วันเวลาปัจจุบัน 13 ก.ย. 2025, 06:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2017, 06:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่รู้ทัน จะคิดหนอๆ ก็ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว แต่กลับทุกอย่าง
จากสายสืบนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2017, 09:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


muisun เขียน:
แค่รู้ทัน จะคิดหนอๆ ก็ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว แต่กลับทุกอย่าง
จากสายสืบนิสัยศาสตร์

:b38:
แค่รู้ทัน โดยใข้คำบริกรรมว่า "หนอ" มาตัด เป็นแค่การหยุดยั้งตัณหาด้วยสติ แต่ตัณหานั้นยังไม่ถูกขุดถอน

เมื่อไหร่วาง "หนอ" ลงได้เหลือแต่ สติ ปัญญา ล้วนๆเผชิญหน้ากับตัณหา สติปัญญาเขาจะล้วงทะลวงลึกลงไปจนเห็นเหตุหรือที่มาของตัณหาแล้วถอนเหตุนั้นทิ้งเสียด้วยอำนาจความเห็นตามจริงของปัญญา

เมื่อนั้นแหละจึงจะหมดภาระ หมดงานกันเสียที มิมีเรื่องต้องมาตั้งสติตั้งปัญญาหรือบริกรรมคำว่าหนอมาตัดกลบบังสิ่งต่างๆอีกต่อไป

:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2017, 23:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


มันมีอะไรที่หมดภาระ หมดงาน กันเหร๋อ

...

มันหมดจริง หรือ มันมีอะไรคิดว่ามันหมด :b30:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 04:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
มันมีอะไรที่หมดภาระ หมดงาน กันเหร๋อ

...

มันหมดจริง หรือ มันมีอะไรคิดว่ามันหมด :b30:

:b12:
จิต หมดภาระที่ต้องแบกหามหรือเป็นทาสรับใช้ความเห็นผิดยึดผิด(อัตตา) คงเหลือแต่งานตามหน้าที่ของจิต ครับ

ตอนที่ยังปฏิบัติอยู่ ก็จะทำให้หมดภาระได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เมื่อถึงผลโดยสมบูรณ์แล้วก็จะหมดภาระไปจริงๆชั่วนิจนิรันดร์กาล ครับ

ถ้าคิดเอาก็จะพอได้แค่ความชื่นใจ มีความหวังดีหล่อเลี้ยงใจ
แต่ถ้าทำเอาจนผลเกิดได้ก็จะหมดภาระโดยสิ้นเชิง คือสิ้นทุกข์และความเวียนว่ายตายเกิด
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 15:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
จิต หมดภาระที่ต้องแบกหามหรือเป็นทาสรับใช้ความเห็นผิดยึดผิด(อัตตา) คงเหลือแต่งานตามหน้าที่ของจิต ครับ

ตอนที่ยังปฏิบัติอยู่ ก็จะทำให้หมดภาระได้ชั่วครั้งชั่วคราว แต่เมื่อถึงผลโดยสมบูรณ์แล้วก็จะหมดภาระไปจริงๆชั่วนิจนิรันดร์กาล ครับ

ถ้าคิดเอาก็จะพอได้แค่ความชื่นใจ มีความหวังดีหล่อเลี้ยงใจ
แต่ถ้าทำเอาจนผลเกิดได้ก็จะหมดภาระโดยสิ้นเชิง คือสิ้นทุกข์และความเวียนว่ายตายเกิด
:b38:


เรื่องภาระ เป็นเรื่องของความหลง ไม่ใช่ จิต

เรื่องเวียนว่ายตายเกิด ก็เป็นเรื่องของความหลง ไม่ใช่ จิต

เพียงแต่ สิ่งที่ปรากฎเมื่อปรากฎมันเกิดประกอบพร้อมก้บจิต

จิตไม่ใช่ทาสรับใช้อะไร จิตก็คือจิต

มีแต่ "ผู้รู้ที่อวิชาครอบงำ" ที่เป็นทาสของ "สิ่งที่ปรากฎ"

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 18 มิ.ย. 2017, 22:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 17:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ผู้รู้....ไม่ใช่จิตหรือครับ?
:b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 18:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ผู้รู้....ไม่ใช่จิตหรือครับ?
:b10:


ลำพังจิตเพียงอย่างเดียว ปรากฎ ผู้รู้ มั๊ยล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 18:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


เอ้อ..ลืมไป
อโศกะชอบใช้ภาษาที่คุ้นชินในแบบของตัวเอง

ทีไม่ได่แยกแยะในเรื่อง
จิต เจตสิก รูป

...งั๊นก็ไปเรื่อย ๆ ตามสไตล์อโศกะก็แล้วกัน...

:b1:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 18 มิ.ย. 2017, 21:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 20:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
เอ้อ..ลืมไป
อโศกะชอบใช้ภาษาที่คุ้นชินในแบบของตัวเอง

ทีาไม่ได่แยกแยะในเรื่อง
จิต เจตสิก รูป

...งั๊นก็ไปเรื่อยตามสไตล์ละกัน...

:b1:


แฮ่ม..จะรีบไปไหน...

ต่อ..ต่อ...อยากฟังภาษาต่างดาว..ต่อ...

ต่อหน่อยหน่า...

:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2017, 21:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

แฮ่ม..จะรีบไปไหน...

ต่อ..ต่อ...อยากฟังภาษาต่างดาว..ต่อ...

ต่อหน่อยหน่า...

:b12:


ก็ต้องหาประเด็น...สะกิดต่อมวิญญาณมะนาวต่างดุ๊ด... :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2017, 17:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าแค่รู้ทันต้นเหตุ จะคิดหนอๆ สังขารก็ดับ ไม่เห็นจะต้องไปรำพึงรำพันอะไรกับบทความต่างๆ ไม่ต้องแยกแยะให้ยึดถือซะเปล่าๆ บัญญัติเกิดขึ้น บัญญัติก็ดับไป ไม่มีใครที่จะประคองบัญญัติให้เที่ยงแท้ได้
ทุกอย่างเป็นสภาพของไตรลักษณ์ จะมีผู้ดูหรือไม่มีผู้ดูเขาก็ดับ แต่วิปัสสนาญาณ แปลว่า ไปรู้ทันในการดับนั้นแค่นั้นเอง เรียกว่า เป็นความสามารถของผู้ที่รู้ทันเหตุเกิด เหตุดับ ตรงจุดของปัจจุบัน ไม่ใช่มาอารัมภบทเป็นบทละครให้ดูดี
ไม่ได้ไปยึดอยู่กับความชอบ ความชัง ความเฉย ความถูก ความผิด ความได้ ความเสีย เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงก็เพื่อดับความยึดถือนั่นเอง มันก็จบแล้วดับเกลี้ยงไม่เหลือหรอ
จากสายสืบนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2017, 05:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


onion
ดับสังขาร ความคิดนึกปรุงแต่งด้วย หนอ ก็พอใช้ได้ แต่มันไม่ดับจริง เป็นเพียงแค่การไปปิดบั้งยับยั้งสังขารไว้ด้วยสติและคำบริกรรมว่า "หนอ" บ่สามารถขุดรากถอนโคนเหตุหรือสมุทัยแห่งทุกข์และสังขารได้ พึงหนอต่อไปจนจิตมีอิสระจากความปรุงแต่งคิดนึกได้ชั่วคราว แล้วเอา หนอออกวางไว้ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรม กรรมก็ให้มีเพียง

"นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์จนดับไปหรือเปลี่ยนไปโดยไร้ปฏิกิริยาตอบโต้"

หลังจากนั้นกระบวนการแห่งธรรมที่เป็นอนัตตา เขาจะมาชำระขุดถอนอนุสัย ถอนสมุทัยและเหตุแห่งสังขาร พาเข้าสู่นิพพานเองโดยธรรม พึงจดจำเอาไว้ และเลื่อนชั้นตนเองขึ้นไปให้พ้นจากบริกรรม จึงจะพบธรรมแท้ไม่แปรผัน
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2017, 05:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พอผละจากเสือ....มาหาจระเข้..

อิอิ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2017, 13:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ม.ค. 2015, 21:55
โพสต์: 1240

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วทำไมพระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่าการละกิเลสต้องละด้วยการรู้ การเห็น เรากล่าวว่าไม่ได้ละด้วยการไม่รู้ไม่เห็น มัวนิ่งๆ เฉยๆ ปล่อยไปตามธรรมชาติระวังจะกลายเป็นโมหะ โทษหนัก คลายช้า ในมหาสติปัฎฐานสูตร พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าต้องรู้ทันทุกอย่าง จะหลุดพ้นหรือไม่หลุดพ้น เพราะรู้ไม่ทันต้นเหตุนั้นแหละ เรียกว่า อวิชชามืดบอดไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง เพราะอดีตก็ดับไปแล้วไม่ควรคิดถึง อนาคตก็ยังมาไม่ถึงก็ไม่ควร
ไขว่ขว้า ปัจจุบันก็ไม่เที่ยง เกิดทันทีและดับทันที ขอถามหน่อยเคยรู้ทันตรงนี้หรือยัง เพราะเค้าเกิดดับไวกว่าความนึกคิดนะ ขอบอกจึงไม่มีบทประพันธ์อะไรมาถาม ตอบ ชอบ ชัง ได้หรอก เพราะมีข้อความขึ้นนั่นแหละคือสังขาร คือการปรุงแต่ง เป็นทุกข์อย่างยิ่ง รู้ทันก็ดับเกลี้ยงไม่เหลือหรอก็เป็นสุขอย่างยิ่ง อย่างนี้แหละพระพุทธเจ้า เรียกว่า ผู้ปรารถความเพียร ธรรมะจึงเป็นญาณปัญญาแห่งการตรัสรู้ ไม่ใช่ปรัชญา แล้วบุคคลจะล่วงทุกข์ด้วยความเพียร ไม่ใช่นั่งรอให้มันหลุดไปเอง จึงเป็นธรรมะที่เหนือกว่าธรรมชาติ

อาชีพรู้ทัน จะคิดหนอๆ ก็มีรายได้ทุกอย่าง รู้ทันจะคิดหนอๆ ก็ไม่ต้องเดือดร้อนเลยสักเรื่อง

จากสายสืบนิสัยศาสตร์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2017, 14:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ญาณไม่เกิด....ก็ฝันๆ..ละเมอๆ...กันไปตามกิเลส..ละท่านเอ๋ย..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร