วันเวลาปัจจุบัน 27 ส.ค. 2025, 05:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2017, 03:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


การใช้ธรรมะในชีวิตประจำวันแบบฝึกฝน
มีความหมายถึง ฝึกตน
การมองถึงความหมายว่าฝึก คงจะนึกถึงการกำหนดรู้สภาวะย่างหนอหยิบหนอมีสติระลึกถึงอริยาบทเป็นส่วนใหญ่ แต่ธรรมะจะต้องลงกันสมกันกับอารมณ์ด้วย
คือการฝึกอารมณ์ให้เป็นคนหนักแน่น มีขันติ มีการประพฤติตนอย่างเหมาะสมกับสภาวะ
เช่น เมื่อเมื่อคนพูดขำขัน จู่ๆใจเรานึกอยากจะพูดแก้ให้เกิดความสนุกครึกครื้น ตามอารมณ์ไปแล้วมันก็ไม่เห็นเสียหายอะไร ไม่น่าจะผิดอะไร แต่หากเรากำลังฝึกธรรมะอยู่ เราต้องนึกถึงข้อปฎิบัติที่อยู่ในกระแสธรรมเสมอ อย่าง เราเจตนาจะพูด ต้องเป็นไปเพื่อให้เห็นภัย หรือโทษของการพูดส่อเสียด และระลึกถึง สิ่งที่เป็นทางแห่งธรรมะ มีสาระในข้อความ เมื่อผู้ฟังได้ฟังเพื่อคิดตามในทางที่เป็นประโยชน์ ทั้งด้านความเห็น(ทิฏฐิ)หรือด้านศีลธรรม เป็นต้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2017, 04:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่างการพูดขำขันในวงสนทนา...

ก่อนจะพูด....สติจะต้องรู้นะว่า..ที่พูดออกไปนั้นนะ..พูดออกจากฐานใจอะไร?..

ออกจากฐานใจส่อเสียด...นี้ก็ให้รู้..เมื่อมีศีลเป็นปกติ.จิตจะนึกรังเกียจขึ้นมาทันที..ก็ปรับฐานการพูดนั้นใหม่

หากออกจากฐานใจที่อยากให้คนอื่นมองเราเป็นพวกเดียวกัน..นี้ก็เป็นประเภทอยากหาพวก..อยากหาคำชมคำสรรเสริญ...นี้ก็ให้รู้..เมื่อสติรู้..การที่เราใฝ่หาความใจบริสุทธ์..ก็ให้นึกรังเกียจการปรารถณา..ลาภ..ยศ...สรรเสริญ..ของจิตนั้นเสีย..ปรับฐานการพูดใหม่ก่อนจะพูดออกไป..

อย่างนี้เป็นต้น..

เมื่อทำอย่างนี้..มีสติรู้ฐานการพูดนั้นๆด้วยสติ..อย่างนี้...ปรับฐานใจของการพูดใหม่...แม้จะพูดดูขำขันเหมือนเดิม...แต่ก็ไม่ผิดศีล...ไม่เป็นการหาพวกหาลาภ..หาสรรเสริญ...อันผู้ใฝ่หาใจบริสุทธิ์พึงละพึงรังเกียจ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2017, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อย่างการพูดขำขันในวงสนทนา...

ก่อนจะพูด....สติจะต้องรู้นะว่า..ที่พูดออกไปนั้นนะ..พูดออกจากฐานใจอะไร?..

ออกจากฐานใจส่อเสียด...นี้ก็ให้รู้..เมื่อมีศีลเป็นปกติ.จิตจะนึกรังเกียจขึ้นมาทันที..ก็ปรับฐานการพูดนั้นใหม่

หากออกจากฐานใจที่อยากให้คนอื่นมองเราเป็นพวกเดียวกัน..นี้ก็เป็นประเภทอยากหาพวก..อยากหาคำชมคำสรรเสริญ...นี้ก็ให้รู้..เมื่อสติรู้..การที่เราใฝ่หาความใจบริสุทธ์..ก็ให้นึกรังเกียจการปรารถณา..ลาภ..ยศ...สรรเสริญ..ของจิตนั้นเสีย..ปรับฐานการพูดใหม่ก่อนจะพูดออกไป..

อย่างนี้เป็นต้น..

เมื่อทำอย่างนี้..มีสติรู้ฐานการพูดนั้นๆด้วยสติ..อย่างนี้...ปรับฐานใจของการพูดใหม่...แม้จะพูดดูขำขันเหมือนเดิม...แต่ก็ไม่ผิดศีล...ไม่เป็นการหาพวกหาลาภ..หาสรรเสริญ...อันผู้ใฝ่หาใจบริสุทธิ์พึงละพึงรังเกียจ..

กรณีที่คุณกบยกตัวอย่าง คือกรณีที่ผู้ปฎิบัตินั้น มีความเป็นสัตบุรุษอยู่แล้ว อุปมาเหมือนสุนัขจิ้งจอก ระมัดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร