วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 06:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 12:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีคนเป็นโรคเรื้อนยาจกคนหนึ่งเห็นมหาชนประชุมกัน ก็เข้าใจว่าคงจะแจกของอะไรให้เป็นทาน พอเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่าเขาเข้าฟังธรรมของพระพุทธเจ้ากัน  ก็เลยคิดว่าอย่างนั้นเราเป็นบุคคลน่ารังเกียจ จะไปฟังธรรมร่วมกับเค้าไม่ได้ จึงฟังธรรมอยู่ท้ายแถว พระองค์ทรงเทศน์ให้รู้ว่า ธรรมอันใดแลย่อมเกิดแต่เหตุ พระองค์ทรงสอนให้รู้จักเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น ให้รู้ถึงความเกิดและความดับของธรรมเหล่านั้น เหตุเกิดก็เกิดที่ตา ดับก็ดับที่ตา เกิดก็เกิดที่หู ดับก็ดับที่หู เกิดก็เกิดที่ใจ ดับก็ดับที่ใจ รู้ทันต้นเหตุคือตัวจะ ก็เกิดขึ้นมาเป็นธรรมดาและดับไปเป็นธรรมดา บุรุษโรคเรื้อนก็ได้ดวงตาเห็นธรรมก็รู้ชัดว่าธรรมอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นมาเป็นธรรมดา ธรรมนั้นก็ทั้งปวงก็ดับไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา ครั้งนั้น ท่าวสักกะเทวะราชเกิดความอัศจรรย์จึงถามบุรุษโรคเรื้อนว่าท่านได้คุณวิเศษณ์อะไร บุรุษโรคเรื้อนก็บอกว่า ได้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ท้าวสักกะก็เลยทดสอบ ถ้าท่านเลิกนับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเราให้ทิพยสมบัติทั้งหมด เอาไหม บุรุษนั้นบอกว่าเราร่ำรวยมากกว่าท่านอีกเราจะมาเอาทำไมกับสมบัติอันน้อยนิดนั้น ท้าวสักกะเทวราชก็เกิดความสงสัยเข้าไปถามพระศาสดาว่า ที่เค้าบอกว่าเค้ายิ่งใหญ่กว่าจริงหรือ พระศาสดาก็ตอบว่า คำว่าพระอริยโสดาบันนั้น ยิ่งใหญ่กว่าเทดา มาร อินทร์ พรม ยม ยักษ์ เพราะว่าเค้าเป็นพุทธบุตรเชื้อสายอริยะ เพราะฉะนั้น ความยิ่งใหญ่และอำนาจ อะไรที่จะใหญ่เกินกว่าความรู้ทันเป็นไม่มี แค่คนรู้ทันคนเดียวก็เอาชนะคนรู้ไม่ทันได้ทั้งหมด แล้วจะยึดถือไปทำไมให้ถึงจุดบ้า สมกับคำที่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่าบุคคลบ้าไปเพราะความยึดถือในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่าเป็นเรา เป็นของๆ เรา  หน้าที่ของเราทำดีเผยแพร่ดี แค่นี้ก็คุ้มแล้ว ถ้าทำไม่ดีเผยแพร่ไม่ดี ก็ไม่มีความเป็นคน จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2015, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
มีคนเป็นโรคเรื้อนยาจกคนหนึ่งเห็นมหาชนประชุมกัน ก็เข้าใจว่าคงจะแจกของอะไรให้เป็นทาน พอเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่าเขาเข้าฟังธรรมของพระพุทธเจ้ากัน  ก็เลยคิดว่าอย่างนั้นเราเป็นบุคคลน่ารังเกียจ จะไปฟังธรรมร่วมกับเค้าไม่ได้ จึงฟังธรรมอยู่ท้ายแถว พระองค์ทรงเทศน์ให้รู้ว่า ธรรมอันใดแลย่อมเกิดแต่เหตุ พระองค์ทรงสอนให้รู้จักเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น ให้รู้ถึงความเกิดและความดับของธรรมเหล่านั้น เหตุเกิดก็เกิดที่ตา ดับก็ดับที่ตา เกิดก็เกิดที่หู ดับก็ดับที่หู เกิดก็เกิดที่ใจ ดับก็ดับที่ใจ รู้ทันต้นเหตุคือตัวจะ ก็เกิดขึ้นมาเป็นธรรมดาและดับไปเป็นธรรมดา บุรุษโรคเรื้อนก็ได้ดวงตาเห็นธรรมก็รู้ชัดว่าธรรมอันใดอันหนึ่งเกิดขึ้นมาเป็นธรรมดา ธรรมนั้นก็ทั้งปวงก็ดับไปเป็นธรรมดา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา ครั้งนั้น ท่าวสักกะเทวะราชเกิดความอัศจรรย์จึงถามบุรุษโรคเรื้อนว่าท่านได้คุณวิเศษณ์อะไร บุรุษโรคเรื้อนก็บอกว่า ได้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งแล้ว ท้าวสักกะก็เลยทดสอบ ถ้าท่านเลิกนับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วเราให้ทิพยสมบัติทั้งหมด เอาไหม บุรุษนั้นบอกว่าเราร่ำรวยมากกว่าท่านอีกเราจะมาเอาทำไมกับสมบัติอันน้อยนิดนั้น ท้าวสักกะเทวราชก็เกิดความสงสัยเข้าไปถามพระศาสดาว่า ที่เค้าบอกว่าเค้ายิ่งใหญ่กว่าจริงหรือ พระศาสดาก็ตอบว่า คำว่าพระอริยโสดาบันนั้น ยิ่งใหญ่กว่าเทดา มาร อินทร์ พรม ยม ยักษ์ เพราะว่าเค้าเป็นพุทธบุตรเชื้อสายอริยะ เพราะฉะนั้น ความยิ่งใหญ่และอำนาจ อะไรที่จะใหญ่เกินกว่าความรู้ทันเป็นไม่มี แค่คนรู้ทันคนเดียวก็เอาชนะคนรู้ไม่ทันได้ทั้งหมด แล้วจะยึดถือไปทำไมให้ถึงจุดบ้า สมกับคำที่พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่าบุคคลบ้าไปเพราะความยึดถือในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณว่าเป็นเรา เป็นของๆ เรา  หน้าที่ของเราทำดีเผยแพร่ดี แค่นี้ก็คุ้มแล้ว ถ้าทำไม่ดีเผยแพร่ไม่ดี ก็ไม่มีความเป็นคน จะคิดดับๆ

จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์

:b12:
กิเลสแปลว่าความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มี ธัมมะคือสิ่งที่มีจริง
ปัญญาคือความเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆด้วยจิตผู้รู้
อำนาจที่ทรงแสดงคืออำนาจของปัญญาที่ดับอวิชชา
ทำให้กิเลสที่เคยมีมาดับไป คนเป็นเรื้อนทำสมาธิ
ในการฟังคำของพระพุทธเจ้าจนถึงบรรลุสัจจะ
เห็นความเกิด-ดับที่ไม่มีตัวตนแล้วจะเอา
ทรัพย์สินเงินทองมากองท่วมหัวก็ซื้อไม่ได้
ไม่อยู่ในฐานะที่จะยกให้ใครได้จึงเป็นความยิ่งใหญ่เฉพาะบุคคลนั้น
ที่ถึงสำเร็จมรรคผลด้วยจิตตนโดยไม่มีคำว่าย้อนกลับมาเป็นปุถุชนถาวรนะ
จิตพ้นแล้วและนั่นไม่ใช่การจดจำคำใดๆของผู้เป็นโรคเรื้อนแต่เป็นจิตหลุดพ้นโลก
และเป็นความจริงของการได้พึ่งคำที่ได้เงี่ยโสตลงสดับฟังขณะที่กำลังแสดงคำจริงจากพระโอษไง
:b8:
:b44: :b44:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron