วันเวลาปัจจุบัน 20 ต.ค. 2025, 10:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2025, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5399


 ข้อมูลส่วนตัว


คนไม่มีเงิน หรือ ไม่มีเวลาจะไปวัด แต่อยากทำบุญ ก็เพียงเจริญเมตตาจิต ไม่ให้โกรธเกลียดใคร มีแต่ความรักให้แก่เขา วิธีนี้ถือเป็นการทำบุญที่ได้อานิสงส์มากทีเดียว..

#พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต






สิกินแต่บุญเก่า คุณงามความดีคันบ่อสร้าง บุญบ่อเฮ็ด มันก่าเบิดไปๆคือเดือนข้างแรม

คันเฮ็ดความดีไปเรื่อย สร้างบุญกุศลอยู่เรื่อย จักหน่อยมันก่าเต็มคือเดือนหงาย เดือนข้างขึ้นฮั้นแหล่ว...

จะกินแต่บุญเก่า คุณงามความดีถ้าไม่สร้าง บุญไม่ทำ มันก็หมดไปๆเหมือนเดือนข้างเเรม

ถ้าทำความดีไปเรื่อย สร้างบุญกุศลอยู่เรื่อย สักหน่อยมันก็เต็มเหมือนเดือนหงาย เดือนข้างขึ้นนั่นละ...

โอวาทธรรม

#หลวงพ่อสมศรี อตฺตสิริ

วัดป่าเวฬุวนาราม ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย







"มีดพร้าที่วางไว้นอกกายของเราเป็นอย่างหนึ่ง
ที่เหน็บพกไว้เป็นอย่างหนึ่ง และที่ถือไว้กับมือเรา
เป็นอีกอย่างหนึ่ง

เวลาจะนำออกมาใช้ให้ทันท่วงที
มีดที่วางไว้นอกกายย่อมนำมาใช้ช้ามาก
ที่เหน็บพกก็เร็วขึ้นบ้าง ส่วนมีดที่เราถือไว้ในมือ
ย่อมใช้ได้ทันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ธรรม ที่เราเรียนมาอย่างหนึ่ง
ธรรม ที่ได้จากการศึกษาอบรมกับอาจารย์อย่างหนึ่ง
และธรรม ที่เกิดขึ้นภายในใจของเราซึ่งเนื่องจากอบรม
กับครูอาจารย์นี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง ไม่เหมือนกัน

ธรรม ที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียนมา
โดยที่ไม่ได้อบรมทางด้านจิตใจเลย
เช่นเดียวกับมีดที่วางไว้นอกกาย

ธรรม ที่จำมาได้จากการอบรมสั่งสอน
ของครูอาจารย์ว่าท่านสอนอย่างไร
เช่นเดียวกับมีดที่เหน็บไว้ในพก

ส่วนธรรม ที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติ
ซึ่งเนื่องมาจากอุบายที่ได้จากอาจารย์
เป็นผลประจักษ์ขึ้นกับใจ เช่นเดียวกับ
มีดที่ถือไว้ในมือ

และธรรมส่วนนี้แล จะเป็นเครื่องรักษา
ความปลอดภัยให้แก่เรา ได้มากกว่า
ธรรมทั้งสองประเภทนั้น"

หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน






#การที่เข้ามาปฏิบัติอย่างนี้
ก็ต้องการจะกำจัดนิวรณธรรมไม่ให้เข้ามา
รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
ส่วนของใจ ถีนนมิททะ อุทธัจจกุกกุจจะ
ราคะ โทสะ โมหะ มันฝังอยู่ในหัวใจเรา
เหมือนหนามมาแทงอยู่ในอก อย่างนี้
มันเจ็บแสบอยู่ทุกวัน เราไม่พยายาม
ถอนมัน แล้วมันก็เป็นหนองเป็นไต
เป็นหนองแล้วก็เน่าเปื่อย ผลที่สุดก็ตาย

ใจเรานี่มันเป็นอย่างไร มันจึงไม่สงบ
เราก็จำเป็นจะต้องพยายามเอาให้มันจน
เกิดความสงบได้ อย่าให้มันเสียที
นี่เรานักปฏิบัติต้องมีความเข้มแข็งสำหรับใจ
บางคนกายก็ไม่เข้มแข็งใจก็ยิ่งไม่เข้มแข็ง
ใหญ่ นี่บางคนกายไม่ให้แต่ใจเข้มแข็งก็มี
เป็นอย่างนี้

เพราะฉะนั้น ต้องอุตส่าห์ อันธรรมะของ
พระพุทธเจ้า ยกองค์สมเด็จพระสัมมา
สัมพุทธเจ้าเป็นตัวอย่าง

บำเพ็ญจะได้เป็นสัพพัญญูก็ต้องเอาอยู่
ตั้งหกปี อย่างนี้เป็นต้น ต้องใช้ความ
พยายามอดข้าวอดปลาทำสารพัดทุกอย่าง
ทำจนเกือบล้มเกือบตาย ก็ยังไม่ได้สำเร็จ
มรรคผลธรรมวิเศษ นี่เป็นอย่างนั้น
จนกระทั่งมาได้หกปี นี่มาเห็นปฏิปทา
การเดินหรืออานาปา พิจารณาอานาปา
มาใช้ปัญญาพินิจพิจารณาจึงได้รู้
ความจริงเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ...

#หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท







ธรรมะอรุณสวัสดิ์...รับวันใหม่
.............................
เจริญกรรมฐานเจริญวิปัสสนามันไม่ใช่ความคิด
โดยเฉพาะวิปัสสนา
เป็นเรื่องต้องทำจริง
ทำจริง รู้จริง ไม่ใช่คิด

มันต้องระลึกให้มันจรดสภาวะที่เป็นปัจจุบัน

ดูลมหายใจเข้าออก
หายใจเข้า ลองกำหนดดูลมหายใจขณะนี้ดู
ตอนนี้ลองดูลมหายใจเข้าออก
ดูลมเข้าลมออก ระลึกรู้ลมหายใจเข้าออกดู

ดูลมหายใจเข้าออก
สังเกตดูว่าเข้าออกมันต่างกันไหม
เราสังเกตที่โพรงจมูก ปลายจมูก
เข้าออกมันต่างกันไหม?
อันไหนเย็น? อันไหนอุ่น ๆ?

ต้องเห็นก่อน ต้องเจอก่อน ไม่ใช่เดาเอา
เจอก่อนว่ามันเป็นอย่างไร
เข้ารู้สึกเย็น ออกรู้สึกร้อน
เย็นร้อนนี่เป็นอะไร? เย็นร้อนเป็นรูป
รูปอะไร? ไฟ
นี่ก็เรียกว่ามันเข้ามาสู่แกนใน
ถ้าเราระลึกลมหายใจ เข้าไปสังเกตความรู้สึก

เราดูลมหายใจเข้าออก
ดูซิว่าอันไหนสบาย อันไหนไม่สบาย
เข้า ดูว่ามันสบายหรือไม่สบาย?
ออก สบายหรือไม่สบาย?
อันไหนสบาย?
ถ้าออกสบายก็ออกไปเรื่อย ๆ
ดูซิ มันออกไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องเข้า หยุด ไม่ต้องเข้าได้ไหม?
ดูซิว่ามันสุขหรือทุกข์? ทนไหวไหม?

พอเราดูถึงความสบายไม่สบาย
มันจะเข้ามาสู่แกนในแล้ว
เจตสิก เวทนาเจตสิก

เราดูลมหายใจเข้าออก
ถ้าหายใจแรง เราจะรู้สึก มันมีการกระทบกระแทก
ถ้าหายใจเบาก็กระทบเบาหน่อย
รู้สึกไหมกระทบ
มันมีธาตุอะไรถึงกระทบกระแทกได้?
มีดินเข้าไปด้วย หายใจเอา ดินเข้าไปด้วย
แต่ว่าดินน้อย มันก็ไม่แข็งมาก มันนิ่ม ไม่กระแทก

หายใจเข้าหายใจออก
สังเกตที่ทรวงอกหน้าท้อง
สังเกตดู เข้า ท้องตึงหรือหย่อน?
ออก ท้องหย่อนหรือตึง?
ออก หย่อนหรือตึง?
หรือว่าไหว ๆ
เข้าออก รู้สึกทรวงอกหน้าท้องไหว ๆ ไหม?
ไหว ๆ กระเพื่อม ๆ เป็นธาตุอะไร? ธาตุลม

ในปากเรารู้สึกชุ่มฉ่ำหรือคอแห้ง?
ในปากในคอ คอแห้งหรือว่าชุ่มฉ่ำ?
คอแห้ง กินน้ำเติมน้ำลงไปดูซิมันเป็นอย่างไร?
มันจะรู้สึกชุ่มชื้น เอิบอาบ ซึมซาบ
เป็นธาตุน้ำ
นี่คือรูป
ถ้าเรากำหนดไปอย่างนี้มันเข้าไปสู่แกนใน

อากาศที่มาสัมผัสร่างกาย
เย็นหรือร้อน?
สบายหรือไม่สบาย?

ทีนี้ลองลืมตามองพระพุทธรูปหรือมองดวงไฟ
แล้วก็ค่อย ๆ หลับตา
นึกให้เห็นพระพุทธรูปในตอนหลับตา
ถ้าไม่เห็นก็ลืมมามองใหม่ แล้วก็ค่อย ๆ หลับตา
หลับตาแล้วให้เห็นพระพุทธรูป
เห็นไหม? หลับตาแล้วเห็นไหม?
ไม่เห็นก็ลืมมามองใหม่
มองแล้วก็จำ
มองมาก ๆ ก็จำ แล้วก็ค่อย ๆ หลับตา
สีอะไรหลับตาเห็นไหม?

ถามว่าพระพุทธรูปไปอยู่ในใจของท่านทั้งหลายใช่ไหม?
ใช่หรือ? แสดงว่าย้ายจากโต๊ะหมู่ไปแล้ว
ที่เห็นในใจของจริงหรือของปลอม?
นี่คือมโนภาพ ไม่ใช่ของจริง
อันนี้มันจะอยู่ในเรื่องของอัตถบัญญัติ
เห็นไหมจิตมันสร้างขึ้นได้
มันมีสัญญาความจำ มันก็จะสร้างภาพขึ้นมาได้

เปลี่ยนจากพระพุทธรูปมามองตัวเอง
ลืมตามองร่างกายตัวเอง
ลืมตามองร่างกายตัวเอง แขนขาเท่าที่มองได้
นั่งอยู่อย่างนี้มีขาแบบไหน แขนแบบไหน ลำตัวแบบไหน
มองเห็นตัวเองไหม

ลืมตาก่อน
ลืมตามองร่างกายตัวเองว่าตอนนี้ร่างกายนั่งอยู่
แล้วก็ค่อย ๆ หลับตานึกให้เห็นรูปร่างตัวเองนั่งอยู่
เห็นไหม
เห็นบางส่วนก็แล้วแต่ มีมือ มีขา ลำตัว

ถามว่ารูปร่างไปอยู่ในใจใช่ไหม? หรืออยู่ที่เดิม?
กายนี่ย้ายไปอยู่ในใจหรืออยู่ที่เดิม?
กายอยู่ที่เดิม
ฉะนั้นที่เห็นในใจนั้นของจริงหรือของปลอม?
นี่คือมโนภาพ

เรามาพูดเรื่องนี้ทำไม?
เพราะมันเกี่ยวกับการปฏิบัติ
#เมื่อปฏิบัติตอนแรกใหม่ๆมันก็เห็นมีมือมีขา ลำตัว ศีรษะ
#แต่ทำไปนานๆแล้วมันจะหายไป
กลัวไหม
#มีตัวแต่หัวไม่มี
#หรือไม่มีทั้งตัวเลย
#ตัวก็ไม่มี #ลมหายใจก็ไม่มี
#ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน #สถานที่ที่ไหน
กลัวไหมอย่างนี้

ถ้าเราเข้าใจว่าที่มันมีมันก็ของปลอม
ที่มันยังมีมือมีขาให้เห็นอยู่ในใจมันของปลอมทั้งนั้น
มันไม่ใช่ของจริง
มันก็ต้องหายไปเมื่อจิตเขาไม่นึกไม่ปรุงแต่ง

ถ้าเราไปพยายามนึก มันอาจจะสร้างใหม่ก็ได้
มันอาจจะสร้างหน้าเราไปอยู่ข้างหลัง
จิตมันสร้างเอาเองได้
มันสร้างให้ตัวเราใหญ่ขึ้นก็ได้ ตัวพอง ตัวใหญ่ ตัวสูง
มันไม่ใช่ของจริง
ความเป็นมโนภาพรูปร่างนี่เขาเรียกว่าอัตถบัญญัติ

ถ้าเรานึกให้เห็นรูปร่างในใจแบบนี้
เห็นรูปร่างตัวเองอย่างนี้มันคือนั่งหรือยืน
นั่งแบบนี้นั่งขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบ หรือนั่งห้อยขา
นี่คือความหมาย มันก็อยู่ในอัตถบัญญัติ
มันเป็นความหมายอย่างหนึ่งที่มันตีค่าได้ว่าอย่างนี้คือนั่ง อย่างนี้คือนั่งพับเพียบ
มันเป็นความหมายขยายความหมาย

แล้วถ้าเราพูดในใจว่านี่นั่ง มันก็จะมีสัททบัญญัติเข้ามาด้วย
นั่งหนอ มีไหมพูดในใจนั่งหนอ
เข้า ออก ยาว สั้น เป็นความหมาย
ลมหายใจเข้า ออก ยาว สั้น เป็นความหมายขยายความหมาย

#สิ่งเหล่านี้มันจะหลุดไปจากใจหมดถ้าเราเข้าถึงสภาวะธรรมชาติความเป็นจริง
#เราจะอยู่ในสภาวะที่เหมือนไม่มีตัวตน
#ไม่มีแขนขาหน้าตา
#ไม่มีว่าเรานั่งอยู่ที่ไหน #เป็นใคร #ไม่มี
#เพราะว่าถ้าจิตเขาทิ้งสมมติไปหมดแล้วมันจะไม่มีมโนภาพทั้งหลาย
#เพราะว่ามโนภาพมันเป็นบัญญัติ
#มันก็จะเหลือของแท้ๆ มันจะเหลือจิต
#มันจะเหลือจิต #จะเหลือเจตสิก #จะเหลือรูป

เจอรูปไหว ๆ แต่ก็ไม่มีรูปร่างของกาย
เจอความสุข ความสบายไม่สบาย แต่ก็ไม่มีรูปร่าง
เจอธาตุรู้ แต่ก็ไม่มีเป็นตัวเราของเรา
ไม่มีแขนขา ไม่มีอะไร มันมีแต่ความรู้สึก

เราจะต้องเข้าใจตรงนี้เพื่อเราจะได้เดินหน้า
อยู่กับสิ่งเหล่านี้ได้ ไม่กลัว

ธรรมบรรยาย ผลกรรมในสังสารวัฏ (ตอน ๓)
คอร์สกรรมฐานชมรมกัลยาณธรรม ๑๔ กันยายน ๒๕๖๘
.............................
ธัมโมวาท โดยหลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี
เจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา







ห้ามปาก ห้ามความคิดคนอื่น มันยาก
ห้ามไม่ได้ ก็ห้ามจิตห้ามใจตัวเองดีที่สุด
ปิดหูเราง่ายกว่า ปิดปากคนอื่น!

#โอวาทธรรมหลวงปู่หงษ์_พรหมปัญโญ







การจบของทำบุญ (สิ่งของ-ปัจจัย) ที่ถูกควรทำอย่างไร
ควรจบ (อธิษฐาน) ทุกครั้งหรือไม่ อย่างไรครับ เห็นบางครั้งจบตั้งนาน ส่วนผม บางทีก็จบว่า ขอถวายเพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวก หรือขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงามและขอให้พ้นทุกข์ บางทีเผื่อบิดา-มารดา ผู้มีพระคุณ บางทีก็ขอให้มีปัญญาสติ

#หลวงปู่
การทำบุญ ต้องให้รู้จักเจตนาของตน ว่าทำเพื่ออะไรเป็นเจ้าหัวใจ

ทำเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร คือพระนิพพาน อันนี้เป็นคิวสำคัญมาก

คิวก็ดี ความประสงค์ก็ดี เจตนาก็ดี ความสัจที่ตั้งไว้ก็ดี ความอธิษฐานที่ตั้งไว้ก็ดี ก็มีความหมายอันเดียวกัน

ส่วนสิ่งของที่เราจะเอาไปบริจาคทานนั้น
ถ้าหากว่าทำกับพระปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงควัตร
หากว่าเกี่ยวกับจีวร เราก็ต้องบังสุกุล

การบังสุกุลมีหลายอย่าง
แบบหนึ่งบังสุกุลไว้ที่ทางจงกรมของท่าน หรือที่บริเวณกุฏิท่าน หรือที่บันไดท่าน แล้วเอาใบไม้เป็น พาดไว้ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายว่า "บังสุกุล"

อีกแบบหนึ่ง เอาไปบังฯ ไว้ในศาลาประชุมสงฆ์ และหนทางบิณฑบาต หรือประตูเข้าวัด

ส่วนอาหารนั้น
ท่านผู้ถือธุดงค์เคร่ง ท่านก็ยินดี อันตกลงในบาตร

ส่วนโรงครัวนั้น ถ้าวัดใหญ่โตรโหฐาน มีพระมาก ก็เว้นในการทำอาหารไม่ได้ แต่ท่านก็มีขอบเขตอยู่ ฉันหนเดียวด้วย ที่เรียกว่านั่งอาสนะเดียว ฉันในบาตรด้วย

ผู้ที่ฉันในบาตรเคร่ง เอารวมลงทั้งหวานและคาวด้วย ไม่ได้ใส่ฝาบาตร

ทีนี้ การอธิษฐาน มันก็ต้องเอาเจตนาของเราเป็นประมาณ
เป็นภาษาไทย ภาษาใจเราก็ได้

เพราะสิ่งเหล่านี้มันอยู่กับต้นมือ ที่เราจะมุ่งบริจาคแล้ว

ส่วนปัจจัยนั้น ถ้าจะให้สะดวกกับองค์ท่านแท้ เราก็ต้องเอาธนาณัติ ตั๋ว หรือเช็ค ส่วนจะน้อยหรือมาก มันก็ขึ้นอยู่เท่าที่เราศรัทธา อันเป็นเจตนาของเรา

ส่วนมีเจตนาเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสารไม่มาเกิดอีกนั้น
คำว่าไม่มาเกิด คือไม่มาเกิดในวัฏสงสาร

คำว่า "วัฏสงสาร" หมายเอาพรหมโลกลงมาจนถึงสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์ในนรก

และเพื่ออุทิศให้บิดา-มารดา ตลอดทั้งผู้มีพระคุณ หรือทั่วทั้งไตรโลกธาตุ อันนั้นเป็นเจตนาดีแล้ว

ถึงแม้ของบริจาคทานเราเล็กน้อย ก็ไม่ขัดข้องต่อธรรมะ
ยิ่งได้บุญทวีคูณเหมือนเดิม ถ้าทำมากก็ยิ่งได้มาก

#การอุทิศบุญให้แต่ท่านผู้อื่น #บุญไม่ได้หมดไป
#มีแต่ได้ทวีมาก
แม้ข้าวเมล็ดเดียวจะอุทิศถึงไตรโลกธาตุก็ได้

ไม่ว่าทำบุญประเภทไหน
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ตาม ขณะจิตเดียวก็ตาม
อุทิศให้ไตรโลกธาตุได้ทั้งนั้น

ท่านเหล่านั้นจะได้รับหรือไม่ได้รับ
แต่ผู้อุทิศให้ ท่วมไม่เสีย แล้งไม่เสีย

และการทำบุญส่วนตัวก็ดี
หรือบุญอุทิศก็ดี
ทำเพื่อรู้แจ้งพระนิพพานโดยด่วนนั้น
มีอานิสงส์มากหาประมาณไม่ได้ และก็เป็นปัญญาไปทางลัดด้วย
แต่ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว จึงพอใจต้องการอย่างนั้น...

หลวงปู่หล้าเขมปัตโต







#สะสมความดี
วันนี้ขอพูดถึงลีลากรรมฐาน การเจริญกรรมฐานจริงๆขอให้ทุกคนหวังนิพพานเป็นที่ไป จงอย่าคิดว่าคนอย่างเราไม่มีวาสนาบารมีจะไปนิพพานได้อันนี้ไม่ถูก คนทุกคนย่อมมีวาสนาบารมีไปนิพพานได้ทุกคน จะไปถึงเมื่อไรชาติไหนมันไม่แน่​ คนที่จะถึงนิพพานได้ก็ต้องอาศัยทำความดี​ ความดีสะสมตัวเรียกว่า​ #บารมี๑๐ อย่าง #ทานบารมี ก็เป็นความดีขั้นที่ ๑ #ศีลบารมี ก็เป็นความดีขั้นที่ ๒ อย่างนี้เป็นต้น การให้ทานถือว่าเป็นการสะสมความดี #การให้ทาน ถือว่าเป็นการ #ตัดโลภะ ความโลภคราวหนึ่ง #การรักษาศีล มีเมตตา ความรัก มีกรุณา ความสงสาร ถือว่าเป็นการ #ตัดโทสะ คราวหนึ่ง #การที่เราตั้งใจฟังเทศน์ ตั้งใจให้ทานตั้งใจทำบุญ ตั้งใจทำความดี #ไม่ประมาทในชีวิตคิดว่าความตายจะเข้ามาถึง อันนี้เป็นการ #ตัดโมฆะ ความหลง
การตัดอย่างนี้ย่อมมีแก่คนทุกคน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งญาติโยมพุทธบริษัททุกคนที่มานั่งที่นี่ถ้าไม่มีบารมีเลยนั่งไม่ได้ ทนไม่ไหว ที่มาอย่างนี้ได้ก็ต้องถือว่ามีบารมีดีทุกคนแล้ว ฉะนั้น วันนี้ก็ขอแนะนำบรรดาท่านพุทธบริษัท​ตั้งแต่ตอนต้น​ เผื่อว่าท่านที่เก่าแล้วอาจจะลืมไป​ ท่านที่ใหม่อาจจะยังไม่เคยฟัง​ หรือว่าท่านที่เคยฟังมาจากที่อื่นแล้วก็ขออภัยด้วย​ การขึ้นต้นเจริญกรรมฐานต้องมีคุณธรรม ๓ อย่างบวกกัน​ คือ หนึ่ง #ศีล สอง #สมาธิ สาม #ปัญญา ทั้ง ๓ อย่างนี้จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้​ จะไม่ครบถ้วน
ถ้ากำลังใจของทุกคนมี​ ศีล​ เป็นปกติ​ ศีลจะมีได้ก็เพราะ
๑. เมตตา​ ความรัก
๒. กรุณา​ ความสงสาร
เมื่อจิตตกอยู่ในสภาพความรัก​ ความสงสารความโหดร้ายมันก็ไม่มี​ อารมณ์ก็เยือกเย็น​ ในเมื่ออารมณ์เยือกเย็นอารมณ์ก็เป็นสมาธิ คือความตั้งมั่นตั้งอยู่ในความดี​ ก็มีอารมณ์สงัด​ เมื่ออารมณ์สงัดปัญญาก็เกิด​ ปัญญาตัวนี้เป็นปัญญาตัวตัดกิเลส..


จากหนังสือคำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุงเล่มที่ ๗๐ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน​มหาเถระ​ (พระมหาวีระถาวโร)​ วัดจันทาราม (ท่าซุง)​ จังหวัด อุทัยธานี
หน้า ๙๐-๙๑
พิมพ์​เป็นธรรม​ทาน​โดย​ สุ​วิทย์​ ยิ้ม​ส​ำ​ราญ
เพจ:ค​ำ​สอน​หลวงพ่อ​พระราช​พรหม​ยาน







"ไม่ต้องเอาเงิน ซื้อบุญหรอก"

เอาแค่กาย วาจา ใจ เอาแค่ขันธ์ 5 เนี่ย มาก้มลงกราบพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แค่นี้ก็ได้บุญแล้ว

มานั่งสมาธิภาวนา บริกรรมพุทโธ ธัมโม สังโฆ แค่นี้ก็ได้บุญแล้วเนี่ย มาเดินจงกรมอีก กลับไปกลับมา จะเอาสักกี่เวลากี่นาทีก็ได้ นี่ก็เป็นบุญแล้ว

- พระอาจารย์โสภา สมโณ






การจบของทำบุญ (สิ่งของ-ปัจจัย) ที่ถูกควรทำอย่างไร
ควรจบ (อธิษฐาน) ทุกครั้งหรือไม่ อย่างไรครับ เห็นบางครั้งจบตั้งนาน ส่วนผม บางทีก็จบว่า ขอถวายเพื่อบูชาคุณพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์สาวก หรือขอให้พบแต่สิ่งที่ดีงามและขอให้พ้นทุกข์ บางทีเผื่อบิดา-มารดา ผู้มีพระคุณ บางทีก็ขอให้มีปัญญาสติ

#หลวงปู่
การทำบุญ ต้องให้รู้จักเจตนาของตน ว่าทำเพื่ออะไรเป็นเจ้าหัวใจ

ทำเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสาร คือพระนิพพาน อันนี้เป็นคิวสำคัญมาก

คิวก็ดี ความประสงค์ก็ดี เจตนาก็ดี ความสัจที่ตั้งไว้ก็ดี ความอธิษฐานที่ตั้งไว้ก็ดี ก็มีความหมายอันเดียวกัน

ส่วนสิ่งของที่เราจะเอาไปบริจาคทานนั้น
ถ้าหากว่าทำกับพระปฏิบัติเคร่งครัดในธุดงควัตร
หากว่าเกี่ยวกับจีวร เราก็ต้องบังสุกุล

การบังสุกุลมีหลายอย่าง
แบบหนึ่งบังสุกุลไว้ที่ทางจงกรมของท่าน หรือที่บริเวณกุฏิท่าน หรือที่บันไดท่าน แล้วเอาใบไม้เป็น พาดไว้ เพื่อให้เป็นเครื่องหมายว่า "บังสุกุล"

อีกแบบหนึ่ง เอาไปบังฯ ไว้ในศาลาประชุมสงฆ์ และหนทางบิณฑบาต หรือประตูเข้าวัด

ส่วนอาหารนั้น
ท่านผู้ถือธุดงค์เคร่ง ท่านก็ยินดี อันตกลงในบาตร

ส่วนโรงครัวนั้น ถ้าวัดใหญ่โตรโหฐาน มีพระมาก ก็เว้นในการทำอาหารไม่ได้ แต่ท่านก็มีขอบเขตอยู่ ฉันหนเดียวด้วย ที่เรียกว่านั่งอาสนะเดียว ฉันในบาตรด้วย

ผู้ที่ฉันในบาตรเคร่ง เอารวมลงทั้งหวานและคาวด้วย ไม่ได้ใส่ฝาบาตร

ทีนี้ การอธิษฐาน มันก็ต้องเอาเจตนาของเราเป็นประมาณ
เป็นภาษาไทย ภาษาใจเราก็ได้

เพราะสิ่งเหล่านี้มันอยู่กับต้นมือ ที่เราจะมุ่งบริจาคแล้ว

ส่วนปัจจัยนั้น ถ้าจะให้สะดวกกับองค์ท่านแท้ เราก็ต้องเอาธนาณัติ ตั๋ว หรือเช็ค ส่วนจะน้อยหรือมาก มันก็ขึ้นอยู่เท่าที่เราศรัทธา อันเป็นเจตนาของเรา

ส่วนมีเจตนาเพื่อพ้นทุกข์ในวัฏสงสารไม่มาเกิดอีกนั้น
คำว่าไม่มาเกิด คือไม่มาเกิดในวัฏสงสาร

คำว่า "วัฏสงสาร" หมายเอาพรหมโลกลงมาจนถึงสัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย สัตว์ในนรก

และเพื่ออุทิศให้บิดา-มารดา ตลอดทั้งผู้มีพระคุณ หรือทั่วทั้งไตรโลกธาตุ อันนั้นเป็นเจตนาดีแล้ว

ถึงแม้ของบริจาคทานเราเล็กน้อย ก็ไม่ขัดข้องต่อธรรมะ
ยิ่งได้บุญทวีคูณเหมือนเดิม ถ้าทำมากก็ยิ่งได้มาก

#การอุทิศบุญให้แต่ท่านผู้อื่น #บุญไม่ได้หมดไป
#มีแต่ได้ทวีมาก
แม้ข้าวเมล็ดเดียวจะอุทิศถึงไตรโลกธาตุก็ได้

ไม่ว่าทำบุญประเภทไหน
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ตาม ขณะจิตเดียวก็ตาม
อุทิศให้ไตรโลกธาตุได้ทั้งนั้น

ท่านเหล่านั้นจะได้รับหรือไม่ได้รับ
แต่ผู้อุทิศให้ ท่วมไม่เสีย แล้งไม่เสีย

และการทำบุญส่วนตัวก็ดี
หรือบุญอุทิศก็ดี
ทำเพื่อรู้แจ้งพระนิพพานโดยด่วนนั้น
มีอานิสงส์มากหาประมาณไม่ได้ และก็เป็นปัญญาไปทางลัดด้วย
แต่ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว จึงพอใจต้องการอย่างนั้น...

หลวงปู่หล้าเขมปัตโต





“ จิตใจของบุคคลเหล่าใด
ไม่ติดอยู่อดีต อนาคต ปัจจุบัน
จิตใจของบุคคลเหล่านั้น
หลุดจากบ่วงของมารโลก
หลุดจาก โลภะ โทสะ โมหะ
ดุจพระจันทร์ในวันเพ็ญปราศจากเมฆหมอกแล้ว
สว่างรุ่งโรจน์อยู่ท่ามกลางอากาศ ฉะนั้น “

เทศนาธรรมวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖

#หนังสือจันโทวาท (รวบรวมธรรมคำสอนหลวงปู่ศิลา สิริจันโท)








"ความชั่ว ตั้งใจจะละไปจนตาย

ความดี ตั้งใจจะทำไปจนตาย

เราต้องตั้งใจอย่างนี้จึงจะใช้ได้"

โอวาทธรรม....ท่านพ่อลี วัดอโศการาม








"อย่าไปหลงคำชมของเขา ถูกเขาด่าเขาติ แสดงว่าเขาจริงใจนะ เขามองเรา เขาเห็นเราบกพร่องเขาจึงบอก ถ้าเขาเกลียดเรา เขาก็ไม่บอกเหมือนกัน เขาก็ยกให้สูงขึ้นไป พอตกมาก็จะเจ็บนะ แต่ถ้าใครเขากดเรา เขาติเรา เขาว่าเราเนี่ย จงจำไว้เถอะ..เขาให้ปัญญา เขาให้ความเจริญ"

พระราชวชิรภาวนาโกศล วิ.
ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค๑๒
เจ้าอาวาสวัดวีระโชติธรรมาราม
ปณิกธรรมวันออกพรรษา ๗-๑๐-๖๘


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร