วันเวลาปัจจุบัน 20 ต.ค. 2025, 10:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 03 ต.ค. 2025, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5399


 ข้อมูลส่วนตัว


“#พระรูปแรกที่พระอาจารย์สุชาติพบและขอบวช”

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต เมตตาเล่าไว้ดังนี้

ตอนที่ได้ตัดสินใจบวชแล้ว อาตมา (พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต) ได้ไปกราบเรียนปรึกษาพระที่วัดช่องลม ต.นาเกลือ จังหวัดชลบุรี และมีชาวบ้านนับถือเลื่อมใส คือ พระครูวิบูลธรรมกิจ หรือหลวงพ่อบัวเกตุ ปทุมสิโร

(ต่อมาหลวงปู่บัวเกตุย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าปางกื้ด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ปัจจุบันท่านอาพาธ ท่านเจ้าคุณฤทธิรงค์ ได้นิมนต์ไปอยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เพื่อที่จะได้อุปัฏฐากอย่างใกล้ชิด เพิ่มเติมโดยเพจ)

ขณะนั้นท่านเป็นเจ้าอาวาสและเป็นพระอุปัชฌาย์ของวัดนี้

ช่วงไหนที่ไม่มีกิจในวัดท่านจะเดินทางไปศึกษาด้านปฏิบัติกรรมฐานจากครูบาอาจารย์ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่นทางภาคอีสานอยู่เป็นประจำ

ตอนนั้นท่านเพิ่งกลับมาจากไปกราบหลวงปู่ฝั้น (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร) มา โดยอาตมาได้กราบเรียนท่านว่าอยากจะบวช แต่ไม่อยากบวชอยู่วัดที่มีพิธีกรรมต่างๆ มีงานบุญบังสั่งสวดมากไม่เอา อยากจะหาวัดที่มีการปฏิบัติภาวนาเพียงอย่างเดียว เพราะกำลังปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน ๔ อยู่

ท่านบอกว่า “วัดของท่านไม่มีการปฏิบัติเป็นวัดปริยัติ เป็นวัดเรียน วัดสวด มีเมรุมีฉันเพล มีพิธีกรรม มีกิจนิมนต์ ถ้าบวชกับท่านก็ต้องอยู่จำพรรษากับท่าน ๕ พรรษาตามพระธรรมวินัย”

ท่านจึงเมตตาแนะนำว่า “ถ้าอยากจะบวชแล้วภาวนา ต้องไปหาครูบาอาจารย์ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นทางภาคอีสาน สมัยนั้นก็มีหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่เทสก์ หลวงปู่ขาว หลวงตามหาบัว หลวงปู่ชา โดยให้ไปบวชกับสมเด็จพระญาณฯ วัดบวรฯ”

ท่าน (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร) เมตตารับบวชให้ เมื่อบวชแล้วต้องการไปภาวนาไปปฏิบัติ ท่านก็จะอนุญาตให้ลาไปอยู่กับครูบาอาจารย์สายปฏิบัติ แทนที่จะต้องอยู่กับท่าน ๕ พรรษาตามพระธรรมวินัยได้”

นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้ยินชื่อของหลวงปู่มั่น เพราะตอนที่ปฏิบัตินั้นอาศัยหนังสือที่ได้มาจากประเทศศรีลังกา เป็นหนังสือที่คัดมาจากพระสูตรเป็นภาษาอังกฤษ ก็เลยไม่ทราบว่าพระปฏิบัติในประเทศไทยมีอยู่ที่ไหนบ้าง

เราก็เลยมุ่งไปที่วัดบวรนิเวศฯ ก็ไม่รู้จักสมเด็จพระญาณสังวรฯ แต่ทราบว่าที่นั่นมีพระชาวต่างประเทศพำนักอยู่ก็เลยไป

พอไปถึงก็พบพระชาวอังกฤษ บวชมาได้ ๑๐ พรรษา (ปัจจุบันลาสิกขาแล้ว) ได้สนทนาธรรมกับท่าน เล่าให้ท่านฟังเป็นภาษาอังกฤษ ท่านฟังแล้วก็อาสาว่าจะไปกราบทูลสมเด็จพระญาณฯ ให้เรื่องที่จะขอบวช

พอไปกราบทูลเสร็จ สมเด็จฯ ก็รับสั่งให้ไปเฝ้า ท่านก็ถามคำสองคำว่ารู้จักใครในวัดนี้ไหม ตอบท่านว่าไม่รู้จักใครเลย เพราะเพิ่งมาครั้งแรก และเพิ่งเจอพระฝรั่งรูปที่มากราบทูลให้

ท่านก็ถามว่า “มีพ่อมีแม่หรือเปล่า” เพราะคิดว่าอาตมาเป็นคนเร่ร่อน ตอบท่านว่า มี

ท่านก็บอกให้พามาพบหน่อย

ก็เลยนัดวันพบ แล้วอาตมาก็กลับไปบอกคุณพ่อคุณแม่ คุณแม่ก็เลยให้พามากราบสมเด็จฯ

คัดลอกจากหนังสือ “มหาเศรษฐีที่แท้จริง” พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต







"ถ้าอะไรเราไม่ได้ทำไว้
อยากได้มันก็ไม่ได้
ถ้าได้ทำไว้แล้วสร้างไว้แล้ว
ไม่อยากได้มันก็ได้
นี่แหละทานบารมี"

หลวงปู่ฝั้น อาจาโร





พระฝรั่งรูปหนึ่งเคยบ่นกับหลวงพ่อชาว่า
ทำไมพวกเราตั้งอกตั้งใจมากแต่สงบยาก
ในเมื่อเพื่อนพระไทยหลายรูปดูจะสงบง่าย
กว่าเราเยอะ หลวงพ่อตอบว่า ...
“คนมีการศึกษามากมักจะคิดมาก สงสัยมาก
สงบยาก พระไทยส่วนใหญ่เป็นลูกชาวนา
มีการศึกษาน้อย ไม่คิดมาก ไม่สงสัยมาก
ศรัทธาท่านแรงกล้า จึงสงบง่ายหน่อย”
อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อให้กำลังใจ ...
“จิตของพวกท่านเหมือนบ้านหลังใหญ่
มีหลายห้อง จะทำความสะอาดก็ต้องใช้เวลา
มากกว่ากระต๊อบก็จริง แต่สะอาดแล้วคงจะ
น่าอยู่กว่า ทำอะไรได้มากกว่า”

ทุกวันนี้คนไทยมีการศึกษามากขึ้น คนในเมือง
นิสัยคิดมาก สงสัยมากกำลังถึงระดับอินเตอร์
เสียแล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ขออย่าท้อแท้
จิตถึงจะฝึกยากก็ฝึกได้ ถ้าขยันทำความเพียร
ต่อเนื่อง ในที่สุดกระแสความคิดฟุ้งซ่าน
จะแปลงเป็นพลังปัญญา ...
...
พระอาจารย์ชยสาโร







อย่า..เสียดายเวลา..ที่จากไป..
จงใส่ใจกับสิ่งที่เหลืออยู่
ชีวิต..ที่ผ่านมา คือครู
ชีวิต..ที่เหลืออยู่ คือ โอกาส

#โอวาทธรรมคำสอน
(หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)
วัดป่าสัมมานุสรณ์ จังหวัดเลย
พระกรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น






"ความตายมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความอยากหรือไม่อยาก แต่มันขึ้นอยู่กับการถึงเวลา ถ้าถึงเวลา มันไม่มีใครห้ามได้หรอก"

~ หลวงพ่อสุธรรม สุธัมโม ~






"เมื่อตาเห็นรูปแล้ว รู้ว่าสวยงาม หรือน่ารังเกียจอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อหูได้ยินเสียง รู้ว่าไพเราะ หรือน่ารําคาญอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อลิ้นได้ลิ้มรส รู้ว่าอร่อย หรือไม่อร่อย เปรี้ยวหวานมันเค็มอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อจมูกได้กลิ่น หอมหรือเหม็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อกายสัมผัสโผฎฐัพพะ รู้ว่าอ่อนแข็งเป็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล






#สำคัญที่พื้นจิต

การภาวนามันก็มีหลายเรื่อง สำคัญที่พื้นจิต ถ้าเรื่องนี้จบไป เรื่องใหม่ก็มาอีก อันนี้อย่าไปใส่ใจ ให้ดูหัวใจตัวเอง
มันเกิดอะไรขึ้นมาให้ดูที่ "#ผู้รู้" ให้ดูเข้าไป ๆ เรื่องอื่น ๆ มันอยู่ข้างนอก ถ้าเราไม่ไปใส่ใจมัน สุดท้ายมันก็หนีไปล่ะ

คล้าย ๆ กับหมู่เพื่อนที่เคยอยู่ด้วยกันมา สนิทกันมา มากังวลกับเรามาก หากเราไม่พูดคุยด้วย สุดท้ายเขาก็หนีไป เขินไปเอง พอพวกใหม่มา ท่านก็ให้ทำอย่างนั้นอีก ฟาดลงอย่างนั้นอีก พอทำอย่างนั้น ก็เกิดอัศจรรย์ขึ้นล่ะ เกิดแสงสว่างขึ้น
เห็นพระพุทธเจ้ามาแสดงธรรมให้เห็น โห...เป็นเร็วขนาดนั้น !!

นี่พวกเราอะไร ทำอะไรลงไปก็กลัวตาย กลัวแต่จะเหนื่อย ถ้าไม่สละตายไม่เห็นจริงๆ นะ ธรรมะของพระพุทธเจ้าน่ะ

( หลวงปู่ลี กุสลธโร )





"เมื่อตาเห็นรูปแล้ว รู้ว่าสวยงาม หรือน่ารังเกียจอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อหูได้ยินเสียง รู้ว่าไพเราะ หรือน่ารําคาญอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อลิ้นได้ลิ้มรส รู้ว่าอร่อย หรือไม่อร่อย เปรี้ยวหวานมันเค็มอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อจมูกได้กลิ่น หอมหรือเหม็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้

เมื่อกายสัมผัสโผฎฐัพพะ รู้ว่าอ่อนแข็งเป็นอย่างไรแล้ว ก็หยุดเพียงเท่านี้"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร