วันเวลาปัจจุบัน 23 ก.ค. 2025, 22:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2017, 06:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b45:
รู้ถูกต้อง เป็นเหตุให้ เห็นถูกต้อง(สัมมาทิฏฐิ)

เห็นถูกต้อง เป็นเหตุให้ คิดถูกต้อง (สัมมาสังกัปปะ)

คิดถูกต้อง เป็นเหตุให้ ทำถูกต้อง (สัมมากัมมันตะ)

ทำถูกต้อง เป็นเหตุให้ ได้สิ่งที่ถูกต้อง (สัมมาวิมุติ)

ได้สิ่งที่ถูกต้อง เป็นเหตุให้ เป็นคนถูกต้อง (กัลยาณชน,เตรียมชาวพุทธ,ชาวพุทธ,อริยชน)

เป็นคนถูกต้อง เป็นเหตุให้ พูด ทำ และถ่ายทอดแต่สิ่งที่ถูกต้อง (กัลยาณมิตร)

ความรู้ถูกต้องนั้นต้องรู้อย่างไร?

โปรดติดตามตอนต่อไปครับ
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2017, 18:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b11: เว็บหายไปตั้งหลายเดือนนึกว่าจะดีขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2017, 08:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b44:
รู้ถูกต้องนั้นคือ ต้องรู้หัวใจการค้นพบของพระพุทธเจ้า ซึ่งก็คือ อริยสัจ 4 ประการนั่นเอง

อริยสัจ 4
1.ทุกข์ คือผลทุกข์ทั้งหมดที่เราได้รับ
2.สมุทัย คือเหตุทุกข์อันได้แก่ตัณหา
3.นิโรธ คือความดับทุกข์ หรือผลสุขที่เกิดจากเหตุทุกข์ดับไปแล้ว
4.มรรค คือวิธีดับเหตุทุกข์ หรือทางดำเนินไปสู่นิโรธ หรือเหตุสุข

ผลทุกข์ กับ เหตุทุกข์ คู่หนึ่ง

ผลสุข กับ เหตุสุข อีกคู่หนึ่ง

การปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้าคือการเอาเหตุสุขไปต่อสู้กับเหตุทุกข์ ถ้าเหตุทุกข์ดับ ผลทุกข์ก็ย่อมดับตาม


อริยสัจ 4 เป็นที่เกิดของธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์
ใครรู้และเข้าใจอริยสัจ 4 อย่างถูกต้องและลึกซึ้งแล้วก็เหมือนได้รู้พระธรรมทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ไปด้วยทั้งหมดเช่นกัน
:b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2017, 08:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
:b11: เว็บหายไปตั้งหลายเดือนนึกว่าจะดีขึ้น

:b12:
อริยสัจ 4 มีบอกเล่าไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลอย่างไร
ก็คงต้องบอกเล่ากันต่อไปอย่างเดิมตลอดกาล เพราะสัจจธรรมเขามีอยู่อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้ เป็นมาตรฐานอยู่อย่างนี้ดีอยู่อย่างนี้ ไม่มีดีขึ้นดีลงตามกิเลส ตัณหาและความเห็นของคน ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสัจจธรรมแปลว่า จริง ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นอีกต่อไป
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 พ.ค. 2017, 09:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
ธรรมมา เขียน:
:b11: เว็บหายไปตั้งหลายเดือนนึกว่าจะดีขึ้น

:b12:
อริยสัจ 4 มีบอกเล่าไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาลอย่างไร
ก็คงต้องบอกเล่ากันต่อไปอย่างเดิมตลอดกาล เพราะสัจจธรรมเขามีอยู่อย่างนี้ เป็นอยู่อย่างนี้ เป็นมาตรฐานอยู่อย่างนี้ดีอยู่อย่างนี้ ไม่มีดีขึ้นดีลงตามกิเลส ตัณหาและความเห็นของคน ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสัจจธรรมแปลว่า จริง ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นอีกต่อไป
onion


ท่านขรัวเฒ่า

ทำไมจึงว่าอริยะสัจจ์ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น

พระพุทธเจ้าตรัสว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงมี ๒ อย่าง
นิพพานกับบัญญัติ นอกนั้นเป็นสังขตธรรมเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
พูดเกินเลยไปเปล่า
แล้วอย่างนี้จะอธิบายว่ายังไง?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2017, 09:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
สัจจัง
อนัตตัง
ปรมัตถัง
อมตัง
นิพพานัง

5 อย่างนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงครับ

พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นในโลกนี้มีจำนวนเท่าเม็ดหินเม็ดทรายในมหาสมุทร ล้วนแล้วแต่ตรัสรู้ อริยสัจ 4 ไม่มีอื่น นี่เป็นสัจจะ
หรือสัจจังครับ ลองไปค้นอ่านดูในพระสูตรดีๆนะครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2017, 12:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
onion
สัจจัง
อนัตตัง
ปรมัตถัง
อมตัง
นิพพานัง

5 อย่างนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงครับ

พระพุทธเจ้าที่อุบัติขึ้นในโลกนี้มีจำนวนเท่าเม็ดหินเม็ดทรายในมหาสมุทร ล้วนแล้วแต่ตรัสรู้ อริยสัจ 4 ไม่มีอื่น นี่เป็นสัจจะ
หรือสัจจังครับ ลองไปค้นอ่านดูในพระสูตรดีๆนะครับ
:b8:

จะเอาให้ถูกให้ได้ พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง เห็นนรกเป็นของเพลิดเพลิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2017, 21:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b10:
ลองแสดงเรื่องอรินสัจ 4 เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นสิครับ คุณธรรมา

ช่วยแสดงหลักฐานหน่อยว่ามีพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนที่ไม่ตรัสรู้อริยสัจ 4 ครับ
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2017, 07:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b10:
ลองแสดงเรื่องอรินสัจ 4 เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นสิครับ คุณธรรมา

ช่วยแสดงหลักฐานหน่อยว่ามีพระพุทธเจ้าพระองค์ไหนที่ไม่ตรัสรู้อริยสัจ 4 ครับ
smiley


ในอริยะสัจจะทั้ง ๔ นั้นต้องยกเว้นนิโรธสัจจะออกเสีย ๑ เพราะองค์ธรรมได้แก่พระนิพพาน

ทุกข์ ๑ สมุทัย ๑ มรรค ๑ นั้นยังตกอยู่ภายใต้ของกฏไตรลักษณ์ คือ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เมื่อเป็นดังนี้ ยกเว้นพระนิพพานเสีย ๑ สัจจะทั้ง ๓ เที่ยงหรือไม่เที่ยงเล่า
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเกิดดับเป็นธรรมดาเปลี่ยนแปลงคงสภาพเดิมไม่ได้

ทุกข์ องค์ธรรมได้แก่ จิต ๑ เจตสิก ๕๑ (เว้นโลภะ) รูป ๒๘
สมุทัย องค์ธรรม ได้แก่ โลภะเจตสิก
มรรค องค์ธรรม ได้แก่ มรรค ๘ สัมมาทิฏฐิ ๑ สัมมาสังกัปปะ๑ สัมมาสติ ๑ สัมมาสมาธิ ๑ สัมมาวายามะ ๑
สัมมาวาจา ๑ สัมมากัมมันตะ ๑ สัมมาอาชีวะ ๑
ส่วน นิโรธ องค์ธรรมได้แก่ พระนิพพาน ต้องเว้นเสียเพราะเป็นธรรมที่เที่ยงไม่เปลี่ยนแปลง

พอจะเข้าใจไหม ขืนกล่าวอะไรลอยๆขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ พวกมิจฉาทิฎฐิ
มีอบายเป็นเบื้องหน้า ที่มากล่าวย้ำเตือนเนี่ยเห็นว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกันพลาดพลั้งก็มาย้ำเตือน

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่มีมาในอดีตก็ตรัสรู้อริยะสัจจ์ ๔ ทุกพระองค์ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2017, 09:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากสอน อยากให้ใครๆเขาเรียกว่าอาจารย์ ก็จงไปหาผู้รู้แล้วร่ำเรียนให้มากกว่านี้
แล้วค่อยเอามาสอน ไม่ใช่นึกเอาเดาเอาเองเดาเทียบเคียงเอาเองมันเป็นบาป แล้วตู่ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าสอนก็ยิ่งไปกันใหญ่เลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2017, 21:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
อยากสอน อยากให้ใครๆเขาเรียกว่าอาจารย์ ก็จงไปหาผู้รู้แล้วร่ำเรียนให้มากกว่านี้
แล้วค่อยเอามาสอน ไม่ใช่นึกเอาเดาเอาเองเดาเทียบเคียงเอาเองมันเป็นบาป แล้วตู่ว่าเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าสอนก็ยิ่งไปกันใหญ่เลย

cool
ตรงไหนที่ว่าเป็นการกล่าวตู่คำสอนของพระพุทธเจ้าครับ?

ผมถามว่าอริยสัจ 4 เปลี่ยนแปลงเป็นอื่นได้ไหม นั้นหมายความว่า

หัวใจการค้นพบของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์คืออริยสัจ 4

มันเปลี่ยนแปลงเป็นค้นพบอย่างอื่นแทนอริยสัจ 4 นี้ไหมครับ

ไม่ใช่ถามว่าในอริยสัจ 4 มีอะไรที่มันเปลี่ยนแปลงได้บ้าง

ลานธรรมจักรนี้เป็นสถานที่สนทนาธรรมศึกษาธรรม แบ่งปันและแลกเปลี่ยนธรรมะซึ่งกันและกัน ไม่ใช่เรื่องสอนธรรมอย่างที่คุณธรรมาเข้าใจผิดไปนะครับ อย่าคิดมาก
อย่าหาเรื่อง อย่าตั้งตนเป็นผู้ว่ากล่าวตักเตือนใคร จงหาธรรมนะครับ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2017, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
สิ่งที่ให้ร้ายได้ที่สุดก็คือคำพูด ให้ดีที่สุดก็คือคำพูด ต้องระมัดระวังกันอย่างมาก เป็นสิ่งที่ให้โทษให้คุณมากที่สุดก็คือคำพูด

ท่านจึงว่า ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ทั้งนี้้ก็เพราะปากเป็นหนึ่งในการแสดงออกแก่ผู้อื่นและสังคมนั่นเอง อย่าไปว่าคนอื่นเขา ตัวเรานั้น ดีแล้วหรือ..."

โอวาทธรรมคำสอน..
องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2017, 05:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะช่วยคนที่เห็นผิดให้ค่อยๆ เห็นถูก จนหมดความเห็นผิด ทั้งยังไม่เกิดโทษกับตนเองและผู้อื่นด้วย
การเห็นผิดเปรียบเหมือนบ่มเชื้อมะเร็งร้ายของผู้เห็นผิด ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อเอาความเห็นผิดนั้นมากล่าวสอนผู้อื่นด้วยนั้น ก็ไม่ผิดอะไรกับกำลังแพร่เชื้อโรคร้ายไปให้ผู้อื่นด้วย

จุดประสงค์ของการสร้างบารมีทำความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลสที่ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ เพื่อให้คนอื่นได้รู้ด้วย แล้วเราจะทอดทิ้งสิ่งที่พระองค์ตรัสเพื่อให้คนอื่นได้รู้ด้วย แล้วเราก็ไม่สนใจที่จะรู้อย่างนั้น เรา ก็คือ ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ถ้าไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีใครจะเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ได้เลย

~สอนให้ทำในสิ่งที่ผิด เป็นบาปหรือเป็นบุญ?

~สะสมโทสะ ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ มาก ก็เป็นคนเจ้าโทสะ สะสมความติดข้องต้องการ มาก ก็เป็นคนที่มากไปด้วยความติดข้อง อยากได้ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง

~มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อไหร่ ความไม่รู้ก็น้อยลง ตราบใดที่ยังไม่มีความความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ความไม่รู้ก็จะน้อยลงไม่ได้

~ความไม่รู้ เป็นโทษมาก เพราะนำมาซึ่งความเห็นผิด และความติดข้องต้องการยิ่งขึ้น

~ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำไปสู่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และ นำไปสู่การดับกิเลส

~คนที่มีความเห็นผิดแม้คนเดียวที่เกิดมา ไม่มีประโยชน์ เพราะเหตุว่า นอกจากจะไม่มีประโยชน์กับตนเองแล้ว ก็ยังให้โทษ เมื่อให้คนอื่นเข้าใจผิดๆตามกันไปด้วย

~มิตรคือเพื่อน เพื่อนที่หวังดี พร้อมที่จะเกื้อกูล เป็นประโยชน์ ไม่คิดร้าย ไม่หวังร้าย ไม่ริษยา ไม่ทำร้ายเลยทั้งสิ้น นั่นคือเพื่อน เพื่อนที่ดี คือ กัลยาณมิตร (มิตรที่ดีงาม) ใครก็ตามที่เป็นเพื่อนที่ดีของใคร ก็คือ หวังดี หวังประโยชน์เกื้อกูล เมื่อเขาเข้าใจผิด ก็ให้เขาเข้าใจถูก เขาไม่เข้าใจธรรม ก็สามารถที่จะอนุเคราะห์ให้เขาเข้าใจ นั่นก็เป็นเพื่อนที่หวังดีกับผู้นั้น, ผู้ที่เป็นกัลยาณมิตรสูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น เราจะไม่ได้ยินสักคำเดียว(ที่เป็นคำสอนของพระองค์)

เมื่อไหร่ความเห็นผิดยังไม่หมดไป ได้ชื่อว่ายังห่างไกลต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังไม่สมควรที่จะกล่าวสอนผู้อื่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2017, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b39:
บุคคลมีอยู่ 5 จำพวกแบ่งออกได้ตามพัฒนาการหรือความก้าวหน้าของจิต

1.ปุถุชน...ผู้หนาด้วยกิเลส ไม่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาปกระทำการต่างๆโดยใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ล่วงศีล 5 อยู่เป็นนิจ

2.กัลยาณชน...คนดีคือผู้ที่มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป
ตัดสินกระทำการต่างๆด้วยเหตุ ผล และศีลธรรม จรรยาดี
ไม่ล่วงศีล 5

3.เตรียมชาวพุทธ...คือผู้ที่กำลังศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา กำลังพยายาม ให้ทาน รักษาศีล เจริญ
สมถะภาวนา กระทำการต่างๆตามบุญกิริยาวัตถุ 10 อย่าง

4.ชาวพุทธ...คือผู้ที่ได้พบข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของพระพุทธเจ้าแล้ว นำมาใส่ใจ ลงมือประพฤติปฏิบัติ หัดกายใจตนเองให้เดินตามรอยเท้ารอยบาทของพระพุทธเจ้าด้วยการเจริญวิปัสสนาภาวนาหรือเจริญสติปัฏฐาน 4 หรือเจริญมรรค 8 และโพธิปักขิยธรรมทั้ง 37 ประการ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันจนกว่าจะถึงนิพพานอันเกษม

5.อริยชน คือชาวพุทธผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาจนได้รับผลคือเข้าถึงนิพพานได้ตามชั้นของตน แบ่งเป็น

1.โสดาบัน
2.สกิทาคามี
3.อนาคามี
4.พระอรหันต์
อันจะมีรายละเอียดประกอบให้ฟังต่อไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2017, 16:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลบออกดีกว่าจะได้ไม่หนักใจเจ้าของกระทู้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร