไสยศาสตร์ มันก็อีหรอบเดียวกับ...ลัทธิพุทธศาสนาครับ

ทำไมคุณโฮ คิดว่าการสอนเรื่องพุทธศาสนา คือการบังคับ การสอนไหว้พระสวดมนต์ คือการบังคับ

ถ้าโลกใบนี้ไม่มีพระพุทธรูป ไม่มีการสวดมนต์

แบบนี้สอนให้ไหว้พ่อแม่ สอนให้ท่องข้อความระลึกถึงบุญคุณพ่อแม่ ก็คือการบังคับหรือ

สิ่งที่น้องเขาพูดออกมา คือพวกไม่รู้เรื่อง ไม่รู้หลักธรรมจริงๆ ได้ศึกษาพุทธศาสนาหรือเปล่า ถึงพูดออกมาแบบนั้น

เอาแค่การกราบไหว้ ผู้มีพระคุณ สอนให้ระลึกกตัญญู ต่อสิ่งดีๆคนดีๆ ยังทำไม่ได้ ส่วนนี้ล้วนแต่เป็นหลักธรรมทั้งสิ้น แค่นี้ยังไม่เข้าใจ แล้วเที่ยวมาบอก จะไม่ทำสิ่งเหล่านี้ เพราะคือการบังคับ ให้เอาหลักธรรมจริงๆ

"ดีครับ" ใช่คำพูดไม่ถูก สนทนาไม่มีสติคอยกำกับคำพูด แบบนี้รู้ได้เลยว่า
เป็นคนที่ไม่มี สัมปชัญญะ

การสอนมันก็อย่างหนึ่ง การบังคับมันก็อย่างหนึ่ง เอามาผสมปนเปกันซะเละ
การสอนมันเป็นกิริยาหนึ่ง การบังคับมันก็เป็นอีกกิริยาหนึ่ง

ถ้าครูสอนแล้วเด็กนั่งฟังก็ไม่เป็นปัญหา แต่ถ้าเด็กไม่อยากฟัง แล้วไปข่มขืนใจเด็ก
ข่มขู่ด้วยวิธีทำให้เด็กกลัว นั้นก็คือจะตัดคะแนน จะไล่ออกหรือจะทำโทษต่างๆ
แบบนี้เรียกว่า บังคับ

ศาสนาพุทธมีหลักสำคัญอยู่นั้นก็คือ ความศรัทธา การกระทำใดๆในพุทธศาสนานั้นจะต้อง
เกิดจากความศรัทธา มีฉันทะที่จะกระทำ การสวดมนต์จะต้องเกิดจากการมีศรัทธาเป็นหลัก
และมีฉันทะที่จะสวดมนต์นั้น ถ้าเด็กไม่มีศรัทธา ไม่มีฉันทะ แล้วไปข่มขืนใจให้เด็กสวดมนต์
แบบนี้ไม่นับว่าเป็นวิธีการในศาสนาพุทธ เป็นเพียงลัทธิเป็นการแสดงอำนาจบาทใหญ่

ที่"ดีครับ"พูดแบบนี้ เป็นเพราะ"ดีครับ"ไม่แยกแยะคำพูดของเด็ก

คำพูดของเด็กไม่ได้บอก แค่ว่าคำสอนหรือการสอน แต่เด็กกำลังพูดถึงวิธีการที่จะ
ให้เด็กมาฟังคำสอน มันไม่ใช่เนื้อหาคำสอน
การบังคับที่เด็กบอกก็คือ วิธีการของครูที่จะให้เด็กเชื่อฟังตน มันไม่ใช่คำสอน
แยกแยะให้ดีระหว่างสวดมนต์กับการที่จะให้เด็กมาสวดมนต์

วิธีการของพระพุทธเจ้าที่ใช้เพื่อให้เกิดสาวกให้คนมาฟังคำสอน พระพุทธองค์ทรงแสดง
คำสอนให้ผู้ฟังเกิดศรัทธา พระพุทธองค์ไม่ได้บังคับใครให้มาฟังพระธรรม

ตัวอย่าง องคุลีมาลดุร้ายน่ากลัว พระพุทธองค์ไม่สามารถบังคับองคุลีมาลได้อยู่แล้ว
แต่พระพุทธองค์ใช้วิธีการใช้คำพูดทำให้องคุลีมาลเกิดศรัทธา จนเกิดอยากฟังพระธรรมเอง

น้องเขารู้เรื่องมากกว่าดีครับมากมาย ที่น้องเขาพุดแบบนั้น แสดงว่าน้องเขาเข้าใจธรรมะโดยไม่ต้องสอน
น้องเขารู้ธรรมชาติของจิต เพียงแต่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่น้องเข้าใจนั้น มันก็คือคำสอนของพระพุทธเจ้า

การที่น้องเข้ามีปฏิกิริยาต่อต้านก็เพราะ น้องเขาไปเจอคนที่ไม่รู้ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์
แล้วก็เอาสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าอย่างถ่องแท้ ไปใช้กับน้องเขา
น้องเขาก็เลยเข้าใจว่า วิธีการของผู้ไม่รู้นั้นเป็นเรื่องของพุทธศาสนา ซึ่งความจริงมันไม่ใช่

สรุปก็คือ น้องเนติวิทย์ก็แค่สับสนกับผู้ใหญ่บ้างจำพวก
ที่เอาพระธรรมของพระพุทธเจ้าไปใช่แบบผิดๆ น้องเนติวิทย์ก็เลยต่อต้าน
ถ้ามีคนที่รู้จริงไปแนะนำว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้ให้ทำแบบนั้น พุทธศาสนาไม่มีการบังคับ
พุทธศาสนาก็ต่อต้านวิธีการบังคับ พุทธศาสนาสอนว่า ความเชื่อต้องเกิดจากความศรัทธา
การกระทำตามต้องเกิดจากความเต็มใจ

"ดีครับ" พูดจาไม่มีสติอีกแล้ว ขาดสัมปชัญญะไม่แยกแยะธรรม
ความดีสอนได้ แต่บังคับไม่ได้เข้าใจมั้ย ความดีความชั่วมันเป็นเรื่องของใครของมัน
การแสดงความดี ความกตัญมันต้องแสดงมาจากใจ ไม่ต้องให้คนมาบอกว่า ต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้

ถ้าน้องเนติวิทย์แสดงความกตัญญุด้วยการ เลี้ยงดูพ่อแม่ แสดงความรักด้วยการกอดพ่อแม่
แล้วถ้ามีใครมาบอกว่าต้องทำอย่างโน้นอย่างนี้ น้องเขาไม่เชื่อ บอกว่าเป็นการบังคับ มันก็ถูกแล้ว

คุณdeecup สเกลคุณกับน้องเนติวิทย์ มันห่างกันจริงๆ

คุณโฮฮับ ไปสู่รู้ เข้าข้างเด็กที่ไม่รู้.....เด็กไม่รู้ จึงพูดผิดว่า "ลัทธิศาสนาพุทธ"....คุณโฮฮับคัดลอกมาก็ยังไปเปลี่ยนของเขาเป็น ...."ลัทธิพุทธศาสนา" ซึ่งลึกๆแล้วความหมายและความเข้าใจต่างกันมาก

แถมคุณโฮฮับยังไปคิดตอบแทนเด็กไม่รู้อีกว่า...เด็กกำลังบอกครับว่าผู้ใหญ่กำลังใช้พุทธศาสนาไปในทางที่ผิดจากความเป็นจริง ทำพุทธศาสนาให้เป็น ลัทธิ....นี่เป็นความคิดของโฮฮับเองเสียมากกว่าไม่เชื่อลองให้คุณกรัชกายกลับไปถามเด็กคนนั้นดูดีๆก่อนนะครับ

อย่างเรื่อง....ผู้อยู่ได้โดยไม่มีลมหายใจ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องปาฏิหารย์อะไร....เป็นวิทยาศาสตร์....มีผู้พิสูจน์ให้เห็นได้เยอะแยะไป....ในเมืองไทยก็มี ในอินเดีย ที่เมืองฤาษีเกศ ก็เยอะ.....คุณโฮฮับไม่รู้เรื่องนี้แล้วมาพูดแบบคนไม่รู้ เลยเข้าใจว่าทำพุทธศาสนาให้เป็นไสยศาสตร์.....นี่แหละคือการแสดงความเห็นแบบมั่วและมัวเมาในความเห็นผิดของตนจริงๆ......

ทำไมผมจะไม่รู้ความคิดของเด็ก ตอนเป็นเด็กผมก็เหมือนน้องเนติวิทย์
ผมมีความรู้สึกต่อต้านกับการที่จะต้องมาเข้าแถวยืนสวดมนต์
ยืนสวดยืนท่องทั้งๆที่ไม่รู้ความหมาย
นี่ยังไม่นับความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนที่เป็นอิสลาม เห็นใจเพื่อนที่ต้องมายืนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ต่อสิ่งตรงหน้า

ดังนั้นความหมายของการเป็นลัทธิก็คือ การบังคับ
การบังคับไม่ใช่บังคับให้สวดมนต์ แต่การบังคับ คือการที่ต้องมายืนเข้าแถว
แม้บางคนไม่ได้นับถือหรือยังไม่มีความนับถือศาสนาพุทธ แต่ต้องมายืนฟังเสียงสวดมนต์
แบบนี้แหลล่ะเขาเรียกบังคับ มันเป็น...ลัทธิ
การอ้างเอาชื่อพุทธศาสนามาใช้ในการกระทำแบบนี้ การอ้างแบบนี้จึงเป็นลัทธิพุทธศาสนาไปโดยปริยาย....

แต่ในความเป็นจริงพุทธศาสนาไม่ใช่ลัทธิ พุทธศาสนาไม่มีการบังคับ
ใครอยากรู้พุทธศาสนาต้องเดินไปหาเองต้องศึกษาเอง นั้นคือต้องมีความศรัทธา

ถ้าสิ่งใดเป็นการยัดเยียด สิ่งใดเป็นการบังคับ สิ่งนั้นไม่ใช่พุทธศาสนา

ใช่ผมตอบแทนเด็ก เพราะผมเข้าใจเด็กไง เด็กมีความคิดความอ่าน
เด็กมันเข้าใจสภาวะตามความเป็นจริงของจิตมันเอง
เพียงแต่สมัยนี้ มันเปิดกว้างในการแสดงออก เด็กถึงกล้าที่จะพูดในสิ่งที่เป็นจริง

ผิดกับสมัยที่เราเป็นเด็ก เราถูกอบรมสั่งสอนให้ต้องเคารพผู้ใหญ่
ต้องเชื่อฟังผู้อาวุโส ไม่ว่าสิ่งนั้นจะผิดหรือถูก
เด็กที่มีปัญญาหน่อยถึงแม้จะไม่เห็นด้วย ก็มีเพียงสติคอยยับยั้งไม่ให้แสดงออก ในลักษณะต่อต้าน
เก็บความไม่เห็นด้วยไว้ในใจ
แต่ที่น่าสงสารก็คือเด็กที่ไม่มีปัญญาที่จะคิด ผู้ใหญ่พูดอะไรก็ไม่มีปัญญาพิจารณา
ไม่เคยเกิดการโต้แย้งว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิดตามธรรมนองคลองธรรมหรือไม่ เชื่อฟังด้วยความงมงาย
ไม่ใช่ความศรัทธา

สิ่งผมกล่าวมา ก็เหมือนกับที่โสกะกำลังแสดงอยู่ ไม่มีปัญญาที่จะพิจารณาเอง
อ้างอะไรสเป่ะสปะไปหมด

มึนกับคำพูดของโสกะจริงๆ "ไม่มีลมหายใจ ไม่ใช่ปาฎิหารย์ เป็นวิทยาศาสตร์"ปนกันมั่วไปหมด

พูดให้ถูกมันต้อง.....การมีชีวิตอยู่โดยไม่มีลมหายใจไม่ได้ เพราะใครบอกว่าอยู่ได้
มันเป็นการอ้างโดยปาฏิหารย์ ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่มีปาฏิหารย์แบบนี้
การอ้างแบบนี้ มันเป็นการอ้างที่เลื่อนลอยไม่เป็นความจริง ไม่ใช่วิทยาศาสตร์

แล้วที่โสกะ อ้างว่าเมืองไทยมี อินเดียมี นี้ก็เป็นการอ้างที่เลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน
ยิ่งเป็นการอ้างว่า วิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เขาเรียกการอ้างแบบนี้ว่า...มุสา

สงสารโฮฮับจริงๆ ที่ชาตินี้ไม่มีโอกาสได้พบ สิ่งที่จริงอันไม่มีบอกไว้ในตำรา.......เชิญพล่ามตามสัญญาที่มีและผูกยึดไว้ต่อไปตามสบาย.......(ว่างๆหาโอกาสไปเที่ยวเขาตะบองนาคที่นครสวรรค์ดูบ้างนะครับ) จะได้รู้อะไร ที่คนอย่างโฮฮับไม่ค่อยจะมีโอกาสได้รู้บ้าง .....จะได้คลายพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิลงและอยู่เป็นปกติสุข

ชวนเด็กไม่รู้แต่ดูเหมือนฉลาด มาติดตามธรรมของครูบาบุญชุ่มนะครับ จะได้ไม่หลงทางไปสู่โลกมืด โดยโมหะ

http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... FFI0TIcTWk

ยืมคำพูดกรัชกายมาอ้างอิงหน่อย อันที่จริงจะพูดเรื่องนี้อยู่แล้ว