"อินทรีย์ ๕ ของพระอเสกขะเหล่านั้นนั่นแหละ นับเข้าในสังขารขันธ์ สังขาร
เหล่าใดไม่ใช่อารมณ์ของอาสวะ และไม่ใช่องค์แห่งภพ สังขารขันธ์เหล่านั้น [อรหัตตผล]
สงเคราะห์ไว้ในธรรมธาตุ ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยธาตุ"
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺนา, อยํ อายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงคํ. อยํ
อายตเนหิ โอตรณา.
"ธรรมธาตุนั้นนับเข้าในธรรมายตนะ ซึ่งไม่ใช่อารมณ์ของอาสวะ และไม่ใช่องค์
แห่งภพ ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยอายตนะ"
"อยํ อหสฺมีติ อนานุปสฺสี'ติ อยํ สกฺกายทิฎฺฐิยา สมุคฺฆาโต, สา เสกฺขาวิมุตติ,
ตานิเยว เสกฺขานิ ปญฺจินฺทริยานิ. อยํอินฺทฺริเยหิ โอตรณา.
การถอนสักกาทิฏฐินี้ที่กล่าวไว้ในคำว่า อยํ อหสฺมีติ อนานุปสฺสี(ไม่เห็นอัตภาพ
นี้เป็นเรา) เป็นความหลุดพ้นของพระเสกขะ ศรัทธาเป็นต้นนั่นแหละเป็นอินทรีย์ ๕ ของ
พระเสกขะข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยอินทรีย์

ตานิยว เสกฺุขานิ ปญฺจินฺทฺริยานิ วิชฺชา, วิชฺชุปฺปาทา อวิชฺชานิโรโธ. อวิชฺชานิโรธา
สงฺขารนิโรโธ, เอวํ สพฺโพ ปฏิจฺจมุปฺปาโท. อยํ ปฏิจฺจสมุปฺปาเทหิ โอตรณา.
*อินทรีย์ ๕ ของพระอเสกขะเหล่านั้นนั่นแหละเป็นวิชชา อวิชชาดับเพราะการ
เกิดขึ้นแห่งวิชชา สังขารดับเพราะความดับแห่งอวิชชา วิญญาณดับเพราะความดับแห่งสังขาร
ปฏิจจสมุปบาททั้งปวงย่อมเป็นไปอย่างนี้ ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยปฏิจสมุปบาท"
สาเยว วิชฺชา ปญฺญากฺขนฺโธ. อยํ ขน์เธหิ โอตรณา.
"วิชชานั้นนั่นแหละเป็นปัญญาขันธ์ ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยขันธ์"
สาเยว วิชฺชา สงฺขารปริยาปนฺนา, เย สงฺขารา อนาสวา, โน จ ภวงฺคา, เต สงฺขารา
ธมฺมธาตุสงฺคหิตา, อยํ ธาตูหิ โอตรณา.
"วิชชานั้นนั่นแหละนับเข้าในสังขารขันธ์ สังขารขันธ์เหล่าไม่ใช่อารมณ์ของ
อาสวะ และไม่ใช่องค์แห่งภพ สังขารขันธ์เหล่านั้น [อรหัตตผล] สงเคราะห์ไว้ในธรรมธาตุ
ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยธาตุ"
สา ธมฺมธาตุ ธมฺมายตนปริยาปนฺมา, ยํ ยายตนํ อนาสวํ, โน จ ภวงฺคํ, อยํ
อายตเนหิ โอตรณา.
"ธรรมธาตุนั้นนับเข้าในธรรมายตนะ ซึ่งไม่ใช่อารมณ์ของอาสวะ และไม่ใช่องค์
แห่งภพ ข้อนี้เป็นการหยั่งลงด้วยอายตนะ"
เสกฺขาย จ วิมุตฺติยา อเสกฺขาย จ วิมุตฺติยา วิมุตฺโต อุทตาริ โอฆํ อติณฺณปุพฺพํ
อนุปริญญา เจตนา ภควา อุทธํ อโธ"ติ.
"ผู้หลุดพันแล้วด้วยความหลุดพ้นของพระเสกขะและพระอเสกขะ ได้ข้ามหัวงกิเลส
อันตนไม่เคยข้าม เพื่อความไม่เกิดอีก สมจริงดังพระพุทธดำรัสว่า
'ผู้หลุดพันแล้วในธาตุเบื้องบน ธาตุเบื้องล่าง' เป็นต้น"