วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2025, 00:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2014, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5383


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล เจ้าศากยะ พระนามว่า มหานามะ
ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วประทับนั่ง
ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผล ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่
ด้วยวิหารธรรมชนิดไหนเป็นส่วนมาก พระเจ้าข้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกร มหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผล
ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก คือ อริยสาวก
ในพระศาสนานี้ ย่อมระลึกถึงพระตถาคตเนือง ๆ ว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ทรงถึง
พร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ
ที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้
เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม ดูกร มหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อม
ระลึกถึงพระตถาคตเนือง ๆ สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะ
กลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว
ก็อริยสาวก ผู้มีจิตดำเนินไปตรงเพราะปรารภพระตถาคต ย่อมได้ความ
รู้อรรถ ย่อมได้ความรู้ธรรม ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม
เมื่อได้ความปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ เมื่อมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อม
สงบ ผู้มีกายสงบแล้ว ย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น ดูกร มหานามะ
นี้อาตมภาพ กล่าวว่า อริยสาวกเป็นผู้ถึงความสงบเรียบร้อยอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์
ยังไม่สงบเรียบร้อย เป็นผู้ไม่มีความพยาบาทอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังมีความ
พยาบาท เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญพุทธานุสติ.
ดูกร มหานามะ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระธรรมเนือง ๆ
ว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อันผู้บรรลุจะพึงเห็นเอง
ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน อันวิญญูชนจะพึง
รู้เฉพาะตน ดูกร มหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระธรรมเนือง ๆ
สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม. . . ก็อริยสาวก ผู้มีจิต
ดำเนินไปตรงเพราะปรารภพระธรรม ย่อมได้ความรู้อรรถ. . . เป็นผู้ถึงพร้อม
ด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญธัมมานุสติ.
ดูกร มหานามะ อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมระลึกถึงพระสงฆ์เนือง ๆ
ว่า สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ปฏิบัติดีแล้ว เป็นผู้ปฏิบัติตรงแล้ว
เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อญายธรรม เป็นผู้ปฏิบัติชอบ นี้คือคู่บุรุษ ๔ คู่ บุรุษบุคคล ๘
นั่นคือสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ
ควรของทำบุญ ควรกระทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งไป
กว่า สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระสงฆ์เนือง ๆ สมัยนั้น จิตของอริยสาวก
นั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม. . . ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไปตรงเพราะปรารภ
พระสงฆ์ ย่อมได้ความรู้อรรถ . . . เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญ
สังฆานุสติ.
ดูกร มหานามะ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมระลึกถึงศีลของตนเนือง ๆ
ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไท อันวิญญูชนสรรเสริญ อันตัณหา
ทิฏฐิไม่ยึดถือ เป็นไปพร้อมเพื่อสมาธิ ดูกร มหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อม
ระลึกถึงศีลของตนเนือง ๆ สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม. . .
ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไปตรง เพราะปรารภศีล ย่อมได้ความรู้อรรถ . . .
เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญสีลานุสติ.
ดูกร มหานามะ อีกประการหนึ่ง อริยสาวก ย่อมระลึกถึงการบริจาคของ
ตนเนือง ๆ ว่า เป็นลาภของเราหนอ เราได้ดีแล้วหนอ คือ เมื่อหมู่สัตว์ถูกมลทิน
คือ ความตระหนี่กลุ้มรุม เรามีใจปราศจากมลทินคือความตระหนี่อยู่ครองเรือน
เป็นผู้มีจาคะอันปล่อยแล้ว มีฝ่ามืออันชุ่ม (คอยหยิบของบริจาค) ยินดีในการเสีย
สละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนกทาน ดูกร มหานามะ สมัยใด อริยสาวก
ย่อมระลึกถึงการบริจาคเนือง ๆ สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะ
กลุ้มรุม. . . ก็อริยสาวก ผู้มีจิตดำเนินไปตรงเพราะปรารภจาคะ ย่อมได้
ความรู้อรรถ. . . เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญจาคานุสติ.
ดูกร มหานามะ อีกประการหนึ่ง อริยสาวกย่อมเจริญเทวตานุสติ
(ความระลึกถึงเทวดาเนือง ๆ) ว่า เทวดาเหล่าจาตุมหาราชมีอยู่ เทวดาเหล่า
ดาวดึงส์มีอยู่ เทวดาเหล่ายามามีอยู่ เทวดาเหล่าดุสิตมีอยู่ เทวดาเหล่า
นิมมานรดี มีอยู่ เทวดาเหล่าปรนิมมิตวสวัสดี มีอยู่ เทวดาเหล่าพรหมกายิกา
มีอยู่ เทวดาที่สูงกว่าเหล่าพรหมนั้นมีอยู่ เทวดาเหล่านั้น ประกอบด้วยศรัทธา
เช่นใด จุติจากโลกนี้แล้วอุบัติในเทวดาชั้นนั้น ศรัทธาเช่นนั้น แม้ของเรา
ก็มีอยู่เ ทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยศีลเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดา
ชั้นนั้น ศีลเช่นนั้นแม้ของเราก็มีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยสุตะเช่นใด
จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดาชั้นนั้น สุตะเช่นนั้นแม้ของเราก็มีอยู่ เทวดา
เหล่านั้นประกอบด้วยจาคะเช่นใด จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดาชั้นนั้น
จาคะ เช่นนั้นแม้ของเราก็มีอยู่ เทวดาเหล่านั้นประกอบด้วยปัญญาเช่นใด
จุติจากโลกนี้แล้ว อุบัติในเทวดาชั้นนั้น ปัญญาเช่นนั้นแม้ของเราก็มีอยู่
ดูกร มหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ
และปัญญา ของตนและของเทวดาเหล่านั้นเนือง ๆ สมัยนั้น จิตของอริยสาวก
นั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ย่อมไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม ย่อมไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม
ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไปตรงเพราะปรารภ
เทวดา ย่อมได้ความรู้อรรถ ย่อมได้ความรู้ธรรม ย่อมได้ความปราโมทย์อัน
ประกอบด้วยธรรม เมื่อได้ความปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ เมื่อมีใจประกอบ
ด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้วย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข จิตย่อมตั้งมั่น
ดูกร มหานามะ นี้อาตมภาพกล่าวว่า อริยสาวกเป็นผู้ถึงความสงบเรียบร้อยอยู่
ในเมื่อหมู่สัตว์ไม่สงบเรียบร้อย เป็นผู้ไม่มีความพยาบาทอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยัง
มีความพยาบาทกันอยู่ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยกระแสธรรม ย่อมเจริญเทวตานุสติ
ดูกร มหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผล ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่
ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก.


บทว่า มหานาโม ได้แก่เจ้าศากยะองค์หนึ่ง ผู้เป็นพระราชโอรส
แห่งพระเจ้าอาของพระทศพล. บทว่า เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ความ
ว่า ท้าวเธอเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว ห้อมล้อมไปด้วยทาสและบริวารชน
ให้คนถือเอาของหอมและระเบียบ เป็นต้น แล้วได้เสด็จไปในที่ที่พระบรม
ศาสดาประทับอยู่. (พระอริยสาวก) ชื่อว่า อาคตผโล เพราะมีอริยผลมา
ถึงแล้ว. ชื่อว่า วิญฺญาตสาสโน เพราะมีคำสอนคือสิกขา ๓ อันท่าน
รู้แจ้งแล้ว. พระราชา (เจ้าศากยะพระนามว่า มหานาม) นี้ เมื่อจะทูลถามว่า
ข้าพระองค์ทูลถามถึงวิหารธรรมอันเป็นที่อาศัยของพระโสดาบัน ดังนี้
จึงกราบทูลอย่างนี้.
บทว่า เนวสฺส ราคปริยุฏฺฐิตํ ความว่า (จิตของพระอริยสาวกนั้น)
ไม่ถูกราคะที่เกิดขึ้น รุมรึงไว้. บทว่า อุชุคตํ ความว่า (จิตของพระอริยสาวกนั้น)
ดำเนินตรงไป ในพุทธานุสติกัมมัฏฐาน. บทว่า ตถาคตํ อารพฺภ ได้แก่ปรารภ
พระคุณของพระตถาคตเจ้า.
บทว่า อตฺถเวทํ ได้แก่ปีติและปราโมทย์ที่เกิดขึ้น อาศัยอรรถกถา.บทว่า
ธมฺมเวทํ ได้แก่ปีติและปราโมทย์ ที่เกิดขึ้นอาศัยบาลี. บทว่า
ธมฺมูปสญฺหิตํ ได้แก่ ปีติและปราโมทย์ ที่เกิดขึ้นอาศัยทั้งพระบาลี และ
อรรถกถา. บทว่า ปมุทิตสฺส ความว่า แก่ผู้ที่ปราโมทย์แล้ว ด้วยความ
ปราโมทย์ ๒ อย่าง. บทว่า ปีติ ชายติ ความว่า ปีติ ๕ อย่าง ย่อมบังเกิด.
บทว่า กาโย ปสฺสมฺภติ ความว่า ทั้งนามกาย ทั้งกรชกายย่อมสงบระงับ
ด้วยธรรมเป็นเครื่องสงบระงับซึ่งความกระวนกระวาย. บทว่า สมาธิยติ ความว่า
ย่อมตั้งมั่นโดยชอบ ในอารมณ์. บทว่า วิสมคตาย ปชาย ความว่า
ในสัตว์ทั้งหลายผู้ถึงความไม่สงบ เพราะราคะ โทสะและโมหะ. บทว่า
สมปฺปตฺโต ความว่า เป็นผู้ถึงความสงบ สม่ำเสมอ. บทว่า สพฺยาปชฺฌาย
แปลว่า ผู้มีทุกข์ร้อน. บทว่า ธมฺมโสตํ สมาปนฺโน ความว่า เป็นผู้ถึง
กระแสธรรมกล่าวคือ วิปัสสนา.
บทว่า พุทฺธานุสฺสตึ ภาเวติ ความว่า ย่อมเพิ่มพูน คือเจริญ
พุทธานุสติกัมมัฏฐาน. ในบททั้งปวง พึงทราบความโดยนัยนี้. เจ้าศากย
มหานามะ ทูลถามถึงวิหารธรรม เป็นที่อาศัยของพระโสดาบัน ด้วยประการ
ดังพรรณนามาฉะนี้. แม้พระบรมศาสดา ก็ตรัสวิหารธรรมเป็นที่อาศัย
ของพระโสดาบันนั้นแหละ แก่ท้าวเธอด้วยประการฉะนี้. ในพระสูตรนี้
จึงเป็นอันตรัสถึงพระโสดาบันอย่างเดียวเท่านั้น ฉะนี้แล.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย

อนุสติฐานะ ที่ตั้งแห่งความระลึก ๖ นี้ อนุสติฐานะ ๖ เป็นไฉน คือ
พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ๑

ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม ๑

สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ ๑
สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๑

จาคานุสติ ระลึกถึงการบริจาคของตน ๑

เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา และธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ๑
นี้แล ภิกษุทั้งหลาย อนุสติฐานะ ๖




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2014, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2008, 09:20
โพสต์: 349


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สาธุค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร