คิดแบบนี้ จะย้อนแย้งกับคำสอนที่ว่า คบคนพาล พาลพาไปหาผิด

คบบัณฑิต บัณฑิตพาลพาไปหาผล ไหมครับ ?

การคบ...นี้...มันต่างกับการเจอกัน..แล้วทักทายกัน...นะครับ..

การคบ...นี้ย่อมาจากคำว่า..การคบค้าสมาคม...ซึ่งแสดงชัดเจนว่า...มีการคลุกคลีตีโมงกับเสมอๆ...

ในส่วน..การจะทำให้คนพาลเป็นคนไม่พาลได้..นี้..หลังจากการบอกกันตรงๆ..การเตือนกันตรงๆ...แล้ว...หากคนพาลยังไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม....สุดท้ายแล้ว...การไม่ไปคบ...การไม่สุงสิง...การพละออก...นี้แหละ...เป็นการสอนคนพาลได้อย่างดี....

จำเรื่องพระฉันนะได้มั้ยคับ...พระพุทธเจ้าสั่งให้คณะสงฆ์.ลงพรหมทัณฑ์กับพระฉันนะ...พระองค์ไม่ได้ใหัพระไปเกลียดท่านฉันนะ..นะครับ...แต่นี้คือการสั่งสอน...แล้วก็ได้ผล ..ทำให้ท่านฉันนะรู้สึก...แล้วหันมาปฏิบัติสมณธรรมจนสำเร็จมรรคผล...

สำหรับเราเรา..ท่านท่าน...ในทุกวันนี้....เราท่านไม่ใช่พระพุทธเจ้า....การจะสอนคนพาลควรทำแต่พอประมาณ...ให้เหมาะสมแก่กาละเทศะ...ปล่อยวางให้เป็น...ควรระลึกเสมอๆว่า...การสั่งสอนผู้อื่นไม่ใช่หน้าที่อันแรกที่เราต้องทำให้สำเร็จ...หน้าที่อันแรกที่เราต้องทำให้สำเร็จคือการสั่งสอนตนเอง...ปลดปล่อยตนเองจากกองทุกข์...

การจะเมตตาผู้อื่นนั้นดี..แต่ก็อย่าลืมว่า.เมตตาตนเองด้วย...เราควรเมตตาตัวเองก่อนให้มากๆ...รักษาตน...กระทำตนให้สัปปายะ...เรื่องที่จะทำให้ตนเดือดร้อน..ไม่สัปปายะ...ก็ต้องหลีกเลี่ยง..อย่านำตนไปคลุกคลี...การรักษาตนให้ดำรงความสัปปายะ...ได้ชื่อว่าเป็นการเมตตา..กรุณา..ตน..อย่างหนึ่ง..

อย่ามั่วแต่ไปวุ่นวายมุ่งแต่จะสอนคนอื่น..จนลืมเมตตาตนเอง...นะครับ

เราจะช่วยทำคนพาลเป็นคนไม่พาลได้อย่างไร?

ต้องเมตตา อยากช่วย
กรุณา ลงมือช่วย

ทำให้เขารู้ถูกต้องเสียก่อน ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่เขาก่อนจนกว่าจะเกิดความเห็นถูกต้อง ในทางทฤษฎี

คอยเป็นพี่เลี้ยงให้กำลังใจให้เขาพัฒนาตนเองจนเป็นคนดี

ถ้าเขารับได้ ยินดี ก็ช่วยสงเคราะห์

ถ้าเขารับไม่ได้ พยายามแล้วพยายามอีกก็ไม่รับ
ก็จงวางเป็นอุเบกขา

จะยกตัวอย่างทางการปกครองคณะสงฆ์ของพระพุทธเจ้าสมัยพุทธกาลให้คิดแล้วนำไปต่อยอดได้อีก คือ

พระฉันนะเป็นผู้ว่ายากสอนยาก ดื้อถือตัวว่าเป็นคนสนิทพระพุทธเจ้า ภิกษุใดตักเตือนก็ไม่ฟัง ดังนั้น ก่อนปรินิพพานพระพุทธเจ้าจึงสั่งสงฆ์ให้ลงพรหมทัณฑ์พระฉันนะได้

ลิงค์ประวัติพระฉันนะ

http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8% ... 9%E0%B8%B0


แต่นั่นเป็นสังคมสงฆ์ ครั้งยังมีเอกภาพเป็นหนึ่งเดียว แต่นำตัวอย่างทำนองนั้นมาใช้กับคนในสังคมมนุษย์ซึ่งมีประชากร 6 -70 ล้านคนได้ คือ มีผู้ใดใครก็ตามเป็นอันธพาลเตะถีบถองกระทืบสุจริตชน คนทั้งนั้นในสังคมนั้นๆ ต้องลงโทษคือกล่าวประณามไม่ยอมรับการทำเช่นนั้นๆ (กฎหมายก็ว่ากันไปตามตัวบทกฎหมาย แต่กฎหมายก็ยังถือโดยคนกลุ่มหนึ่งยังซีกแซ๊กได้)

เพื่อให้เห็นภาพ จะยกสองเคสให้ดูเป็นตัวอย่าง เหตุเกิดจากการใช้รถใช้ถนนสาธารณะร่วมกันในยุคไฮเทค

ตัวอย่างแรกที่พูดว่า “เจอคนแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับผม”

ตัวอย่างที่สองซึ่งพูดว่า “กราบรถ ku”

ผลถูกสังคมลงโทษหมดพยศบ้างก็บวชเข้าวัดปฏิบัติธรรม

ถ้าจะให้ลึกถึงมโนสุจริตเป็นที่พึงตนได้ ต้องฝึกสติสัมปชัญญะ ก็ต้องทำนองแฟนเธอผู้นี้

..........

แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต
ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็นเค้ารู้สึกว่าส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไรเวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน

เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีกความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย

มันน่าน้อยใจนัก!!

ยกตัวอย่างเลยละกัน ..

- อย่างพระพุทธเจ้ากับชลิฎสามพี่น้อง เรียกว่า "คบแบบรู้นำ คือสามารถโน้มน้าวชักชจูง" ให้ท่านที่หลงผิด (อาจจะเรียกท่านชลิฎทั้งสามว่า มีลักษณะของพาล) เดินเข้าสู่หนทางที่ถูกต้องได้ โดยท่านชลิฎทั้งสาม ก็คบกับพระพุทธเจ้า "คบแบบรู้ตาม คือยอมรับกันด้วยปัญญาหรือเหตุผล เรียกโดยรวมว่า "คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"

- แต่ลูกศิษย์ทั้งหลายของพระเทวทัติ คบกับแบบไม่รู้ตาม คือขาดปัญญาขาดเหตุผล จึงถูกชักจูงได้ง่าย เรียกว่าไปไหนไปกัน เข้าลักษณะ "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด" ดังนี้แล ..

ฉะนั้น การคบหาบุคคลควรพิจารณาให้รอบคอบ มีปัญญารู้นำและรู้ตาม ก็จะมีแต่ความสวัสดี ..

ความเข้าใจพระธรรมสำคัญที่สุดค่ะ

เพราะความไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนคือหลักการคิด

พาลหมายถึงอกุศลจิตแล้วพระธรรมให้มองที่กายใจตน

ตนมีความเห็นผิดเป็นพาลภายในที่ไปดูคนพาลภายนอกจริงไหม

ถ้าไม่ฟังพระธรรมให้มีความเข้าใจเพื่อให้คิดได้ว่าจริงๆว่าไม่ดีที่จิตตนแล้ว

ชื่อว่าดีไม่ได้เพราะคบพาลที่ใกล้ชิดที่สุดคือจิตตนที่มีอุปาทานขันธ์กว๊านอกุศลมาเพิ่ม

ถ้าเราไม่คบคนพาล แล้วจะทำให้คนพาลเป็นคนไม่พาลได้อย่างไร

ตอบว่าก็ต้องพาคนพาลคนนั้นให้สนใจอบรมจิตให้เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า

โดยการฟังการสนทนาพระพุทธพจน์บ่อยๆประจำเพราะทุกขณะที่ตั้งใจฟังคนพาลเริ่มเป็นบัณฑิต

แนะนำการฟังและการสนทนาธรรมเข้าใจพระพุทธพจน์เพื่อให้เกิดความรู้จนความไม่รู้ไม่เกิดเพิ่มขึ้นมาค่ะ

http://www.dhammahome.com

การคบบัณฑิตก็คือละเว้นการคบพาลโดยฟังพระธรรมบ่อยๆให้เข้าใจเพื่อดำรงคำสอนไว้ในใจได้จนไม่ลืม
https://www.youtube.com/watch?v=Io9ZGkucHR8

คนพาลในที่นี้
ไม่ได้หมายถึงคนที่ก่อกวน ชกต่อย ด่าทอ ไปวันๆเสียอย่างเดียว
แต่คนที่พาล หมายถึง คนที่ไม่ยอมรับในสัจธรรม หรือ ปฏิเสธสัจธรรม เพราะอำนาจของความเห็น
ที่อาจมาพร้อม ชาติ เผ่าพันธ์ ประเพณีต่างๆ หากประเพณีนั้นไม่ลงกันสมกันกับสัจธรรมความจริง เขาย่อมปฏิเสธที่จะยอมรับ อย่างนี้เรียกคนพาล

บัณฑิตคือคนที่ยอมศึกษา น้อมศึกษา ไม่ยึดถือสิ่งที่เคยขัดแย้ง เช่น ฆ่าสัตว์บูชายันต์ ก็เลิกทำและหันมาเข้าใจในสัจธรรม เช่น กรรม เป็นต้นครับ

ลุงวัย 68 เจอช่างกลไล่ตีกัน ดวงซวยถูกยิงเบ้าตา-กระสุนฝังก้านสมอง ต้องควักลูกตาทิ้ง

https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_146760

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.๒๕๒๕ หน้า ๕๘๓ ให้ความหมาย พาล ไว้สองนัย (ทั้งบาลี,สันสกฤต)

พาล ๑ น. ขน, (ป, ส)
พาล ๒ พาลา (กลอน) ว. อ่อน, เด็ก, รุ่น, (ส. ป) ชั่วร้าย, เกเร. เกะกะ น. คนชั่วร้าย, คนเกเร. (ป)

อันธ - (อันทะ) ว. มืด, มืดมน ; โง่, ทึบ; มองไม่เห็น, ตาบอด (ป. ส.)
อันธพาล น. คนเกะกะระราน

ในมงคลสูตรว่าไว้ว่า พาล ได้แก่ ผู้ไม่รู้จักประโยชน์ในโลกนี้ และประโยชน์ในโลกหน้า กล่าวคือผู้ประกอบด้วย กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต (คนพาล)

http://www.prachatalk.com/sites/default ... G_2523.PNG