วันเวลาปัจจุบัน 28 ส.ค. 2025, 02:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2014, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผีคืออะไร

คือพลังงานบางอย่างที่แยกจากร่างกายของสิ่งมีชีวิตเมื่อหมดลมหายใจ

คือจิตสังขารที่แยกออกจากรูปสังขารหรือที่เราเรียกว่าอรูปสังขาร

จริงหรือ?

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ธ.ค. 2014, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ถ้ายึดเอาตามความเชื่อของนักวิทยาศาสตร์แล้ว จะต้องบอกว่า มี หากมีอยู่แต่ในใจของแต่ละคนเท่านั้น

คณะนักวิจัยมหาวิทยาลัยคอลเลจ ที่กรุงลอนดอน ได้พบในการศึกษาเรื่องนี้ว่า เมื่อคนเราตกอยู่ ในบริเวณที่ไม่ค่อยจะมีแสงสว่างนัก สมองอาจถูกหลอกให้เห็นโน่นเห็นนี่ ซึ่งไม่ได้มีอยู่จริงได้ “สิ่งแวดล้อมในที่เราอยู่นับว่าสำคัญมาก บางทีมันอาจจะข่มหลักฐานตามที่ตาเราเห็นไปได้ และอาจจะทำให้เราทึกทักว่าเราเห็นมัน”
หนังสือพิมพ์รายวัน “เดอะ เดลี่ เทเลกราฟ” ฉบับใหญ่ของอังกฤษ รายงานข่าวต่อไปว่า ศาสตราจารย์ หลี่ เจาปิง หัวหน้านักวิจัย บอกให้รู้ว่า พวกนักมายากลได้ล่วงรู้ถึงปรากฏการณ์ อันนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อเขาโยนลูกบอลขึ้นไปในอากาศ ตามด้วยลูกที่ 2 และ 3 ครั้นแล้วลูกที่สามจะเกิดหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่อันที่จริงแล้ว บางทีลูกที่ 3 ไม่มีจริงเลย หากแต่ สมองของเราถูกสิ่งแวดล้อมหลอกเอา กลับบอกตัว เราว่าให้เรานึกว่าเห็นเขาโยนลูกทีละลูก รวมเป็น 3 ลูกจริง

         เหตุที่ตาเราฝาด เห็นอสุรกาย ปรากฏออกมาจากเงามืด ก็ทำนองเดียวกันนี้แหละ เพราะที่ซึ่งเป็นเงามืดมองเห็นไม่ค่อยชัดอยู่แล้ว ดังนั้น จึงมักทำให้นึกวาดภาพต่อเติมให้เห็นเป็นตัวเป็นตนไป...

         อย่างไรก็ตาม ผีในทัศนะของนักวิทยาศาสตร์ไทยเช่น ศ.ดร.นพ.เทพพนม เมืองแมน กล่าวว่า ผีมีจริงและแพ้คลื่นโทรศัพท์มือถือ โดยกล่าวอ้างถึงการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษว่าผีเป็นพลังงานในลักษณะที่คล้ายพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งปัจจุบันนี้การใช้โทรศัพท์มือถือเป็นไปอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ผีซึ่งเป็นพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นสั้นปรากฏตัวน้อยลง เพราะไหลไปรวมในบริเวณที่ ๆ มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อย สอดคล้องกับความเห็นของนักวิทยาศาสตร์ไทยอีกคน คือ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล ว่า ผีเป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แต่การที่ใช้โทรศัพท์มากขึ้นนั้นไม่ถือว่าเป็นการไล่ผี แต่เป็นการถ่ายเทคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปยังอีกจุดหนึ่งมากกว่า และในทางกลับกันการใช้มือถือซึ่งมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาก อาจทำให้เห็นภาพต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งไม่คิดว่า เป็นผีเพราะมนุษย์มีความรู้ในการพิจารณา การถ่ายภาพหรือวิดีโอแล้วมีภาพหรือเงาที่อธิบายไม่ได้ปรากฏนั้น ในอนาคตก็จะเห็นมากขึ้น เพราะวิทยาการล้ำหน้า เครื่องถ่ายภาพสามารถจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้มา
       
        ได้มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อ โดนัลด์ จี คาร์เพนเตอร์ (Dr. Donald G. Carpenter) ศึกษาสิ่งที่เรียกว่าผีจากรายงานทั่วโลกและได้ข้อสรุปทางฟิสิกส์ต่าง ๆ ดังนี้


นิยามของคำว่าผี

 1. ผีอยู่ภายใต้กฏของฟิสิกส์

 2. ผีไม่ใช่เรื่องมายากล ไม่ใช่ปาฎิหาริย์ และไม่ใช้เรื่องนอกเหนือกฎธรรมชาติข้อใด ๆ ทั้งสิ้น

 3. ในการปรากฏกายของผีโดยเฉลี่ยแล้ว "ร่าง" ของผีจะกินเนื้อที่เป็นปริมาณ ประมาณ 0.07 ลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นปริมาตรเฉลี่ยเท่ากับคนธรรมดาที่มีน้ำหนักตัวประมาณ 70 กิโลกรัม

วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ได้แน่หรือ?

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2014, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ผีแนวพุทธ

คนที่มีชีวิตจะประกอบขึ้น ๒ ส่วนแบบเห็นได้ง่ายๆ คือ กาย กับ ใจ
เมื่อถึงเวลาในที่สุด กาย กับ ใจ ก็ต้องแยกทางกัน เหลือไว้ให้เห็นคือ กาย
เราจะเรียกว่า ผี เช่นว่าไปเผา ผี เป็นต้น
ส่วนใจก็ต้องไปปฏิสนธิใหม่อีก(ยกเว้นพระอรหันต์) ในเมื่อตัณหาและเจตนายังทำหน้าที่
เป็นผู้พาไป ในที่ๆใกล้ที่สุด(หมายถึงภพนี้กับภพหน้า) นัยนี้เกรี่นเป็นเพียงพอเข้าใจ

ผี แม้จะใช้คำเดียวแต่ในความหมาย ความคิดของแต่คนก็แตกต่างออกไป
เช่น ผีก็คือ จิตที่ออกจากร่างหรือวิญญาณที่ออกจากร่างเที่ยวล่องลอยหาที่เกิด
บางก็เรียกว่าวิญญาณพเนจร สัมภเวสี เปรต อสุรกาย เทวดา พรหม ไม่ว่าจะเรียกตรงไหน
ก็เป็นอันว่าถูกต้องทั้งนั้น เช่น

วิญญาณพเนจร หรือ สัมภเวสี แปลว่า ผู้ที่ยังแสวงหาที่เกิดเกิดอยู่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่
ก็ได้แก่ สัตว์ทั้งหลาย มี มนุษย์ เทวดา พรหม พระอริยบุคคล ๓ จำพวก มี พระโสดาบัน
พระสกทาคามี พระอนาคามี ก็ยังจัดได้ว่าเป็นสัมภเวสี หมายถึงว่าท่านยังต้องเกิดอยู่
แต่ท่านทว่าพระอริยะบุคคลเหล่านี้ แม้ถึงยังเกิดอยู่ท่านก็มีที่สิ้นสุด

เปรต อสุรกาย หรือเทวดา พรหม ล้วนแล้วก็เกิดแล้วทั้งสิ้นมีภพภูมิมีที่อยู่ในสถานะของตนๆ
ถ้าพูดกันในความหมายนี้ ผีนั้นมีอยู่จริงแต่เราไม่สามารถเห็นด้วยตา เพราะเขาเป็นภพที่กายละเอียด
รูปละเอียด ดังจะเห็นได้ว่าสัตว์เหล่านี้ล้วนแล้วประกอบไปด้วยขันธ์ ๕
เมื่อประกอบด้วยขันธ์ ๕ ก็ต้องมีรูปขันธ์อยู่ด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร