การปฏิบัติธรรมทำให้ไม่ถูกไฟกิเลสเผา
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่เราต้องกระทำในปัจจุบันคือ การกระทำตน
ให้พ้นไปจากไฟทั้งหลายที่เนื่องจากการเห็น รวมไปถึงสิ่งที่เป็นผล
ของไฟกิเลสคือกรรมและสังสารวัฏที่ต้องเกิดแก่เจ็บตาย ยิ่งไปกว่านั้น
การปฏิบัติธรรมยังทำให้เราไม่เกิดแก่เจ็บตาย ยิ่งไปกว่านั้น การ ปฏิบัติธรรม
ยังทำให้เราไม่เกิดความเศร้าโศกและความคร่ำครวญเป็นต้น โดยเนื่องกับการเห็นอีกด้วย

ผู้ปฏิบัติควรเจริญวิปัสสนาโดยรู้เห็นรูปนามมีรูปารมณ์ที่ชาวโลกเห็น
ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตทุกอย่าง เป็นต้น ในปัจจุบันขณะตามความเป็นจริง
เพื่อไม่ให้เกิดความเศร้าโศก ความคร่ำครวญ และความคับแค้นใจโดยเนื่องกับการเห็น
เพราะชาวโลกเกิดความรู้สึกดังกล่าวกับการเห็น การได้ยินอยู่เสมอ
นี้ลักษณะที้ไฟเหล่านี้เผาโลกอยู่ในปัจจุบัน ไฟ ๑๑ กองคือ

ไฟอันว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งมนุษย์ และเทวดาได้ถูกไฟ ๑๑ กอง เผาอยู่เสมอ
เป็นเหตุให้ได้รับความทุกข์นานาประการ ๑๑ กอง คือ

๑.ราคะ ความกำหนัดชอบใจ อยากได้กามคุณ 5 มีรูปเป็นต้น
๒.ไฟโทสะ คือ ความโกรธ มีความไม่พอใจเป็นลักษณะ
๓.ไฟโมหะ ได้แก่ ความลุ่มหลงในรูป รส กลิ่น เสียง
โผฎฐัพพะ ลังเล ใจฟุ้งซ่าน ไปตามอารมณ์
๔. ชาติ คือ ไฟแห่งความเกิดอันเป็นทุกข์
๕. ชรา คือ ไฟแห่งความแก่อันเป็นทุกข์
๖. มรณะ คือ ไฟแห่งความตายอันเป็นทุกข์
๗. โสกะ คือ ไฟแห่งความเศร้าโศก
๘. ปริเทวะ คือ ไฟบ่นเพ้อร่ำไร รำพัน
๙. ทุกขัง คือ ไฟแห่งความทุกข์ลำบากกายใจ
๑๐.โทมนัส คือ ไฟแห่งความเสียใจ
๑๑.อุปายโส คือ ไฟแห่งความคับแค้นใจ

ไฟทั้ง ๑๑ กองนี้แหละเผาลนสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ให้ต้องพากันงมงาย เวียนว่ายตายเกิด ได้รับทุกข์ต่างๆเหล่านี้โดยอาศัยการเห็นเป็นต้น
เป็นเหตุ และเผาสภาวธรรม ๕ อย่างคือ จักษุ รูปารมณ์ จักขุวิญญาณ จักขุสัมผัส
และเวทนาที่เนื่องกับจักขุสัมผัส ไฟเหล่านี้ถูกดับได้ในทุกขณะด้วยวิปัสสนาญาณ
ที่เห็นรูปนามตามความเป็นจริง มิฉะนั้นไฟเหล่านี้ก็จะเผาเหล่าสัตว์อยู่เสมอ
มีเพียงพระอรหันต์ผู้กำจัดกิเลสโดยสิ้นเชิงแล้วจึงจะสามารถดับไฟเหล่านั้น