วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 18:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 20:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เราขอคุยเรื่องที่มาจากกะทู้นี้น่ะค่ะ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46292

จริงๆ แล้ว เราว่ากะทู้ที่ คุณ sweetie_luv_729 ตั้งขึ้นมานี้ดีน่ะ
เป็นธรรมทาน ให้กับคนอื่นที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ
สำหรับความคิดเห็นของหลายๆท่าน เราชอบความคิดเห็นของคุณ SOAMUSA ค่ะ
ตรงใจเรา เพราะอะไร เราจะเล่าให้ฟังค่ะ
ถ้ายังไงคิดว่าเป็นนิทานธรรมะน่ะ


เราจะเล่าตามที่เรารู้เราเห็นมาน่ะค่ะ จริงๆแล้วผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่
เค้ายังไม่เสียชีวิตค่ะ สำหรับบางคน ที่พวกเราเห็น เค้าจะนอนหลับไม่รู้สึกตัว
แต่จริงๆแล้ว เค้ารู้ค่ะ สาเหตุที่เค้าหลับไม่รู้สึกตัว

ที่เราเคยเห็นน่ะค่ะ มาจากวิญญาณของเค้าเข้าร่างไม่ได้ ซึ่งวิญญาณของเค้า
ยังไม่ไปไหนค่ะ อยู่ที่ใกล้ๆเตียงนอนของเค้านั่นแหละ เค้าต้องการที่จะกลับเข้าร่างของเค้า
แต่เข้าร่างไม่ได้ พวกคุณๆสังเกตุดูที่เปลือกตาของเค้าซิ

บางครั้งเค้า จะเหมือนต้องการจะลืมตา แต่ลืมตาไม่ขึ้น
เพราะฉนั้นญาติพี่น้อง ลูกหลาน จะคุยจะปรึกษาอะไรกัน อย่าคุยในห้องผู้ป่วย
เพราะเค้ารู้เค้าได้ยิน

ถ้าจะให้ดี ให้ความเงียบ หาซีดีธรรมมะเปิดไว้ ให้เค้าฟังซีดี
ที่หลวงพ่อท่านแสดงธรรม หรือซีดีสวดมนต์ก้อได้ ถ้าในห้องนั้นมีทีวี
เปิดซีดีที่มีภาพ เรื่องของสวรรค์เรื่องการทำบุญ จิตของผู้ป่วย จะได้ล่ะจากเรื่องทางโลก
ไปยึดอยู่ที่โลกธรรม ถ้าเค้าต้องการจะไป เค้าจะไปของเค้าเองค่ะ

ตอนคุณแม่เราป่วย คุณแม่ก้อใส่เครื่องช่วยหายใจ ก็นั่งอยู่ใกล้ๆท่าน
จับมือท่าน แล้วก้อสวดมนต์ค่ะ

ทีนี้พยาบาลก็คุยให้ฟัง บอกว่ามีคนไข้เยอะเหมือนกัน ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ
แล้วลูกๆหรือญาติ นิมนต์พระมาสวด ซึ่งคุณหมออนุญาตค่ะ
มาสวดมนต์พอไม่กี่วันก็ไป บางคนสวดช่วงเช้า พอกลางคืนเค้าก็ไป

คุณแม่เราก็นิมนต์พระมาสวดค่ะ คุณหมออนุญาตค่ะ ท่านก็ไปเอง
เค้าบอกมีคนทำอย่างนี้กันเยอะค่ะ :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 10:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ของแต่ละคนจะอำนวยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีแล้ว ที่ลงถังขยะ

เพราะอะไรน่ะหรือ?

จากคำถามนี้

"การลดอุปกรณ์ ลดยาบางส่วน (อย่างเช่นยาบางตัว) ของผู้ป่วยที่โคม่า ที่คุณหมอบอกว่าไม่มีโอกาสตื่น เพื่อให้ผู้ป่วยได้ไปเองหากร่างกายเขาไม่ไหว ถือว่าเป็นการสร้างบาปไหมคะ"


หมอจะทำอะไร นั่นก็เหตุปัจจัยของหมอ เรามีหน้าที่อะไร ควรทำตามหน้าที่ของตนเอง

ส่วนคนที่ตอบ ก็ตอบตามเหตุปัจจัยของตนเอง


เพราะว่าอะไรน่ะหรือ?

ใครเชื่อใคร แล้วแต่เหตุปัจจัยที่มีต่อกัน แล้วจะไปว่ากันทำไม
จึงไม่สมควรกล่าวว่า อันไหนจะมีสาระหรือไม่มีสาระ


มีสาระ-ไม่มีสาระ ล้วนเกิดจากความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยที่มีต่อกัน


เรื่องกรรมทั้งหลาย ไม่ใช่การนึกคิดจินตนาการเอาเอง ว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้


สิ่งที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง(ในชีวิต) ที่ทำให้เกิดความรู้สึกนึกคิดต่างๆนานา ล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยที่มีต่อกัน


ผลที่ได้รับ เกิดขึ้นตามความเป็นจริงของการกระทำ ไม่ใช่เกิดจากการน้อมเอา คิดเอาเอง

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เพิ่งเห็น ว่าจขก. แจ้งลบกระทู้แล้ว

sweetie_luv_729 เขียน:
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นคะ และต้องกราบขอโทษด้วยถ้าได้สร้างความลำบอกใจให้แก่ผู้ตอบคะ

ได้แจ้งลบและปิดกระทู้ไปแล้วคะ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความเห็นนะคะ




หลงอดีต เพราะอ่านไม่ละเอียด
ไปเอาอดีต มาเป็นปัจจุบัน

กรรมทันตาจริงๆ เคยว่าคนอื่นไว้ว่า เขาอ่านไม่ละเอียด

การเข้ามาสนทนาในบางครั้งนี่ ก็ดีนะ ทำให้ได้เรียนรู้รายละเอียด และระวังมากขึ้น
จะได้พยายามระวัง ไม่พลาดพลั้งว่าใครอีก ถึงแม้จะเป็นทางตัวหนังสือก็ตาม

ทั้งมโนกรรม(คิด) ทั้งวจีกรรม(พูดผ่านตัวหนังสือ) ทั้งกายกรรม(มือพิมพ์) กรรมนี้สำเร็จทันที

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณchoochu เขียน

ทำให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ของแต่ละคนจะอำนวยครับ




ใช่ค่ะ เพราะกำลังทรัพย์และความพร้อมของแต่ล่ะคน ไม่เท่ากัน

สำหรับเราน่ะค่ะ พอตอนที่อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว หรือไปงานศพของใคร
เราจะสั่งแฟน หรือลูกๆเอาไว้เลย ถ้าเต้หรือแม่เป็นอะไร
ไม่ว่าจะอีก 10-20-30 ปี ตอนไหนก้อช่าง

ถ้าหมอถามจะใส่เครื่องช่วยหายใจมั๊ย เราบอกกับพวกเค้าไว้เลย ไม่ต้อง !
พากลับบ้าน ปล่อยให้อยู่ในห้อง ช่วยเปิดCDสวดมนต์ให้ด้วย
ลมหายใจอยู่ได้แค่ไหน แค่นั้นพอ

ส่วนงานศพไม่ต้องจัดที่บ้าน จะให้คนมาสวดให้หรือไม่ ตามใจ
แต่ขอให้เปิดบทสวดมนต์ไว้ตลอด1คืน พออีกวันนำร่างไปเผา พอแล้ว

ตอนมีชีวิตอยู่ ต้องสั่งไว้ก่อนค่ะ สั่งแต่สิ่งที่ทำง่าย ๆไว้
เพราะว่า ถ้าไปสั่งอะไรไว้ ที่เหมือนคนที่มีชีวิตอยู่ ทำไม่ได้
ทีนี้จิตของคนที่ตายนี่หล่ะค่ะ จะไปยึดติดตรงนั้นไว้

บางคนสั่งไว้ เผาแล้วเอากระดูกกลับไปที่............น่ะ แต่ญาติหรือลูกไม่ได้ทำตาม
ทีนี้ทำยังไง จิตอยู่ที่หนึ่ง กระดูกอยู่ที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ
แต่ตรงนี้เราก็ไม่เข้าใจน่ะ ว่าทำไม

แต่มารู้ว่าตอนหลัง ลูกต้องรีบทำ เอากระดูกของแม่ ไปไว้ที่ ที่แม่สั่งเอาไว้
เพราะคนที่เป็นลูกเล่าให้เราฟัง
บอกว่าเรื่องยาว ไม่มีเวลาที่จะคุยทางโทรศัพท์
เราก้อเลย สั่งแค่ง่ายๆพอ :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้ำมีความรู้สึกอย่างไรค่ะ เวลาที่คุณน้ำเห็น
หรือรู้ข่าวว่า คนที่ป่วยหนัก เค้าเสียชีวิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2013, 22:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้ำมีความรู้สึกอย่างไรค่ะ เวลาที่คุณน้ำเห็น
หรือรู้ข่าวว่า คนที่ป่วยหนัก เค้าเสียชีวิต



เฉยๆนะคุณเต้ อาจด้วยอาชีพ เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนเเกิดความเคยชิน มองเป็นเรื่องปกติ
เกิดมาแล้ว ต้องตาย เป็นธรรมดา

แบบที่จะเห็นคนป่วยหนัก หรือเสียชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะรู้จัก ไม่รู้จัก
หรือแม้กระทั่งเป็นพ่อ แม่ ญาติ พี่น้องก็ตาม

จะให้นำมาปลงอะไรแบบนั้น น้ำไม่มีความคิดแบบนั้นเกิดหรอกค่ะ รู้สึกเฉยๆมากกว่า


การเตรียมตัว ไม่ให้คนอยู่ข้างหลังต้องวุ่นวาย
ทั้งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการจัดการงานศพ
เตรียมไว้พร้อมหมด ไม่ต้องมี และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

บอกกับแม่ พี่น้อง และ เจ้านาย(คู่ครอง)ว่า
ถ้าเจ็บป่วยหนัก อย่าใส่เครื่องช่วยหายใจ ให้ปล่อยไว้ปกติ


ถ้าตาย สิ่งแรกที่ต้องทำ

ให้โทรฯติดต่อรพ. ที่บริจาคร่างกายไว้แล้ว ให้เขามารับ
ไม่ต้องสวด ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ให้ทางรพ.จัดการเอง
หากมีการเผา กระดูกอะไรต่างๆ ไม่ต้องสนใจ ยกให้ทางรพ.จัดการเอง

สิ่งที่สอง แจ้งทางญาติพี่น้อง ของวลัยพรด้วย ให้รับรู้ว่า ตายไปแล้ว
เพื่อญาติพี่น้อง ได้รับรู้ เนื่องจาก ได้บอกญาติพี่น้องไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว


หากเจอวลัยพรหลับไม่ตื่น

ถ้าเรียกแล้ว ปลุกแล้ว ยังไม่รู้สึกตัว
ไม่ว่าจะกี่วัน กี่คืนก็ตาม อยู่ในอิริยาบทไหน ปล่อยไว้แบบนั้น
ปล่อยไว้แบบนั้น คิดเสียว่า วลัยพรกำลังทำสมาธิอยู่

ถ้าขึ้นอืด ค่อยแจ้งรพ.ที่บริจาคร่างกายไว้ ให้มารับร่างไปได้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 13:25
โพสต์: 41

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
bbby เขียน:
คุณน้ำมีความรู้สึกอย่างไรค่ะ เวลาที่คุณน้ำเห็น
หรือรู้ข่าวว่า คนที่ป่วยหนัก เค้าเสียชีวิต



เฉยๆนะคุณเต้ อาจด้วยอาชีพ เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนเเกิดความเคยชิน มองเป็นเรื่องปกติ
เกิดมาแล้ว ต้องตาย เป็นธรรมดา

แบบที่จะเห็นคนป่วยหนัก หรือเสียชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะรู้จัก ไม่รู้จัก
หรือแม้กระทั่งเป็นพ่อ แม่ ญาติ พี่น้องก็ตาม

จะให้นำมาปลงอะไรแบบนั้น น้ำไม่มีความคิดแบบนั้นเกิดหรอกค่ะ รู้สึกเฉยๆมากกว่า


การเตรียมตัว ไม่ให้คนอยู่ข้างหลังต้องวุ่นวาย
ทั้งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ในการจัดการงานศพ
เตรียมไว้พร้อมหมด ไม่ต้องมี และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

บอกกับแม่ พี่น้อง และ เจ้านาย(คู่ครอง)ว่า
ถ้าเจ็บป่วยหนัก อย่าใส่เครื่องช่วยหายใจ ให้ปล่อยไว้ปกติ


ถ้าตาย สิ่งแรกที่ต้องทำ

ให้โทรฯติดต่อรพ. ที่บริจาคร่างกายไว้แล้ว ให้เขามารับ
ไม่ต้องสวด ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ให้ทางรพ.จัดการเอง
หากมีการเผา กระดูกอะไรต่างๆ ไม่ต้องสนใจ ยกให้ทางรพ.จัดการเอง

สิ่งที่สอง แจ้งทางญาติพี่น้อง ของวลัยพรด้วย ให้รับรู้ว่า ตายไปแล้ว
เพื่อญาติพี่น้อง ได้รับรู้ เนื่องจาก ได้บอกญาติพี่น้องไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว


หากเจอวลัยพรหลับไม่ตื่น

ถ้าเรียกแล้ว ปลุกแล้ว ยังไม่รู้สึกตัว
ไม่ว่าจะกี่วัน กี่คืนก็ตาม อยู่ในอิริยาบทไหน ปล่อยไว้แบบนั้น
ปล่อยไว้แบบนั้น คิดเสียว่า วลัยพรกำลังทำสมาธิอยู่

ถ้าขึ้นอืด ค่อยแจ้งรพ.ที่บริจาคร่างกายไว้ ให้มารับร่างไปได้


คิดเหมือนกันเลยนะคะคุณวลัยพร ดูเหมือนว่าออกไปทางสุญญตาเหมือนดิฉันเลยนะคะ ทุกอย่างมีเกิด มีดับ เกิดๆดับๆ เกิดแล้วเริ่ม ดับแล้วก็จบไป ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
เราขอคุยเรื่องที่มาจากกะทู้นี้น่ะค่ะ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=46292

จริงๆ แล้ว เราว่ากะทู้ที่ คุณ sweetie_luv_729 ตั้งขึ้นมานี้ดีน่ะ
เป็นธรรมทาน ให้กับคนอื่นที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ
สำหรับความคิดเห็นของหลายๆท่าน เราชอบความคิดเห็นของคุณ SOAMUSA ค่ะ
ตรงใจเรา เพราะอะไร เราจะเล่าให้ฟังค่ะ
ถ้ายังไงคิดว่าเป็นนิทานธรรมะน่ะ


เราจะเล่าตามที่เรารู้เราเห็นมาน่ะค่ะ จริงๆแล้วผู้ป่วยที่ใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่
เค้ายังไม่เสียชีวิตค่ะ สำหรับบางคน ที่พวกเราเห็น เค้าจะนอนหลับไม่รู้สึกตัว
แต่จริงๆแล้ว เค้ารู้ค่ะ สาเหตุที่เค้าหลับไม่รู้สึกตัว

ที่เราเคยเห็นน่ะค่ะ มาจากวิญญาณของเค้าเข้าร่างไม่ได้ ซึ่งวิญญาณของเค้า
ยังไม่ไปไหนค่ะ อยู่ที่ใกล้ๆเตียงนอนของเค้านั่นแหละ เค้าต้องการที่จะกลับเข้าร่างของเค้า
แต่เข้าร่างไม่ได้ พวกคุณๆสังเกตุดูที่เปลือกตาของเค้าซิ

บางครั้งเค้า จะเหมือนต้องการจะลืมตา แต่ลืมตาไม่ขึ้น
เพราะฉนั้นญาติพี่น้อง ลูกหลาน จะคุยจะปรึกษาอะไรกัน อย่าคุยในห้องผู้ป่วย
เพราะเค้ารู้เค้าได้ยิน

ถ้าจะให้ดี ให้ความเงียบ หาซีดีธรรมมะเปิดไว้ ให้เค้าฟังซีดี
ที่หลวงพ่อท่านแสดงธรรม หรือซีดีสวดมนต์ก้อได้ ถ้าในห้องนั้นมีทีวี
เปิดซีดีที่มีภาพ เรื่องของสวรรค์เรื่องการทำบุญ จิตของผู้ป่วย จะได้ล่ะจากเรื่องทางโลก
ไปยึดอยู่ที่โลกธรรม ถ้าเค้าต้องการจะไป เค้าจะไปของเค้าเองค่ะ

ตอนคุณแม่เราป่วย คุณแม่ก้อใส่เครื่องช่วยหายใจ ก็นั่งอยู่ใกล้ๆท่าน
จับมือท่าน แล้วก้อสวดมนต์ค่ะ

ทีนี้พยาบาลก็คุยให้ฟัง บอกว่ามีคนไข้เยอะเหมือนกัน ที่ใส่เครื่องช่วยหายใจ
แล้วลูกๆหรือญาติ นิมนต์พระมาสวด ซึ่งคุณหมออนุญาตค่ะ
มาสวดมนต์พอไม่กี่วันก็ไป บางคนสวดช่วงเช้า พอกลางคืนเค้าก็ไป

คุณแม่เราก็นิมนต์พระมาสวดค่ะ คุณหมออนุญาตค่ะ ท่านก็ไปเอง
เค้าบอกมีคนทำอย่างนี้กันเยอะค่ะ :b41: :b55: :b49:


ขอบคุณค่ะ ดิฉันนำความรู้มาจากการเรียนค่ะ ถ้าไม่เรียนมาก็คิดไม่ตรงค่ะ
การทำ รูป และ นาม ให้ดับนั้น จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ ถ้าเราเป็นเหตุทำให้ดับ มีผลต่อเราทันที
มีผลที่ต้องรับแล้วนะคะ แต่จะรับเมื่อไรอย่างไร ก็แล้วแต่ว่าทำกับใครค่ะ

อย่างที่ว่า ยาให้แล้วทำให้เค้าหายใจอยู่ได้นานขึ้นต้องให้ แต่ถ้าให้แล้วกลับจะเป็นผลเสียให้กับ
ร่างกายก็ต้องงด หลักคือช่วยให้หายใจได้นานที่สุด

ที่คนเราชอบพูดกันว่า เค้าทรมานให้เค้าจากไปเถอะ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าเค้าจากไปแล้ว
เค้าได้รับความสุข ในบางคนอาจจะเป็นทุกข์ยิ่งกว่านอนเป็นผักอยู่อย่างที่เห็นก็ได้ค่ะ
อย่ามาพูดดีกว่าว่า ให้เค้าไปเค้าจะได้ไม่ทรมาน อย่างนี้เห็นว่าเที่ยงแล้วค่ะคิดว่าตายแล้วสุขกว่าอยู่

บางคนที่เห็นนอนเป็นผักอยู่นั้น ยังได้ยินบ้างนะคะ ควรจะชวนเค้าทำกุศลค่ะ
เพราะอาจจะมีสักแว้ปหนึ่งที่เค้าได้ขึ้นวิถีมาเสพอารมณ์กุศลก็ได้ มันมีค่ามากต่อเค้าขณะนั้นนะคะ

โสตปสาทเค้าอาจจะทำงานได้บ้าง อย่าไปปิดโอกาสเค้าค่ะ

ดิฉันก็พูดตามหลักนะคะว่า หทยวัตถุเป็นตัวหลักอยู่ได้เพราะลมหายใจในขณะนั้น
ลมหายใจดับ หทยวัตถุก็ดับ จิตเจตสิกดับ........ถ้ากล้าทำหทยวัตถุของคนอื่นดับ ก็น่าคิดนะคะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 08:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปรมนุตตรสุญญตา เขียน:

คิดเหมือนกันเลยนะคะคุณวลัยพร ดูเหมือนว่าออกไปทางสุญญตาเหมือนดิฉันเลยนะคะ ทุกอย่างมีเกิด มีดับ เกิดๆดับๆ เกิดแล้วเริ่ม ดับแล้วก็จบไป ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไร



คุณปรมนุตตรสุญญตา เคยผ่านความตายแบบชนิดหมดลมหายใจ มาหรือยังคะ?


สิ่งที่วลัยพรเขียน ไม่เกี่ยวกับเรื่องสุญญตา

เพราะเคยผ่าน สภาวะความตายมาแล้ว
เป็นเหตุให้ รู้ว่า ควรเตรียมตัวก่อนตายไว้ตลอดเวลา

ไม่ต้องให้คนที่มีชีวิตอยู่ มาเสียเวลา จัดงานดูแลซาก(ศพ)
เสียเงินค่าทำซาก(ศพ) ค่าพระสวด ค่าอะไรต่ออะไรอีกจิปาถะ

ส่วนใครจะเสียเงินเพื่อซาก นั่นก็เหตุปัจจัยของเขา
บางคนเขาทำเป็นประเพณี ต้องการเงินช่วยคืน ที่ช่วยงานคนอื่นไว้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 08:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 13:25
โพสต์: 41

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ปรมนุตตรสุญญตา เขียน:

คิดเหมือนกันเลยนะคะคุณวลัยพร ดูเหมือนว่าออกไปทางสุญญตาเหมือนดิฉันเลยนะคะ ทุกอย่างมีเกิด มีดับ เกิดๆดับๆ เกิดแล้วเริ่ม ดับแล้วก็จบไป ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไร



คุณปรมนุตตรสุญญตา เคยผ่านความตายแบบชนิดหมดลมหายใจ มาหรือยังคะ?


สิ่งที่วลัยพรเขียน ไม่เกี่ยวกับเรื่องสุญญตา

เพราะเคยผ่าน สภาวะความตายมาแล้ว
เป็นเหตุให้ รู้ว่า ควรเตรียมตัวก่อนตายไว้ตลอดเวลา

ไม่ต้องให้คนที่มีชีวิตอยู่ มาเสียเวลา จัดงานดูแลซาก(ศพ)
เสียเงินค่าทำซาก(ศพ) ค่าพระสวด ค่าอะไรต่ออะไรอีกจิปาถะ

ส่วนใครจะเสียเงินเพื่อซาก นั่นก็เหตุปัจจัยของเขา
บางคนเขาทำเป็นประเพณี ต้องการเงินช่วยคืน ที่ช่วยงานคนอื่นไว้


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5976

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปรมนุตตรสุญญตา เขียน:
ทุกอย่างมีเกิด มีดับ เกิดๆดับๆ เกิดแล้วเริ่ม ดับแล้วก็จบไป ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายอะไร



:b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2013, 13:25
โพสต์: 41

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:


เฉยๆนะคุณเต้ อาจด้วยอาชีพ เห็นการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนเเกิดความเคยชิน มองเป็นเรื่องปกติ
เกิดมาแล้ว ต้องตาย เป็นธรรมดา

แบบที่จะเห็นคนป่วยหนัก หรือเสียชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะรู้จัก ไม่รู้จัก
หรือแม้กระทั่งเป็นพ่อ แม่ ญาติ พี่น้องก็ตาม

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ที่คนเราชอบพูดกันว่า เค้าทรมานให้เค้าจากไปเถอะ แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่าเค้าจากไปแล้ว
เค้าได้รับความสุข ในบางคนอาจจะเป็นทุกข์ยิ่งกว่านอนเป็นผักอยู่อย่างที่เห็นก็ได้ค่ะ
อย่ามาพูดดีกว่าว่า ให้เค้าไปเค้าจะได้ไม่ทรมาน อย่างนี้เห็นว่าเที่ยงแล้วค่ะคิดว่าตายแล้วสุขกว่าอยู่

บางคนที่เห็นนอนเป็นผักอยู่นั้น ยังได้ยินบ้างนะคะ ควรจะชวนเค้าทำกุศลค่ะ
เพราะอาจจะมีสักแว้ปหนึ่งที่เค้าได้ขึ้นวิถีมาเสพอารมณ์กุศลก็ได้ มันมีค่ามากต่อเค้าขณะนั้นนะคะ

โสตปสาทเค้าอาจจะทำงานได้บ้าง อย่าไปปิดโอกาสเค้าค่ะ




คนที่ป่วย วิญญานของเค้ายังรับรู้อยู่ค่ะ จิตของเค้าเอง ยังต้องการที่จะตื่นขึ้นมาอยู่ค่ะ
เรายังจำภาพที่เราเคยเห็น ติดตาอยู่เลยค่ะ วิญญานของผู้ป่วยยืนอยู่ข้างเตียง
มองร่างของเค้าแบบเศร้ามากๆน่ะ เวลาที่เค้าเดิน เค้าจะเดินแบบคนเหม่อลอย
คือเค้ายังไปที่ไหนไม่ได้ไง เค้ายังไม่ตาย

ไม่รู้ว่าจิตของเค้า ยังยึดติดกับร่างเค้าหรือปล่าว
แต่ทำไมพระมาสวด เค้าถึงไปล่ะ ทั้งๆที่ผู้ป่วยก็ใส่เครื่องช่วยหายใจ

เพราะเหตุนี้ค่ะ เราถึงได้สั่งแฟน-ลูกไว้ก่อน ลมหายใจสุดท้ายของเราอยู่ได้แค่ไหน
เอาแค่นั้น ความตายไม่น่ากลัวอะไรเลย

แต่ถ้าสำหรับผู้ที่ลูกยังเล็กอยู่ มีภาระที่ต้องดูแล ถ้าใครพอที่จะยื้อชีวิตของเค้าได้
ก้อน่าจะให้ความช่วยเหลือเค้าไว้ก่อน เพราะไม่แน่ปาฎิหารย์อาจจะเกิดขึ้นกับเค้าก็ได้
:b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ย. 2013, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
คุณchoochu เขียน

ทำให้ดีที่สุด เท่าที่กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ของแต่ละคนจะอำนวยครับ




ใช่ค่ะ เพราะกำลังทรัพย์และความพร้อมของแต่ล่ะคน ไม่เท่ากัน

สำหรับเราน่ะค่ะ พอตอนที่อยู่กันพร้อมหน้าครอบครัว หรือไปงานศพของใคร
เราจะสั่งแฟน หรือลูกๆเอาไว้เลย ถ้าเต้หรือแม่เป็นอะไร
ไม่ว่าจะอีก 10-20-30 ปี ตอนไหนก้อช่าง

ถ้าหมอถามจะใส่เครื่องช่วยหายใจมั๊ย เราบอกกับพวกเค้าไว้เลย ไม่ต้อง !
พากลับบ้าน ปล่อยให้อยู่ในห้อง ช่วยเปิดCDสวดมนต์ให้ด้วย
ลมหายใจอยู่ได้แค่ไหน แค่นั้นพอ

ส่วนงานศพไม่ต้องจัดที่บ้าน จะให้คนมาสวดให้หรือไม่ ตามใจ
แต่ขอให้เปิดบทสวดมนต์ไว้ตลอด1คืน พออีกวันนำร่างไปเผา พอแล้ว

ตอนมีชีวิตอยู่ ต้องสั่งไว้ก่อนค่ะ สั่งแต่สิ่งที่ทำง่าย ๆไว้
เพราะว่า ถ้าไปสั่งอะไรไว้ ที่เหมือนคนที่มีชีวิตอยู่ ทำไม่ได้
ทีนี้จิตของคนที่ตายนี่หล่ะค่ะ จะไปยึดติดตรงนั้นไว้

บางคนสั่งไว้ เผาแล้วเอากระดูกกลับไปที่............น่ะ แต่ญาติหรือลูกไม่ได้ทำตาม
ทีนี้ทำยังไง จิตอยู่ที่หนึ่ง กระดูกอยู่ที่หนึ่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงค่ะ
แต่ตรงนี้เราก็ไม่เข้าใจน่ะ ว่าทำไม

แต่มารู้ว่าตอนหลัง ลูกต้องรีบทำ เอากระดูกของแม่ ไปไว้ที่ ที่แม่สั่งเอาไว้
เพราะคนที่เป็นลูกเล่าให้เราฟัง
บอกว่าเรื่องยาว ไม่มีเวลาที่จะคุยทางโทรศัพท์
เราก้อเลย สั่งแค่ง่ายๆพอ :b1: :b41: :b55: :b49:


คุณเต้ครับ ตื่นมาอยู่กับความเป็นจริงเถอะครับ คุณพูดซะเลิศหรู่

ตอนนี้ยังเป็นปกติร่างกายแข็งแรง ก็พูดได้ครับ ฉันจะทำอย่างโน้น จะทำอย่างนี้
แต่พอรู้ว่าเป็นโรคร้าย ความคิดทั้งหมดจะเปลี่ยน ......

"พาฉันไปหาหมอที่... ช่วยฉันด้วย .. ปวดเหลือเกินทนไม่ไหวแล้ว"

คำพูดที่เคยพูดหวานๆเพราะ จะกลับกลายเป็นคำผรุสวาสนั้นบัดดล :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 47 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร