วันเวลาปัจจุบัน 17 ส.ค. 2025, 15:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2015, 11:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หายใจสะดวก ร่างกายกายกระฉับกระเฉงหายปวดเมื่อย ผิวพรรณสดใส สร้างเซลล์ตับทดแทน บำรุงตับ บำรุงไต บำรุงปอด บำรุงหัวใจ และผิวพรรณ


เถาวัลย์เปรียง 1 กิโล
บัวบก 1 กิโล
มะขามดิบ 1 กิโล
น้ำตาล 1 กิโล
น้ำดื่มสะอาด 5 กิโล

เอามากวนรวมกันแล้วใส่ถังพลาสติกปิดฝา คอยคนทุกวัน 1 เดือนก็ดื่มได้ เวลาดื่มก็ตักมา 3 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 แก้ว ก่อนอาหาร 3 มื้อทุกวัน จะได้พบกับความมหัศจรรย์ของการหมุนเวียนธาตุอาหารทั่วร่างกาย อบอุ่นโปร่งกายใจ สบายหนอๆ


จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์


แก้ไขล่าสุดโดย muisun เมื่อ 21 ธ.ค. 2015, 22:40, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2015, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:
รูปภาพ


ชื่อสมุนไพร : เถาวัลย์เปรียง
ชื่อสามัญ (ชื่อภาษาอังกฤษ) : Jewel Vine
ชื่ออื่น : เครือตาปลา เครือไหล (เชียงใหม่), เครือตับปลา (เลย), เถาตาปลา เครือเขาหนัง ย่านเหมาะ (นครราชสีมา), พานไสน (ชุมพร), เครือตาป่า เครือตับปลา เครือเขาหนัง เครือตาปลาโคก (หากเกิดบนบก) เครือตาปลาน้ำ (หากเกิดในที่ลุ่ม) (ภาคอีสาน), เถาวัลย์เปรียงขาว เถาวัลย์เปรียงแดง (ภาคกลาง), ย่านเหมาะ ย่านเมราะ (ภาคใต้)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Derris scandens Benth. หรือ Derris scandens (Roxb.) Benth.
ชื่อวงศ์ : Leguminosae-Papillionoidae
ส่วนที่ใช้ : เถา ราก
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
* ต้นเถาวัลย์เปรียง จัดเป็นไม้เถาเลื้อยขนาดใหญ่ สามารถเลื้อยไปได้ไกลถึง 20 เมตร มีกิ่งเหนียวและทนทาน กิ่งแตกเถายืดยาวอย่างรวดเร็ว เถามักเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ เถาแก่มีเนื้อไม้แข็ง เปลือกเถาเรียบและเหนียว เป็นสีน้ำตาลเข้มอมสีดำหรือแดง เถาใหญ่มักจะบิด เนื้อไม้เป็นสีออกน้ำตาลอ่อนๆ มีวงเป็นสีน้ำตาลไหม้ คล้ายกับเถาต้นแดง (เนื้อไม้มีรสเฝื่อนและเอียน) ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขนสีน้ำตาลปกคลุม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือวิธีการแยกไหลใต้ดิน ชอบอากาศเย็นแต่แสงแดดจัด ทนความแห้งแล้งได้ดี หากปลูกในที่แล้งจะออกดอกดก แต่จะมีขนาดเล็กกว่าปลูกในที่ชุ่มชื้น พรรณไม้ชนิดนี้มักขึ้นเองตามชายป่าและที่โล่งทั่วไป เป็นพรรณไม้ที่มีมากที่สุดในประเทศไทยและใช้กันทุกจังหวัด
* ใบเถาวัลย์เปรียง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ออกเรียงสลับกัน มีใบย่อย 4-8 ใบ ลักษณะของใบย่อยเป็นรูปรี ปลายใบเป็นรูปหอก โคนใบมน ขอบใบเรียบ ใบย่อยมีขนาดกว้างประมาณ 1-1.25 เซนติเมตร และยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร หลังใบเรียบเป็นมันสีเขียวเข้ม ท้องใบเรียบ
* ดอกเถาวัลย์เปรียง ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบและปลายยอด ช่อดอกเป็นสีขาวห้อยลง ดอกเป็นสีขาวอมสีม่วงอ่อนคล้ายกับดอกถั่ว กลีบดอกมี 4 กลีบ และมีขนาดไม่เท่ากัน สวนกลีบเลี้ยงดอกมีลักษณะเป็นรูปถ้วย สีม่วงแดง
* ผลเถาวัลย์เปรียง ออกผลเป็นฝักแบน โคนฝักและปลายฝักมน ฝักเมื่อแก่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ภายในฝักมีเมล็ดประมาณ 1-4 เมล็ด
สรรพคุณเถาวัลย์เปรียง

ตำรายาไทย:
เถาเป็นยาแก้กระษัย แก้เส้นเอ็นขาด ทำให้เส้นอ่อน และหย่อนดี ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ เถาหั่นตาหแห้งคั่วไฟ ชงน้ำดื่่มแทนชา ใช้แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ถ้าใช้ดองเหล้าจะเป็น ยาขับระดู นอกจากนี้ ยังนำมาใช้เป็นส่วนประกอบยาอายุวัฒนะ เพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

ตำรายาพื้นบ้าน: ใช้เถา ขับปัสสาวะ แก้บิด แก้หวัด ใช้เถาคั่วไฟให้หอมชงน้ำกินแก้ปวดเมื่อย แก้เส้นเอ็นพิการ แก้เมื่อยขบในร่างกาย แก้กระษัยเหน็บชา ต้มรับประทานถ่ายเส้น ถ่ายกระษัย แก้เส้นเอ็นขอด ถ่ายเสมหะ ไม่ถ่ายอุจจาระ เหมาะที่จะใช้ในโรคบิด ไอ หวัด ใช้ในเด็กได้ดี แก้ปวด แก้ไข้ ทำให้เส้นเอ็นอ่อนลง ขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะพิการ บางตำรากล่าวว่าทำให้มีกำลังดีแข็งแรงสู้ไม่ถอย

เป็นสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ในสูตรยาอบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ โดยใช้เป็นส่วนประกอบเพิ่มเติมจากสูตรยาอบสมุนไพรหลัก เมื่อต้องการอบเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว เป็นต้น


1. เถาของเถาวัลย์เปรียงใช้ต้มรับประทานเป็นยาถ่ายกระษัย แก้กระษัย
2. รากเถาวัลย์เปรียงมีรสเฝื่อนเมา ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
3. รากเถาวัลย์เปรียงใช้เป็นยารักษาอาการไข้
4. เถาช่วยแก้หวัด แก้ไอ
5. เถาใช้ต้มรับประทานเป็นยาถ่ายเสมหะลงสู่ทวารหนัก แก้เสมหะพิการ โดยไม่ทำให้ถ่ายอุจจาระจึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคบิด โรคหวัด โรคไอ และใช้ได้ดีในเด็ก
6. เถาของเถาวัลย์เปรียงช่วยแก้บิด
7. เถา และราก ใช้ต้มรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะผิดปกติ แก้ปัสสาวะกระปริบกะปรอย และยังมีข้อมูลระบุว่าการใช้สมุนไพรชนิดนี้จะทำให้ปัสสาวะได้บ่อยกว่าปกติ จึงอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโตด้วย
8. เถาใช้ดองกับเหล้าเป็นยาขับระดูของสตรี
9. เถาของเถาวัลย์เปรียงเป็นยารักษาอาการตกขาวของสตรี
10. เถามีสรรพคุณในการบีบมดลูก
11. ช่วยขับโลหิตเสียของสตรี ด้วยการใช้เถาวัลย์เปรียงทั้งห้าแบบสดๆ นำมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้ดื่มต่างน้ำ
12. เถาของเถาวัลย์เปรียงช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ ด้วยการใช้เถาสดนำมาทุบให้ยุ่ย แล้ววางทาบลงบนหน้าท้อง แล้วนำหม้อเกลือที่ร้อนมานาบลงไปบนเถาวัลย์เปรียง จะช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
13. เถาของเถาวัลย์เปรียงเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้มีกำลังดีแข็งแรงสู้ไม่ถอย

ต้นเถาวัลย์เปรียง
ต้นเถาวัลย์เปรียง

14. เถามีรสเฝื่อนเอียดใช้ต้มรับประทานเป็นยาถ่ายเส้น ทำให้เส้นเอ็นอ่อนและหย่อนดี ช่วยรักษาเส้นเอ็นขอด เส้นเอ็นพิการ แก้อาการปวด ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดเอว ปวดข้อ ข้ออักเสบ ช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม แก้อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ หรือจะใช้เถานำมาหั่นตากแห้งคั่วชงน้ำกินต่างน้ำชาเป็นยาทำให้เส้นหย่อน แก้อาการเมื่อยขบตามร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อย แก้เหน็บชา
...........................................

http://bookmuey.com/?page=Derris_Scande ... mintool=no


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2015, 20:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ใบบัวบก หรือ บัวบก (Gotu kola) มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อย่างภาคใต้จะเรียกว่า “ผักแว่น” ส่วนภาคเหนือจะเรียกว่า

“ผักหนอก” ส่วนชื่ออื่นๆ “กะโต่” เป็นต้น จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน เมื่อพูดถึง บัวบก สมุนไพรชนิดนี้ขึ้นมาทีไร หลายๆ คนคงนึกไปว่ามันแค่ช่วยแก้อาการช้ำในเฉยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บัวบก หรือ ใบบัวบก นั้นมีสรรพคุณมากมาย เพราะได้รับการกล่าวขานเกี่ยวการรักษาโรคได้หลายชนิด อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเสีย ท้องอืด แผลในกระเพาะอาหาร มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความอ่อนล้าของสมอง



ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญๆหลายชนิด อย่าง บราโมซัยด์ บรามิโนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ และยังมี กรดมาดิแคสซิค วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม

ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และ กรดอะมิโน อย่าง แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสทีดิน เป็นต้น ใบบัวบก เหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนชื้น เพราะเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น



ประโยชน์ของใบบัวบก

บัวบก เป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่มีระดับสารออกซาเลตที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในปริมาณต่ำ
ใบบัวบก ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย
สรรพคุณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทและสมองเหมือน ใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้
ใบบัวบก สรรพคุณช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง หรือโรคอัลไซเมอร์ หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว
ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
ช่วยผ่อนคลายความเครียด
ช่วยเสริมการทำงานของ กาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
ประโยชน์ใบบัวบก ใช้เป็นบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย
ช่วยบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้หน้าตาสดใส เหมือนเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงเสียง
ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้กระหายน้ำ
สรรพคุณใบบัวบก ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี
ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยรักษาอาหารหืด
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆทั้งต้นประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกและเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
สรรพคุณของบัวบก ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะทำให้เลือดเดินแต่เลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดและยังทำให้เลือดเย็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น
บัวบกสรรพคุณ ช่วยแก้อาการท้องเสีย
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิด หรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
แก้อาการปัสสาวะติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องดีแล้วค่อยเอาออก
บัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำชาข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินไป
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ
ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงประมาณ 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือจะใช้รักษาอาการด้วยการใช้เอาบัวบกที่คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ใบบัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น
ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลเป็นอย่างดี และใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้ว
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อน จากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสดไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการ ก้างปลาติดคอ ด้วยการน้ำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อยๆ กลืนน้ำลงคอ
ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบก เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิว และปลอดภัยกับร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นวัสดุปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆ ด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วบริเวณหางตาหรือทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็น สบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้


http://www.termsuk.com/Article/Detail/7 ... A%E0%B8%81

..........................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2015, 20:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ธ.ค. 2015, 21:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชี้ 'เมล็ดมะขาม' ยับยั้งเซลล์มะเร็ง กินเป็นอาหารได้



อาจารย์ด้านสมุนไพร ม.มหิดล พบ 'เมล็ดมะขาม' ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง เพราะมีโพลีแซคคาไรด์เพิ่มภูมิคุ้มกัน ชี้งานวิจัยต่างประเทศรองรับ ระบุสามารถกินเป็นอาหารได้...

จากงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 9 "การนวดไทย มรดกไทยสู่มรดกโลก" ที่ศูนย์การประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี มีการแถลงข่าว เรื่อง "รวมพลคนต้านมะเร็งจากสหวิชาชีพ" โดย น.ส.พร้อมจิต ศรลัมน์ อาจารย์ประจำสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในปี 2555 มีงานวิจัยของต่างประเทศเกี่ยวกับเมล็ดมะขามจำนวนมาก โดยพบว่า ในเนื้อเมล็ดมะขามมีไขมันและโพลีแซคคาไรด์ ซึ่งเป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวไม่ก่อให้เกิดโรคเบาหวานเหมือนน้ำตาลโมเลกุลคู่อย่างกลูโคสและละลายได้ดีในน้ำ 

ทั้งนี้ ยังพบว่า โพลีแซคคาไรท์จากเมล็ดมะขาม มีฤทธิ์เสริมประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยหากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง หรือน้อยกว่าปกติ โพลีแซคคาไรท์จากเมล็ดมะขามจะกระตุ้นให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่ผ่านเข้าในร่างกาย โดยเฉพาะเชื้อไวรัส โดยยังพบว่าสามารถยับยั้งการเกิดเซลล์มะเร็งได้

น.ส.พร้อมจิต กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน งานวิจัยในต่างประเทศเมื่อปี 2550 ยังพบอีกว่าสารสกัดเมล็ดมะขามที่ไม่คั่ว สามารถต้านทานความเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไปและมีฤทธิ์ปกป้องไตของหนูทดลองจากสารเคมีที่ก่อมะเร็งต่อไตด้วย โดยในงานวิจัยระบุว่า ได้มีการทำการทดลองในหนูทดลองด้วยการให้พาราเซตามอล ซึ่งเป็นพิษต่อตับขนาด 1 กรัมต่อกิโลกรัมน้ำหนักตัวหนูทดลอง ติดต่อกัน 7 วัน เพื่อทำลายเซลล์ตับหนู หลังจากนั้นวันที่ 3 เริ่มป้อนสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขาม ขนาด 700 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมของน้ำหนักตัวหนู เป็นเวลาเป็นเวลา 9 วัน แล้วตรวจหาค่าเอนไซม์ที่ส่อถึงการอักเสบและการทำลายเซลล์ตับ วัดน้ำหนักตับที่เหลือและตัดชิ้นเนื้อตับไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ก็พบว่าสารสกัดน้ำของเนื้อในเมล็ดมะขาม ไปกระตุ้นการสร้างเซลล์ตับขึ้นทดแทนส่วนที่เสียไปได้

น.ส.พร้อมจิต กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องความเป็นพิษของเมล็ดมะขามต่อร่างกาย ทั้งพิษแบบเฉียบพลันและพิษระยะยาว 3-4 เดือน พบว่าไม่ปรากฏความเป็นพิษในร่างกายแต่อย่างใด ดังนั้น สามารถกินเมล็ดมะขามเป็นเหมือนอาหารอย่างหนึ่งได้โดยการคั่ว หรือนำไปบดแล้วผสมน้ำกินได้ แต่ต้องมีการกินอาหารประเภทอื่นที่มีประโยชน์ร่วมด้วย.

http://www.thairath.co.th/content/289578


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร