วันเวลาปัจจุบัน 05 ส.ค. 2025, 02:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


สำหรับผู้ที่จะรู้ว่าใครเป็นพระอริยบุคคลได้นั้น ต้องมีคุณธรรมที่เสมอกันหรือมากกว่า
ถ้าเป็นปุถุชนจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าท่านใดเป็นพระอริยะบุคคล
พระโสดาบันก็จะรู้ได้เพียงผู้ทีได้เป็นพระโสดาบันเท่านั้น สูงกว่านั้นท่านก็รู้ไม่ได้
ส่วนพระสกทาคามีก็จะรู้ได้ว่าใครได้เป็นพระสกทาคามี กับพระโสดาบัน สูงไปกว่านั้นรู้ไม่ได้
ส่วนพระะอนาคามีก็จะรู้ได้ว่าใครได้เป็นพระอนาคามี ใครได้เป็นพระสกทาคามี
และพระโสดาบัน สูงกว่านั้นก็จะรู้ไม่ได้
ส่วนพระอรหันต์ท่านจะรู้ทั้งหมดว่าใครสำเร็จพระอริยะบุคคลระดับใด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2015, 21:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b11: :b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 06:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้ามีใครมาบอกว่าผู้นั้นเป็นพระอริยะบุคคลขั้นนั้นขั้นนี้
ก็ขอให้แค่ฟังไว้เท่านั้นพอ ให้ถือหลักในกระทู้ข้างบนเป็นตัวตัดสินใจที่จะเชื่อ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 07:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ถ้ามีใครมาบอกว่าผู้นั้นเป็นพระอริยะบุคคลขั้นนั้นขั้นนี้
ก็ขอให้แค่ฟังไว้เท่านั้นพอ ให้ถือหลักในกระทู้ข้างบนเป็นตัวตัดสินใจที่จะเชื่อ


เห็นด้วย..ครับ

ผมคิดนะ....เราทำถึงเมื่อไร..เราก็รู้เองแหละ.. :b11: .

แต่ก็มีหลายราย..นะ...แม้เราไม่ถึง..แต่ก็รู้..เพราะท่านเหล่านั้นพากันแพ้ภัยตัวเอง..ไปซะก่อน :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 07:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ถ้ามีใครมาบอกว่าผู้นั้นเป็นพระอริยะบุคคลขั้นนั้นขั้นนี้
ก็ขอให้แค่ฟังไว้เท่านั้นพอ ให้ถือหลักในกระทู้ข้างบนเป็นตัวตัดสินใจที่จะเชื่อ


เห็นด้วย..ครับ

ผมคิดนะ....เราทำถึงเมื่อไร..เราก็รู้เองแหละ.. :b11: .

แต่ก็มีหลายราย..นะ...แม้เราไม่ถึง..แต่ก็รู้..เพราะท่านเหล่านั้นพากันแพ้ภัยตัวเอง..ไปซะก่อน :b7:


แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 07:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้สาธุว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น


สาธุ....มีหลายท่านบอกว่าพระองค์นั้นท่านเป็นพระอริยะขั้นนั้นขั้นนี้....อิอิ....โชว์โง่ชัด..แถมเป็นคนอวดรู้อีก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 08:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น



พระอนาคา รู้ได้ง่าย ยังไงครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น



พระอนาคา รู้ได้ง่าย ยังไงครับ s006

ท่านจะไม่มีอาการโกรธ หรือเสียใจให้เห็นเลย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 10:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น



พระอนาคา รู้ได้ง่าย ยังไงครับ s006

ท่านจะไม่มีอาการโกรธ หรือเสียใจให้เห็นเลย


แค่ไม่โกรธ กับไม่เสียใจ ยังไม่พอนะครับผมว่า :b23:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 11:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.พ. 2015, 21:06
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 12:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่จำเป็นจะต้องไปรู้ว่าใครจะได้หรือไม่ได้ แค่เรารู้ทันอย่างเดียวยังไม่ทันเลย เค้าเป็นก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเค้านิ ธรรมะของพระพุทธเจ้าศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ผู้ใดปฏิบัติถึงก็รู้ผลแล้ว...ใครปฏิบัติถึงก็คุ้มค่าแล้ว...แล้วไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครถึงขั้นไหนด้วย เพราะไม่มีประโยชน์อะไร... และเราไม่ได้สนใจวา่ใครจะถึงถึงขั้นไหน..แต่ธรรมะของพระพุทธเจ้าถึงอยู่แล้ว..

พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสว่า หากประสงค์ความสงบเป็นอันว่าสงบแล้ว ปราถนาจิตเป็นสมาธิ เป็นอันว่าเธอได้สมาธิแล้ว ปราถนาโสดาปฏิมรรค สกิทาคามิมรรค อนาคามีมรรค หรืออรหัตมรรค หรืออรหัตผลเป็นอันว่าเธอได้แล้ว เพราะเธอรู้ทันอยู่...สังเกตให้รู้ทันปัจจุบันตลอดเวลาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปตรวจดูใครเพราะถึงเเช็คไปก็ไม่มีสิทธิ์รู้หรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 12:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น



พระอนาคา รู้ได้ง่าย ยังไงครับ s006

ท่านจะไม่มีอาการโกรธ หรือเสียใจให้เห็นเลย

ใช่ครับ... :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 13:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:

แต่ถึงอย่างไรแม้เราจะเป็นปุถุชนก็จริง
บางครั้งก็สัมผัสกับตนเองได้โดยอยู่ใกล้ชิดกันนานๆ
สังเกตุกิริยาอาการที่แสดงออก (แต่เราก็ต้องมีหลักการสังเกตุด้วย)
อันนี้ไม่ได้หมายความว่าชัวร์เลยนะเพียงแค่สังเกตุอยู่ในขั้นนั้น


พระอนาคา..ขึ้นไป...นี้..รู้ได้ง่าย..รู้แบบรวมๆ....แต่ไม่รู้ว่า..จริงๆ..ท่านอยู่ตรงไหน..

แต่..โสดา..สกทา...นี้รู้ได้ยากกว่า..ต้องอยู่ใกล้ชิดนานพอสมควร.

ศีล...(สีลาจารวัตร์)..รู้ด้วยการคลุกคลี
ปัญญา....รู้ด้วยการสนทนา

แต่ก็อย่างที่ลุงว่า...ยังไม่ชัวร์...คือเรารู้คร่าวๆ..อย่าไปหมายเอาว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก

ที่สำคัญ..ที่สุด...คือ..เราต้องรู้ใจเราให้มากๆ..ก่อน...มีสติรู้..ไหนกุศล..ไหนอกุศล..ฯลฯ..ในขณะจิตของเราก่อน...ดูใจเราเก่งเท่าไร..ก็จะรู้จิตใจของผู้อื่นได้มากเท่านั้น



พระอนาคา รู้ได้ง่าย ยังไงครับ s006

ท่านจะไม่มีอาการโกรธ หรือเสียใจให้เห็นเลย


แค่ไม่โกรธ กับไม่เสียใจ ยังไม่พอนะครับผมว่า :b23:


ใช่ครับ..ว่ายังไม่พอ...
เพียงแต่..ถ้ามีไม่พอใจ..มีชอบใจ(กามราคะ)....ก็ตัดไปเลยว่า..ไม่ใช่แน่

หากไม่มี....นี้ก็ต้องดูต่อไป..ครับ..ยังตัดสินอะไรไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 19:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:

อยากรู้
ต้องลองไปยั่วอารมณ์ท่านดูรึเปล่า :b32: :b32:

:b1: การที่จะมีอะไรเข้ามาเพื่อทดสอบอารมณ์ผู้ปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ
โดยเฉพาะ ผู้ที่เข้าสู่โลกุตระธรรมด้วยแล้ว

สำหรับผู้ที่ยังต่อสู้อยู่ในแดน โลกียะธรรม ก็คงจะเจอบททดสอบเยอะ
บางที ไม่โกรธ ไม่เสียใจ ไม่แสดงความโลภ แสดงสำรวมก็มี ด้วยกำลังแห่งมานะทิฐิ
ไม่ใช่ด้วยกำลังปัญญา หรือ กำลังจิต
พอปุถุชนเห็น มันก็น่าหมั่นเขี้ยวเป็นธรรมดา
ก็พลอยมีเรื่องให้ได้แหย่นิดแหย่หน่อย
พอให้ได้เกา ๆ คัน ๆ ขำขำ งอน ๆ กันไปตามประสา :b32:

ส่วนผู้ที่สะสมอริยะทรัพย์อยู่
การกระทำใดที่ทำให้อริยะทรัพย์ต้องพร่อง ต้องเสื่อม
ถือว่าเป็นเรื่องที่ผู้เพียรอยู่ ย่อมเฝ้าสำรวมระวังเป็นอย่างมาก
สติประคองจิตยิ่งกว่าอุ้มเด็กอ่อนแรกเกิด
ซึ่งท่านอาจจะไม่ได้เจอบททดสอบบ่อยนัก
แต่ว่าบทที่ท่านจะต้องเจอ ก็มักจะหนักหน่วง
ซึ่งโดยมาก ท่านก็จะไม่พ่ายหรอก
เพราะ โดยโลกุตระธรรมแล้ว เป็นการสู้แบบหลังชนฝา
ไม่มีการถอยกลับ
จะเอาชนะได้ช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่กับกำลังใจ อุบาย และเวลา

:b32: :b32: :b32:

ว่าแต่ อ๊บซ์อยากถูกทดสอบแล้วเหร๋อ...

:b11: :b11: :b11:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 34 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร