วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 06:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 09:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


‎[๒๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจเป็นไฉน นี้คือมรรค
มีองค์ ๘ อันประเสริฐ คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมา
อาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
ก็สัมมาทิฏฐิเป็นไฉน ความรู้ในทุกข์ ความรู้ในทุกขสมุทัย ความรู้ใน ทุกขนิโรธ
ความรู้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา อันนี้เรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ฯ

สัมมาสังกัปปะ เป็นไฉน ความดำริในการออกจากกาม ความดำริใน ความไม่
พยาบาท ความดำริในอันไม่เบียดเบียน อันนี้เรียกว่า สัมมาสังกัปปะ ฯ


สัมมาวาจา เป็นไฉน การงดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการพูดส่อเสียด
งดเว้นจากการพูดคำหยาบ งดเว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ อันนี้เรียกว่า สัมมาวาจา ฯ

สัมมากัมมันตะ เป็นไฉน การงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการถือ เอาสิ่งของ
ที่เขามิได้ให้ งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม อันนี้เรียกว่า สัมมากัมมันตะ ฯ


สัมมาอาชีวะ เป็นไฉน อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ละการเลี้ยงชีพที่ผิดเสีย สำเร็จ
การเลี้ยงชีพด้วยการเลี้ยงชีพที่ชอบ อันนี้เรียกว่า สัมมาอาชีวะ ฯ

สัมมาวายามะ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เกิดฉันทะพยายาม ปรารภความ
เพียร ประคองจิตไว้ ตั้งจิตไว้ เพื่อมิให้อกุศลธรรมอันลามกที่ยังไม่ เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อละ
อกุศลธรรมอันลามกที่บังเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้กุศลธรรมที่ยัง ไม่เกิดบังเกิดขึ้น เพื่อความตั้งอยู่
ไม่เลือนหาย เจริญยิ่ง ไพบูลย์ มีขึ้น เต็มเปี่ยม แห่งกุศลธรรมที่บังเกิดขึ้นแล้ว อันนี้เรียกว่า
สัมมาวายามะ ฯ


สัมมาสติ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร
มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสียได้ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
ฯลฯ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯลฯ พิจารณา เห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและ โทมนัสในโลกเสียได้ อันนี้เรียกว่า สัมมาสติ ฯ

สัมมาสมาธิ เป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ เธอบรรลุทุติยฌาน มีความ
ผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร
มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่ เธอมี อุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยกาย เพราะ
ปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา
มีสติอยู่เป็นสุข เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัส
โทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ อันนี้เรียกว่า สัมมา สมาธิ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย อันนี้เรียกว่า ทุกขนิโรธคามิมีปฏิปทาอริยสัจ ฯ


ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็นธรรม
ในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ
ความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ เสื่อมในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความ
เกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียง
สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และ
ไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็น ธรรมในธรรมอยู่ ฯ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2790


 ข้อมูลส่วนตัว


หลายปีแล้วเนาะ ยังเหมือนเดิมกันอยู่เลย คริๆ...ตรงนี้คือไรคะ ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้องพลอย เขียน:
หลายปีแล้วเนาะ ยังเหมือนเดิมกันอยู่เลย คริๆ...ตรงนี้คือไรคะ ?



เด็กช่างซักช่างถาม โบราณว่า เด็กฉลาด :b1: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2013, 17:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg
ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg [ 65.18 KiB | เปิดดู 6254 ครั้ง ]
:b8:
ไม่เจอกันนานนะคุณ ฝึกจิต ไปฟิตเครื่องมาเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ?

อ้างคำพูด:
หลายปีแล้วเนาะ ยังเหมือนเดิมกันอยู่เลย คริๆ


สิ่งใดที่เป็นสัจจธรรมมันก็จะคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

เพราะสัจจธรรม อยู่เหนือกฎของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


คุณฝึกจิตเอาอะไรที่ไม่เหมือนเดิมมาฝากกันบ้างละครับ ขอหน่อยครับ
tongue smiley :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2013, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b8:
ไม่เจอกันนานนะคุณ ฝึกจิต ไปฟิตเครื่องมาเต็มที่แล้วใช่ไหมครับ?

อ้างคำพูด:
หลายปีแล้วเนาะ ยังเหมือนเดิมกันอยู่เลย คริๆ


สิ่งใดที่เป็นสัจจธรรมมันก็จะคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

เพราะสัจจธรรม อยู่เหนือกฎของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


คุณฝึกจิตเอาอะไรที่ไม่เหมือนเดิมมาฝากกันบ้างละครับ ขอหน่อยครับ
tongue smiley :b8:



:b8: ครับ
ไม่มีอะไรครับ มาทักทายกันเฉยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2013, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg
ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg [ 65.18 KiB | เปิดดู 6182 ครั้ง ]
คุณอโศกเล่าความตอนนี้สิครับ ที่ไหน ทำอะไร กับใคร :b10: :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2013, 19:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




บุกเบิกพระธาตุห้วยบอน 2.jpg
บุกเบิกพระธาตุห้วยบอน 2.jpg [ 64.89 KiB | เปิดดู 6140 ครั้ง ]
ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg
ไปนิมนต์หลวงพ่อธี.jpg [ 65.18 KiB | เปิดดู 6140 ครั้ง ]
อโศกะ 2.jpg
อโศกะ 2.jpg [ 49.28 KiB | เปิดดู 6140 ครั้ง ]
กรัชกาย เขียน:
คุณอโศกเล่าความตอนนี้สิครับ ที่ไหน ทำอะไร กับใคร :b10: :b14:

:b8:
ตอนไปพบหลวงพ่อธีครั้งที่ 2 ครับ เมื่อปี พศ.2547 ณ.วัดกลางเวียง ต.เวียงแหง อ.เวียงแหง จ.เชียงใหม่

ได้สนทนาธรรมกับท่านครั้งแรก ที่วัดหมอกจ๋าม ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ 3 เดือนก่อนจะไปพบท่านครั้งที่ 2

การพบกันครั้งที่ 2 ได้นั่งสนทนาธรรมกับท่านตั้งแต่เวลาประมาณ 2 ทุ่มไปจนถึงตี 3 กว่า ข้อสนทนาธรรมทั้งหมดนั้นได้นำมาสรุปเขียนขึ้นเป็นหนังสือ "การรีดนมมจากเขาวัว" ลองพยายามหามาอ่านกันดูนะครับ จะได้รู้จักหลวงพ่อธีและคำสอนของท่านเป็นอย่างดี เช้าวันรุ่งขึ้น ไปเดินร่วมการบิณฑบาตของหลวงพ่อ จัดภัตราหารถวายท่านเรียบร้อย ทานข้าวเช้าเสร็จ ก็จึงกราบนิมนต์ท่านไปเผยแพร่ธรรมในเมืองไทย....เดิมทีท่านเตรียมตัวจะเดินทางออกไปเผยแพร่ธรรมในเมืองไทยใหญ่ประเทศพม่า แต่รถจาก จ.แม่ฮ่องสสอนขัดข้อง มารับท่่านไม่ได้ ผมจึงนิมนต์ท่านขึ้นไปจำพรรษา สั่งสอนธรรมที่ อ.ฝาง ต่อมาเมื่อท่านรับนิมนต์แล้วก็ได้รับท่านไปตั้งต้นปักรากฐานสั่งสอนธรรมที่


ศูนย์วิปัสสนากรรมฐานพระธาตุห้วยบอนเก่า ต.เวียง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่

หลวงพ่อพูดภาษาไทยใหญ่ ผมรู้ภาษาไทยใหญ่เลยได้ช่วยงานเผยแพร่ธรรมของท่านโดยทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาเป็นไทย เป็นโยมอุปัฏฐาก เป็นคนขับรถ เป็นผู้จัดการอบรม เป็นผู้ประสานงาน เป็นผู้บริหารจัดการสร้างเสนาสนะ กุฏิ วิหาร ศาลาปฏิบัติธรรม เป็นนักการภารโรง เป็นทุกอย่างที่ยังไม่มีคนมาช่วยทำ รวมถึงเป็นผู้บรรยายขยายธรรมที่หลวงพ่อสอนให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจชัดเจนลึกซึ้งยิ่งขึ้น

หลวงพ่อธีสอนธรรมเน้น อนัตตา ให้ค้นหา อนัตตา หลวงพ่อมีคำย่อสำหรับเป็นหลักปฏิบัติธรรมว่า


หา...เห็น....ตัด....ถึง

หา...หาอนัตตา

เห็น....เห็นอนัตตา

ตัด.....ตัดอัตตาและมานะทิฏฐิ

ถึง.....ถึงมรรค ผล นิพพาน

คุณกรัชกาย ถามมาสั้นๆ แต่ผมตอบยาวไปหน่อย มากเกินไปหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่พอก็จะให้เล่าต่อไปอีกก็ได้นะครับ
:b27:
:b20:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

สิ่งใดที่เป็นสัจจธรรมมันก็จะคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล



สัจจธรรมที่ว่า เป็นสัจจธรรมของใครครับ ทำไมมันถึงเลอะเทอะผิดเพี้ยน

สัจจธรรมถ้าเป็นของพระพุทธเจ้า มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณโสกะกำลังมั่ว พูดไปเรื่อยแบบนี้

สัจจธรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติ พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้แบบนี้.......

สัพเพ สังขารา อนิจจัง
สัพเพ สังขารา ทุกขัง
สัพเพธัมมา อนัตตา

ธรรมชาติ มันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เพราะมันเป็น...อนัตตา
เราไม่สามารถบังคับให้มันเหมือนเดิมคงที่ได้


asoka เขียน:
เพราะสัจจธรรม อยู่เหนือกฎของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


สัจจธรรมโลกไหนครับ ถึงอยู่เหนือกฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หรือว่าเป็นสัจจธรรมของดาวเคราะห์แคระ

ก็กฎแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.....มันเป็นสัจจธรรม
แล้วมันจะไม่อยู่เหนืออะไรของคุณ เตือนหลายหนแล้วไม่รู้จริงก็พูดให้น้อยๆหน่อย :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 14:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
หา...หาอนัตตา

เห็น....เห็นอนัตตา

ตัด.....ตัดอัตตาและมานะทิฏฐิ

ถึง.....ถึงมรรค ผล นิพพาน

คุณกรัชกาย ถามมาสั้นๆ แต่ผมตอบยาวไปหน่อย มากเกินไปหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่พอก็จะให้เล่าต่อไปอีกก็ได้นะครับ


เป็นอะไรที่ตลกดีครับ หาอนัตตาแล้วเมื่อไรจะได้เจอไตรลักษณ์ครับ

อนัตตามันไม่ใช่ตัวตน........เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนได้ด้วยหรือครับ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณasokaเขียน

อ้างคำพูด:
คุณกรัชกาย ถามมาสั้นๆ แต่ผมตอบยาวไปหน่อย มากเกินไปหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่พอก็จะให้เล่าต่อไปอีกก็ได้นะครับ


ขอยืมชื่อคุณกรัชกายตอบน่ะค่ะ :b12:
อยากให้เล่าต่อค่ะ เล่ายาวๆก็ได้ค่ะชอบอ่านค่ะ
เพราะว่าเราคงจะเป็นผู้ที่ไม่มีโอกาส ที่จะได้ทำอย่างคุณค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ในเน็ตไม่มีเหรอค่ะ หนังสือ "การรีดนมมจากเขาวัว"
เจอแต่ หนังสือ "ทางเดินสู่พระนิพพาน"กำลังอ่านอยู่ค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


ได้อ่านหนังสือ "ทางเดินสู่พระนิพพาน"นิดเดียวเองค่ะ
แล้วไปหาอ่านในเน็ตได้ที่ไหนล่ะค่ะเนี่ยะ :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 20:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:

สิ่งใดที่เป็นสัจจธรรมมันก็จะคงเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล



สัจจธรรมที่ว่า เป็นสัจจธรรมของใครครับ ทำไมมันถึงเลอะเทอะผิดเพี้ยน

สัจจธรรมถ้าเป็นของพระพุทธเจ้า มันไม่ได้เป็นแบบที่คุณโสกะกำลังมั่ว พูดไปเรื่อยแบบนี้

สัจจธรรมที่เกี่ยวกับธรรมชาติ พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้แบบนี้.......

สัพเพ สังขารา อนิจจัง
สัพเพ สังขารา ทุกขัง
สัพเพธัมมา อนัตตา

ธรรมชาติ มันเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เพราะมันเป็น...อนัตตา
เราไม่สามารถบังคับให้มันเหมือนเดิมคงที่ได้


asoka เขียน:
เพราะสัจจธรรม อยู่เหนือกฎของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา


สัจจธรรมโลกไหนครับ ถึงอยู่เหนือกฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หรือว่าเป็นสัจจธรรมของดาวเคราะห์แคระ

ก็กฎแห่งอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.....มันเป็นสัจจธรรม
แล้วมันจะไม่อยู่เหนืออะไรของคุณ เตือนหลายหนแล้วไม่รู้จริงก็พูดให้น้อยๆหน่อย :b32:

:b7:
s002
น่าสงสารโฮฮับ ที่ไม่เข้าใจความหมายของสัจจะ ....สัจจัง......แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นผู้รู้ธรรมได้อย่างไร
ยิ่งศึกษามากไปยิ่งเลอะเลือน เปื้อนบัญญัติ ไปทั้งตัวทั้งใจ

สัพเพ สังขารา อนิจจัง
สัพเพ สังขารา ทุกขัง
สัพเพธัมมา อนัตตา

พระบรมศาสดาทรงตรัสไว้ถูกต้องสมบูรณ์แล้ว แต่โฮฮับตีความไม่ออก บอกธรรมไม่เป็น

อนิจจัง....ทุกขัง....เป็นสัจจะ หรือความจริงของ สังขาร......จะอยู่ที่ไหนโลกไหน ปี เดือน วัน เวลาไหน

สัจจะหรือความจริงของสังขารความจริงของสังขารหรือความปรุงแต่งก็คือ

1.เป็น ทุกขัง ทนตั้งอยู่ไม่ได้

2.เป็นอนิจจัง เมื่อทนตั้งอยู่ไม่ได้ก็ต้องปรวนแปร เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา

ดังเช่น นิพพาน....เป็นอมตะธาตุ เป็นอสังขตะธรรม ไม่ใช่สังขารธรรม สัจจะของ นิพพาน เขาเป็นอยู่อย่างนั้นชั่วกัลปาวสาน ใครทำถูกวิธีการ ก็สามารถเข้าถึงและสัมผัสรู้ที่ใจได้ทุกคน แต่อธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจด้วยภาษาและคำพูดคำบรรยายไม่ได้ ต้อง รู้ที่ใจเจ้าของ

ที่ง่ายๆและพื้นๆกว่านั้นเช่น
ส่วน สิ่งที่เป็นธรรม หรือเป็นสัจจธรรมนั้น เป็น อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ไม่มีแก่นสาร ตัวตน เขาหากเป็นของเขาอยู่เช่นนั้นไม่มีเปลี่ยนแปลงไปเป็นอื่น

สัจจธรรมของธาตุดิน คือ หนัก เบา แข็ง อ่อน หยาบกระด้าง นุ่มนิ่ม.....ธาตุดิน จะไปอยู่ที่ใด ยุคสมัยใด โลกหรือจักรวาลอันใด ชาติหรือภาษาใด ธาตุดินก็จะคงความจริงของมันไว้ ถ้าเรียกด้วยบัญญัติภาษาไทยก็จะมีคุณลักษณะหรือสัจจะของดิน คือ หนัก เบา แข็ง อ่อน หยาบกระด้าง นุ่มนิ่ม

ธาตุน้ำ สัจจะของธาตุน้ำคือ....ซึมซับ เอิบอาบ ไหลหยดย้อย แตกแยก เกาะกุมกันเข้า

ธาตุลม สัจจะของธาตุลมคือ ..... เจ็บ ปวด เต้น ตอด โยก คลอน ไหว นิ่ง

ธาตุไฟ สัจจะของธาตุไฟคือ.....ร้อน หนาว เย็น อุ่น

สัจจะของเกลือคือ เค็ม

สัจจะของ รูป คือ สิ่งที่ถูกรู้

สัจจะของนาม คือ สิ่งที่ไปรู้รูป

ดังนี้เป็นต้น

ไตรลักษณ์ ไม่ใช่สัจจะ แต่เป็นสมมุติบัญญัติภาษาบาลี ที่ใช้เรียกชื่อหรือบอกถึงปรมัตถ์บัญญัติทั้ง 3 หรือลักษณะ หรือ สัจจะ หรือความจริง 3 ประการ คือ

สัพเพ สังขารา อนิจจัง
สัพเพ สังขารา ทุกขัง
สัพเพธัมมา อนัตตา



โฮฮับถาม
อ้างคำพูด:
สัจจธรรมโลกไหนครับ ถึงอยู่เหนือกฎของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
หรือว่าเป็นสัจจธรรมของดาวเคราะห์แคระ


ย้อนถามโฮฮับว่า "นิพพาน อยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์ ของ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไหม"

อธิบายมา

คุณลักษณะ หรือสัจจะของธาตุดินคือ หนัก เบา แข็ง อ่อน หยาบกระด้าง นุ่มนิ่ม มันเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาได้ไหม ช่วยอธิบาย

ข้ออื่นด้วย น้ำ ลม ไฟ สัจจะหรือคุณลักษณะของมันจะเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ไหม? อธิบาย

สัจจะของหู คือ รับรู้เสียง

สัจจะของตาคือ รู้รูป

สัจจะของจมูก คือ รู้กลิ่น

สัจจะของลิ้น คือ รู้รส

นี่แหละอนัตตา ชัดๆเลย โฮฮับแน่จริงลองไปเปลี่ยนหน้าที่ ให้ตา มารู้รส จมูกไปรู้รูป ลิ้นไปดมกลิ่นดูซิ

ทีนี้เข้าใจละยังที่ว่าสัจจะ คือความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้

:b34: :b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 20:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
หา...หาอนัตตา

เห็น....เห็นอนัตตา

ตัด.....ตัดอัตตาและมานะทิฏฐิ

ถึง.....ถึงมรรค ผล นิพพาน

คุณกรัชกาย ถามมาสั้นๆ แต่ผมตอบยาวไปหน่อย มากเกินไปหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่พอก็จะให้เล่าต่อไปอีกก็ได้นะครับ


เป็นอะไรที่ตลกดีครับ หาอนัตตาแล้วเมื่อไรจะได้เจอไตรลักษณ์ครับ

อนัตตามันไม่ใช่ตัวตน........เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนได้ด้วยหรือครับ :b13:

:b34:
โฮฮับมาวิพากษ์วิจารณ์ สุดยอดคำสอนเช่นนี้ ด้วยความไม่รู้จริงและอหังการของตน บาปกรรมกินหัว อีกแล้ว เผลอๆอาาจต้องไปเสวยวิบากนี้ในนรกอีกลายกัปป์

คำว่า "เห็น"ที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ในธรรม เป็นภาษานิยม

ถ้าอย่างนั้น "สัมมาทิฏฐิ" เห็นชอบ นี่มันเห็นอย่างไรละ มันไม่ผิดอย่างที่โฮฮับเอามาบิดเบือนใส่ร้าายผู้อื่นหรือ

กล้าค้านคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือ "สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ คือเห็นอริยสัจจ 4 อริยสัจ 4 เป็นรูปธรรม หรือ นามธรรมล่ะโฮฮับ

โดยทางปฏิบัติแล้วคำว่าเห็นในคำอธิบายทางธรรมนั้นคือ....."รู้" ........ในความเป็นจริง

สัมมาทิฏฐฺิ.....ดู....เห็น.....รู้ ......ตามอริยสัจ 4

ทำความเข้าใจเสียใหม่ให้ถูกต้องตามธรรมนะโฮฮับ

:b34: :b34: :b34:

แล้วก็ติดคำว่าไตรลักษณ์ เกินไป ปล่อยวางเสียบ้าง ไม่ชอบอรรถกถาจารย์สอน จะเอาแต่พุทธวัจนะ แต่เอาคำว่าไตรลักษณ์ของท่านมาใช้ข่มขู่ผู้อื่นตลอด น่าไม่อาย


ค้นหาอนัตตา นั้น ไม่ใช่ ค้นหา ไตรลักษณ์ ข้อที่ 3 หรือ "สัพเพธัมมา อนัตตา" ธรรมทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตา ....ถ้าค้นพบอนัตตา ก็คือพบธรรมทั้งปวงนั่นเอง

แล้วอนัตตา มันเป็นคู่ปรับของอัตตา หรือสักกายทิฏฐิ โดยตรง

พบอนัตตา อัตตาหรือสักกายทิฏฐิก็ดับ......นี่หละทางเข้าถึงโสดาปัตติมรรคที่ตรงและลัดสั้น ชาญฉลาดที่สุด

แต่น่าเสียดายที่ชาตินี้โฮฮับไม่สามารถจะใช้วิธีนี้ได้เสียแล้ว เพราะมานะทิฏฐิมันค้ำคอ กลัวเขาจะว่าเอาวิธีของ
อโศกะมาใช้ จะเสียหน้าเสียชื่อ

:b7:
จริงๆแล้วการค้นหาอนัตตา ไม่ใช่วิธีการของหลวงพ่อหรืออโศกะ แต่เป็นวิธีการของพระบรมศาสดา ที่ทรงสอนไว้ตั้งแต่วันที่ 2 ของการแสดงธรรม

ลองไปทบทวน อนัตตลักขณะสูตรดูดีๆซิครับ หลวงพ่อธีท่านก็เอาเฉพาะสูตรนี้มาจับประเด็นแล้ว ทำให้ง่ายไปสู่วิธีปฏิบัติ อันมีเคล็ดลับให้ท่องจำง่ายๆว่า


"หา...... เห็น... ตัด..... ถึง"

ตีความให้แตก นำไปสู่การภาวนาให้เป็น ได้เห็นธรรมถึงธรรมแน่ๆ ชาตินี้
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 21:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณasokaเขียน

อ้างคำพูด:
คุณกรัชกาย ถามมาสั้นๆ แต่ผมตอบยาวไปหน่อย มากเกินไปหรือเปล่าครับ หรือถ้ายังไม่พอก็จะให้เล่าต่อไปอีกก็ได้นะครับ


ขอยืมชื่อคุณกรัชกายตอบน่ะค่ะ :b12:
อยากให้เล่าต่อค่ะ เล่ายาวๆก็ได้ค่ะชอบอ่านค่ะ
เพราะว่าเราคงจะเป็นผู้ที่ไม่มีโอกาส ที่จะได้ทำอย่างคุณค่ะ :b8: :b41: :b55: :b49:

:b8: :b8: :b8: :b8:
สาธุ อนุโมทนากับน้อง bbby ที่สนใจอยากฟังต่อ จะพยายามมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ
:b27: :b27: :b27:
ขออนุญาติคุณฝึกจิต เจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ เพราะเหตุปัจจัยมันอำนวยให้ได้พูด จากการเริ่มต้นของคุณกรัชกายครับ คงไม่นอกประเด็นกระทู้จนเกินไป เพราะนี่ก็จะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่แสดงให้คุณฝึกจิตได้ทราบว่า ไม่พบกันนาน ยังเหมือนเดิมหรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามกฎของ อนิจจัง.......สังขารทั้งหลาย เป็นอนิจจังไม่เที่ยง ทุกขัง ทนตั้งอยู่ไม่ได้.......ธรรมทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตา ดังที่โฮฮับว่า

:b36: :b36: :b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2013, 21:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
ในเน็ตไม่มีเหรอค่ะ หนังสือ "การรีดนมมจากเขาวัว"
เจอแต่ หนังสือ "ทางเดินสู่พระนิพพาน"กำลังอ่านอยู่ค่ะ :b1: :b41: :b55: :b49:


ได้อ่านหนังสือ "ทางเดินสู่พระนิพพาน"นิดเดียวเองค่ะ
แล้วไปหาอ่านในเน็ตได้ที่ไหนล่ะค่ะเนี่ยะ :b7:

:b8:
ผมมีต้นฉบับดั้งเดิมอยู่ถ้าค้นเจอแล้วจะนำมาโพสต์ให้อ่านกันนะครับ อดใจรอสักนิดหนึ่งครับ
:b27: :b27:

อ่านเรื่องและธรรมมะหลวงพ่อธีได้ที่เวบไซต์ htp://members.thai.net/makka8
สนทนา ที่ ariya4@hotmail.com




แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 82 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร