วันเวลาปัจจุบัน 02 ส.ค. 2025, 20:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2018, 08:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ



แบบเขามีอยู่ ๔ ข้อ แต่นำข้อที่พูดถึงมาข้อเดียว

4. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม คือ

4.1 นิวรณ์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า นิวรณ์ 5 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้วไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ
4.2 ขันธ์ คือ กำหนดรู้ว่าขันธ์ 5 แต่ละอย่าง คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ดับไปได้อย่างไร
4.3 อายตนะ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ภายนอกแต่ละอย่างๆ รู้ชัดในสัญโญชน์ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยอายตนะนั้นๆ รู้ชัดว่า สัญโญชน์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปอย่างไร
4.4 โพชฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า โพชฌงค์ 7 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร
4.5 อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจ 4 แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร


ในตอนท้ายของทุกข้อที่กล่าวนี้ มีข้อความอย่างเดียวกันว่า

“ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายใน (= ของตนเอง) อยู่บ้าง ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอก (=ของคนอื่น) อยู่บ้าง พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอก อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น และความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง

“ก็แล เธอมีสติดำรงต่อหน้าว่า “มีกายอยู่” เพียงแค่เพื่อความรู้ เพียงแค่เพื่อความระลึก แลเธอเป็นอยู่อย่างไม่อิงอาศัย ไม่ถือมั่นสิ่งใดๆในโลก”

(คำว่า "กาย" เปลี่ยนเป็น เวทนา จิต และธรรม ตามแต่กรณี)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2018, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนท้ายสาระสำคัญของสติปัฏฐาน ว่าหากผู้ใดปฏิบัติถูกต้องแล้ว ผู้นั้นเหมือนมีจิตแพทย์ประจำตัว

อ้างคำพูด:
การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐานนี้ นักศึกษาฝ่ายตะวันตกบางท่าน นำไปเปรียบเทียบกับวิธีการแบบจิตวิเคราะห์ของจิตแพทย์ (Psychiatrist) สมัยปัจจุบัน และประเมินคุณค่าว่า สติปัฏฐานได้ผลดีกว่า และใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางกว่า เพราะทุกคนสามารถปฏิบัติได้เอง และ ใช้ในยามปรกติเพื่อความมีสุขภาพจิตที่ดีได้ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 26 พ.ค. 2018, 09:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2018, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มิตตปฏิรูป กับ มิตรแท้ ดูหัวข้อ นาถกรณธรรมข้อที่ ๓ ที่

viewtopic.php?f=1&t=55884

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2018, 07:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ


คิดอยู่นานว่า จะถาม/ตอบต่อดีไหม ถ้าตอบไปอีกไม่เกิน 2 ประโยค นู๋เมจะโบกมือบ๊ายบายลาบอร์ดโดยไม่เข้ามาอีกเลย นี่คือสิ่งที่กรัชกายกลัว กลัวไม่มีคนคอยโต้เถียงด้วย คิกๆๆ มันเหงาอ่ะ :b32:



เห็นมะ ยังไม่ทันพูดอะไรสักประโยคเลย นู๋เมก็หายไปแล้ว เนี่ยถ้าพูดจะขนาดไหน :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 00:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ



แบบเขามีอยู่ ๔ ข้อ แต่นำข้อที่พูดถึงมาข้อเดียว

4. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม คือ

4.1 นิวรณ์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า นิวรณ์ 5 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้วไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ
4.2 ขันธ์ คือ กำหนดรู้ว่าขันธ์ 5 แต่ละอย่าง คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ดับไปได้อย่างไร
4.3 อายตนะ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ภายนอกแต่ละอย่างๆ รู้ชัดในสัญโญชน์ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยอายตนะนั้นๆ รู้ชัดว่า สัญโญชน์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปอย่างไร
4.4 โพชฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า โพชฌงค์ 7 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร
4.5 อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจ 4 แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร


ในตอนท้ายของทุกข้อที่กล่าวนี้ มีข้อความอย่างเดียวกันว่า

“ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายใน (= ของตนเอง) อยู่บ้าง ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอก (=ของคนอื่น) อยู่บ้าง พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอก อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น และความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง

“ก็แล เธอมีสติดำรงต่อหน้าว่า “มีกายอยู่” เพียงแค่เพื่อความรู้ เพียงแค่เพื่อความระลึก แลเธอเป็นอยู่อย่างไม่อิงอาศัย ไม่ถือมั่นสิ่งใดๆในโลก”

(คำว่า "กาย" เปลี่ยนเป็น เวทนา จิต และธรรม ตามแต่กรณี)





กระทู้ตั้งไว้ คือ ธรรมนานุปัสสนาที่หายไป

ในมหาสติปัฎฐานสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอน ให้พิจารณาเพียง 3

คือ

1 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายในอยู่เนืองๆ

2 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายนอกอยู่เนืองๆ

3 ให้พิจาณา เห็นธรรม ในธรรม ภายใน และภายนอก อยู่เนืองๆ

แต่แท้จริงแล้ว โดยปรมัตถธรรม ไม่ได้มีแค่ 3


แต่มีถึง 4


คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ


555 หนูปล่อยให้คุณกรัชกายน้ำล้นถ้วย พรั่งพรูความแตกฉานแล้วนะคะ
แต่พูดจนน้ำล้นจนลื่นล้มเองแหละค่ะ



พูดมาเรื่อยเปื่อย แต่ไม่เห็นยกข้อนี้ในพระไตรปิฎกออกมาเรย ว่า ทรงแสดง การพิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน มิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆ




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 00:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


555 นี่แหละ ความแตกฉานของคุณกรัชกาย

หนูบอกแล้วไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ

จะล้มหน้าแตกค่ะ

คุณลุงหมาน รักน๊าจุ๊ปๆ เค้ายังศึกษาพระอภิธรรม ปรมัตถ์ธรรม เค้ารู้ที่หนูอธิบายเพิ่มเติม
และรู้ว่า หนูกล่าวไม่ผิดหรอก


ครูบาอาจารย์ ที่สอนพระอภิธรรม นักศึกษาที่เล่าเรียนศึกษาพระอภิธรรม เค้าเข้าใจกันหมดค่ะ


แต่คุณเอง ไม่ได้เรียนปรมัตถ์ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

แต่กลับมา แสดงว่ารู้มากค่ะ

การไปลอกตำรามาโชว์ ไม่ช่วยให้ดูฉลาดขึ้นหรอกค่ะ
เพราะลอกมาก็ตอบได้ไม่ตรงค่ะ

นี่หนูว่างนะ เรยเมตตา





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 01:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างอิง คุณกรัชกาย

คืออ่านที่นู๋เมเล่านั่นๆนี่ๆแล้วว่า ต้องเท่านั้นต้องเท่านี้ ตัวอย่าง เช่น (ปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ) เป็นต้นแล้ว เหมือนคนหัดเล่นหมากรุก



ปัญญาเจตสิกในมหากุศล............คำเหล่านี้ จากพระอภิธรรมค่ะในพระไตรปิฎกค่ะ
ไม่ใช่จากตำราเล่นหมากรุก

และพระพุทธองค์ และผู้รจนาพระอภิธรรม ก็ไม่ใช่เด็กหัดเล่นหมากรุก ตามที่คุณกล่าวปรามาสด้วยค่ะ

และผู้ศึกษาพระอภิธรรม พระปริยัติ ก็ไม่ใช่เด็กที่หัดเล่นหมากรุกตามที่คุณกล่าวปรามาสด้วยค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 07:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
จะเฉลยให้ก็ได้ค่ะ

เพราะลุงหมาน ผู้ดูแลลาน และคุณกรัชกายผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด รวมทั้งคุณกบผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด
เข้ามาแล้วไม่ตอบ

เพราะท่านเหล่านั้น มีความแตกฉานมากจนต้องอมกันไว้ จนกลัวพระธรรมอันแตกฉานจะล้นออกมา

และหลังจากที่หนูเฉลยแล้ว ก็คงทำให้ความแตกฉานจะต่อยอดพุ่งพรวดพราด ออกมาจากปากผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ได้ จะได้ไม่อึดอัด เพราะอมไว้ค่ะ

เฉลยนะคะ

ปรมัตถ์ธรรม ในธรรมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน ไม่ได้มีแค่ 3 แต่แท้แล้ว มี 4

ข้อ4คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ

คำว่า เห็นธรรม ในธรรม ที่ไม่ใช่ภายใน ไม่ใช่ภายนอก

คำว่าเห็นธรรมคำแรก หมายถึง พิจารณาเห็นการไม่เกิดขึ้น ไม่ตั้งอยู่ และไม่ดับไป
คำว่า ในธรรม คือ นิพพาน
คำว่า มิใช่ภายใน หมายถึง นิพพานไม่ใช่ในขันธ์ภายในตน
มิใช่ภายนอก หมายถึง นิพพาน นิพพานไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน
คำว่าอยู่เนืองๆ ก็คือ บ่อยๆ มากๆ เยอะๆ แยะๆ ถี่ๆ ค่ะ

สรุปง่ายๆนะคะ ก็คือ

ผู้ที่แตกฉานทั้งปริยัติ และปฎิบัติ ก็จะสามารถทราบได้ และบอกได้

ปรมัตถ์ธรรมแท้จริงนั้น สูงสุด เหนือพระวจนะ
พระพุทธองค์จึงทรงเคารพพระธรรม

ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน

และนี่คือ นิโรจสัจจ ในอริยสัจจที่ 3 ที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้

ก็คือ การพิจารณาเห็น การไม่เกิดขึ้น การไม่ตั้งอยู่ การไม่ดับไป ของนิพพาน อันเป็นขันธวิมุติ ไม่ใชขันธ์ภายในตน ไม่ใช่ขันธ์ภายนอกตน

การพิจารณาธรรมนุปัสสนานิพพานนั้น มีได้ทั้งโดยอนุมาน และโดยประจักษ์

และจิตที่รู้นิพพานเป็นอารมณ์ได้ มีสี่ประเภท
คือ1 โครตภูจิต 2มรรคจิต 3ผลจิต และ4 ปัจจเวกขณะ

และปุถุชน ที่สามารถรู้นิพพาน เป็นอารมณ์ได้จริงๆ คือ โคตรภูบุคล เป็นอาหุเนยยบุคคล 1 ใน 9 ประเภท
และองค์ธรรมของโครตภูบุคคลนั้น ตามพระอภิธรรม คือปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ
ส่วนพระอริยะบุคคล ที่รู้นิพพานเป็นครั้งแรกเป็นอารมณ์ได้คือพระโสดาบัน
และองค์ธรรมของพระโสดาบันนั้น คือปัญญาเจตสิกที่ในโสดาบันปัตติมรรคจิต 5 และเจตสิก 36 มีนิพพานเป็นอารมณ์


หนูก็เฉลยแล้ว
ก็ขอกล่าวอำลาซะวันนี้ ตอนบ่ายโมงนี้เลยนะคะ

หนูขอแนะนำว่า พวกคุณๆทั้งหลาย ยังประมาทอยู่มากค่ะ ไม่เคาพพระธรรม และไม่อาจกล่าวแสดงความเคารพหนูที่แสดงธรรมให้ได้ ทั้งๆที่หนูที่มีวัยวุฒิน้อยกว่า พวกคุณมาก

ความประมาทเหล่านี้ จะนำหายนะมาสู่พวกคุณเองได้ค่ะ


บ๊ายบายค่ะ

นู๋เม





อ้างคำพูด:
ปรมัตถ์ธรรมนั้น มี มีจิต เจตสิก รูป และ นิพพาน



ที่ขีดเส้นใต้นู๋เมว่าใช่คนมั้ย :b10:



หาคำตอบนี้หลายรอบ ก็ไม่เห็นคำตอบนู๋เม ทำไปทำมานู๋เมนั่นแหละลอกตำรามาพูด นั่นๆนี่ๆ เนื่องๆ นอกๆในๆ คิกๆๆ เท่านั้นดวงเท่านี้ดวง ปรมัตถ์ธรรมว่า พอเราถามว่า จิต เจตสิก รูป เนี่ย ใช่คนไหมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำเป็นมองไม่เห็น
ตอบหน่อย เพื่อให้กรัชกายตายตาหลับ จิต เจตสิก รูป เนี่ยใช่คนไหม เอ้า :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 07:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
อ้างอิง คุณกรัชกาย

คืออ่านที่นู๋เมเล่านั่นๆนี่ๆแล้วว่า ต้องเท่านั้นต้องเท่านี้ ตัวอย่าง เช่น (ปัญญาเจตสิกในมหากุศลญาณสัปปยุตตจิต 4 ดวง และเจตสิก 35 ดวงค่ะ) เป็นต้นแล้ว เหมือนคนหัดเล่นหมากรุก



ปัญญาเจตสิกในมหากุศล............คำเหล่านี้ จากพระอภิธรรมค่ะในพระไตรปิฎกค่ะ
ไม่ใช่จากตำราเล่นหมากรุก

และพระพุทธองค์ และผู้รจนาพระอภิธรรม ก็ไม่ใช่เด็กหัดเล่นหมากรุก ตามที่คุณกล่าวปรามาสด้วยค่ะ

และผู้ศึกษาพระอภิธรรม พระปริยัติ ก็ไม่ใช่เด็กที่หัดเล่นหมากรุกตามที่คุณกล่าวปรามาสด้วยค่ะ



เอางี้นะ นู๋เมนับได้เองหรอ... 4 ดวง .... 35 ดวง อะไรที่ว่านั่นน่ะ เอ้า มีช้อยให้เลือก

1. นับได้เอง

2. ไม่ได้นับเองหรอก จำมา

3. อื่นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
555 นี่แหละ ความแตกฉานของคุณกรัชกาย

หนูบอกแล้วไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ

จะล้มหน้าแตกค่ะ

คุณลุงหมาน รักน๊าจุ๊ปๆ เค้ายังศึกษาพระอภิธรรม ปรมัตถ์ธรรม เค้ารู้ที่หนูอธิบายเพิ่มเติม
และรู้ว่า หนูกล่าวไม่ผิดหรอก


ครูบาอาจารย์ ที่สอนพระอภิธรรม นักศึกษาที่เล่าเรียนศึกษาพระอภิธรรม เค้าเข้าใจกันหมดค่ะ


แต่คุณเอง ไม่ได้เรียนปรมัตถ์ ไม่ได้ศึกษาพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน

แต่กลับมา แสดงว่ารู้มากค่ะ

การไปลอกตำรามาโชว์ ไม่ช่วยให้ดูฉลาดขึ้นหรอกค่ะ
เพราะลอกมาก็ตอบได้ไม่ตรงค่ะ

นี่หนูว่างนะ เรยเมตตา






เอ้านี่นู๋เมว่าลอกตำราไหม

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วกลัว เป็นเพราะอะไร

ตามหัวข้อเลยครับ ( อานาปานสติ )

https://pantip.com/topic/37715357


มีสัมปยุตไหม มีวิปยุตไหม ถ้ามีมีอะไร เท่าไหร่ หรือยังไง เอ้าว่าปาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ



แบบเขามีอยู่ ๔ ข้อ แต่นำข้อที่พูดถึงมาข้อเดียว

4. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม คือ

4.1 นิวรณ์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า นิวรณ์ 5 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้วไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ
4.2 ขันธ์ คือ กำหนดรู้ว่าขันธ์ 5 แต่ละอย่าง คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ดับไปได้อย่างไร
4.3 อายตนะ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ภายนอกแต่ละอย่างๆ รู้ชัดในสัญโญชน์ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยอายตนะนั้นๆ รู้ชัดว่า สัญโญชน์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปอย่างไร
4.4 โพชฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า โพชฌงค์ 7 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร
4.5 อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจ 4 แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร


ในตอนท้ายของทุกข้อที่กล่าวนี้ มีข้อความอย่างเดียวกันว่า

“ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายใน (= ของตนเอง) อยู่บ้าง ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอก (=ของคนอื่น) อยู่บ้าง พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอก อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น และความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง

“ก็แล เธอมีสติดำรงต่อหน้าว่า “มีกายอยู่” เพียงแค่เพื่อความรู้ เพียงแค่เพื่อความระลึก แลเธอเป็นอยู่อย่างไม่อิงอาศัย ไม่ถือมั่นสิ่งใดๆในโลก”

(คำว่า "กาย" เปลี่ยนเป็น เวทนา จิต และธรรม ตามแต่กรณี)





กระทู้ตั้งไว้ คือ ธรรมนานุปัสสนาที่หายไป

ในมหาสติปัฎฐานสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอน ให้พิจารณาเพียง 3

คือ

1 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายในอยู่เนืองๆ

2 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายนอกอยู่เนืองๆ

3 ให้พิจาณา เห็นธรรม ในธรรม ภายใน และภายนอก อยู่เนืองๆ

แต่แท้จริงแล้ว โดยปรมัตถธรรม ไม่ได้มีแค่ 3


แต่มีถึง 4


คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ


555 หนูปล่อยให้คุณกรัชกายน้ำล้นถ้วย พรั่งพรูความแตกฉานแล้วนะคะ
แต่พูดจนน้ำล้นจนลื่นล้มเองแหละค่ะ



พูดมาเรื่อยเปื่อย แต่ไม่เห็นยกข้อนี้ในพระไตรปิฎกออกมาเรย ว่า ทรงแสดง การพิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน มิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆ





ก่อนตอบนู๋เม นู๋ตอบคำถามที่ว่า จิต เจตสิก รูป ใช่คนไหม ก่อน เพราะมันเนื่องกัน คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปลื้มปีติที่เห็นกระทู้คุณโลกสวย :b8: กรัชกายจะรออ่านก่อนนะครับ ยังไงแล้วค่อยมีการสนทนากันภายหลัง

คุณกรัชกายจะมาอ่านแล้ว หรือจะไปอ่านตามเวปอื่นๆ กระทู้อื่นๆ ตามหนังสือพิมพ์ ตามข่าวออนไลน์

ไม่ต้องมาสนทนาก็ได้ค่ะ


ถ้ายังงั้น เอายังงี้ ไม่ต้องไปหาไกล เอาที่นี่แหละ นู๋ว่า ธรรม ได้แก่ อะไร ?


คุณกรัชกาย เป็นผู้ทรงคุณวุฒิประจำบอร์ด ก็ลองตอบมาสิคะ
แสดงความแตกฉานให้ชมหน่อยค่ะ



แบบเขามีอยู่ ๔ ข้อ แต่นำข้อที่พูดถึงมาข้อเดียว

4. ธัมมานุปัสสนา การตามดูรู้ทันธรรม คือ

4.1 นิวรณ์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า นิวรณ์ 5 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้วไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปอย่างไร รู้ชัดตามที่มันเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ
4.2 ขันธ์ คือ กำหนดรู้ว่าขันธ์ 5 แต่ละอย่าง คือ อะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร ดับไปได้อย่างไร
4.3 อายตนะ คือ รู้ชัดในอายตนะภายใน ภายนอกแต่ละอย่างๆ รู้ชัดในสัญโญชน์ที่เกิดขึ้น เพราะอาศัยอายตนะนั้นๆ รู้ชัดว่า สัญโญชน์ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้ว ละเสียได้อย่างไร ที่ละได้แล้ว ไม่เกิดขึ้นได้อีกต่อไปอย่างไร
4.4 โพชฌงค์ คือ รู้ชัดในขณะนั้นๆ ว่า โพชฌงค์ 7 แต่ละอย่างๆ มีอยู่ในใจตนหรือไม่ ที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้นได้อย่างไร ที่เกิดขึ้นแล้วเจริญเต็มบริบูรณ์ได้อย่างไร
4.5 อริยสัจ คือ รู้ชัดอริยสัจ 4 แต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง ว่าคืออะไร เป็นอย่างไร


ในตอนท้ายของทุกข้อที่กล่าวนี้ มีข้อความอย่างเดียวกันว่า

“ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายใน (= ของตนเอง) อยู่บ้าง ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกาย ภายนอก (=ของคนอื่น) อยู่บ้าง พิจารณาเห็นกายในกาย ทั้งภายในภายนอก อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือ ความเกิดขึ้นในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง พิจารณาเห็นธรรม คือความเกิดขึ้น และความเสื่อมสิ้นไปในกาย อยู่บ้าง

“ก็แล เธอมีสติดำรงต่อหน้าว่า “มีกายอยู่” เพียงแค่เพื่อความรู้ เพียงแค่เพื่อความระลึก แลเธอเป็นอยู่อย่างไม่อิงอาศัย ไม่ถือมั่นสิ่งใดๆในโลก”

(คำว่า "กาย" เปลี่ยนเป็น เวทนา จิต และธรรม ตามแต่กรณี)





กระทู้ตั้งไว้ คือ ธรรมนานุปัสสนาที่หายไป

ในมหาสติปัฎฐานสูตร พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสสอน ให้พิจารณาเพียง 3

คือ

1 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายในอยู่เนืองๆ

2 ให้พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ภายนอกอยู่เนืองๆ

3 ให้พิจาณา เห็นธรรม ในธรรม ภายใน และภายนอก อยู่เนืองๆ

แต่แท้จริงแล้ว โดยปรมัตถธรรม ไม่ได้มีแค่ 3


แต่มีถึง 4


คือ พิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน และมิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆค่ะ


555 หนูปล่อยให้คุณกรัชกายน้ำล้นถ้วย พรั่งพรูความแตกฉานแล้วนะคะ
แต่พูดจนน้ำล้นจนลื่นล้มเองแหละค่ะ



พูดมาเรื่อยเปื่อย แต่ไม่เห็นยกข้อนี้ในพระไตรปิฎกออกมาเรย ว่า ทรงแสดง การพิจารณาเห็นธรรม ในธรรม ที่มิใช่ภายใน มิใช่ภายนอก อยู่เนืองๆ





ก่อนตอบนู๋เม นู๋ตอบคำถามที่ว่า จิต เจตสิก รูป ใช่คนไหม ก่อน เพราะมันเนื่องกัน คิกๆๆ



อ้างอิง คุณกรัชกาย ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูงสุด ประจำบอร์ด

"ก่อนตอบนู๋เม นู๋ตอบคำถามที่ว่า จิต เจตสิก รูป ใช่คนไหม ก่อน เพราะมันเนื่องกัน คิกๆๆ"


คุณกรัชกาย ท่านผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ได้แสดงความแตกฉานอย่างลึกซึ้ง

เพราะสนทนากะคนระดับธรรมอย่างไร หนูจำเป็นต้องลงหน่อยเป็นระดับเดียวกัน

เพื่อคุณกรัชกายจะได้เข้าใจ


เพราะคำตอบที่ได้ตอบไปแล้ว คนที่ศึกษาพระปริยัติ ที่ศึกษาพระอภิธรรม เค้าเก๊ทกันหมด ว่าธรรมที่หายไปพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ที่อื่นไม่ใช่ในมหาสติปัฎฐาน

แต่ คุณกรัชกายยังไม่เก๊ท

หนูตอบให้ค่ะ ผุ้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ จะได้แตกฉานกว่านี้

ภาษาไทย มีก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก
แล้วพระไตรปิฎก พระสูตร พระอภิธรรม มี ก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก ใช่มั๊ย
เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน คิกคิก
แต่ธรรมมานุปัสสนาโดยนิพพานเป็นอารมณ์ ทั้งโดยอนุมาน โดยประจักษ์

มีพวกที่คุณถามนั้นมั้ยคะ?

หนูถึงบอกว่า ต้องคนที่ศึกษาอย่างแตกฉาน ปฎิบัติอย่างแตกฉานจริงๆๆ ๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใชเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเพราะโพสต์มาก เพราะเก่งแต่ปาก เก่งแต่ไปลอกตามเวปหนังสือพิมพ์ แบบคุณกรัชกายค่ะ



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความเห็นผมคือ ภาษาที่แสดงนั้น ลงกันสมกันกับคำสอนของพระพุทธเจ้าหรือไม่

ถ้าลงกันสมกัน ก็นเป็นเพียงการสื่อภาษา (ไทย) หากเป็นภาษาอื่น ก็คงจะต้องมาพิจารณาแปลออกมาอีกว่าลงกันสมกันกับคำสอนหรือไม่อีกนั่นแหละ

ผู้ที่ศึกษาพระไตรปิฏกต้องลงรายละเอียดอย่างชัดเจนว่ามาจากเล่มไหนหน้าไหนและบรรทัดไหน

แต่ผู้ที่ฝึกตน คือการเอาภาษาไทยมาอธิบายหลักธรรมคำสอน ไม่ถือว่าเอามาเป็นหลักอภิธรรม เป็นแค่การสื่อภาษาของสาวกครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2018, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:

อ้างอิง คุณกรัชกาย ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูงสุด ประจำบอร์ด

"ก่อนตอบนู๋เม นู๋ตอบคำถามที่ว่า จิต เจตสิก รูป ใช่คนไหม ก่อน เพราะมันเนื่องกัน คิกๆๆ"


คุณกรัชกาย ท่านผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ได้แสดงความแตกฉานอย่างลึกซึ้ง

เพราะสนทนากะคนระดับธรรมอย่างไร หนูจำเป็นต้องลงหน่อยเป็นระดับเดียวกัน

เพื่อคุณกรัชกายจะได้เข้าใจ


เพราะคำตอบที่ได้ตอบไปแล้ว คนที่ศึกษาพระปริยัติ ที่ศึกษาพระอภิธรรม เค้าเก๊ทกันหมด ว่าธรรมที่หายไปพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ที่อื่นไม่ใช่ในมหาสติปัฎฐาน

แต่ คุณกรัชกายยังไม่เก๊ท

หนูตอบให้ค่ะ ผุ้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ จะได้แตกฉานกว่านี้

ภาษาไทย มีก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก
แล้วพระไตรปิฎก พระสูตร พระอภิธรรม มี ก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก ใช่มั๊ย
เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน คิกคิก
แต่ธรรมมานุปัสสนาโดยนิพพานเป็นอารมณ์ ทั้งโดยอนุมาน โดยประจักษ์

มีพวกที่คุณถามนั้นมั้ยคะ?

หนูถึงบอกว่า ต้องคนที่ศึกษาอย่างแตกฉาน ปฎิบัติอย่างแตกฉานจริงๆๆ ๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใชเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเพราะโพสต์มาก เพราะเก่งแต่ปาก เก่งแต่ไปลอกตามเวปหนังสือพิมพ์ แบบคุณกรัชกายค่ะ




หาคนที่ตรงไปตรงมายากจริงๆ ถ้าไม่รู้ก็บอกว่าหนูไม่รู้ค่ะ เขาว่าปรมัตถ์หนูก็ปะระมัดมัดตามเขาไป ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน อิอิ

เขาว่านิพพาน หนูก็พาลพานตามตามเขาไป :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2018, 00:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2166

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:

อ้างอิง คุณกรัชกาย ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูงสุด ประจำบอร์ด

"ก่อนตอบนู๋เม นู๋ตอบคำถามที่ว่า จิต เจตสิก รูป ใช่คนไหม ก่อน เพราะมันเนื่องกัน คิกๆๆ"


คุณกรัชกาย ท่านผู้ทรงคุณวุฒิในบอร์ด ได้แสดงความแตกฉานอย่างลึกซึ้ง

เพราะสนทนากะคนระดับธรรมอย่างไร หนูจำเป็นต้องลงหน่อยเป็นระดับเดียวกัน

เพื่อคุณกรัชกายจะได้เข้าใจ


เพราะคำตอบที่ได้ตอบไปแล้ว คนที่ศึกษาพระปริยัติ ที่ศึกษาพระอภิธรรม เค้าเก๊ทกันหมด ว่าธรรมที่หายไปพระพุทธองค์ตรัสสอนไว้ที่อื่นไม่ใช่ในมหาสติปัฎฐาน

แต่ คุณกรัชกายยังไม่เก๊ท

หนูตอบให้ค่ะ ผุ้ทรงคุณวุฒิท่านนี้ จะได้แตกฉานกว่านี้

ภาษาไทย มีก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก
แล้วพระไตรปิฎก พระสูตร พระอภิธรรม มี ก.ไก่ ถึงฮ. นกฮูก ใช่มั๊ย
เพราะมันเกี่ยวเนื่องกัน คิกคิก
แต่ธรรมมานุปัสสนาโดยนิพพานเป็นอารมณ์ ทั้งโดยอนุมาน โดยประจักษ์

มีพวกที่คุณถามนั้นมั้ยคะ?

หนูถึงบอกว่า ต้องคนที่ศึกษาอย่างแตกฉาน ปฎิบัติอย่างแตกฉานจริงๆๆ ๆๆๆๆๆๆ
ไม่ใชเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเพราะโพสต์มาก เพราะเก่งแต่ปาก เก่งแต่ไปลอกตามเวปหนังสือพิมพ์ แบบคุณกรัชกายค่ะ




หาคนที่ตรงไปตรงมายากจริงๆ ถ้าไม่รู้ก็บอกว่าหนูไม่รู้ค่ะ เขาว่าปรมัตถ์หนูก็ปะระมัดมัดตามเขาไป ไม่รู้ว่าอะไรเหมือนกัน อิอิ

เขาว่านิพพาน หนูก็พาลพานตามตามเขาไป :b32:


ก็เพราะหนู มีสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสรณะ มีพระธรรมตามพระไตรปิฎกเป็นสรณะไงคะ
หนูก็เรย เดินตามทางที่พระพุทธเจ้าได้ทรงสอน นิพพานๆๆๆๆๆ
และพระพุทธองค์ ก็มีเพียงผู้เดียวในโลก ที่สอนนิพพานให้คนอื่นๆเดินตาม

หนูก็เรยพานตามพระพุทธองค์ไป แบบคุณกรัชกายว่าไงคะ นิพพาน นิพพาน นิพพาน

อย่างที่คุณกรัชกายได้ปรามาสพระพุทธองค์แหละค่ะ "ว่าเขากล่าวว่านิพพาน หนูก็พานตามเขาไป "

หนูก็ตามไปแหละ นิพพาน ๆๆๆๆ

แต่อย่าลืมไปว่า คนที่กล่าวนิพพานนี้ คือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าค่ะ พระพุทธองค์ทรงสอนเรื่องนิพพานค่ะ

และธรรมของพระพุทธองค์ ก็สอนเรื่องนิพพานค่ะ

และครูบาอาจารย์ คณาจารย์ พระอริยะบุคคลต่างๆ ก็พานเดินตามพระพุทธองค์ไปเหมือนกันตามที่คุณกล่าวไว้


ท่านเหล่านั้น ก็เดินไปถึงความสิ้นสุด คือ นิพพาน นิพพาน นิพพาน นิพพาน


อ. เดียรถีย์ อย่างอ.สัญญชัย ก็ยังกล่าวว่า ในโลกนี้ คนโง่ มีมากหรือน้อยกว่าคนฉลาด

อุปติสสะปริพาชกคือพระสารีบุตรก่อนที่จะไปสำนักพระสมณะโคดม
ก็ยังกล่าวว่า คนโง่นั้น มีมากกว่าคนฉลาด ค่ะ

คนฉลาดอย่างหนู และครูบาอาจารย์ พระอริยะบุคคลต่างๆ ต่างก็เดินตามที่พระพุทธเจ้าสอน
ไปนิพพาน นิพพาน นิพพาน นิพพาน ค่ะ


แต่ผู้แตกฉานทรงคุณวุฒิแบบคุณกรัชกาย ไม่มีพระพุทธเจ้า พระธรรมที่พระพุทธเจ้าสอน เป็นสรณะ
ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้ปฎิบัติเป้นชิ้นเป็นอัน แต่มีไปลอกตามเวปต่างๆ อย่างเวปพันทิพ เวปหนังสือพิมพ์ เอาเป็นสรณะ

หนูจะบอกให้ จำไว้ให้ดีๆนะค่ะ มีแต่พระพุทธเจ้า พระองค์เดียวในโลก ที่กล่าวสอนถึงนิพพานค่ะ

กรรมที่คุณ ปรามาสพระพุทธเจ้า พระธรรมพระพุทธเจ้า หนักหนาสาหัสนัก


หนูไม่สนทนาด้วยแล้วค่ะ
เลิกตอแยกะหนูได้แล้วนะคะ

บ๊ายบายค่ะ




แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร