ทั้งหมดจักรวาลนี้...มีแค่สิ่งสองสิ่ง...เท่านั้น

คือ...มีอยู่จริง...กับ...มีอยู่ไม่จริง

ความคิดหนึ่งก็สอนตัวเองว่า...

ความปรารถณาได้คุณวิเศษอะไรก็แล้วแต่...จะเหาะเหินเดินอากาศได้..จะรู้ใจคนได้..แสดงฤทธิ์ไปต่างๆนานาได้..จะเป็นผู้รู้รอบรู้กว้างรู้ลึกสิ่งใดใดได้...และจะเป็นอะไรอะไรที่วิเศษก็แล้วแต่....ก็ใช้มันได้แค่ตอนมีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น..นิพพานไปแล้วก็ไม่รู้จะไปเหาะให้ใครดู...ไม่รู้จะรู้ใจคนไปทำไม..ฤทธิ์ต่างๆที่มีก็ไม่รู้จะใช้ทำอะไร...รู้รอบรู้กว้างรู้ลึกแล้วจะรู้ไปบอกใคร...อะไรอะไรที่พิเศษที่ตนชอบก็ไม่มีประโยชน์อะไรเมื่อนิพพานไปแล้ว...

แล้ว...จะลำบากทำมันขึ้นมาทำไม?...แสดงได้ก็แต่บนโลกซึ่งก็อยู่ได้ไม่นาน...

เอ้นี้..คนเรามันทุกข์ก็กับแต่ของที่..มีอยู่ไม่จริง...ทั้งนั้นเลยเด้..

สอนตัวเอง....??
แปลว่า ดื้อ ไม่ยอมเลิก ใช่มั้ยคะ

มันเลิกยาก....

ทั้งๆที่ไม่รู้..ว่าจะเลิกอะไร..

ตามหัวข้อกระทู้ที่เจ้าของตั้งไว้
ทั้งหมดจักรวาลนี้...มีแค่สิ่งสองสิ่ง...เท่านั้น

ถ้าจะสรุปให้สั้นและรัดกุมที่สุด
ในโลกนี้และในจักรวาลทั้งหมด มีของอยู่ ๒ สิ่ง คือมี รูปกับนาม

รึ..จะว่า...

สุข...กับ...ทุกข์ ( บ่แม่นเวทนา..เด้อละ)

ก็คงพอได้นะครับ...

ไม่ได้นะ จะเอาเวทนามาใช้ แล้วอุเบกขาเวทนาล่ะ

แล้วรูปทั้งหมดล่ะ ที่ไม่มีใจครองเอาไปไว้ไหน

ก็อุตส่าวงเล็บว่า..ไม่ใช่สุข..ทุกข์...แบบเวทนา(เวทนา 3)แล้วนะ... คับ

สุข..ก็สุขแบบ..." นิพพานัง ปรมังสุขัง " พระนิพพานเป็นสุขยิ่ง

ส่วนทุกข์...ก็ที่เราเจอๆอยู่นี้..แหละคับ

ส่วนรูปที่ไม่มีวิญญาณครอง...ถ้าเรายึดว่ามันเป็นของเรา...ทุกข์แน่....หากไม่ยึด...ย่อมเป็นสุข

ยึด...ทุกข์ ไม่ยึด...สุข
ยึดทั้งหมด....ทุกข์ทั้งหมด
ไม่ยึดทั้งหมด...ก็ปราศจากทุกข์ ( ความไม่ทุกข์ เป็นชื่อหนึ่งของสุข)

ดั่งคำในพรหมชาลสูตร..ว่าด้วยทิฏฐิ 62
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... A=0&Z=1071
.............................
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องนี้ตถาคตรู้ชัดว่า ฐานะเป็นที่ตั้งแห่งทิฏฐิเหล่านี้ อันบุคคลถือไว้
อย่างนั้นแล้ว ยึดไว้อย่างนั้นแล้ว ย่อมมีคติอย่างนั้น มีภพเบื้องหน้าอย่างนั้น และตถาคตย่อมรู้เหตุนั้นชัด ทั้งรู้ชัดยิ่งกว่านั้น ทั้งไม่ยึดมั่น ความรู้ชัดนั้นด้วย เมื่อไม่ยึดมั่นก็ทราบความเกิดขึ้นความดับไป คุณและโทษของเวทนาทั้งหลาย กับอุบายเป็นเครื่องออกไปจากเวทนาเหล่านั้นตามความเป็นจริง จึงทราบความดับได้เฉพาะตน เพราะไม่ถือมั่น ตถาคตจึงหลุดพ้น.
....................................

แม้ความรู้ชัด...ก็ไม่ยึดมั่น

สุข กับ ทุกข์ ไม่ใช่ในเวทนา ๓ แล้วมันคืออะไร?

" นิพพานัง ปรมังสุขัง " พระนิพพานเป็นสุขยิ่ง

ถามความเห็นลุงก่อนว่า...ปรมังสุขัง...ตัวนี้....เป็นเวทนาหรือไม่เป็น..คับ?

อะไรของลุง...เขานะเนี้ย...

ขำๆนะ..
หาสัญญา..ให้เจอซะสิ..จะได้ตัดสินใจไปซะ..ว่าจะต่อสัญญารึเปล่า

แม้มันจะคือ กิเลส ตัวหนึ่งนะ
แต่.....เพื่ออะไร เพื่อเรา...หรือเพื่อใคร
ไอเดียว่า..ถ้าสัญญามันเริ่มชัด
มันก็วัดใจหนักหน่อยนะ......ที่จะต้องเสียสละ....เพื่อคนหมู่มาก....
แต่ก็ทำให้รู้ได้..ว่าไม่ใช่..การอยากได้อยากมี..เพื่อ.....
ใครหละ.....จะอยากอยู่ในกองขยะ ทั้งที่รู้ว่ามีคฤหาสรออยู่
อิอิ
จะเข้าใจใหมเนียะ

เพราะไม่ได้ศึกษาจึงตู่เอาสัญญามาเป็นกิเลสตัวหนึ่ง