ลองออกแบบ ขันธ์5ในรูปแบบของตาราง
คิดว่าเป็นอย่างไรบ้างครับ

รู้สึกมองไม่ค่อยชัด
ลองภาพนี้

ลำดับมันเป็นอย่างนี้นะครับคุณ student ลองเขียนรูปใหม่ครับ


ผัสสะ...รูป...วิญญาณ.....สัญญา......เวทนา.......สังขาร

ธาตุ4ประชุมกันปรากฎรูป มีนาม ปรากฎขันธ์5

มีสัญญา เวทนา สังขารและวิญญาณ แล่นไปทั่ว

เกี่ยวโยงกัน รอวันแยกแตกสลาย

ขันธ์5 ไม่มีผัสสะครับ

ผัสสะอยู่ในปฎิจจสมุปบาท

ผัสสะมีความหมายอยู่ในตัวแล้วคือ วิญญาณ + อายตนะใน +อายตนะนอก

ขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕

ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงขันธ์ ๕ และอุปาทานขันธ์ ๕ เธอทั้งหลายจงฟัง

ขันธ์ ๕ เป็นไฉน ?
รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง
ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม
หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม...เหล่านี้
เรียกว่า ขันธ์ ๕"


อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน ?
รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ อันใดอันหนึ่ง
ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต ปัจจุบัน เป็นภายในก็ตาม ภายนอกก็ตาม
หยาบก็ตาม ละเอียดก็ตาม ทรามก็ตาม ประณีตก็ตาม ไกลหรือใกล้ก็ตาม
ที่ประกอบด้วยอาสวะ เป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน...เหล่านี้ เรียกว่า อุปาทานขันธ์ ๕"
(สํ.ข. ๑๗ / ๙๕-๙๖ /๕๘-๖๐)




ภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมทั้งหลายซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
และตัวอุปาทาน เธอทั้งหลายจงฟัง.

รูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ
คือธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งอุปาทาน
ฉันทราคะ(ตัณหา)ในรูป...เวทนา..สัญญา...สังขาร...วิญญาณ
นั้นคือ อุปาทานในสิ่งนั้นๆ
(สํ.ข. ๑๗ / ๓๐๙ / ๒๐๒)








ว่าด้วยธรรมที่ควรกำหนดรู้


[๒๘๙] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย

เราจักแสดงธรรมที่ควรกำหนดรู้

ความกำหนดรู้

และบุคคลผู้กำหนดรู้แล้ว แก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง.




[๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ควรกำหนดรู้เป็นไฉน?

คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ธรรมที่ควรกำหนดรู้





[๒๙๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความกำหนดรู้เป็นไฉน?

ความสิ้นไปแห่งราคะ

ความสิ้นไปแห่งโทสะ

ความสิ้นไปแห่งโมหะ.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า ความกำหนดรู้







[๒๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็บุคคลผู้กำหนดรู้แล้วเป็นไฉน?

บุคคลผู้กำหนดรู้แล้ว ควรจะกล่าวว่าพระอรหันต์ กล่าวคือ
ท่านผู้มีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า บุคคลผู้กำหนดรู้แล้ว.
(พระไตรปิฎก เล่มที่๑๗/๒๘๙)





๔. ปริญเญยยสูตร
ว่าด้วยธรรมที่ควรกำหนดรู้

[๓๖๙] พระนครสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัส
กะท่านพระราธะว่า


ดูกรราธะ เราจักแสดงปริญเญยยธรรม
ธรรมอันบุคคลควรกำหนดรู้
ปริญญาความกำหนดรู้
และปริญญาตาวีบุคคล
บุคคลผู้กำหนดรู้ เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว
ท่านพระราธะ รับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรราธะ
ปริญเญยยธรรมเป็นไฉน?


ดูกรราธะ
รูปแลเป็นปริญเญยยธรรม
เวทนาเป็นปริญเญยยธรรม
สัญญาเป็นปริญเญยยธรรม
สังขารเป็นปริญเญยยธรรม
วิญญาณเป็นปริญเญยยธรรม
ดูกรราธะ ธรรมเหล่านี้เรากล่าวว่า ปริญเญยยธรรม:



ดูกรราธะ ปริญญาเป็นไฉน?

ความสิ้นราคะ

ความสิ้นโทสะ

ความสิ้นโมหะ

นี้เรากล่าวว่าปริญญา.







ดูกรราธะ ปริญญาตาวีบุคคลเป็นไฉน?

ผู้ที่เขาพึงเรียกกันว่า พระอรหันต์ คือ
ท่านผู้มีชื่ออย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้

ดูกรราธะ ผู้นี้เรากล่าวว่า
ปริญญาตาวีบุคคล.

จบ สูตรที่ ๔.

ทิ้งไปโลด
วุ่นวาย ครับ
ขันธ์ 5 เป็นความสัมพันธ์ของ กายกับจิต
อุปาทานขันธ์ 5 เรื่องของจิตล้วนๆ
ไม่ต้องวุ่นวายไปออกแบบไรหรอกครับ

อนุโมทนาครับทุกๆท่าน

ออกแบบไว้ครับ

เผื่อไว้ทำเหรียญพระเครื่องเป็นที่ระลึกให้ทางวัด

ตอนนี้กำลังเรียน ภาษาบาลีด้วย เรียนด้วยตนเองครับ

ทางเวปทางอะไรนี่แหละ ก็จะเขียนภาษาบาลีแทนภาษาไทย คำว่า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

จะได้ไม่ไปลอกเอาลายพิมพ์ตารางของคนอื่นๆ

ปีที่แล้วก็ทำเหรียญพระเครื่องถวายวัดไปครั้งหนึ่งแจกจ่ายผู้คนทั้งหลาย

ก็สนุกดีครับ เป็นความรู้ ออกแบบเองด้านหน้าวาดรูปพระประธาน แต่ปรึกษาเพื่อนช่วยออกแบบลาย ยันต์ด้านหลัง นั่นเป็นอีกจุดประกายให้เรียนภาษาบาลีเพราะผมเองไม่รู้เรื่องเลย

แฟนบอกว่าทำครั้งเดียวก็พอแล้ว หรือ รอๆ เว้นไว้สัก3-4 ปีค่อยทำใหม่

คิดว่าเป็นการสืบทอดประเพณีไทยอีกทางหนึ่งครับผม

อืม!!!!!!!!
พอดียังไม่ทันได้เขียนเป็นรูป เลยทำให้คุณ student เข้าใจไปอีกอย่างครับ

เพราะมีผัสสะก่อน มันจึงจะเกิดกระบวนการของขันธ์ 5 ขึ้นมา
ผมเลยเอาผัสสะมาตั้งไว้ข้างหน้า

แล้วลองสังเกตให้ดีๆนะครับว่าผมเรียงลำดับขันธ์ 5 ไว้ตามสภาวธรรมจริงๆที่พึงเกิดในจิต ไม่ใช่เรียงตามลำดับที่จำง่ายและนิยมเรียกหรือใช้กันว่า

รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

เวลาเกิดจริงๆนั้นเขาจะเกิดตามธรรมอย่างนี้

รูป....วิญญาณ......สัญญา.....เวทนา.....สังขาร

ลองนั่งหลับตา สังเกต พิจารณาเข้าไปในกายและจิตกันดูซิครับ

ทุกผัสสะ จะเกิดขันธ์ 5 ขึ้นมาครบตามลำดับที่แปลกหูแปลกตาที่ผมยกมานี้ พิสูจน์ดูกันด้วยปฏิบัติการจริงๆง่ายกันเดี๋ยวนี้ได้เลยนะครับ

ที่สังขารนั้นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งกรรม เพราะสังขารคือ มโนกรรม หลังจากนั้น วจีกรรม กายกรรม จะเกิดขึ้นมาตามลำดับแห่งธรรมถ้ายังมีอวิชชาคือความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกูของกู

ถ้าไม่มีอวิชชาคือความเห็นผิดยึดผิดว่ากายใจนี้เป็นอัตตา ตัวกูของกู ปัญญาจะเข้ามาแทรกระหว่างกลางเวทนาจะต่อไปหาตัณหา ทำให้สังขารปรุงไม่ขึ้นเพราะอัตตาทำงานไม่ได้ ใจถูกอนัตตาคือสภาพที่ปัญญา สติ มานั่งครองบัลลังก์ใจสั่งการแทน ตัณหาเลยไม่ทันได้เกิดหรือเกิดไม่ได้

ภาพของขันธ์ 5 จึงควรจะเกิดออกมาในรูปที่แสดงหรือวิเคราะห์ให้เห็นกระบวนการเกิดขึ้นหรือดับไปของตัณหาหรือสมุทัยเหตุทุกข์อันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรม

แต่พอมาเห็นวัตถุประสงค์ของคุณstudent ในตอนท้ายจึงได้ถึงบางอ้อว่ากระทู้นี้เกิดจากปฐมเจตนาอย่างนี้ จึงเห็นภาพขันธ์ 5 ออกมาเป็นรูบวงกลมหลายๆวงซ้อนกันคล้ายจะให้เป็นรูปพุทธรูปหรืออะไรสักอย่างไว้เป็นแผ่นยันต์กันคนหลงทาง ก็ยังน่าอนุโมทนาอยู่นะครับ
สาธุ

การสืบทอดเป็นเจตนาที่ดี
แต่การสืบสานด้วยเปลือกนอกหุ้มห่อสัจจะธรรม แม้จะมีส่วนช่วยรักษาคำสอนได้บ้าง
บางทีก็ควรทำด้วยความระมัดระวังครับ

อนุโมทนาครับคุณ อโสกะ คุณเช่นนั้น คุณwalaiporn

จะระมัดระวังครับในการกระทำต่างๆเพื่อไม่ให้เกิดความยึดถือ และเป็นเครื่องจูงใจในธรรมต่อไป