วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 06:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ส.ค. 2013, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ทั้ง มฆมาณพ พระเจ้าพิมพิสาร นางมัลลิกา (ที่ตอนแรกตกนรกต้องเอาเท้าไปจุ่มน้ำนรก 7 วัน) ตอนนี้ทั้ง 3 ท่านยังอยู่บนสวรรค์หรือลงมาเกิดบนโลกมนุษย์แล้ว ตามตำราที่อ้างอิงไว้น่ะครับ // หรือพระอินทร์เปลี่ยนองค์แล้ว ขอบคุณมากครับ onion

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2013, 19:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


นางมัลลิกา ไม่ได้ไปโลหกุมภีนรก เท้าจุ่มน้ำ นางไปเกิดในอเวจีนรก
แล้วก็ไปปฏิสนธิใน สวรรค์ชั้นดุสิต เพราะกรรมที่ทำ สันถวะกับสุนัข
พระเจ้าโกศลจับได้ แต่โกหก ติดกรรมนั้นพอตายก็ไปเกิดในอเวจี

เรื่องที่ปนๆ กันอยู่คือ พระเจ้าโกศลนั่นแหละ ไปอยากได้ภรรยา
ของชายคนหนึ่ง ออกอุบายหลายอย่าง จะเอาผิดกับชายเพื่อลงโทษ
จะได้ฆ่ากำจัดทิ้งแล้วเอาหญิงนั้นเป็นภรรยา สุดท้ายชายคนนั้นไม่มี
ความผิดใดๆ หาช่องไม่ได้ นอนกระสับกระส่าย ได้ยินเสียงสัตว์นรก
ร้องขึ้น "ทุ ส น โส" เกิดความกลัว นางมัลลิกา แนะนำให้ไปกราบทูล
สอบถามจากพระศาสดา ก็ได้ความว่าเป็นเสียงเหล่าสัตว์นรกบาง
อรรถกถาก็ว่าเปรต

และยกเรื่องในอดีตมาสาธกอธิบายให้ พระเจ้าโกศลฟัง ถึงกรรมของ
พวกราชโอรสทั้ง ๔ ในอดีตทำกรรมกับหญิงที่มีเ้จ้าของ ตายไปเสวย
ผลของกรรมใน โลหกุมภีนรก

คนละส่วนกับของพระนางมัลลิกาที่ วิตกระลึกถึงแต่กรรมลามก
ที่โกหกกับพระเจ้าโกศล ละอายต่อพระศาสดา และพระสาวก
ที่ไปทำ สันถวะกับสุนัข เศษกรรมที่ลามกนี้นำพระนาง
สู่อเวจีนรก ๗ วันแล้ววันที่ ๘ ก็ไปเกิดในภพดุสิต พระนางมี
กุศลกรรมที่ทำเอาไว้มากมาย แต่ก็หนีกรรมลามกเล็กน้อยไม่ได้
พระศาสดาต้องรอ เจ็ดวันถึงจะยอมตรัสกับพระเจ้าโกศลว่า
พระนางตายแล้วไปเกิดที่ไหน.

หมายเหตุ : พยายามตรวจทานหาแล้ว ไม่พบตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่า
ว่าต้องเอาเท้าขวาประมาณตาตุ่มไปแหย่ในนรก ๗ วัน แล้วไปเกิดในดาวดึงส์



อ้างคำพูด:
พระนางมัลลิกาเกิดในอเวจี

ก็ในอสทิสทานนั้น การบริจาคที่ทรงทำในวันหนึ่ง มีค่าถึงทรัพย์ ๑๔ โกฏิ. ก็เศวตฉัตร บัลลังก์ประทับนั่ง เชิงบาตร ตั่งสำหรับรองพระบาทของพระตถาคตเจ้า ๔ อย่างนี้ ได้มีค่านับไม่ได้. ในเวลาจะสิ้นพระชนม์ พระนางมัลลิกานั้นมิได้ทรงนึกถึงการบริจาคใหญ่ เห็นปานนั้น ทรงระลึกถึงกรรมอันลามกนั้นอย่างเดียว สิ้นพระชนม์แล้ว ก็บังเกิดในอเวจี. ก็พระนางมัลลิกานั้นได้เป็นผู้โปรดปรานของพระราชาอย่างยิ่ง.

พระราชาทูลถามสถานที่พระนางเกิด

ท้าวเธออันความโศกเป็นกำลังครอบงำ รับสั่งให้ทำฌาปนกิจพระสรีระของพระนางแล้ว ทรงดำริว่า "เราจะทูลถามสถานที่เกิดของพระนาง" จึงได้เสด็จไปยังสำนักของพระศาสดา.

พระศาสดาได้ทรงทำโดยประการที่ท้าวเธอระลึกถึงเหตุที่เสด็จมาไม่ได้. ท้าวเธอทรงสดับธรรมกถาชวนให้ระลึกถึงในสำนักของพระศาสดาแล้ว ก็ทรงลืม; ในเวลาเสด็จเข้าไปสู่พระราชนิเวศน์ ทรงระลึกได้ จึงตรัสว่า "พนาย ฉันตั้งใจว่า ‘จักทูลถามที่พระนางมัลลิกาเทวีเกิด’ ไปยังสำนักของพระศาสดาก็ลืมเสีย. วันพรุ่งนี้ ฉันจะทูลถามอีก" ดังนี้แล้ว ก็ได้เสด็จไป แม้ในวันรุ่งขึ้น.

ฝ่ายพระศาสดาก็ได้ทรงทำโดยประการที่ท้าวเธอระลึกไม่ได้ตลอด ๗ วันโดยลำดับ.

ฝ่ายพระนางมัลลิกานั้นไหม้ในนรกตลอด ๗ วันเท่านั้น. ในวันที่ ๘ จุติจากที่นั้นแล้ว เกิดในดุสิตภพ.

ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระศาสดาจึงได้ทรงทำความที่พระราชานั้น ทรงระลึกไม่ได้?

แก้ว่า ทราบว่า พระนางมัลลิกานั้นได้เป็นที่โปรดปรานพอพระทัยของพระราชานั้นอย่างที่สุด? เพราะฉะนั้น ท้าวเธอทราบว่า พระนางเกิดในนรกแล้ว ก็จะทรงยึดถือมิจฉาทิฏฐิ ด้วยทรงดำริว่า "ถ้าหญิงผู้สมบูรณ์ด้วยศรัทธาเห็นปานนี้ เกิดในนรกไซร้ เราจะถวายทานทำอะไร?" ดังนี้แล้ว ก็จะรับสั่งให้เลิกนิตยภัตที่เป็นไปในพระราชนิเวศน์เพื่อภิกษุ ๕๐๐ รูปแล้วพึงเกิดในนรก

เพราะฉะนั้น พระศาสดาจึงทรงทำความที่พระราชานั้นทรงระลึกไม่ได้ตลอด ๗ วัน

ในวันที่ ๘ ทรงดำเนินไปเพื่อบิณฑบาต ได้เสด็จไปยังประตูพระราชวังด้วยพระองค์เองทีเดียว. พระราชาทรงทราบว่า "พระศาสดาเสด็จมาแล้ว" จึงเสด็จออก ทรงรับบาตรแล้ว ปรารภเพื่อจะเสด็จขึ้นสู่ปราสาท.

แต่พระศาสดาทรงแสดงพระอาการเพื่อจะประทับนั่งที่โรงรถ.

พระราชาจึงทูลอัญเชิญพระศาสดาให้ประทับนั่ง ณ ที่นั้นเหมือนกัน ทรงรับรองด้วยข้าวยาคูและของควรเคี้ยวแล้ว จึงถวายบังคม พอประทับนั่ง ก็กราบทูลว่า "หม่อมฉันมาก็ด้วยประสงค์ว่า ‘จักทูลถามที่เกิดของพระนางมัลลิกาเทวี แล้วลืมเสีย พระนางเกิดในที่ไหนหนอแล? พระเจ้าข้า."

พระศาสดา. ในดุสิตภพ มหาบพิตร.
---------------------------------------------------------------
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ชราวรรคที่ ๑๑
๖. เรื่องพระนางมัลลิกาเทวี
http://www.84000.org/tipitaka/attha/att ... 5&i=21&p=6


.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2013, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


ท้าวสักกะกราบทูลกับพระผู้มีพระภาคเจ้า เอาไว้ใน
สักกปัญหาสูตร ประกาศความยินดี การได้รับโสมนัส
ถึง ๖ ประการมีใจความว่า

ดูกรจอมเทพ (พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถาม)
ข้าพระองค์ (ท้าวสักกะกราบทูลตอบ)

อ้างคำพูด:
ดูกรจอมเทพ ก็พระองค์ทรงเห็นอำนาจประโยชน์อย่างไรเล่า จึงทรง
ประกาศ การได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ ๖ ประการ จึงประกาศการได้รับ
ความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ
[๒๖๔] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่หนึ่งอย่างนี้ว่า
เมื่อเราเกิดเป็นเทวดาดำรงอยู่ในภพดาวดึงส์นี้ เรากลับ
ได้อายุเพิ่มขึ้นอีก ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์ ขอจงทรงทราบ
อย่างนี้เถิด ดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๕] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่สองอย่างนี้ว่า
เราจุติจากทิพยกายแล้ว ละอายุอันมิใช่ของมนุษย์แล้ว
เป็นผู้ไม่หลง จักเข้าสู่ครรภ์ในตระกูลอันเป็นที่พอใจของเราดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๖] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่สามอย่างนี้ว่า
เรานั้น ยินดีแล้ว ในศาสนา ของท่าน ที่มิได้หลง ปัญหา
เรามีสัมปชัญญะ มีสติมั่นคง จักอยู่โดยธรรม ดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๗] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่สี่อย่างนี้ว่า
ถ้าความตรัสรู้จักมีแก่เราในภายหน้า โดยธรรมไซร้
เราจักเป็นผู้รู้ทั่วถึงอยู่ นั่นแหละ จักเป็นที่สุดของเรา ดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๘] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่ห้าอย่างนี้ว่า
หากเราจุติจากกายมนุษย์แล้ว ละอายุอันเป็นของ
มนุษย์แล้ว จักกลับเป็นเทวดาอีก จักเป็นผู้สูงสุดในเทวโลกดังนี้


จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๙] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่หกอย่างนี้ว่า
พวกเทวดาชั้นอกนิฏฐาเหล่านั้นเป็นผู้ประณีตกว่า มียศ
เมื่อภพที่สุดเป็นไปอยู่ นิวาสนั้นจักเป็นของเรา
ดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ
---------------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๘. สักกปัญหสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 727&Z=6256


.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2013, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระศาสดาทรงตรัสแสดง ตามที่พระอานนท์สงสัยว่า ชาวมคธ
ส่วนใหญ่หลายล้านคน อาศัยพระองค์แสดงธรรมจึงได้เ็ป็น
พระโสดาบัน แต่กษัตริย์ของชาวมคธ พระเจ้าพิมพิสารหลัง
จากที่สวรรคตแล้ว ไปเกิดที่ไหน มีคติและภพเป็นอย่างไร

พระองค์ไม่ได้พยาการณ์ไว้ จึงเลียบเคียงทูลถามถึง ๓ ครั้ง
แล้วพระองค์ก็ตรัสแสดง เล่าว่าได้ยินมาต่อหน้าจาก ชนวสภะยักษ์
ซึ่งคือพระเจ้าพิมพิสาร


ดูกรท่านผู้เจริญ ชนเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใส
อย่างแน่นแฟ้น ในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้า
ชอบใจ ชนเหล่านี้เป็นโอปปาติกะ อันพระผู้มีพระภาคทรงแนะนำแล้วในธรรม
ชาวมคธผู้บำเรอเกิน ส อ ง ล้ า น สี่ แ ส น ค น ทำกาละล่วงไปนานแล้ว เป็นพระโสดาบัน
เพราะสิ้นสังโยชน์ ๓ อย่าง มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีอันจะ
ตรัสรู้ในเบื้องหน้า
ข้าพเจ้ากลัวการพูดเท็จ จึงไม่อาจคำนวณได้ว่าในชนเหล่านี้มี
พระสกทาคามีเท่าไร และหมู่สัตว์นอกนี้บังเกิดด้วยส่วนบุญ ฯ





อ้างคำพูด:
[๑๙๑] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ครั้นเข้าไปเฝ้า แล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาค นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
ท่านพระอานนท์นั่งเรียบร้อย แล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระผู้มี
พระภาคทรงปรากฏว่าสงบระงับ สีพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคผุดผ่องนักเพราะ
พระอินทรีย์ผ่องใส วันนี้ พระผู้มีพระภาคย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมอันสงบเป็นแน่ ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอานนท์ ข้อที่เธอปรารภชาวมคธผู้บำเรอ
พูดเลียบเคียงเฉพาะหน้าเราแล้วลุกจากอาสนะหลีกไป เพราะข้อนั้นเป็นเหตุ เรา
เที่ยวบิณฑบาตในบ้านนาทิกะ ภายหลังภัตกลับจากบิณฑบาตแล้ว ล้างเท้าเข้าไป
ยังตึกที่พักแล้วปรารภชาวมคธผู้บำเรอ ตั้งใจมนสิการ ประมวลเหตุทั้งปวงด้วยใจ
นั่งอยู่บนอาสนะที่เขาปูลาดไว้ด้วยดำริว่า เราจักรู้คติ จักรู้ภพหน้าของชาวมคธ
เหล่านั้นว่า ผู้เจริญเหล่านั้น มีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็นอย่างไร อานนท์ เรา
ได้เห็นชาวมคธผู้บำเรอแล้วว่า ผู้เจริญเหล่านั้น มีคติเป็นอย่างไร มีภพหน้าเป็น
อย่างไร อานนท์ ลำดับนั้น ยักษ์หายไปเปล่งเสียงให้ได้ยินว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค
ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า
ชนวสภะ ข้าแต่พระสุคต ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่าชนวสภะ
เธอรู้หรือไม่ว่า เธอเคยได้ฟังชื่อว่า ชนวสภะเห็นปานนี้ ในกาลก่อนแต่กาลนี้ ฯ

อ. ข้าพระองค์ไม่ทราบว่า เคยได้ฟังชื่อว่า ชนวสภะเห็นปานนี้ ในกาล
ก่อนแต่กาลนี้เลย อนึ่ง ข้าพระองค์ขนลุกชูชันเพราะได้ฟังชื่อว่าชนวสภะ ข้าพระ
องค์นั้นคิดว่า ผู้ที่มีนามบัญญัติว่า ชนวสภะเห็นปานนี้นั้น ไม่ใช่ยักษ์ต่ำๆ เป็นแน่ ฯ

อานนท์ ในระหว่างที่มีเสียงปรากฏ ยักษ์มีผิวพรรณผุดผ่องยิ่งปรากฏต่อ
หน้าเรา แม้ครั้งที่สองก็เปล่งเสียงให้ได้ยินว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระพุทธ
เจ้ามีนามว่า
พิมพิสาร ข้าแต่พระสุคต ข้าพระพุทธเจ้ามีนามว่า พิมพิสาร ครั้ง
ที่เจ็ดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าเข้าถึงความเป็นสหาย ของท้าวเวสสวรรณมหาราช ข้า
พระพุทธเจ้านั้นจุติจากนี้แล้ว สามารถเป็นพระราชาในหมู่มนุษย์ ฯ


[๑๙๒] ข้าพระพุทธเจ้าเคลื่อนจากเทวโลกนี้เจ็ดครั้ง
จากมนุษยโลกนั้นเจ็ดครั้ง รวมท่องเที่ยวอยู่สิบสี่ครั้ง
ย่อมรู้จักภพที่ข้าพระพุทธเจ้าเคยอยู่อาศัยในก่อน ฯ


ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระพุทธเจ้ามีความไม่ตกต่ำ ทราบชัดมานานวัน
ถึงความไม่ตกต่ำ อนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้าตั้งความหวังไว้เพื่อความเป็น
พระสกทาคามี ฯ
--------------------------------------------------------------
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
๕. ชนวสภสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 465&Z=4870

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2013, 20:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระนางมัลลิกา ปฏิสนธิในสวรรค์ชั้นดุสิต มีอายุ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์
หรือ ๕๗ โกฏิ ๖ ล้านปี / ในชั้นดาวดึงส์มีอายุ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์
หรือ ๓ โกฏิ ๖ ล้านปี

พระนางมัลลิกาอยู่ชั้นดุสิต มีอายุ วรรณะกว่า ดาวดึงส์

@@@@@@@@@

พระเจ้าพิมพิสาร หรือ ชนวสภะยักษ์ ในข้อความที่

[๑๙๒]ข้าพระพุทธเจ้าเคลื่อนจากเทวโลกนี้เจ็ดครั้ง
จากมนุษยโลกนั้นเจ็ดครั้ง รวมท่องเที่ยวอยู่สิบสี่ครั้ง

ย่อมรู้จักภพที่ข้าพระพุทธเจ้าเคยอยู่อาศัยในก่อน ฯ

แสดงตนว่าไม่มีความตกต่ำ เคลือนหรือจุติจากนี้แล้ว
สามารถเป็นพระราชาในหมู่มนุษย์

คือถ้าไปเกิดในมนุษย์ก็จะเป็นถึงพระราชา ไม่หลงเกิด
ก้าวลงสู่ปฏิสนธิแบบผู้ตื่น ไม่ตกต่ำเกิดในเฉพาะตระกูลสูง
ไม่ไปสู่อบายแน่นอนแล้ว ถ้าเกิดในมนุษย์ก็เป็นถึงพระราชา
แต่ตนตั้งความหวังไว้ใน สกทาคามี เรื่องราวกล่าวเอาไว้
ตาม link = ชนวสภะอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เสวยอายุ
๓ โกฏิ ๖ ล้านปี หรือ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ ตั้งใจบรรลุสกทาคามี
ไม่กลับมาสู่โลกนี้ ตามตั้งใจไว้


@@@@@@@@@

ท้าวสักกะ พระอินทร์ ข้อความที่

[๒๖๘] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่ห้าอย่างนี้ว่า
หากเราจุติจากกายมนุษย์แล้ว ละอายุอันเป็นของ
มนุษย์แล้ว จักกลับเป็นเทวดาอีก จักเป็นผู้สูงสุดในเทวโลกดังนี้

จึงประกาศการได้รับความยินดี การได้รับความโสมนัส เห็นปานนี้ ฯ

[๒๖๙] ข้าพระองค์เห็นอำนาจประโยชน์ประการที่หกอย่างนี้ว่า
พวกเทวดาชั้นอกนิฏฐาเหล่านั้นเป็นผู้ประณีตกว่า มียศ
เมื่อภพที่สุดเป็นไปอยู่ นิวาสนั้นจักเป็นของเรา



ถ้าจุติเคลื่อนในดาวดึงส์ ก็จักกลับเป็นเทวดาอีก จักสูงสุดในเทวโลก
(ชั้นดาวดึงส์) และหวังสกทาคามีภูมิเช่นกัน จนกระทั้งสำเร็จมโนรถ
ชำระสวรรค์ขึ้นไปจนสูงสุดชั้น อกนิฏฐาภูมิ เป็นพระอนาคามี ปรารถนา
เ็ป็นผู้ไม่กลับมาสู่โลกนี้ จนบรรลุพระอรหันต์ในชั้นสุธาวาสภูมิ.


ทั้งสามยังเสวยบุญอยู่ในสวรรค์ตามพระไตรปิฏกที่นำมา / ศึกษาจูฬนีสูตร http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 985&Z=6056

พ. ดูกรอานนท์ ถ้าอย่างนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ท่านพระอานนท์ทูลรับสนองพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกร
อานนท์ จักรวาลหนึ่งมีกำหนดเท่ากับโอกาสที่พระจันทร์พระอาทิตย์โคจร ทั่วทิศ
สว่างไสวรุ่งโรจน์ โลกมีอยู่พันจักรวาลก่อน ในโลกพันจักรวาลนั้น มีพระจันทร์
พันดวง มีอาทิตย์พันดวง มีขุนเขาสิเนรุพันหนึ่ง มีชมพูทวีปพันหนึ่ง มี
อปรโคยานทวีปพันหนึ่ง มีอุตตรกุรุทวีปพันหนึ่ง มีปุพพวิเทหทวีปพันหนึ่ง มี
มหาสมุทรสี่พัน มีท้าวมหาราชสี่พัน มีเทวโลกชั้นจาตุมหาราชิกาพันหนึ่ง
มีเทวโลกชั้นดาวดึงส์พันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นยามาพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นดุสิตพัน
หนึ่ง มีเทวโลกชั้นนิมมานรดีพันหนึ่ง มีเทวโลกชั้นปรนิมมิตวสวัสตีพันหนึ่ง มี
พรหมโลกพันหนึ่ง ดูกรอานนท์ นี้เรียกว่าโลกธาตุอย่างเล็กมีพันจักรวาล



เจริญพร.

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2013, 16:05 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2948


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบโมทนาบุญคะ :b8: ท่านพุทธฏีกา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2013, 07:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 14:07
โพสต์: 278


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบสาธุเจ้าคะ ท่านพุทธฏีกา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ย. 2013, 12:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2013, 10:07
โพสต์: 406

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโมทนากับคำถามดีๆ ที่นำมาซึ่งคำตอบดีๆ ครับ :b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร